ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 184-3 ข่าวประหลาดเผ่าสิงซากสมุทร (3)
บทที่ 184 ข่าวประหลาดเผ่าสิงซากสมุทร (3)
ราวกับว่ามีความเคืองแค้นและความบ้าคลั่งฝังลึกกำลังแพร่กระจายออกไป ทำให้เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานขั้นปลายคนนั้น ชะงักฝีเท้าทันที
เขารู้ว่านิสัยขององค์หญิงสาม เข้าใจว่าอีกฝ่ายทุกครั้งที่ออกไปภายนอกล้วนเพื่อไขว่คว้าหาความตาย และยิ่งรู้ว่าทุกครั้งที่องค์หญิงสามคืนชีพกลับมา ราชามักจะจัดคนในเผ่าส่วนหนึ่งส่งไปให้องค์หญิงสามกลืนกิน เพื่อเพิ่มความเร็วขั้นตอนการฟื้นคืนชีพ
ดังนั้นหลังจากที่เขานิ่งงัน ก็มองไปทางสวี่ชิง
“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว”
สวี่ชิงสีหน้าเย็นชา พิษศพในร่างแผ่ซ่านออกมา พันล้อมไปรอบๆ จนกลายเป็นลมพายุไร้รูปร่าง ส่งเสียงแหบแห้งพูดออกมา
“จะแย่งคุณงามความดีการส่งตัวของข้าหรือ”
แทบจะพริบตาที่สวี่ชิงส่งเสียงออกมา โลงศพสีดำใบหนึ่งด้านหลังเขาก็เปิดออกกะทันหัน ด้านในมีร่างผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรคนหนึ่งพุ่งออกมาในพริบตา คลื่นพลังไฟชีวิตสองดวงระเบิดออกฉับพลัน พุ่งเข้าประชิดสวี่ชิงด้วยความเร็วสูง
เป็นหญิงสาวคนหนึ่ง เป็นเผ่าเงือกเมื่อครั้งยังมีชีวิต
พริบตาที่เข้าประชิดตัวสวี่ชิงในตอนนี้ นางก็ลงมือสะกดออกมาฉับพลัน ชัดเจนว่าคุณงามความดีที่สวี่ชิงส่งตัวองค์หญิงกลับมา เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานขั้นปลายที่รับหน้าที่คุ้มกันท่าเรือคนนั้นเตรียมตัวจะชิงไปแน่อย่างเห็นได้ชัด
สวี่ชิงสายตาเย็นชา สีหน้าไม่เปลี่ยน พริบตาที่หญิงสาวเผ่าเงือกเข้าใกล้ ร่างของเขาก็กระแทกไปด้านหลังอย่างรุนแรง กระแทกไปกับอีกฝ่ายเสียงครืนครัน
เสียงระเบิดออก สวี่ชิงยกมือขวาตะปบไปยังหญิงสาวเผ่าเงือกอย่างรุนแรง
หญิงสาวเผ่าเงือกคนนี้หน้าเปลี่ยนไป ถูกพลังกายเนื้อของสวี่ชิงกระแทกจนจิตใจสั่นสะเทือน ไฟชีวิตในร่างกายสั่นไหว คิดจะฉากหลบทันที
แต่สวี่ชิงก็รวดเร็วเกินไป ในการตะปบเหมือนมีแรงดึงดูดแผ่ออกมา จนทำให้การเคลื่อนไหวของหญิงสาวเผ่าเงือกชะงักงัน
พริบตาต่อมาสวี่ชิงก็พุ่งตัวออกไปฉับพลัน ชั่วพริบตาก็เข้าประชิดเบื้องหน้าหญิงสาว มือขวาแทงเข้าไปที่หน้าอกนาง คว้าหัวใจไว้แล้วบีบอย่างแรง
เสียงตูมดังขึ้น ผู้บำเพ็ญสร้างฐานไฟชีวิตสองดวงในรูปร่างเผ่าเงือกคนนี้ หัวใจแตกสลายทันที
ต่อให้เผ่าสิงซากสมุทรจะไม่ไวต่อความเจ็บปวด แต่อาการบาดเจ็บเช่นนี้ก็ยังทำให้นางส่งเสียงร้องแหลมออกมา ทว่าผู้บำเพ็ญหญิงคนนี้ก็ไม่ง่ายเลย ดวงตามีความโหดเหี้ยม พุ่งตรงงับไปที่คอของสวี่ชิง
นี่เป็นวิธีที่เผ่าสิงซากสมุทรใช้เป็นประจำ
เขี้ยวของนางแหลมคม จังหวะที่กำลังจะกัดโดนสวี่ชิง สวี่ชิงก็สะบัดหัวยิ้มเย็นชา ออกแรงกระแทกไปบนปากของผู้บำเพ็ญหญิง
เสียงกร๊อบดังขึ้น หญิงสาวฟันหักเลือดเนื้อบนหน้าเหวอะหวะ ขณะที่เสียงร้องยิ่งแหลมกว่าเดิม สวี่ชิงก็มีสีหน้าโหดเหี้ยม อ้าปากขึ้นเช่นกัน แล้วงับลงไปที่คอของผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกทีหนึ่ง!
