ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 144 โลกแสนเวทนา
บทที่ 144 โลกแสนเวทนา
ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งแม้จะเร็ว แต่ที่นี่คือในท้องทะเล เขาจะเร็วสักเพียงใดก็ยังต้องพึ่งพาร่างกายตนเอง โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ถูกสวี่ชิงทำลายกระบี่ทองสัมฤทธิ์เล่มใหญ่ด้วย
ส่วนสวี่ชิงพึ่งพาเรือเวทของตนเอง ร่างกายไม่เพียงแต่ไม่สิ้นเปลือง ซ้ำยังสามารถฟื้นฟูขณะไล่ตามได้ด้วย เมื่อเป็นเช่นนี้ผลลัพธ์ในการไล่กวดกันของสองคนนี้แค่คิดก็รู้แล้ว
อันที่จริงนี่เองก็เป็นจุดที่แข็งแกร่งของผู้บำเพ็ญเรือยอดเขาลำดับเจ็ด
ร่างกายที่มีการฝึกบำเพ็ญเรือ หลังจากมาถึงสร้างฐาน ไม่เพียงแต่แข็งแกร่งบนฝั่ง แต่บนทะเลยังรักษาความอึดได้ถึงขีดสุดอีกด้วย ดังนั้นในหนึ่งชั่วยาม จากความร้อนรนในใจของชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งเบื้องหน้า เรือเวทของสวี่ชิงจึงไล่ตามขึ้นมาทัน
สวี่ชิงไม่หวงความเป็นเทพของเรือเวทสำหรับการสังหารคน พริบตาที่ไล่ตามขึ้นมา ความเป็นเทพก็ระเบิดออกฉับพลัน
พริบตาต่อมา ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งจึงกรีดร้องเสียงแหลม รีบประกบปางมือล้วงของวิเศษอักขระออกมามากมาย เช่นนี้จึงกระอักเลือดหลบเลี่ยงจากความเป็นความตายออกมาได้ หลบหนีต่อโดยไม่หันหน้ามามอง
สวี่ชิงแค่นเสียงเย็นชา ยังคงไล่กวด
เพียงไม่นานราตรีก็มาถึง
ขณะที่แสงสายัณห์ลาลับ ขณะที่ท้องฟ้ากับมหาสมุทรหลอมรวมเป็นสีเดียวกัน เรือเวทของสวี่ชิงก็ไล่กวดมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ใช้ความเป็นเทพ แต่ช่วงที่ไล่ตามมาถึง ร่างกายก็กระโจนไปฉับพลัน
ระหว่างที่โบกมือมหาสมุทรก็คำรามครืนครัน ขณะที่อสูรคอยาวบรรพกาลพุ่งออกมาฉับพลันขัดขวางชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งจากด้านใน สวี่ชิงเองก็ก้าวเท้าพุ่งหาอีกฝ่าย
เหล็กแหลมสีดำเองก็ถูกเขาสะบัดออก กลายเป็นแสงรุ้งยาววนรอบอย่างรวดเร็วไปรอบๆ ค้นหาโอกาส
และในเหล็กแหลมเวลานี้ ความฮึกเหิมของบรรพชนสำนักวัชระก็มาถึงจุดสูงสุด
“นายท่าน นายท่านต้องกำจัดเจ้านี่ทิ้งให้ได้!
“จากประสบการณ์ที่อ่านคัมภีร์โบราณมาไม่น้อยของข้าน้อย เจ้าเด็กนี่ดูแล้วไม่ธรรมดา มองจากเสื้อผ้าของเขากรวว่าเป็นยอดเขาลำดับหนึ่งของเจ็ดเนตรโลหิตของพวกเจ้า ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นสร้างฐานที่ยังไม่ได้ก่อไฟชีวิตก็แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว ปกติแล้วล้วนเป็นพวกตัวเอกหลักในนิยาย ดูแล้วสถานะก็คงไม่ธรรมดา ไม่แน่ว่าอาจเป็นพวกองค์ชายด้วย
“โดยเฉพาะนายท่านสังเกตเห็นหรือไม่ ว่าเจ้านี่ไม่ได้พูดจาดีๆ เลย จุดเด่นนี้ ในนิยายล้วนเป็นพวกที่สังหารทิ้งได้ยาก!”
