ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 246 ย่านการค้าเมืองผีแดนต้องห้ามปักษาราชัน (2)
บทที่ 246 ย่านการค้าเมืองผีแดนต้องห้ามปักษาราชัน (2)
สายตาของสวี่ชิงเบนจากศีรษะพระนั่น พึมพำอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปมองรอบๆ
เขาเห็นผีที่ทั่วทั้งตัวเหมือนกระดาษแป้งเปียก เดินพลางถือพู่กันวาดตาบนใบหน้าไปด้วย
อีกทั้งทั่วร่างยังเปียกโชก ทุกที่ที่เดินผ่าน หยดน้ำที่หยดลงจากร่างก็เกิดเป็นแมลงผีหกตาเดินตามไปด้วย
และยังมีผีตัวเล็กที่เหมือนเด็กอายุสามขวบ ตาแดง หูยาว ตัวดำแกมแดงวิ่งเล่นอยู่บนพื้น
และบนสิ่งก่อสร้างที่ห่างไปไม่ไกลตรงนั้นมีแมวไร้ขนหมอบอยู่ ในกรงเล็บมีศีรษะโชกเลือดศีรษะหนึ่ง กำลังเลียอาหาร
หมอกดำลอยอวลบนตัวมัน มองออกว่านี่ก็เป็นภูตผีปีศาจประเภทหนึ่งเช่นกัน
ส่วนร่างที่ไร้ศีรษะ ร่างสัตว์ป่า โครงกระดูกยืนหรือกายหมอกหลายหัว มีเยอะแยะมากมาย
บ้างก็ลอย บ้างคลาน บ้างก็นั่งอยู่บนเงาผีตนอื่น บ้างก็ลอยผ่านไปกลางอากาศ และก็มีแปลงเป็นหน้าผีนับไม่ถ้วนกัดทึ้งซึ่งกันอยู่ที่ระดับเหนือศีรษะ หัวเราะไร้เสียง พุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
อีกทั้งบนเงาของทุกตนยังแผ่ความเหี้ยมโหดดุร้าย ยิ่งแผ่ความหิวกระหายออกมา เมื่อสวี่ชิงได้สัมผัสกลิ่นอายที่พวกมันแผ่ออกมาก็ยิ่งระแวดระวังมากขึ้น
เขาคอยสังเกตร้านข้างทางระหว่างเคลื่อนไปข้างหน้าตอนนี้ มองหาของที่ตัวเองต้องการ
และทั้งถนนดูคึกคักมาก เงาผีสัญจรไปมา ทั้งนอกและในร้านค้าก็เช่นกัน แต่กลับเงียบกริบไร้สุ้มเสียง
สวี่ชิงเงียบไม่ส่งเสียงเช่นกัน เคลื่อนไปข้างหน้าก็ใช้วิธีลอย ตอนนี้สายตากำลังสำรวจมองร้านค้า จู่ๆ จิตใจของเขาก็สั่นไหวเล็กน้อย หันหน้ามองไปข้างหน้าอย่างเย็นชา
ข้างหน้าของเขามีผีหน้าสัตว์ที่ประคองคางของตัวเองเอาไว้ ทั่วทั้งร่างดำเน่าเฟะ เดินมาหาเขาท่ามกลางกลุ่มผี
กลิ่นอายเหี้ยมโหดแผ่ซ่านออกมาจากร่างแปลกประหลาด ดูท่าแล้วเหมือนจะชนสวี่ชิง
ดวงตาสวี่ชิงไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ไอพลังประหลาดตอนนี้ก็เข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง หมอกที่เกิดขึ้นยิ่งแผ่ซ่าน ในขณะที่พุ่งพล่านก็แปรเปลี่ยนเป็นใบหน้าผีเหี้ยมเกรียม พุ่งไปหาผู้มาเยือน แสยะยิ้ม ในดวงตาฉายความละโมบและความกระหายออกมา
ใบหน้าผีคือเจ้าเงาแปลงมา นับจากที่มาที่นี่มันก็อยากกัดกินมาโดยตลอด แต่สวี่ชิงไม่อนุญาต
ดังนั้นมันจึงทำได้เพียงควบคุมตัวเอง และตอนนี้ในเมื่อมีผู้มาปะทะหาตน ทำให้มันตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่ง
จึงไม่รอให้สวี่ชิงลงมือ เห็นผีหน้าสัตว์ตนนั้นมาด้วยจิตมุ่งร้าย ใบหน้าผีที่แปรเปลี่ยนมาจากหมอกก็พุ่งออกมาทันที อ้าปากมหึมากลืนอีกฝ่ายลงไปในคำเดียว
รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เพียงพริบตาเดียวผีหน้าสัตว์ตนนั้นก็หายไปโดยไร้ร่องรอย
หมอกผีกลับไปอย่างพึงพอใจ
สวี่ชิงเงยหน้ามองเจ้าเงาในหมอกแวบหนึ่ง ไม่ได้สนใจ เคลื่อนไปข้างหน้าต่อ
ภาพนี้เป็นเพียงแค่ฉากเล็กๆ ฉากหนึ่งเท่านั้น เงาผีรอบๆ เห็นจนชินตา ไม่สนใจ
ก็เป็นเช่นนี้เอง สวี่ชิงเดินอยู่บนถนนนานมาก ในที่สุดก็หาร้านหนึ่งเจอ
ของที่ขายที่ร้านนี้เป็นพิษร้ายแรงต่างๆ
พิษประเภทนี้ไม่อาจจับต้องได้ คล้ายหมอกประเภทนั้น แล้วยังมีบางอย่างที่เป็นมายา ถูกผนึกเอาไว้ในหัวผีสีเขียวแต่ละหัว
ดังนั้นเมื่อมองไป ของในร้านล้วนเป็นหัวผีเล็กใหญ่มากมายลอยอยู่ แต่ละหัวกำลังยิ้ม
สวี่ชิงกวาดตามองไป หลังจากที่สำรวจอย่างละเอียดแล้วก็พอใจ
สิ่งที่เขาจะหาจากที่นี่ก็คือพิษที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่งประเภทนี้
และพิษประเภทนี้ส่วนมากไม่สามารถจับต้องได้ อีกทั้งผู้มีชีวิตนอกเสียจากจะมีเคล็ดวิชาพิเศษ ไม่เช่นนั้นแล้วก็ยากจะเก็บเกี่ยว มีเพียงสิ่งประหลาดเท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้
สวี่ชิงเงยหน้ามองเจ้าของร้าน
หน้าตาเจ้าของร้านเหมือนหมี ริมฝีปากแดงดุจชาด ดวงตาราวกระจก มีเขายาวที่หัว หลังมีปีกเนื้อสีเขียวคราม เมื่อกางออกมีขนาดจั้งกว่าๆ และมีหางเหมือนเสือดาว
มันก็กำลังสังเกตสวี่ชิงเช่นกัน และหลังจากสบตากับสวี่ชิงแล้ว ก็อ้าปากใหญ่เหี้ยมเกรียม เหมือนว่ากำลังยิ้มน้อยๆ
สวี่ชิงสงบนิ่ง มือขวายกขึ้นคว้า ทันใดนั้นในบรรดาหัวผีหลายร้อยหัวที่ลอยอยู่ในร้านก็ลอยมาอยู่ข้างหน้าสวี่ชิงกับเจ้าของร้านอย่างรวดเร็วสิบสามหัว
จากนั้นสวี่ชิงก็หยิบขวดใบเล็กออกมาใบหนึ่ง แล้วผลักมันไป
หางของเจ้าของร้านพุ่งมาพร้อมด้วยรอยเงา รัดขวดใบเล็กทันที ขวดใบเล็กแตกร้าวอย่างไร้เสียง ในขณะเดียวกับที่กลิ่นคาวคลุ้งกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่าน ก็มีเลือดกลุ่มหนึ่งปรากฏออกมาด้วย
เลือดพวกนี้เป็นเลือดจากหัวใจของผู้บำเพ็ญกลุ่มนกเขาราตรี ขวดหนึ่งมีประมาณเจ็ดแปดร้อยหยด
ตอนนี้หางนั่นรัดมันเข้าไปในปากของเจ้าของร้าน ในขณะที่เจ้าของร้านเคี้ยวอย่างเคลิบเคลิ้มมีความสุข สวี่ชิงก็เห็นในเลือดจากหัวใจพวกนั้นมีเงาวิญญาณแต่ละร่างปรากฏขึ้น
เป็นผู้บำเพ็ญกลุ่มนกเขาราตรีทั้งหมด
ขณะที่เคี้ยวไม่หยุดนั้น เจ้าของร้านก็พยักหน้าอย่างพอใจ
สวี่ชิงไม่พูดพร่ำทำเพลงหอบม้วนหัวผีข้างหน้า เก็บลงไปในถุงเก็บของ หมุนตัวจากไป เดินต่อไปบนถนนผี ทะลุผ่านสิ่งประหลาดกลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ระหว่างนั้นก็หยุดอยู่หน้าร้านหลายร้าน จับจ่ายซื้อของ