แรงกัดครั้งนี้ของเขามหาศาลมาก ทำให้สวี่ชิงงับลำคอผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกคนนั้นขาดไปส่วนหนึ่งในพริบตา
จากนั้นเขาก็ทำการสูด ไอพลังประหลาดเข้มข้นจึงหลั่งทะลักออกมาจากในร่างกายผู้บำเพ็ญเผ่าเงือกเข้าสู่ร่างกายสวี่ชิงอย่างบ้าคลั่ง
ผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกคิดจะกระเสือกกระสน แต่สองมือสวี่ชิงก็พลังมหาศาล กดนางไว้อยู่หมัด ในปากดูดซับโดยไม่พัก ดูแล้วโหดเหี้ยมอย่างมาก
ขั้นตอนทั้งหมดก็แค่หกเจ็ดอึดใจเท่านั้น ไอพลังประหลาดทั่วร่างผู้บำเพ็ญหญิงรูปร่างเผ่าเงือกคนนั้นก็แห้งเหือดลง ไฟชีวิตมอดดับ ช่องเวทเหี่ยวเฉา ร่างทั้งร่างกลายเป็นศพแห้งล้มลงข้างๆ ยังไม่ตาย กำลังชักกระตุก
“โอ้ สนุกเสียจริง พี่สาวคนนี้ทำไมถึงเหี่ยวลงมาล่ะ”
นายกองยิ้มหวาน เดินกะโผลกกระเผลกไปด้านหน้าผู้บำเพ็ญหญิงเผ่าเงือกคนนั้น เลียริมฝีปากขึ้นมา
สวี่ชิงหันหลังไปมองเผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าด้านนอกเรือศึกคนนั้น
“เอามาให้ข้ากลืนกินอีกเก้าคน แล้วข้าจะส่งคุณงามความดีให้เจ้า”
มุมปากสวี่ชิงยังมีเลือดสดสีน้ำเงินอยู่ ดวงตาเย็นชาไม่มีคลื่นอารมณ์ใดทั้งสิ้น
แต่ท่าทีของเขาเวลานี้ ทำให้สีหน้าผู้บำเพ็ญสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนั้นเคร่งขรึมขึ้นมา
สาเหตุที่เมื่อครู่เขาเอ่ยขึ้นก็มีความคิดที่จะแย่งคุณงามความดีเหมือนกัน ขณะเดียวกันก็ทำการหยั่งเชิงดูด้วย
อันที่จริงช่วงนี้ ศิษย์บางส่วนของเจ็ดเนตรโลหิตก็ใช้วิธีการต่างๆ นานาแฝงตัวเข้ามาจริงๆ แม้ว่าทั้งหมดจะถูกจับแล้วสังหารทิ้ง แต่การกลับมาขององค์หญิงก็เป็นไปได้ที่จะถูกเจ็ดเนตรโลหิตวางหมากไว้
ถ้าหากเมื่อครู่อีกฝ่ายจากไปจริงๆ เขาจะรายงานเรื่องนี้ขึ้นไป แน่นอนว่าจะมีคนอื่นในเผ่าจัดการตรวจสอบเอง
แต่ตอนนี้เขาก็ทำลายความคิดนี้ทิ้งไปแล้ว ค่ายกลองค์หญิงทางนั้นยืนยันว่าไม่มีปัญหา ส่วนคนที่คุ้มกันองค์หญิงกลับมานี้ ไม่เพียงแค่ค่ายกลยืนยันแล้ว ขณะเดียวกันพฤติกรรมการกลืนกินไอพลังประหลาดของอีกฝ่าย ก็มีเพียงเผ่าสิงซากสมุทรเท่านั้นที่กล้าทำเช่นนี้
แล้วยังดับลูกน้องไฟชีวิตสองดวงของตนเองอย่างง่ายดายไปคนหนึ่ง ก็อธิบายได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ไม่ไกลจากการทะลวงขั้นมาจนถึงระดับของตนแล้ว
เขาจึงยกมือขึ้นโบก โลงศพสีดำสิบหกใบรอบๆ แสงอัสนีบนนั้นสลายหายไปในพริบตา และแต่ละใบก็ร่อนจากลงไปเบื้องล่าง
“ส่งองค์หญิงไปที่แดนต้องห้ามเทวรูปบรรพชนศพที่เจ็ดเสีย!”