“แต่ว่าพอเทียบกับนายท่านแล้ว เขาเป็นแค่มังกรเก๊ นายท่านต่างหากจึงจะเป็นมังกรที่แท้จริง คนเช่นนี้จากที่ข้าน้อยเคยเห็นมาทั้งหมดในตำราโบราณ แม้จะเป็นคนที่เพียบพร้อมด้วยโชค หลังจากที่กำจัด นายท่านก็จะได้โชคมาติดตัวด้วย จะปล่อยไปไม่ได้เด็ดขาด!
“นอกจากนี้ คนผู้นี้ก็ยังเสแสร้งเสียเหลือเกิน พูดจาฟังไม่รู้เรื่อง พวกเราเองถ้าเล่นงานเขาจนพูดภาษาคนได้ แค่คิดก็สนุกแล้ว!”
ระหว่างที่บรรพชนสำนักวัชระกำลังพูดอย่างดีใจ ก็ควบคุมเหล็กแหลมสีดำเข้าประชิดอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันในใจก็โห่ร้องยินดี
“เจ้าตายแน่ คนที่จะรอดจากการไล่สังหารของจอมมารสวี่คนนี้ มีแค่ข้าเท่านั้น จะไม่มีคนที่สองอีก!”
เหล็กแหลมสีดำที่บรรพชนสำนักวัชระบินอย่างรวดเร็ว พริบตาที่เข้าประชิด สวี่ชิงเองก็ย่ำเท้าเข้ามาด้วยเช่นกัน เขายกมือขวาขึ้นฉับพลันและกดลง ขณะเดียวกันดาบสวรรค์ก็ปรากฏ ฟาดลงมาอย่างรุนแรง
ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งโอดครวญในใจ ล้วงเอาของวิเศษอักขระสิบกว่าใบโยนออกไป ระเบิดพวกมันออกโดยไม่เสียดายเข้าต้านทานดาบสวรรค์ที่อยู่เหนืออสูรคอยาวบรรพกาล แล้วจึงหลบหนีออกมาได้
แต่ก็ยังถูกบรรพชนเจ้าสำนักวัชระหาจังหวะจนได้ พริบตาที่เข้าใกล้ก็แทงทะลุแขนเขาออกไป
ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งหายใจหอบถี่ ในดวงตาปรากฏความดื้อรั้น คำรามเสียงต่ำออกมา
“แผดเผา!”
พอเขาพูดออกมา เลือดสดที่ย้อมบนเหล็กแหลมสีดำ ก็แผดเผาขึ้นทันที
บรรพชนสำนักวัชระร้องตกใจขึ้นเสียงหนึ่ง สะกดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เหมือนรู้สึกเสียหน้า ขณะคำรามเสียงต่ำด้านนอกก็มีตราประทับมายาขนาดยักษ์ปรากฏขึ้น ตบขยี้เข้าหาฝ่ายตรงข้าม
ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งเพิ่งจะลงมือ แต่สวี่ชิงก็มาถึงแล้ว พริบตาที่เข้าประชิดเปลวเพลิงสีดำบนตัวเขาก็ระเบิดขึ้นฉับพลัน ปกคลุมชายหนุ่มคนนี้เอาไว้ คิดจะดึงวิญญาณเขาออกมา
การกระทำที่โหดเหี้ยมนี้สั่นสะเทือนชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งถึงที่สุด เขารีบเอ่ยขึ้นอย่างร้อนรน คิดจะบอกกับอีกฝ่ายว่าเราเป็นคนสำนักเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้
“บ้านอยู่ที่เมืองเซียนแห่งแดนใต้ ภูเขาทะเลไซร้นั้นคือบ้านของพวกเรา!”
