ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 184-2 ข่าวประหลาดเผ่าสิงซากสมุทร (2)
บทที่ 184 ข่าวประหลาดเผ่าสิงซากสมุทร (2)
“อาเสี่ยวชิงเอ๋ย เจ้ามองข้าเช่นนี้ คือกำลังมองข้าหรือว่ากำลังมององค์หญิงสามที่รักของเจ้ากันล่ะ โถ่เอ๊ย ถ้าเรื่องนี้โดนศิษย์หญิงในสำนักเหล่านั้นรู้เข้าล่ะก็ คงได้น้ำตาตกกันเป็นแถวแน่”
นายกองยิ่งพูดก็ยิ่งดีอกดีใจ หน้าบานเป็นกระด้งเก็บยาลูกกลอนแล้วล้วงเอาผลส้มออกมา ปอกเปลือกแล้วกิน
เห็นสวี่ชิงค่อยๆ เลิกคิ้ว เขาก็ยังพูดต่อไปเรื่อย แต่ก็ถูกสวี่ชิงตัดบท
“องค์หญิง อีกสามวันก็จะถึงเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว บาดแผลของเจ้าต้องเริ่มสร้างใหม่ได้แล้ว”
คำพูดนายกองชะงัก สวี่ชิงเดินเข้าไป ล้วงกริชแทงท้องนายกองไปทีหนึ่ง อีกฝ่ายขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน สูดลมหายใจ ล้วงกริชออกมาบ้างเช่นกัน ถลึงตามองสวี่ชิง
“ผู้คุ้มกันขององค์หญิง เจ้าเองก็ต้องมีบาดแผลขึ้นบ้างเหมือนกัน!”
พูดพลาง เขาก็ตั้งท่าจะแทง แต่ถูกสวี่ชิงถอยหลังหลบเลี่ยง
“องค์หญิงพลังบำเพ็ญแค่รวมปราณขั้นบริบูรณ์ ความเร็วการฟื้นฟูบาดแผลก็เชื่องช้า ข้าที่ปกป้องเจ้า ภายใต้สถานการณ์ถูกไล่สังหาร อาการบาดเจ็บของเจ้าก็จะหนักขึ้นเรื่อยๆ ไม่สามารถรักษาตนเองได้
“และข้าในฐานะผู้บำเพ็ญสร้างฐาน ความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายดีมาก ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเพิ่มบาดแผลแล้ว นั่นมันปลอมเกินไป”
สวี่ชิงพูดจบ นายกองก็นิ่งงันอยู่พักหนึ่ง
ถือโอกาสที่นายกองกำลังตกตะลึง สวี่ชิงจึงแทงแล้วก็แทงเข้าไปอีก ในที่สุดนายกองก็กุมท้องเบี่ยงหลบ จ้องสวี่ชิงอย่างโกรธเคือง แต่ในสีหน้าที่ตั้งใจของสวี่ชิง เขาก็ถอนหายใจออกมา
“องค์หญิงอย่างข้ากับผู้คุ้มครองถูกไล่สังหาร แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีเวลาพัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่ใกล้จะถึงเผ่าสิงซากสมุทรแล้ว คนที่ไล่สังหารก็ต้องหวาดกลัวบ้าง ดังนั้นจึงไม่ไล่สังหารต่อ”
สวี่ชิงคิดๆ ตอบกลับประโยคหนึ่ง
“ถูกต้อง แต่ยิ่งเข้าใกล้เผ่า แผลเก่าขององค์หญิงก็ยังสาหัส จะตายอยู่รอมร่อ ดังนั้นจึงจะถูกส่งไปยังแดนต้องห้ามเพื่อรักษาเป็นอันดับแรก”
นายกองหน้าขมขื่น มองไปยังบาดแผลตนเอง จากนั้นก็มองไปทางสวี่ชิงที่มีสีหน้าจริงจัง เขาจึงถอนหายใจยาว หลับตาลง
สวี่ชิงรื่นเริงในใจ แทงไปอีกห้าที ทำให้นายกองยิ่งบาดเจ็บหนักขึ้น หลังจากที่ร่างทั้งร่างอ่อนแอ จึงเสร็จสิ้นการ ‘ไล่สังหาร’ ครั้งนี้ลง
เวลาค่อยๆ ไหลผ่านไปสามวันอย่างรวดเร็ว เรือศึกไม้ดำที่พวกเขาอยู่ลำนี้ หลังจากแหวกอากาศมาตลอดทางจนถึงตอนนี้ ในที่สุดก็เข้าใกล้ดินแดนของเผ่าสิงซากสมุทรเสียที
ขณะที่มองเห็นแผ่นดินเกาะเผ่าสิงซากสมุทรอยู่ไกลๆ สีหน้าสวี่ชิงก็เคร่งขรึมขึ้นมา