หลังจากการผนึกสลายไป เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานคนนี้จึงเอ่ยขึ้นมา
ทันใดนั้นเห็ดหลินจือบนพื้นด้านล่างส่วนหนึ่งก็บิดเบี้ยว แผ่หมอกดำมหาศาลขึ้นมา หลังจากหมอกดำเหล่านี้มารวมเข้าด้วยกันก็ก่อตัวขึ้นมาเป็นปลาหมึกขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
ปลาหมึกตัวนี้ลอยขึ้นมา หนวดเส้นหนึ่งพันรัดเรือศึกไม้ดำไว้ ส่วนหนวดอื่นก็ทอดแผ่ยืดออกไปบนพื้น พาสวี่ชิงกับนายกองห่างออกไป
ด้านหลังพวกเขา ผู้บำเพ็ญเผ่าสิงซากสมุทรไฟชีวิตสามดวงคนนั้นก้มหน้าลง ขณะที่ส่งลาอย่างนอบน้อม ก็ส่งเสียงขรึมต่ำออกมาด้วย
“องค์หญิง ข้าน้อยมีภาระหน้าที่ของข้าอยู่ การไม่เคารพเมื่อครู่นี้ องค์หญิงโปรดอย่าได้ถือสา”
พูดจบ เผ่าสิงซากสมุทรสร้างฐานไฟชีวิตสามดวงนี้จึงยกมือขวาขึ้นวางไว้ข้างปาก กัดลงไปแรงๆ ที่นิ้วหนึ่งจากนั้นโยนมา
ทันใดนั้นนิ้วนี้ก็ระเบิดกลายเป็นพิษศพเข้มข้นแผ่ไปบนเรือศึกของสวี่ชิงกับนายกอง แล้วกลายเป็นตราประทับแสงดำเจิดจ้าตราหนึ่ง
“มีตราประทับนี้อยู่ ระหว่างทางถัดจากนี้ จะไม่มีคนเข้ามารบกวนองค์หญิงอีก ขอโปรดองค์หญิงให้อภัยด้วย”
“เจ้าก็ไปได้แล้ว” นายกองเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
“ขอบพระทัยองค์หญิง”
สร้างฐานไฟชีวิตสามดวงคนนั้นก้มหน้าลง หลังจากตอบกลับอย่างสงบก็โยกตัวกลับไปยังเส้นชายฝั่งทะเล ไปปกป้องศัตรูที่เข้ามาจากภายนอกของที่นี่ต่อ
เรือศึกที่สวี่ชิงกับนายกองอยู่ ก็ตรงเข้าใกล้สถานที่ที่เทวรูปบรรพชนศพลำดับเจ็ดอยู่อย่างรวดเร็วเช่นนี้ในขณะที่ปลาหมึกขนาดยักษ์ทะยานอยู่ด้านล่าง
ในความเป็นจริงนี่ก็เป็นทางเลือกโดยเจตนาของพวกเขาเช่นกัน
เผ่าสิงซากสมุทรมีเทวรูปบรรพชนศพทั้งสิ้นเก้าองค์ กระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกัน แต่ละองค์ล้วนมีทหารมากมายคุ้มกัน ขณะเดียวกันตำแหน่งของเทวรูปบรรพชนศพลำดับเจ็ดนี้ค่อนข้างอยู่ใกล้มหาสมุทร ยิ่งไปกว่านั้นยังห่างจากเมืองราชาอยู่ระดับหนึ่ง ดังนั้นจึงกลายเป็นตัวเลือกแรกในแผนการของนายกอง
ที่สำคัญที่สุดก็คือ จากข่าวที่นายกองซื้อมา ผู้แข็งแกร่งเผ่าสิงซากสมุทรแก่นลมปราณที่คอยคุ้มกันเทวรูปบรรพชนศพลำดับเจ็ดนี้ เนื่องจากที่แนวหน้ากำลังตึงเครียด ดังนั้นจึงถูกส่งตัวไปยังสนามรบ
ผู้คุ้มกันในปัจจุบันก็มีเพียงพลังบำเพ็ญสร้างฐานขั้นบริบูรณ์เท่านั้น
เดิมทีสวี่ชิงก็ลังเล แต่นายกองก็มีท่าทีรับประกันว่ารายงานไม่มีผิดพลาด ดังนั้นสวี่ชิงเองก็ไม่คิดจะเค้นถามต่อให้มากความ