สวี่ชิงฟังไม่ออก ในหูจึงยิ่งหมางเมินคำพูดของฝ่ายเข้าไปอีก เพลิงดำปกคลุมแล้วสูบอย่างสุดกำลัง
ในช่วงวิกฤตนี้ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งก็คำรามแผดเสียง ล้วงเอารูปปั้นชิ้นหนึ่งออกมาจากในตัว รูปปั้นนี้มีสีดำรูปร่างเหมือนมนุษย์ หลังถูกเขาโยนออกมาก็มีแสงเปล่งเจิดจ้าฉับพลันจนเกิดเป็นภาพมายา 艾琳小說
รูปร่างของมันคือผู้บำเพ็ญกลางคนคนหนึ่ง สวมชุดคลุมเต๋าสีดำ โบกชายเสื้อมาทางสวี่ชิงด้วยอาการไร้สีหน้า ลมคลั่งปรากฏขึ้นกะทันหัน กวาดตามองไปรอบทิศ เข้ามาขวางเบื้องหน้าเพลิงดำของสวี่ชิง
เพลิงดำครืนครันม้วนกลับ สวี่ชิงเองก็ร่างสั่นสะเทือน มุมปากมีเลือดสดไหลออก ร่างกายเลี่ยงออกห่างอย่างเร่งด่วน ตอนที่เงยหน้าฉับพลันชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งก็ถือโอกาสเพิ่มความเร็วการหลบหนีแล้ว
“นายท่าน เจ้าเด็กนี่มีวิธีการมากมายเหลือเกิน พวกเราใช้พิษดีกว่า!” เหล็กแหลมสีดำบินกลับอย่างรวดเร็ว ด้านในมีเสียงของบรรพชนสำนักวัชระส่งออกมา มีความรู้สึกเกลียดชังต่อศัตรูอันเข้มข้นอยู่ด้วย
“ใช้ไปนานแล้ว” สวี่ชิงเอ่ยขึ้นเย็นชา มองไปยังชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งที่อยู่ห่างออกไป
ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งเวลานี้ขณะที่กำลังทะยานตัวก็กระอักเลือดสดออกมา ความตกตะลึงในสีหน้ามีมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด เขารู้สึกว่าตนเองตอนนี้เลือดลมไม่มั่นคง เหมือนว่าอวัยวะภายในล้วนกำลังถูกกัดกร่อน
สัญญาณการติดพิษเช่นนี้ ทำให้เขารีบร้อนล้วงเอาลูกกลอนแก้พิษออกมา แต่หลังจากกินลงไปไม่เพียงแต่ไม่มีผล แต่กลับรุนแรงขึ้นด้วยซ้ำไป
สิ่งนี้หลอมขึ้นเป็นพิเศษโดยสวี่ชิงเพื่อไม่ได้คนอื่นกินยาแก้พิษแล้วแก้พิษของตนเองลงได้ แม้แต่ลูกกลอนแก้พิษแก้ของพิษเขาก็ยังแก้ได้ยาก
สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งสีหน้าพรั่นพรึง จำใจต้องสำแดงวิชาลับเพื่อฝืนสะกดกลั้น การกรีดร้องในใจยิ่งรุนแรงมากขึ้น
เขารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องทำขนาดนี้ ตนเองก็บอกไปแล้วว่าอยู่สำนักเดียวกัน ทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วย ไม่ใช่แค่แย่งอสูรทะเลสร้างฐานไปตัวเดียวหรือไรกัน ไม่ถึงกับต้องไล่สังหารเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
“ปัจจุบันโลกวิถีแสนสับสน ผู้ที่รังแกข้าจนเกินทนคือผู้ใด!”
