ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 146 ผู้คุ้มครองของสวี่ชิง!
บทที่ 146 ผู้คุ้มครองของสวี่ชิง!
สวี่ชิงจำได้ว่าเผ่าสิงซากสมุทรที่ตกลงมาร่างนี้คือผู้บำเพ็ญที่เจ้ายอดเขาหนึ่งฟันขาดครึ่งท่อนเมื่อก่อนนี้ ตอนนั้นอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว เห็นได้ชัดว่าหลังจากที่ต่อสู้ตอนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บอีก ถูกคนฟันร่วงลงมา
แม้ดูแล้วก็ใช่ว่าจะรอดจากความตายจริงๆ แต่คิดๆ แล้วต่อให้ไม่ตายก็ต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่นอน
ตอนนี้สวี่ชิงจ้องผิวน้ำที่อีกฝ่ายร่วงลงไป ในดวงตาเต้นระริกด้วยประกายแสงที่เหมือนกับนายกองมองเลือดเนื้อจวีอิงในตอนนั้น ส่วนชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งที่อยู่นอกเรือคนนั้นก็มองไปเหมือนกัน สีหน้าค่อนข้างลังเล
สวี่ชิงนิ่งเงียบไม่กี่อึดใจ สีหน้าก็ฉายความเด็ดเดี่ยวออกมา อสูรคอยาวบรรพกาลทะเลต้องห้ามใต้เรือเวทของเขาก็กะพริบวูบ พุ่งลงไปใต้ทะเลภายใต้การควบคุมของสวี่ชิง ไม่นานก็เห็นผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรที่กำลังจมลงไป
ผู้บำเพ็ญตนนี้อเนจอนาถน่าสังเวชยิ่งนัก กายท่อนล่างและส่วนศีรษะไม่มีแล้ว เหลือเพียงแต่กายท่อนบนเท่านั้น ในขณะที่แผ่เลือดสีดำมหาศาลผสมไปกับน้ำทะเล หน้าอกของเขาไม่แม้แต่จะขยับแล้ว ดูเหมือนไร้ซึ่งลมหายใจโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นชั่วขณะต่อมา อสูรคอยาวบรรพกาลทะเลต้องห้ามก็พุ่งตัวไปคาบเอาไว้ทันที แต่ในตอนนี้เองร่างครึ่งท่อนของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรก็พลันขยับ มือขวาของมันยกขึ้นแตะอสูรคอยาวบรรพกาลที่เข้ามาใกล้
การแตะนี้ทำให้อสูรคอยาวบรรพกาลส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหวแตกสลายไปทั้งตัวทันที มีเพียงมุกที่อยู่ในร่างของปลาเกราะเหล็กเท่านั้นที่ยังอยู่ ในขณะที่กระเด็นไปข้างหลังอย่างเร็วจี๋ อสูรคอยาวบรรพกาลตัวใหม่ก็ปรากฏออกมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันนี้ ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรตนนั้นก็เหมือนจะสูญเสียพลังที่เหลือ มือขวาตกลงมา กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างก็อ่อนแอลงไปอีก กระทั่งว่าเนื่องจากการลงมือเมื่อครู่ บาดแผลแต่ละทางๆ บนกายครึ่งท่อนของเขาก็ปริแตกเพิ่มมากขึ้น