จนเมื่อหนึ่งคืนใกล้ผ่านพ้นไป สวี่ชิงหาอยู่นาน ในที่สุดก็หาของที่เขาต้องการสิ่งสุดท้ายเจอ
นั่นเป็นร้านที่เหมือนโรงเตี๊ยมร้านหนึ่ง
ในร้านนี้มีร่างมากมาย มีมนุษย์ มีสัตว์ มีต่างเผ่า มีเงามายา
ร่างเหล่านั้นล้วนถูกตะขอเหล็กแขวนไว้บนกำแพง อีกทั้งยังมีชีวิตทั้งหมด
ข้างล่างมีเทียนสีต่างๆ จุดอยู่เหมือนมีความลึกลับบางอย่าง ทำให้สิ่งมีชีวิตที่ถูกแขวนอยู่พวกนี้แผ่ระลอกคลื่นอารมณ์ต่างๆ ออกมา
บ้างเคลิบเคลิ้ม บ้างโกรธเคือง บ้างโศกเศร้า บ้างลิงโลด
เหมือนร่างเหล่านั้นอยู่ในห้วงความฝันภาพมายา กำลังใช้ชีวิตอยู่ในนั้น
สิ่งที่ดึงดูดสวี่ชิงไม่ใช่สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ แต่เป็นเทียนที่อยู่ข้างล่าง
ของที่ร้านนี้ขายก็คือเทียนชนิดนี้
สำหรับของชิ้นนี้ ก่อนที่สวี่ชิงจะมาก็ได้เห็นในข้อมูลการซื้อของสำนัก รู้ว่าความจริงแล้วเป็นพิษประเภทหนึ่ง ชื่อยังเพราะมากอีกด้วย ชื่อว่าห้วงภวังค์สามภพ ราคาสูงลิ่ว
นี่เป็นเป้าหมายหลักในการมาที่นี่ของสวี่ชิง
ตอนนี้หลังจากที่เห็น เขาก็ไม่ลังเล หยิบขวดใบเล็กออกมาสี่ขวดวางไว้ข้างหน้าเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านเป็นชายชราที่ดูแล้วนับว่าปกติคนหนึ่ง สวมชุดคลุมยาวสีเหลืองทั้งตัว เขามองขวดใบเล็กที่สวี่ชิงส่งมาพลางส่ายหน้า
ในเสี้ยวพริบตาที่เขาส่ายหน้า ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง เป็นเด็กหนุ่มหล่อเหลาก่อน จากนั้นก็กลายเป็นหญิงชราที่เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น จากนั้นก็เป็นเด็กน้อยซุกซน แปลกประหลาดยิ่งนัก
สวี่ชิงขมวดคิ้ว ขวดเลือดจากหัวใจในตัวเขามีเพียงแค่สิบเอ็ดขวดเท่านั้น ก่อนหน้านี้ใช้ไปแล้วห้าขวด
ดูจากข้อมูลและเอกสารที่เขาได้มาพวกนั้น จะซื้อห้วงภวังค์สามภพ สี่ขวดก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นหลังจากครุ่นคิด สวี่ชิงก็หยิบออกมาอีกขวดหนึ่ง วางไว้ข้างหน้าเจ้าของร้าน
เจ้าของร้านมองสวี่ชิงอย่างล้ำลึกแวบหนึ่ง ยังคงส่ายหน้าเช่นเดิม
ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ในหมอกของสวี่ชิงเคร่งเครียด หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ก็หยิบขวดใบสุดท้ายออกมา
แต่เจ้าของร้านก็ยังคงส่ายหน้าเช่นเดิม เหมือนรู้ว่าสวี่ชิงเอาทุกอย่างที่มีออกมาแล้ว ดังนั้นใบหน้าที่เปลี่ยนแปลงหลายครั้งของเขาสุดท้ายแปรเปลี่ยนเป็นว่างเปล่า หลังจากเป็นคนไร้หน้าก็ยกมือชี้มาที่หน้าของสวี่ชิง
สวี่ชิงนิ่งเงียบ
เขาคำนวณเวลา ตอนนี้ใกล้ฟ้าสางแล้ว แล้วนึกย้อนความจำว่าตลอดทางที่ตนเดินมา ร้านที่ขายเทียนมีเพียงร้านนี้ร้านเดียว