เขาสูดลมหายใจลึกสำรวจร่างกายตนเอง หลังจากแน่ใจว่าไม่มีปัญหาก็ยังไม่วางใจ จึงให้เจ้าเงาแผ่กลิ่นอายเผ่าสิงซากสมุทรบางส่วนออกมาด้วย
เมื่อเป็นเช่นนี้ สวี่ชิงก็ไม่แตกต่างอะไรกับเผ่าสิงซากสมุทรเลย
กระทั่งร่างของเขาเองก็สามารถแผ่พรสวรรค์พิษศพเผ่าสิงซากสมุทรภายใต้วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณออกมาได้เล็กน้อยด้วย หลังจากอำพรางแล้ว การปลอมตัวของเขาก็สมบูรณ์แบบ
แม้นายกองจะไม่มีวิธีการเหล่านี้ แต่เขาก็เตรียมตัวมานานแล้วอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่กังวลปัญหาที่เขาจะถูกเปิดโปงเลย
“ในที่สุดก็หนีกลับมาได้แล้ว…กลับบ้าน…”
ตอนนี้นายกองที่อยู่ข้างๆ กุมท้องอยู่ ร่างกายอ่อนแอพิงอยู่กับราวจับ เมื่อลมพัดเข้ามาผมดำเปื้อนเลือดของนางก็ปลิวสยาย เผยใบหน้างามมีเสน่ห์ใต้เส้นผมออกมา
ผิวที่ขาวซีด บวกเข้ากับความซับซ้อนในดวงตา ทำให้นายกองเวลานี้แทบไม่แตกต่างอะไรกับองค์หญิงสามตัวจริงเลย กระทั่งเขายังเลียนแบบจิตใจขององค์หญิงสามมาจนหมดเสียด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ใช่เพราะสวี่ชิงเห็นอีกฝ่ายปลอมตัวมาระหว่างทางจนคุ้นชินแล้วล่ะก็ ไม่เช่นนั้นจะมองอย่างไร เขาก็ยังมองตัวตนนายกองออกได้ยาก
“ระหว่างทางนี้ ลำบากเจ้าเสียแล้ว”
นายกองร่างกายโงนเงนเหมือนจะล้ม เสียงระโหยโรยแรงมีความนุ่มนวลอยู่ด้วย
มือที่จับราวจับของเขาก็สั่นเทา อาการบาดเจ็บในร่างกายทั้งหมดถูกเขาสะกดไว้สุดกำลัง ราวกับว่าถ้าผ่อนลงเพียงนิดเดียว อาการเจ็บปวดทั้งหมดจะกำเริบขึ้นจนลมหายใจวูบดับขึ้นมา
โดยเฉพาะหน้าอกของเขา ที่นั่นมีบาดแผลที่ล่อแหลมมาก แทงเข้าไปแทบจะชิดกับหัวใจเขาเลยทีเดียว ถ้าเอียงเพียงนิดเดียวหัวใจคงล้มเหลวไปแล้ว แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังคงทำให้ชีพจรดวงใจบาดเจ็บ
ส่วนสวี่ชิง ชุดนักพรตสีขาวแต่เดิมเวลานี้ก็ย้อมไปด้วยเลือดสีฟ้า เดิมทีที่ซีดอยู่แล้วก็ยิ่งซีดลงไปอีก
กลิ่นอายของเขาเองก็ไม่มั่นคงอย่างชัดเจนเหมือนกำลังฝืนทนอยู่ และแผลที่ร้ายแรงที่สุดบนคอนั้น ก็เหมือนหลอดลมถูกตัดจนขาดอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้แม้จะฟื้นฟูไปแล้วเล็กน้อย แต่กลับยังไม่สามารถเอ่ยปากพูดคุยได้มากนัก กระทั่งตำแหน่งขอบๆ ยังมองเห็นเลือดไหลซึมออกมาอยู่
ขณะที่เผชิญหน้ากับคำพูดของนายกอง สวี่ชิงก็สีหน้าไร้อารมณ์ราวกับว่าไม่มีความผันผวนทางอารมณ์มากนัก และไม่สนใจอาการบาดเจ็บอีกด้วย ประสานมือให้นายกองและคารวะ
ตอนนี้เอง คลื่นที่แข็งแกร่งวูบหนึ่งกวาดเข้ามาฉับพลันจากเบื้องหน้า ปกคลุมเรือของพวกเขาไปในพริบตา ปกคลุมลงมาบนตัวสวี่ชิงและนายกอง
เรือศึกที่พวกเขาอยู่ก็หยุดชะงักลงกลางอากาศ ไม่เคลื่อนไปข้างหน้าต่ออีก
คลื่นพลังที่แข็งแกร่งนี้ ไม่ได้แผ่ออกมาจากผู้บำเพ็ญ แต่เป็นพลังจากค่ายกล!