สวี่ชิงไม่สนใจ ควบคุมเรือเวทกระแทกเข้าไปอย่างแรง
ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งโอดครวญขึ้นมาท่ามกลางเสียงครืนครัน เขารู้สึกว่าเจ้าเด็กจากยอดเขาลำดับเจ็ดพูดด้วยไม่รู้เรื่อง ตนเองแจ้งสำนักไปแล้ว บอกสถานะแล้ว แต่อีกฝ่ายก็ยังจะไล่ตี
ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป ตนเองเกรงว่าคงได้ดับสูญลงที่นี่แน่ สิ่งนี้ทำใจเขาร้อนรน กัดปลายลิ้นพ่นเลือดสดออกมาอีกครั้ง ร่างกายกลายเป็นกระบี่เลือดทิ้งระยะห่าง
เวลาไหลผ่านไปเช่นนี้
ความโหดเหี้ยมกับความดื้อรั้นของสวี่ชิง สำแดงออกมาอย่างหมดจดในการไล่สังหารครั้งนี้ เขาไล่กวดชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งนี้ถึงสองวันสามคืน!
ปะทะกันหลายครั้ง ลงมือสุดกำลัง เสียงครืนครันต่อเนื่อง และทุกครั้งพิษบนตัวชายหนุ่มคนนี้ก็เพิ่มมากขึ้นทีละส่วน และคนผู้นี้เองก็มีฝีมืออยู่ ไม่รู้ว่าใช้วิธีการอะไร ใช้วิชาปล่อยเลือดออกมาเพื่อลดทอนพลังของพิษลงส่วนหนึ่ง
ขณะเดียวกันวิชาลับของเขาเองก็สำแดงออกมาหลายครั้ง และทุกครั้งก็ล้วนกลายร่างเป็นกระบี่เลือดหลบหนี ทำให้การลงมือหลายครั้งของสวี่ชิงทำได้แค่สร้างความบาดเจ็บต่อเนื่อง โจมตีเขาให้ตายไม่ได้เสียที
แต่สวี่ชิงเองก็อดทนมาก ยังคงไล่กวด ขณะเดียวกันบรรพชนสำนักวัชระก็สูดลมอยู่ในก้นบึ้งจิตใจ เขามองชายหนุ่มเบื้องหน้าแล้วก็พาลคิดถึงตนเอง
‘ไอ้หนู ต่อให้ในนิยายเจ้าจะเป็นตัวละครหลัก แต่พอพบกับจอมมารสวี่แล้ว เจ้าก็ยังไม่ไหว นอกเสียจากจะทำแบบข้า แต่ว่าตำแหน่งก็มีจำกัดนะ เหลืออยู่แค่ตำแหน่งเรือเวทให้เจ้าแล้ว’ ขณะที่บรรพชนสำนักวัชระสูดลมหายใจ ก็ยังดูภูมิใจตนเองอย่างมากอยู่
และเวลานี้ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งเองก็ผมปล่อยสยาย เสื้อผ้าทั้งตัวขาดวิ่น ตัวคนเองก็อ่อนแออย่างมาก โดยเฉพาะสีหน้าก็ขาวซีด เกิดขึ้นจากการเสียเลือดจำนวนมาก
ลิ้นของเขาเองก็ไม่รู้ว่ากัดไปกี่ครั้งแล้ว เขารู้สึกว่าถ้ากัดเช่นนี้ต่อไป ลิ้นเขาคงจะไม่เหลืออีก ขณะที่โอดครวญในใจ ความเย็นชาของเขาหายไปนานแล้ว
อันที่จริงคือเขาไม่เคยเจอคนที่ดื้อรั้นขนาดนี้ ไล่ล่าสังหารตนเองถึงสองวันสามคืน ไม่หลับไม่นอน ท่วงท่าราวกับว่าถ้าไม่เด็ดหัวตนเองทิ้งคงไม่เลิกรา
“สารทฤดูไหลผ่านเหมันต์มาเยือนใจเย็นชา ใบไม้ร่วงหล่นหาใช่วิมานไม่!”