ดังนั้นเขาจึงก้าวขึ้นไปก้าวหนึ่ง ไฟชีวิตในร่างกะพริบวูบวาบ ตะเกียงแห่งชีวิตลุกโชน เหมือนมีโลกอีกใบกำลังลุกโชนเผาไหม้อยู่ข้างใน
พลังน่าครั่นคร้ามกลุ่มหนึ่งปะทุออกมาจากในตัวเขา ก่อเป็นคลื่นความร้อนร่วมกับเลือดลมมหาศาลของเคล็ดวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ แผ่ซ่านไปรอบๆ
เจ้าของร้านไม่เป็นคนไร้หน้าอีกต่อไป แต่แปลงเป็นชายชราอย่างรวดเร็ว สีหน้ายิ่งเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เห็นสวี่ชิงกำลังจะลงมือ เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย สะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้น เทียนข้างหลังก็พุ่งมาทันเจ็ดเล่มทันที ลอยอยู่ข้างหน้าสวี่ชิงทั้งหมด
จากนั้นเขาก็ถอยไปสามสี่ก้าว สีหน้าเผยแววประจบประแจง
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เก็บเทียนลงไป แล้วเอาขวดเล็กหกใบนั้นไปด้วย หมุนตัวจากไปไกล
ระมัดระวังป้องกันมาตลอดทาง ขณะเดียวกันก็สังเกตการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้า
จากเอกสารที่เขาได้มา ย่านการค้าเมืองผีเมื่อเข้ามาแล้วจะไม่อาจออกไปได้ก่อนเวลา ต้องรอให้ในเสี้ยวพริบตาที่ฟ้าสว่าง เป่าขลุ่ย ถึงจะออกไปได้
ตอนนี้ท้องฟ้าใกล้สว่างแล้ว สวี่ชิงเดินอยู่บนถนน รอคอยเงียบๆ
ไม่นานนัก ปลายขอบฟ้าก็เริ่มสว่าง สวี่ชิงค้นพบทันทีว่าภูตผี สิ่งแปลกประหลาดทั้งหลายรอบๆ และเมืองแห่งนี้โปร่งแสงอย่างรวดเร็ว คล้ายว่าจะหายไป
แต่ในตอนนี้เอง ศีรษะพระขนาดมหึมาที่ลอยอยู่กลางอากาศ ถูกโซ่ที่เกิดจากแขนจำนวนนับไม่ถ้วนพันธนาการเอาไว้บนท้องฟ้าใจกลางเมืองผี ก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้น
ในดวงตาของมันแดงก่ำราวมีขุมนรกในนั้น ผีร้ายมหาศาลกำลังดิ้นรน สีหน้าน่าสังเวช กรีดร้องอย่างไร้เสียง
ภาพรวมทำให้คนรู้สึกปั่นป่วนไม่เป็นสุขมาก และทำให้สีหน้าของศีรษะพระศีรษะนี้ดูเหม่อลอย
ตอนนี้ศีรษะที่เหมือนชะงักค้าง ขยับอย่างชะงักช้าเนิบ แววตาปั่นป่วนก็ทำเหมือนเช่นเคย กวาดไปทั่วทั้งเมืองผีช่วงเวลาก่อนที่ฟ้าจะสาง
เมืองผีแห่งนี้ ในที่ต่างๆ มีเงาร่างสิบกว่าเงาที่ไม่ได้โปร่งแสง พวกเขาล้วนเป็นผู้บำเพ็ญที่มาทำการค้าแลกเปลี่ยนที่นี่ กำลังรอฟ้าสว่าง
ดวงตาทั้งสองของพระกวาดไปยังร่างของคนเหล่านี้ทีละคนๆ จากการขยับชะงักช้าเนิบของศีรษะ จนตอนที่มองมาทางสวี่ชิง จู่ๆ มันก็สั่นสะท้าน จมูกฟุดฟิด ดมกลิ่นอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นในดวงตาก็วาววาบ
สวี่ชิงก็สังเกตได้เช่นกัน สีหน้าเปลี่ยนไปทันที ขณะเดียวกันนั้น ศีรษะพระก็พลันส่งเสียงประดุจอัสนีสวรรค์ท่วมท้นออกมา
“วิหคทอง! วิหคทองหลอมเผ่าของข้า!! วิหคทองทั้งหมดต้องตาย!!!”