ตอนนี้จากการตรงไปเบื้องหน้า จากการที่พวกเขาเข้าสู่ภายในเผ่าสิงซากสมุทร ฟ้าดินผืนนี้ก็เปิดเผยออกมาเบื้องหน้าสวี่ชิงกับนายกอง
แผ่นดินใหญ่ดำสนิทไปทั้งผืน มีหญ้าดำขึ้นเต็มไปหมด หญ้าเหล่านี้แฝงไว้ด้วยไอพลังประหลาดที่เข้มข้นจนตกตะลึง ทำให้ที่นี่กับพื้นที่ต้องห้ามที่สวี่ชิงเคยไปก่อนหน้าก็ดูไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก
และไอพลังประหลาดเช่นนี้ แน่นอนว่าสำหรับเผ่าสิงซากสมุทรแล้วถือเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับผู้บำเพ็ญที่สูดรับพลังวิญญาณแล้ว ที่นี่ถือว่ามียาพิษอยู่มากมายมหาศาลเลยทีเดียว
ยิ่งไปกว่านั้นพออยู่ที่นี่นานไป ไอพลังประหลาดในร่างกายก็จะสะสม ถ้าสะกดกับควบคุมไม่ทัน โอกาสที่จะกลายพันธุ์ก็จะเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัดเลยทีเดียว
แต่นายกองก็มีวิธีอื่นที่สามารถมองข้ามความร้ายกาจของไอพลังประหลาดได้ในชั่วระยะเวลาสั้นๆ อย่างเห็นได้ชัด สวี่ชิงก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร แต่เขารู้สึกว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับเลือดเนื้อความเป็นเทพ
เห็นได้ชัดว่าในตัวจวีอิงครั้งนั้นนายกองไม่น่าจะบ้าคลั่งเป็นครั้งแรก ก่อนหน้านั้นนายกองคงจะทำตัวบ้าคลั่งมาแล้วหลายครั้งครา
ขณะเดียวกัน ขณะที่ตรงไปเบื้องหน้า สวี่ชิงเองก็เห็นว่าบนพื้นนอกจากหญ้าดำกับเห็ดหลินจือสีแดงรวมถึงต้นไม้ใหญ่ที่แห้งเหี่ยวหลายต้นแล้ว ยังมีแม่น้ำสีแดงอยู่อีกหลายสายทอดไปบนแผ่นดินใหญ่
และแม้บนท้องฟ้าจะเป็นสีดำสนิท แต่กลับไม่ส่งผลกระทบต่อการมองเห็น ในชั้นเมฆมีดวงตาอยู่มากมาย ดวงตาเหล่านี้ทั้งหมดล้วนสีแดง ทุกครั้งที่ลืมตาก็จะมีประกายแสงแผ่ไปบนพื้นดิน
ด้วยการเปิดปิดในเวลาที่แตกต่างกันทำให้แผ่นดินใหญ่ที่ถูกแผ่นฟ้าสีดำปกคลุมผืนนี้มีแสงสว่างอยู่ตลอดเวลา แม้จะมืดทึม แต่กลับเพียงพอให้ผู้บำเพ็ญมองเห็นได้ทั้งแปดทิศ
ส่วนดวงตาเหล่านี้คืออะไร สวี่ชิงเพียงไม่นานก็เข้าใจคำตอบ
เขามองเห็นดวงตาหนึ่งโผล่พ้นหมอกเมฆอย่างชัดเจน เผยให้เห็นร่างของปลาเน่าเปื่อยขนาดใหญ่ หัวของปลาชนิดนี้มีรยางค์งอกออกมาเส้นหนึ่ง ที่ปลายของรยางค์มีดวงตาอยู่
ตอนที่ปิดลงมองไม่ออก แต่พอลืมตาก็เหมือนกับตะเกียงอย่างไรอย่างนั้น เปล่งแสงออกมา
ปลาชนิดนี้อยู่ในหมอกเมฆบนท้องฟ้าของเผ่าสิงซากสมุทรมีจำนวนมากมายเต็มไปหมด บางครั้งพวกมันก็ดิ่งลงมากลางอากาศ ทำให้แสงสว่างแผ่ออกมาตลอดเวลา
สวี่ชิงที่เห็นภาพนี้ก็รู้สึกแปลกประหลาด ขณะเดียวกันเขาก็มองเห็นเผ่าสิงซากสมุทรอีกไม่น้อย ชนเผ่าด้านในก็ปะปนกัน มีที่สวี่ชิงไม่เคยเห็นมาก่อน