มองเห็นภาพฉากนี้สวี่ชิงหรี่ตา มือทั้งสองประสานปางมืออย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นอสูรคอยาวบรรพกาลที่ก่อร่างขึ้นใหม่ใต้ท้องทะเลก็ประชิดเข้ามาอีกครั้ง แล้วกัดไปอย่างโหดเหี้ยม ครั้งนี้แม้จะยังสลายไปเนื่องจากการลงมือของร่างครึ่งท่อนร่างนี้ แต่ก็กัดนิ้วของมันได้นิ้วหนึ่ง
แต่สวี่ชิงก็ยังคงไม่ไปด้วยตัวเอง ยังคงควบคุมอสูรคอยาวบรรพกาลให้ก่อร่างใหม่อีกครั้ง นอกจากนั้นเขายังไม่ปกปิดระลอกคลื่นพลังของตัวเองอีกด้วย ดังนั้นชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งที่อยู่ข้างๆ จึงสัมผัสกับเรื่องเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน
ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้เดิมยังคงลังเล แต่เมื่อได้เห็นภาพนี้ก็ตาเป็นประกายทันที กวาดๆ ตามองสวี่ชิงแล้วก็มองไปที่ทะเลข้างล่าง ในขณะที่ดวงตาเป็นประกายวาววับ สวี่ชิงก็ควบคุมอสูรคอยาวบรรพกาลลงมืออีกครั้ง
ครั้งนี้แขนข้างหนึ่งของซากร่างเผ่าสิงซากสมุทรแหลกสลายท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ทำให้อสูรคอยาวบรรพกาลแหลกเป็นเศษชิ้นส่วน เห็นภาพฉากนี้ ร่างของสวี่ชิงพลันผุดลุกขึ้นแล้วพุ่งออกไปทันที
ส่วนชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนั้นหัวเราะร่า ชิงตัดหน้าก่อนสวี่ชิงลงมือ พุ่งลงไปใต้ทะเล ตรงดิ่งไปที่เผ่าสิงซากสมุทรครึ่งท่อนซากนั้น
บนเรือเวทที่อยู่เหนือผิวน้ำ สวี่ชิงก้าวลงไปในทะเลราวไม่หยุดยั้งฝีเท้า ดูเหมือนเร่งความเร็วเต็มกำลังแต่กลับรักษาระยะห่างเอาไว้ มองเงาแผ่นหลังของชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งอย่างเย็นชา
สวี่ชิงไม่คิดไปเองก่อนอยู่แล้ว ต่อให้อสูรคอยาวบรรพกาลจะหยั่งเชิงหลายครั้ง แต่เขาก็ยังคงรอบคอบ เขารู้สึกว่าผู้บำเพ็ญระดับเดียวกับผู้อาวุโสประเภทนั้น ต่อให้อยู่ในสภาพเช่นนี้ เกรงว่าก็คงมีวิธีรักษาชีวิตเหมือนกัน
โดยเฉพาะยังเป็นเผ่าสิงซากสมุทรที่แปลกประหลาด พลังฟื้นฟูน่ากลัว สวี่ชิงก็เคยเห็นมาก่อน
ดังนั้นหากมีคนไปสำรวจก่อนย่อมดีอยู่แล้ว
ส่วนอัจฉริยะยอดเขาที่หนึ่งจะถูกฆ่าตายหรือไม่…สวี่ชิงคิดว่าคงจะไม่
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายยังแอบซ่อนวิธีรักษาชีวิตเอาไว้อีก แต่หากตายไปจริงๆ สวี่ชิงรู้สึกว่าตัวเองสามารถใช้การอำพรางของเงาได้ แม้จะไม่มีความมั่นใจโดยสมบูรณ์ แต่หากถึงเวลานั้นจริงๆ ก็ทำได้แค่ลองดูสักหน่อยเท่านั้นแล้ว
คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็รักษาระยะห่างใต้ทะเลกับอีกฝ่ายไว้ในระยะหนึ่ง เห็นว่าใกล้ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรเข้ามาเรื่อยๆ แล้ว อัจฉริยะยอดเขาที่หนึ่งที่อยู่ข้างหน้าก็พลันประสานปางมือ ทันใดนั้นกระบี่แต่ละเล่มๆ ก็ปรากฏขึ้น พุ่งดิ่งไปหาซากร่าง