นั่นเป็นค่ายกลใหญ่คุ้มครองเผ่าของดินแดนเผ่าสิงซากสมุทร
ตอนนี้คือช่วงเวลาทำสงคราม ดังนั้นค่ายกลใหญ่เผ่าสิงซากสมุทรจึงเปิดไว้ตลอด ขณะที่คอยขัดขวางการเข้ามาของสิ่งภายนอกทั้งหมด ยังสามารถทำให้การวางหมากทั้งหมดของเผ่าสิงซากสมุทรในเผ่าเสร็จสิ้นได้เร็วขึ้นอีกด้วย
เวลานี้สวี่ชิงเข้าใจอย่างดีว่าการตรวจสอบชั้นที่หนึ่งของเผ่าสิงซากสมุทรมาถึงแล้วจากการเข้ามาของคลื่นค่ายกล
แต่ว่าสำหรับเรื่องนี้สวี่ชิงกับนายกองเตรียมการไว้แล้ว ขณะที่ค่ายกลแผ่ซ่านในตอนนี้ บนตัวนายกองก็แผ่คลื่นตอบกลับออกมา สวี่ชิงทางนี้ก็เช่นกัน กระตุ้นขวดเล็กใบหนึ่ง และมีคลื่นแผ่ออกมาเช่นเดียวกัน
ดังนั้นเพียงไม่นานค่ายกลก็กวาดผ่านไป ยอมรับตัวตนของพวกเขา
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงรู้สึกชื่นชมต่อการเตรียมการของนายกองมาก
ตอนนี้เขาก้มหน้าลงมองแผ่นดินใหญ่เกาะเผ่าสิงซากสมุทรเบื้องล่าง
สิ่งที่เห็น เกาะที่มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดราวกับแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ ลักษณะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับทิวทัศน์ทั้งหมดที่เขาเคยเห็นมา
สถานที่นี้คือเขตแดนชายทะเล สามารถมองเห็นพืชคลุมดินที่เหมือนเห็ดหลินจือขนาดยักษ์โตอยู่เต็มไปหมด
เพียงแต่สีเป็นสีดำ ขณะที่ปล่อยพิษศพเข้มข้นออกมา ก็ยังแผ่พลังกดดันที่น่าตกตะลึงออกมาด้วย
เห็ดหลินจือสีดำเหล่านี้ทุกดอกล้วนใหญ่เกินร้อยจั้ง
เวลานี้บนชายทะเลและในทะเลล้วนมีทั้งสิ้น มองผ่านๆ ก็มีมากนับร้อย ทอดแผ่ยาวออกไปตามชายฝั่งทะเล
และด้านบนหลินจือทุกดอกก็ล้วนเป็นจุดจอดเรือที่สร้างขึ้นจากกระดูกขาวอีกหลายแห่ง
มองเห็นเรือศึกสงครามที่รูปร่างเหมือนโลงศพอีกมากมาย กำลังรอการทะยานขึ้นอยู่ที่นั่น
ขณะเดียวกันด้านล่างของเห็ดหลินจือเหล่านี้ก็มีรยางค์อีกนับไม่ถ้วน ห้อยทอดไปบนพื้นรวมถึงในทะเล
ด้านหนึ่งคือกำลังดูดซับไอพลังประหลาด อีกด้านหนึ่งคือรยางค์เหล่านั้นก็มีเชือกจำนวนมหาศาลกระจายตัวเชื่อมต่อกับเรือที่กำลังลอยอยู่บนทะเลแต่ละลำ
ที่นี่เป็นท่าเรือแห่งหนึ่งอย่างชัดเจน และพอมองเส้นชายฝั่งทะเลทั้งหมดของเผ่าสิงซากสมุทร ก็เหมือนจะเป็นท่าเรือทั้งหมด
มองไกลออกไปอีก ท้องฟ้าของที่นี่สีดำสนิททั้งผืน ถูกเมฆดำเข้มข้นปกคลุมไว้
ในนั้นมีแสงค่ายกลส่งข้ามเจิดจ้า มีผู้บำเพ็ญถูกส่งข้ามออกไป และส่งกลับเข้ามาเป็นระยะ