ในชั่วขณะที่เสียงนี้ดังขึ้นมา ฟ้าก็สว่างแล้ว เมืองผีทั้งเมืองหยุดนิ่งทันที
และนี่เป็นเสียงเพียงเสียงเดียวที่สวี่ชิงได้ยินในคืนนี้
เสียงนี้มีพลังเกินหยั่ง หลังจากที่ดังขึ้นในหูสวี่ชิง เขาก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง จิตวิญญาณไม่เสถียรคล้ายจะแตกสลาย ดีที่ร่มดำจากตะเกียงแห่งชีวิตปรากฏขึ้นในร่างของเขาปกป้องจิตวิญญาณเอาไว้ นี่จึงทำให้สวี่ชิงฟื้นฟูกลับมา
เขาไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น หยิบขลุ่ยออกมาทันที แตะที่ริมฝีปากแล้วเป่า
เสียงแสบแก้วหูดังไปทั่วทุกสารทิศทันที ในขณะที่แผ่ระลอก ทุกสิ่งทุกอย่างรอบสวี่ชิงก็หายไปอย่างรวดเร็ว
เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว เงาร่างของสวี่ชิงก็ปรากฏตันขึ้นบริเวณต้นไม้สามต้นที่จัดวางก่อนหน้านี้ในป่า
ส่วนเมืองผี…ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
ปลายขอบฟ้าไกลมีแสงพรายรุ้งลุกไหม้ ดวงอาทิตย์กล้ากำลังเชิดหน้า ประกายแสงสาดส่องไปทั่วทุกสารทิศ
ในขณะเดียวกัน ในที่ที่ห่างไกลจากสวี่ชิงมาก ในแดนต้องห้ามแห่งนี้เช่นกัน ที่นั่นก็มีเมืองแบบนี้
เพียงแต่เมืองแห่งนี้ไม่เหมือนกับเมืองผี มันมีอยู่จริง ไม่รู้ว่ากลายเป็นที่รกร้างไปเมื่อกี่ปีก่อน หลงเหลือมาจนถึงตอนนี้
ความมืดปกคลุม ยังคงเห็นซากปรักหักพัง ฝุ่นธุลีปกคลุมหนาแน่น
ทางทิศตะวันออกของเมืองร้างแห่งนี้ ราตรีมืดเหมือนฉากม่านผืนหนึ่งถูกท้องฟ้าเปิดขึ้นอย่างสุดแรง เผยให้เห็นศาลเจ้าแห่งหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในยามราตรีจากการปรากฏขึ้นของแสงอาทิตย์บนท้องฟ้าในตอนนี้
ข้างนอกศาลเจ้ามีเด็กหนุ่มหลายสิบคนนั่งขัดสมาธิ เสื้อผ้าอาภรณ์ต่างกัน ต่างระแวงระวังกันอย่างลึกๆ เห็นได้ชัดว่ามาจากคนละที่
ตอนนี้จากท้องฟ้าที่สว่างขึ้น สายตาของพวกเขาต่างแฝงความระแวดระวังและความยำเกรงไว้ จับจ้องไปในศาลเจ้า
ในศาลเจ้าแห่งนั้นมีเทวรูปถือดาบองค์หนึ่ง
ใต้เทวรูป ทั้งในศาลเจ้ามีคนเพียงคนเดียวนั่งขัดสมาธิอยู่
คนคนนี้สวมชุดคลุมยาวสีทอง ที่ศีรษะสวมกวานประดับหยก ใบหน้างดงามเกินปกติ สีหน้ากลับเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง ฉัตรที่เหนือศีรษะไม่ธรรมดา รัศมีอำนาจทั่วทั้งร่างสะท้านฟ้า
เป็นซิ่งอวิ๋นจื่อผู้ปราดเปรื่องนั่นเอง!