เขาไม่โง่ แม้เมื่อครู่จะชิงลงมือก่อน อีกทั้งสวี่ชิงยังไล่ตามมาอย่างรวดเร็ว แต่เขาก็ยังคงรู้สึกว่ามีกลลวง เพียงแต่ความเย้ายวนใจช่างรุนแรงนัก ดังนั้นจึงไม่อยากยอมแพ้ ตอนนี้เมื่อเข้าใกล้ก็เตรียมลงมือหยั่งเชิง
กระบี่เล่มใหญ่สิบกว่าเล่มนั้นก็แหวกน้ำทะเลพุ่งไปหาซากร่างนั่นทันทีจากการประสานมือของเขา เมื่อเข้าไปใกล้กำลังจะฟัน ตอนนี้เอง หน้าอกของของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรนั่นก็พลันแยกออก เลือดสีดำหลุ่มหนึ่งแผ่ออกมาจากในนั้น แล้วแปลงเป็นเงาผีโหดเหี้ยมเงาหนึ่ง คำรามไปหาชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่ง
เสียงคำรามนี้เกิดเป็นพลังรุนแรงขึ้นทันที ในขณะที่ทำให้กระบี่เล่มใหญ่สิบกว่าเล่มนั่นแตกละเอียดเป็นชุ่นๆ ทันที ชายหนุ่มยอดเขาที่เจ็ดก็เลือดไหลทั้งเจ็ดทวาร หยกประดับชิ้นหนึ่งที่ถืออยู่ไว้ในมือตั้งนานแล้วแตกไป ก่อเป็นเกราะป้องกัน ร่างถอยไปอย่างรวดเร็ว
สีหน้าของเขาแฝงด้วยความตื่นกลัว ในขณะเดียวกับที่หลบหลีกการโจมตีนี้ สวี่ชิงที่อยู่ข้างหลังเขาก็พุ่งตัวออกมาอย่างรวดเร็ว ดิ่งตรงไปหาผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรตนนั้นด้วยความเร็วอย่างยิ่งยวด เข้าประชิดในพริบตา
เงาผีที่ปรากฏที่หน้าอกของผู้บำเพ็ญสิงซากสมุทรคำรามออกมาอีกครั้ง
ประกายเย็นเยียบฉายวูบในดวงตาสวี่ชิง ร่มดำที่ถูกอำพรางอยู่ในร่างกางออกเล็กน้อย ปะทะรับหน้าไป เสียงแน่นทุ้มดังลงไปใต้ทะเล
สวี่ชิงสั่นสะท้านอย่างรุนแรงไปทั้งร่าง ในขณะเดียวกับที่เลือดไหลออกมา กริชที่แปรเปลี่ยนจากเพลิงดำในมือขวาก็สะบัดออกไปแทงร่างเงาผีอย่างเหี้ยมโหด
เสียงบึ้มดังขึ้น เงาผีสั่นไหว ในเวลาเดียวกับที่เปลวไฟสีดำแผ่ลามไปทั่วทั้งร่าง เงาผีเงาที่สองก็พลันแหวกออกมาจากอกผู้บำเพ็ญคนนี้ คำรามเสียงต่ำทุ้มออกมาอีกครั้ง
ร่างของสวี่ชิงสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง ถูกบีบถอยไปไกลหลายสิบจั้ง ส่วนผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้นก็ฉวยโอกาสนี้เร่งความเร็วดำลงไป คิดจะหนี
ประกายเย็นเยียบฉายวาบในดวงตาสวี่ชิง เขาสัมผัสได้ว่าในร่างของอีกฝ่ายยังมีเศษเสี้ยววิญญาณหลงเหลืออยู่จากการประมือเมื่อครู่ เศษเสี้ยววิญญาณนี้ดึงดูดเขามากๆ และขณะเดียวกันเขาก็เห็นถุงเก็บของบนตัวอีกฝ่ายอยู่เลาๆ
โอกาสเช่นนี้สวี่ชิงไม่คิดจะปล่อยให้หลุดมือไป
ในเมื่อโอกาสที่จะได้เจอกับผู้บำเพ็ญระดับเดียวกับผู้อาวุโสในสภาพใกล้ตายมีน้อยมาก ต่อให้มี คนที่เข้ามาแย่งชิงก็จะต้องมีมากมายอย่างแน่นอน