เรือศึกสงครามของเผ่าสิงซากสมุทรหลายลำรวมถึงเงาของผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรอีกหลายสาย กำลังเดินทางอยู่ในโลกฝั่งนี้
ขณะที่เสียงแหวกอากาศดังขึ้นครืนครัน แต่กลับได้ยินเสียงพูดคุยกันน้อยมาก
นอกจากนี้แผ่นดินของเกาะเผ่าสิงซากสมุทรก็เป็นสีดำ มีสิ่งที่คล้ายเห็ดหลินจือขนาดยักษ์ที่เติบโตอยู่เต็มเส้นชายฝั่งทะเลเช่นกัน แต่สีนั้นแตกต่างกับเห็ดหลินจือบนฝั่งที่ส่วนใหญ่เป็นสีแดง
ขณะเดียวกันต้นไม้ขนาดยักษ์หลายต้น ก็เป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ที่สะดุดตาที่สุดบนเกาะนี้ด้วย
ต้นไม้เหล่านั้นล้วนกำลังเน่าเปื่อย แผ่ไอพลังประหลาดเข้มข้นออกมา และยังมีผีเสื้อสีดำนับไม่ถ้วนโบยบินอยู่ในฟ้าดินผืนนี้
และบนแผ่นดินใหญ่ ยังมีแม่น้ำสีแดงเหมือนเลือดอีกหลายสาย ทอดยาวทอดขวางอยู่เต็มไปหมด
โลกทั้งใบนี้ราวกับเป็นยมโลก ขณะที่ดูขนพองสยองเกล้า ก็ยังมีแรงกดดันน่ากลัวที่ยากจะพรรณนาได้แผ่ซ่านกระจายไปทั่วทิศ
ขณะเดียวกัน ตอนที่คลื่นค่ายกลกวาดเข้ามาจากการที่เรือศึกไม้ดำของสวี่ชิงกับนายกองถูกหยุดไว้กลางอากาศเหนือผืนทะเล บนแนวชายฝั่งทะเลด้านล่าง ก็มีโลงศพพุ่งขึ้นมาบนฟ้าทันทีอีกหลายโลง
เพียงพริบตาก็เข้าประชิดเรือศึก ตั้งตรงลอยอยู่รอบๆ
โลงศพผุพังทั้งหมดสิบหกโลง ขณะที่ล้อมเรือศึกก็เหมือนรวมตัวขึ้นเป็นค่ายกลหนึ่ง
แสงอัสนีสีดำหลายสายแผ่ซ่านออกมาระหว่างกัน เชื่อมเข้าด้วยกันในพริบตา ล้อมเรือศึกสีดำเอาไว้
จากนั้นโลงศพที่อยู่ด้านหน้าของสวี่ชิงกับนายกองก็สั่นสะเทือนขึ้นฉับพลัน ฝาโลงเปิดออก มีเผ่าสิงซากสมุทรที่ทั่วร่างเต็มไปด้วยหมอกดำคนหนึ่งเดินออกมาจากด้านใน
รูปร่างของเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ดูเลือนรางอยู่ภายในปราณหมอก มองเห็นรางๆ ว่าเป็นรูปร่างเผ่ามนุษย์
พอเดินออกมาสายตาของเขาก็หยุดที่สวี่ชิงและนายกองราวสายอัสนีทันที
คลื่นพลังสร้างฐานขั้นปลายชัดเจนเป็นพิเศษบนตัวเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ ร่างกายที่ยังไม่เปิดสภาวะแสงนภา แต่กลิ่นอายที่เกิดขึ้นจากช่องเวทเก้าสิบช่อง ก็ยังทำให้สวี่ชิงเคร่งขรึมในใจ
คนผู้นี้ชัดเจนว่าเป็นผู้บำเพ็ญที่รับผิดชอบท่าเรือชายฝั่งทะเล เนื่องจากพวกของสวี่ชิงเข้ามาทางนี้ ดังนั้นจึงปรากฏตัว
มองคนที่เข้ามา สวี่ชิงก้มหัวลง ทำตามมารยาทของเผ่าสิงซากสมุทรที่ศึกษามาระหว่างทางเพื่อแสดงความเคารพ