ชายหนุ่มโอดครวญขึ้นมา มือขวาชูขึ้นสะบัดไปด้านหลังอย่างรุนแรง แผ่นหยกแผ่นหนึ่งลอยออกมา และระเบิดทันควัน ด้านในมีวิญญาณมหาศาลปรากฏออกมา
วิญญาณเหล่านี้ปัจจุบันไม่ได้มีท่าทีจะโจมตีแต่อย่างใด เหมือนกับจะส่งมอบให้สวี่ชิงอย่างไรอย่างนั้น
เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขารวบรวมมา ส่วนหนึ่งคือสำหรับการฝึกบำเพ็ญ อีกส่วนหนึ่งก็คิดว่าจะนำกลับไปขายให้กับสร้างฐานของยอดเขาลำดับเจ็ด เขารู้ว่าวิญญาณเหล่านี้แม้จะใช้ได้ไม่ดีเท่าตอนที่เพิ่งดึงออกจากเป็นๆ แต่ก็ยังพอถูไถได้อยู่
“จะแผ่นน้ำฟ้าดินหรือจันทราล้วนคว้าได้ ใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าคือจักรพรรดิเซวียนเหยียน!”
เพื่อเอาชีวิตรอด เขาพูดประโยคนี้ออกมาอย่างกล้ำกลืน พูดจบก็กัดปลายลิ้นอีกครั้ง แปลงเป็นกระบี่เลือดทิ้งระยะห่าง และสวี่ชิงทางนี้แม้จะฟังไม่ออกถึงสำบัดสำนวนเละเทะของอีกฝ่าย แต่หลังจากเห็นวิญญาณเหล่านี้ เพลิงดำในร่างกายก็กางออกฉับพลัน ดูดเข้ามาในพริบตา
ฉับพลันวิญญาณเหล่านี้ถูกสวี่ชิงดูดเข้าไปในร่างกายอย่างไม่มีการขัดขืนใดๆ กลายเป็นเชื้อฟืนเผาไหม้ ทะลวงเข้าไปยังช่องเวทที่สิบสอง เปิดมันออกไปกว่าครึ่ง
สวี่ชิงดวงตาจ้องเขม็ง ไล่กวดเร็วขึ้น
ภาพนี้ทำให้ความปวดร้าวบนหน้าชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งยิ่งรุนแรงขึ้นไปอีก เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่มีเหตุผลเสียเลย ตนเองอ้อนวอนก็แล้ว จ่ายชดเชยให้ก็แล้ว บอกว่าเป็นคนบ้านเดียวกันก็แล้ว กระทั่งเชิดชูอีกฝ่ายขึ้นเสียด้วยซ้ำ แล้วมันต้องขนาดนี้เลยหรือ!!
ไม่ใช่แค่อสูรตัวเดียวหรือ ไม่ต้องถึงขนาดนี้เสียหน่อย ดังนั้นจึงรีบร้อนเอ่ยขึ้นว่า
“ตะวันจันทราดวงดาราเห็นได้ทุกเมื่อเชื่อวัน พวกเราคือมิตรสหาย!!”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร ไล่ตามต่อ เสียงครืนครันต่อเนื่อง เป็นเช่นนี้ก็ผ่านไปอีกหนึ่งวันหนึ่งคืน วิญญาณที่สะสมไว้ในถุงเก็บของของชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งก็โยนออกมาจนหมดแล้ว
ช่องเวทในร่างกายสวี่ชิง ในวันนี้เปิดออกถึงสองช่อง ไปถึงช่องที่สิบสาม!