สวี่ชิงตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ตอนนี้มองศพเผ่าสิงซากสมุทรจมลงไปยังใต้ทะเลอย่างรวดเร็วร่างของเขาเพียงไหววูบก็พุ่งไปทันที
อสูรคอยาวบรรพกาลมาถึงอย่างรวดเร็วห่อหุ้มเขาเอาไว้ ทำให้ความเร็วของเขายิ่งเร็วขึ้นไปอีก ในขณะเดียวกันเรือเวทก็ดำน้ำมาในตอนนี้เช่นกัน แสงสีทองบนเรือส่องกะพริบ การโจมตีคุณสมบัติเทพเริ่มเตรียมการ
ส่วนชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่ง ตอนนี้ดวงตาของเขาเบิกโพลงพลางจ้องเงาร่างสวี่ชิงที่ไล่ตามไป ในใจว้าวุ่นขึ้นมาทันที ตามความคิดของเขา เรื่องแบบนี้แม้ใจจะหวั่นไหว แต่หากต้องสู้ด้วยชีวิตเป็นการกระทำที่ไม่คุ้มค่าเลย
จะอย่างไรเขาก็เป็นองค์ชายเก้าแห่งยอดเขาที่หนึ่ง การเสี่ยงที่อยู่ในระดับเหมาะสมได้ เอาชีวิตมาเล่นเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ ในเมื่อขอเพียงดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนอนาคตของตนก็สว่างรุ่งโรจน์
แต่ว่า…สวี่ชิงไปแล้ว
บนร่างของเขากับสวี่ชิงมียันต์พันธะชีวินอยู่ การควบคุมของยันต์นี้มีผลทั้งสองฝ่าย เขาตาย สวี่ชิงก็จะวิญญาณแตกสลาย เช่นเดียวกัน หากสวี่ชิงตาย เขาก็วิญญาณแตกสลายเหมือนกัน
นี่ทำให้เขาที่ก่อนหน้านี้ยังรู้สึกเบิกบาน ในใจร้อนรุ่มขึ้นมาทันที
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าอาจารย์ของตัวเองไม่ได้เก่งกาจเลิศล้ำขนาดนั้นแล้ว…ดังนั้นตอนนี้จึงลังเลเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายแล้วก็กัดฟัน ในขณะที่ในใจก่นด่าสาปแช่งก็จำใจต้องพุ่งตัวไป
อีกทั้งยังเร็วยิ่งกว่า กัดปลายลิ้นที่กัดจนแทบด้วนแล้ว สำแดงเคล็ดวิชาลับเปลี่ยนเป็นกระบี่เลือด กลัวว่าถ้าไปช้า ไอ้บ้ายอดเขาที่เจ็ดคนนี้จะเอาชีวิตมาเล่นจนไม่เหลือแล้ว
ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้ตามอยู่ข้างหลังสวี่ชิงก็ทิ้งแผ่นหยกรักษาชีวิตที่ตัวเองรักเป็นอย่างยิ่งชิ้นหนึ่งออกไปให้สวี่ชิงด้วยใจที่อัดอั้นเป็นอย่างยิ่ง
มองท่าทางรับแผ่นหยกเอาไว้อย่างชำนาญของสวี่ชิง ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้ในใจสะอื้นไห้ เขารู้สึกว่าการออกทะเลครั้งนี้ ไม่ควรไปแย่งอสูรทะเลของอีกฝ่ายมาเลยแท้ๆ
ตอนนี้ภายใต้ยันต์พันธะชีวินตัวเองไม่ใช่แค่ไม่มีความรู้สึกเบิกบาน มิหนำซ้ำกลับยังกลายเป็นผู้คุ้มครองของอีกฝ่ายเสียด้วย ต้องเอาชีวิตมาเล่นด้วย กลัวว่าอีกฝ่ายจะตาย
ความอัดอั้นนี้หลังจากที่เห็นสวี่ชิงกระแทกเข้ากับศพเผ่าสิงซากสมุทรก็ยิ่งปะทุขึ้นจนถึงขีดสูงสุด เขาเร่งความเร็วอย่างบ้าคลั่ง จำเป็นต้องร่วมมือกับสวี่ชิง ด้านหนึ่งก็ต้องคำนึงถึงปกป้องตัวเอง ด้านหนึ่งก็ต้องคุ้มครองสวี่ชิง