ผู้บำเพ็ญไฟสามดวงเผ่าสิงซากสมุทรนี้ สายตาของเขากวาดผ่านตัวสวี่ชิงกับนายกอง จากนั้นจึงเอ่ยเสียงต่ำกับนายกอง
“คารวะองค์หญิงสาม”
“ท่านพ่อล่ะ” นายกองยันราวจับ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชา
“ท่านราชาอยู่ในสนามรบ ยังไม่กลับเข้ามา”
“ดังนั้นพอเจ้าเห็นข้าแต่กลับไม่คุกเข่าหรือ แล้วยังมาผนึกไว้เช่นนี้อีกหมายความว่าอย่างไรกัน!”
จู่ๆ นายกองก็ยกมือซ้ายขึ้น ไข่มุกสีดำเม็ดหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ โยนออกไปทางผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้น
เสียงตูมดังสนั่น ไข่มุกสีดำระเบิดออกจงๆ ที่ร่างของเผ่าสิงซากสมุทรคนนี้
เผ่าสิงซากสมุทรคนนี้ร่างสั่นสะเทือน ทว่าไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด เขามองนายกองด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ผาดหนึ่ง ก้มหน้านั่งชันเข่า
และการลงมือครั้งนี้สะเทือนไปถึงบาดแผลอย่างเห็นได้ชัด นายกองกระอักเลือดสดออกมา พยายามฝืนร่างกายไว้ไม่ให้ล้ม เอ่ยต่อด้วยเสียงอึมครึม
“ส่งข้าไปที่เทวรูปบรรพชนศพด้วย ข้าจะไปรักษาตัว!”
“ก่อนที่ราชาจะออกไปกำชับว่า ถ้าองค์หญิงกลับมา ให้ส่งไปยังวังนอก และห้ามออกไปที่ใดอีก”
เผชิญหน้ากับเงื่อนไขขององค์หญิงสาม สร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนี้ก็ตอบกลับมาเสียงเรียบ ยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นในโลงศพรอบด้านทั้งหมดก็แผ่กลิ่นอายผู้บำเพ็ญออกมา
ขณะเดียวกันสายฟ้าสีดำหลายสายนั้นก็เชื่อมต่อกับเรือศึกสีดำ ดึงไปเบื้องหน้า
ภาพนี้ไม่ได้เกินความคาดหมายของสวี่ชิงกับนายกอง ระหว่างทางที่มาในแผนการของพวกเขามีวิธีรับมืออยู่
นายกองจึงกระอักเลือดสดอีกครั้ง ขณะที่ความอ่อนแอของร่างกายกับความใกล้จะดับสูญแจ่มชัดขึ้น เขาก็มองไปทางสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงเผ่าสิงซากสมุทรคนนั้น จู่ๆ ก็ยิ้มหวานขึ้นมา
“ก็ดีเหมือนกัน ให้ข้าไปตายในวังนอกก็ได้ หลังจากฟื้นชีวิตขึ้นมา ข้าก็มีเหตุผลที่จะเขมือบเจ้ารวมถึงคนทั้งหมดในกลุ่มของเจ้าแล้ว น่าสนุกเสียจริง เอาเช่นนี้แล้วกัน เจ้าก็เร่งมือหน่อย”
องค์หญิงสามที่นายกองปลอมตัวมา รอยยิ้มหวานหยดย้อยบนใบหน้าดูงดงามมาก ให้ความรู้สึกไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย
แต่ความหมายแฝงในคำพูดที่ส่งออกมา กลับดูชั่วร้ายเสียเหลือเกิน