แต่เขายังคงไล่สังหารต่อ ไม่ปล่อยวางเลยแม้แต่น้อย และฝืนจะสังหารให้ตายในทีเดียวอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังถูกอีกฝ่ายหลบหนีไปได้
และปัจจุบันชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งคนนั้นชุดคลุมที่จนตรอกก็ขาดวิ่นจนไม่เป็นทรงแล้ว โดยเฉพาะขอบตาก็ดำคล้ำเด่นจนใบหน้ายิ่งขาวซีดกว่าเดิม
กระทั่งเขารู้สึกว่าร่างกายตนเองเห็นดาวไปแล้วหลายรอบ ความรู้สึกวิงเวียนและอ่อนล้า แล้วก็ความอ่อนแอของร่างกายรวมถึงการรุกรานของพิษ ทำให้เขาสิ้นหวังถึงที่สุด
และยังโชคดีที่ครั้งนี้ตนเองเตรียมตัวเดินทางออกทะเลมามาก ทำให้ยังรักษาพลังรบไว้ได้ถึงตอนนี้ แล้วก็เจ้าคนที่ไล่สังหารมาจากยอดเขาลำดับเจ็ดก็สังหารเข้ามาหลายครั้ง แต่เขาก็สลัดหลุดมาได้ตลอด
แต่ระยะทางที่เดินทางออกทะเลจากวันแรกจนถึงวันนี้ก็ไกลเกินไป หลายวันที่ผ่านมานี้เขาก็ยังหนีกลับไม่ถึงสำนักเสียที คำนวณเอาตอนนี้อย่างน้อยก็ต้องใช้อีกห้าวัน
คิดถึงจุดนี้ ในใจของชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งก็ยิ่งสิ้นหวัง และเขาเองก็ส่งสื่อเสียงไปแล้ว แต่มหาสมุทรใหญ่เกินไป การสื่อเสียงของเขาจึงไม่ได้ไกลขนาดนั้น
เวลานี้พอเห็นว่าเด็กคนนั้นเพิ่มความเร็วเข้ามาสังหารอีกครั้ง ขณะที่ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งโอดครวญอยู่ในใจ จู่ๆ ท้องฟ้าเบื้องหน้าก็ส่งเสียงครืนครันขึ้นมา
ร่างเงาหลายร่าง หวีดหวิวไปมาบนท้องฟ้าที่ห่างออกไป สายฟ้าอัสนีตีเกลียวมหาสมุทรก่อเกิดกระแสวนราวกับลมพายุฝน
ร่างเงานับสิบร่างเข้าห้ำหั่นสังหารกันเอง มองออกว่าเป็นสองขั้วอำนาจ ยิ่งไปกว่านั้นพลังบำเพ็ญก็ยากจะบรรยายได้ เอาแค่คลื่นพลังที่กระพือขึ้นจากการแล่นผ่านพื้นที่นี้ก็ทำให้มหาสมุทรราวกับถูกสะกดลมคลั่งพัดไปทั้งแปดทิศไม่หยุด
บนท้องฟ้ามืดหม่นลงไปชั่วขณะหนึ่ง
และกลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากตัวพวกเขา ต่อให้อยู่ห่างกัน แต่ก็ทำให้ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งจิตใจสั่นสะเทือนจนกระอักเลือดสดออกมา
สวี่ชิงที่อยู่ด้านหลังเองก็เห็นฉากนี้แล้ว จิตใจสั่นสะเทือนจนกระอักเลือดสดออกมาเช่นกัน
ตอนที่เขามองเห็นเงาเหล่านั้นที่พุ่งหวีดหวิวอยู่บนท้องฟ้าในขณะนี้ ไม่ว่าคนใดก็ล้วนราวกับเป็นเทพเจ้าทั้งสิ้น สูงส่งกว่าผู้อาวุโสสามเสียอีก
เพียงแต่พอมองพวกเขาผาดหนึ่ง สวี่ชิงก็เกิดความรู้สึกเหมือนร่างกายจะพังทลาย หายใจช้าลง แต่ร่างหนึ่งในนี้ รวมไปถึงเรือศึกบรรพกาลที่อยู่ใต้เท้า ก็ทำให้สวี่ชิงมองออกถึงสถานะของอีกฝ่าย
และขณะเดียวกัน ชายหนุ่มยอดเขาลำดับหนึ่งที่อยู่ด้านหน้าก็ตาเป็นประกาย เขามองเห็นว่าในเงาเหล่านั้นมีคนหนึ่งเป็นอาจารย์ของเขา จึงตะโกนขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“ตะวันอัสดงผ่านอีกวัน นำเส้นทางใหม่สู่สมุทรกว้างไกล!!!”