ทั้งสองคนก็เปิดการต่อสู้อย่างดุเดือดในทะเลกับซากร่างเผ่าสิงซากสมุทรตนนั้นเช่นนี้เอง อีกฝ่ายแม้จะเหลือเพียงเศษเสี้ยววิญญาณ แต่เงาผีที่แปลงออกมาก็ไม่ธรรมดาเลย ทั้งสองคนได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายครั้ง
ส่วนสวี่ชิงทางนั้นก็เหมือนไม่สนชีวิตแล้ว นี่ทำให้ชายหนุ่มใจยิ่งทุกข์ระทม มอบยันต์คุ้มชีวิตให้สวี่ชิงไม่หยุด ส่วนตัวเองก็สำแดงไพ่ตาย พยายามลองจบการต่อสู้ศึกนี้ให้เร็วที่สุด
จบสุดท้ายสวี่ชิงไม่ป้องกันแล้ว สองมือประสานปางมือเปลวไฟสีดำพุ่งออกมาไม่ขาดสาย โจมตีไปครั้งแล้วครั้งเล่า ดูดซับพลังวิญญาณของอีกฝ่ายตลอด ได้รับการคุ้มครองสุดชีวิตจากชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งภายใต้คลื่นเสียงของเงาผีครั้งแล้วครั้งเล่า
พลังการปกป้องประเภทนี้หากคนนอกได้เห็นจะต้องหวั่นไหวแน่นอน 艾琳小說
จวบจนสุดท้าย ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งคนนี้สิ้นหวังแล้ว เขากัดฟันกรอดถอยหลังไป ไม่ไปคุ้มครองแล้ว เขาไม่เชื่อว่าอีกฝ่ายจะรนหาที่ตายจริงๆ
สวี่ชิงมองชายหนุ่มอย่างเย็นชา ไม่สนใจ ลงมือต่อ
จนผ่านไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มยอดเขาที่หนึ่งก็ตกใจกลัวแล้ว เขาเห็นสวี่ชิงเกือบถูกฆ่าหลายครั้ง ในใจจึงสั่นสะท้าน กรีดร้องโหยหวนในใจ รีบสะบัดมือโยนแผ่นหยกคุ้มครองออกไปป้องกัน จากนั้นก็บินมาเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยใบหน้าขมขื่น ลงมือต่อกรกับเผ่าสิงซากสมุทร
และเขาก็ใช้ความโมโหทั้งหมดในใจไปกับการต่อสู้ ดังนั้นการต่อสู้นี้หลังจากที่ดำเนินไปถึงหนึ่งวันเต็มๆ ในยามที่ทั้งสวี่ชิงและองค์ชายเก้าแห่งยอดเขาที่หนึ่งล้วนเหนื่อยล้าจนถึงขีดสุด เศษเสี้ยววิญญาณเผ่าสิงซากสมุทรก็ยืนหยัดต่อไปไม่ไหวแตกสลายไป หลังจากสวี่ชิงดูดซับอยู่ครู่ใหญ่ ถุงเก็บของของอีกฝ่ายสวี่ชิงก็เป็นนคนเอาไปเช่นกัน
แต่ว่าเมื่อกลับมาบนเรือเวท องค์ชายเก้าแห่งยอดเขาที่หนึ่งก็ถือกระบี่พาดไว้ที่คอตัวเอง ในขณะเดียวกับที่หายใจหอบถี่ แววตาก็ฉายความเด็ดเดี่ยวเป็นอย่างยิ่งออกมา กัดฟันเอ่ยขึ้นว่า
“เทศกาลเชงเม้งจุดธูปหนึ่งดอกเซ่นไหว้หลุมศพคู่ แบ่งผลประโยชน์ไม่เป็นธรรมเจ็บปวดรวดร้าวเศร้าโศกา!”
“ไม่เข้าใจ” สวี่ชิงเอ่ยเสียงราบเรียบ เก็บถุงเก็บของไปในอกเสื้อ
องค์ชายเก้าแห่งยอดเขาที่หนึ่งดวงตาแดงก่ำ จ้องสวี่ชิงเขม็ง หลังจากอัดอั้นจนถึงขีดสูงสุด ก็พูดภาษาคนประโยคที่สองออกมาจากการเดินทางสู่ทะเลครั้งนี้
“แบ่งข้า! ไม่อย่างนั้นข้าจะตายให้เจ้าดู!!”