นอกจากนี้ ขณะที่ตรงไปเบื้องหน้าสวี่ชิงยังมองเห็นภาพที่ทำให้เขาจิตใจสั่นสะเทือนอีกด้วย
นั่นคือแผ่นดินผืนใหญ่
เห็ดหลินจือกับต้นไม้ใหญ่บนพื้นทั้งหมดล้วนถูกจัดการออกไปจนหมด แต่ตอนที่หนวดปลาหมึกที่สวี่ชิงอยู่ผ่านไป สวี่ชิงมองเห็นว่าบนพื้นมีเผ่าสิงซากสมุทรจำนวนมหาศาลกำลังขุดอยู่
ส่วนที่ถูกขุดไปมองแล้วเหมือนฝ่ามือ เพียงแต่ฝ่ามือนี้ใหญ่โตมาก ขนาดน่าจะนับร้อยจั้ง ราวกับเป็นสถานที่ฝังกระดูกของยักษ์บรรพกาลตนหนึ่งเลย
ตอนนี้พอถูกขุดออก สวี่ชิงก็สังเกตเห็นเผ่าสิงซากสมุทรที่มากยิ่งกว่ารวมตัวอยู่ที่นั่นจากการเปิดเผยของเลือดเนื้อที่เน่าเปื่อย กำลังดำเนินการพิธีการบางอย่างอยู่
จนกระทั่งเรือศึกที่พวกสวี่ชิงอยู่ออกจากพื้นที่ผืนนั้น เสียงคำรามลั่นฟ้าสะเทือนดินก็เสียงหนึ่งก็เปล่งออกมา สวี่ชิงจึงหันกลับมาด้วยจิตใจที่สั่นสะเทือน มองไปยังพื้นที่ที่ห่างออกมาผืนนั้น เวลานี้มีมือใหญ่ยาวพันจั้งข้างหนึ่งยื่นออกมาจากพื้นดินราวกับจะไขว่คว้าท้องฟ้า
“คืนชีพแล้ว!” สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก
นอกเหนือจากนี้ ในเผ่าสิงซากสมุทรนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีเฉพาะเจาะจงอยู่อีกอย่าง เป็นผีเสื้อชนิดหนึ่งที่มีใบหน้าผี
จากที่นายกองเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้สวี่ชิงฟังตลอดทาง ตอนที่สวี่ชิงเห็นผีเสื้อเหล่านี้ เขาก็รู้ว่าผีเสื้อนี้ชื่อว่าสุบินภูต ว่ากันว่าบนแผ่นดินใหญ่เกาะนี้ผีเสื้อสุบินภูตชนิดนี้ต่างหากที่เป็นประชากรแต่เดิม
พวกมันเป็นชนเผ่าที่อยู่มาก่อนที่เผ่าสิงซากสมุทรจะปรากฏขึ้น มีปริมาณมากมายมหาศาลบนแผ่นดินเกาะนี้ ตอนนี้ผีเสื้อสุบินภูตแต่ละตัวก็ลอยเข้ามา บินวนอยู่รอบๆ พวกเขาจากการที่สวี่ชิงและนายกองเคลื่อนที่ไปเบื้องหน้า
ภาพนี้ เดิมทีควรจะเป็นภาพที่สวยงาม แต่จากใบหน้าผีบนปีกของผีเสื้อที่เหมือนฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากการกลืนกินไอพลังประหลาดกับความบิดเบี้ยวแล้ว จึงทำให้ลักษณะของภาพนี้เปลี่ยนเป็นน่าขนลุกขึ้นมา
โดยเฉพาะสวี่ชิงทางนี้ ไม่รู้เป็นเพราะอะไร ผีเสื้อสุบินภูตจึงมารวมกันมากมาย กระทั่งห่างออกไปยังมองเห็นผีเสื้อสุบินภูตที่มากยิ่งกว่า กำลังตรงมาทางเขา
สิ่งนี้ทำเอาสวี่ชิงต้องเลิกคิ้ว
“ผู้คุ้มครองของข้า เจ้าทำไมจึงมาล่อผึ้งล่อผีเสื้อที่นี่เสียอย่างนั้นล่ะ” ด้านหลังของเขา นายกองก็กระแอมเอ่ยเสียงครางขึ้นมาแผ่วเบา