สวี่ชิงมองชายหนุ่มอย่างสงบนิ่ง เขามองความเด็ดเดี่ยวในดวงตาของอีกฝ่ายออก ดังนั้นจึงครุ่นคิดครู่หนึ่ง นึกถึงว่าการลงมือของอีกฝ่ายเมื่อก่อนหน้านี้ก็ช่วยได้มากจริงๆ คุ้มกันตนก็ทุ่มสุดตัวเหลือเกิน หลายครั้งเหมือนผู้คุ้มครองมากกว่าผู้คุ้มครองเสียอีก
ดังนั้นเขาจึงเปิดถุงเก็บของออก แล้วเทออกมาต่อหน้าอีกฝ่าย
วัตถุจำนวนมหาศาลร่วงลงมาทันที ในนั้นมีตั๋ววิญญาณปึกหนึ่ง และยังมีหินวิญญาณและแผ่นหยกคละกันอยู่จำนวนมาก ขวดยาลูกกลอน และของอื่นๆ กระทั่งว่ามีวัตถุดิบหลอมมากมาย รวมๆ กันกองเป็นภูเขาลูกเล็กๆ
โดยเฉพาะในนั้นมีแผ่นหยกที่แผ่ระลอกคลื่นพลังอีกสองแผ่น แผ่นหยกแบบนี้สวี่ชิงเคยเห็นมาก่อน คล้ายกับของปกป้องชีวิตขององค์ชายเก้า แต่เห็นได้ว่าระลอกคลื่นพลังบนสองแผ่นนี้แข็งแกร่งกว่า อยู่เหนือกว่ามาก
ของประเภทนี้สวี่ชิงเคยเห็นที่ร้านในท่าเรือมาก่อน นี่ก็เป็นของวิเศษอักขระเช่นกัน แต่ไม่ใช่ของวิเศษที่ผู้บำเพ็ญระดับสร้างฐานสร้างขึ้น แต่เป็นผู้บำเพ็ญระดับแก่นลมปราณ
เนื่องจากระดับแก่นลมปราณแข็งแกร่งมาก ไม่มีหยกใดสามารถรับพลังโจมตีจากระดับนั้นได้ ดังนั้นส่วนมากจึงมีวิชาระดับแก่นลมปรานอยู่เล็กน้อย และแผ่นหยกสองแผ่นนี้เหมือนจะทำออกมาได้ไม่นานเท่าไร เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่เผ่าสิงซากสมุทรคนนั้นใช้เอง เขาไม่มีความจำเป็นนั้น
ดูท่าแล้วน่าจะเตรียมมอบให้ผู้อื่น
นอกจากนี้แล้วยังมีขนนกที่แกะสลักจากหยกชิ้นหนึ่ง อยู่ในกองวัตถุก็ดูโดดเด่นมาก ประกายเจิดจ้าพร่างพราย เมื่อสวี่ชิงและองค์ชายเก้าต่างเห็นวัตถุชิ้นนี้แล้วก็ต่างจ้องเพ่ง
“อาวุธเวท!” สวี่ชิงหวั่นไหวเล็กน้อย ตะเกียงดับวิญญาณของเขาก็เป็นอาวุธเวท และเหล็กแหลมสีดำในระดับหนึ่งก็สามารถเรียกว่าเป็นอาวุธเวทได้เช่นกัน
อาาวุธเวทอยู่ระหว่างของวิเศษอักขระและของวิเศษเวท นับเป็นของวิเศษที่มนุษย์สร้างขึ้น เพียงแต่พลานุภาพห่างชั้นจากของวิเศษเวทที่แท้จริงในตำนานเป็นอย่างมาก แบ่งเป็นล่าง กลาง บน สามขั้น
แต่สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีวาสนาได้ครอบครองของวิเศษ อาวุธเวทก็ดีมากแล้ว
สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ คว้าขนนกหยกอันนั้นเอาไว้ ส่วนองค์ชายเก้าแห่งยอดเขาที่หนึ่งก็ยกมือขึ้นเช่นกัน แต่สิ่งที่เขาคว้าไม่ใช่ขนนก ทว่าเป็นวัตถุที่ไม่โดดเด่นเอามากๆ ชิ้นหนึ่งในกองสิ่งของกองนี้
นั่นเป็นก้อนเหล็กที่เหมือนกล่องใบหนึ่ง