ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 247 วิญญาณร้ายรังควาญ
บทที่ 247 วิญญาณร้ายรังควาญ
ในแดนต้องห้ามปักษาราชัน เทียนสามเล่มดับไปนานแล้ว เหลือเพียงน้ำตาเทียนที่หยดลงบนต้นไม้แห้งเป็นชั้นหนาๆ
สวี่ชิงยืนอยู่กลางต้นไม้ทั้งสามต้น เงยหน้ามองบริเวณ ที่เมืองผีหายไปจากที่ไกลๆ
ขณะเดียวกันพลังเวทก็ผสานเข้าไปในถุงเก็บของ พบว่าของที่ซื้อยังอยู่
‘ของย่านการค้าเมืองผีจะเอาออกมาตอนกลางวันไม่ได้ ต้องรอตอนกลางคืนถึงจะใช้ได้’
สวี่ชิงพึมพำในใจ นี่เป็นบันทึกที่เขาได้มาจากเอกสาร ตอนนี้นึกย้อนถึงภาพที่ย่านการค้าเมืองผีเมื่อก่อนหน้านี้
‘ศีรษะพระรูปนั้นพูดถึงวิหคทองหรือ
‘หรือจะเป็นต่างเผ่าที่วิหคทองเคยหลอม’ สวี่ชิงครุ่นคิด ไปจากบริเวณต้นไม้สามต้น หลังจากมองรอบๆ ก็พุ่งจากไปไกลอย่างรวดเร็ว
สำหรับเรื่องที่ย่านการค้าเมืองผีเขารู้สึกว่าจะต้องเป็นอย่างที่ตนวิเคราะห์แน่นอน ส่วนรายละเอียด…ในตอนที่ตนมีความสามารถย่อมสืบได้อยู่แล้ว
ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่ขบคิดเรื่องนี้อีก ตอนนี้จากการที่ขยับไหววูบ ก็เพิ่มความเร็วไปในป่า
ภารกิจที่เขามาแดนต้องห้ามปักษาราชันครั้งนี้นอกจากย่านการค้าเมืองผีแล้ว ยังมีพื้นที่ที่มีสัตว์และพืชมีพิษร้ายแรงบางแห่งที่เขาต้องไปล่าเก็บเกี่ยว
‘หากทุกอย่างราบรื่น ครั้งนี้ข้าจะต้องให้แมลงสีดำทะลวงพันธนาการ เริ่มเจริญเติบโตใหม่อีกครั้ง แบบนี้ถึงจะไม่กระทบต่อแผนการหลอมลูกกลอนต้องห้ามอีกครั้งของข้า’
สวี่ชิงเร็วขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดินทางประเดี๋ยวก็คำนวณระยะทาง หาสมุนไพรพิษที่ต้องการ
เวลาหนึ่งวันก็ผ่านไปเช่นนี้เอง
ความอันตรายของแดนต้องห้ามปักษาราชันในตอนเช้าต่ำกว่าตอนกลางคืนมาก
และขอบเขตของสวี่ชิงก็ควบคุมอยู่บริเวณพื้นที่รอบนอกเท่านั้น รวมกับพลังบำเพ็ญและกำลังรบของเขาในตอนนี้ ดังนั้นแม้จะเจอกับสัตว์ร้ายบางอย่างเขาก็สามารถจัดการได้อย่างราบรื่น
สมุนไพรเขาก็หาได้แล้วบางส่วน ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่มีอันตรายอะไรเลย ในช่วงโพล้เพล้ สวี่ชิงเห็นพื้นหญ้าสีแดงแห่งหนึ่งมาจากที่ไกลๆ ที่ตรงนั้นทำให้เขารู้ได้ว่าเต็มไปด้วยอันตราย
เขามองแค่แวบเดียว พื้นหญ้าสีแดงผืนนั้นก็เลื้อยขยุกขยิกอย่างแปลกประหลาด มีดวงตามากมายงอกออกมา แล้วพลันลืมตาขึ้นมาจ้องเพ่งสวี่ชิง
จิตมุ่งร้ายกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมาจากในดวงตาพวกนี้
สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก เขารู้สึกว่าผิวกายทั่วทั้งร่างคันมาก ในขณะเดียวกับที่ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว ไฟชีวิตในร่างก็ลุกไหม้ ตะเกียงแห่งชีวิตแผ่พลัง ถึงจะสกัดกั้นจิตมุ่งร้ายกลุ่มนี้เอาไว้ได้
หลังจากหนีไปไกลจากที่นี่ เขาก็ก้มหน้าสำรวจทั่วทั้งตัว สวี่ชิงเห็นดวงตาครึ่งดวงปรากฏที่แขนตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้
เหตุที่พูดว่าครึ่งดวงเพราะดวงตาดวงนี้ยังเติบโตไม่สมบูรณ์ ยังไม่ถึงระดับที่สามารถลืมตาได้
แต่หนังตาและขนตาล้วนชัดเจน ดูแล้วเหมือนดวงตาบนพื้นหญ้าสีแดงทุกกระเบียดนิ้ว
และดวงตานี่ก็แปลกประหลาดมาก ไม่ว่าสวี่ชิงจะใช้ไฟเผาหรือควักมันออกมาก็ไม่อาจกำจัดมันได้ ต่อให้เป็นเจ้าเงาก็ทำได้แค่ให้มันลอยออกไปนอกร่างได้เป็นเวลาสั้นๆ เท่านั้น แต่เมื่อเจ้าเงากำจัดออกไป มันก็งอกออกมาใหม่อีกครั้ง
อีกทั้งจากการไหลผ่านไปของเวลา ดวงตาเหล่านี้ก็ยังคงเติบโตขึ้น ทำให้สวี่ชิงรู้สึกว่าเหมือนอย่างมากสามสี่วัน มันก็จะลืมตาได้
และผลของการลืมตาขึ้นมาคืออะไร สวี่ชิงไม่คิดอยากจะรู้ ดังนั้นเขาจึงควบคุมเจ้าเงา ในเสี้ยวพริบตาที่แยกดวงตา ก็สำแดงเคล็ดวิชาวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ หลอมดวงตาที่เติบโตครึ่งดวงดวงนี้ให้สลายไป
“แดนต้องห้ามปักษาราชันอันตรายนัก”
สวี่ชิงมองแขนของตัวเอง แล้วสำรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง สุดท้ายก็ทำลายดวงตาบนร่างไปสามสิบกว่าดวง
ดวงตาสามสิบกว่าดวงนี้ห่างจากขั้นสมบูรณ์ไกลมากนัก อีกทั้งส่วนมากเป็นเหมือนแค่เมล็ดพันธุ์เท่านั้น สิ่งที่ทำให้สวี่ชิงขนลุกหวาดหวั่นคือ พวกมันไม่ได้เติบโตที่ชั้นผิวร่างกายเท่านั้น แต่เติบโตอยู่ในอวัยวะภายใน
จินตนาการได้ว่าหากตัวเองสำรวจช้าไปหรือละเลย หากเมื่อพวกมันมีเวลาเติบโต หลังจากที่ลืมตาขึ้นมาตนเองจะต้องสภาพน่าอนาถอย่างแน่นอน
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก จากเวลาพลบค่ำที่หมุนผ่านไป จากราตรีที่มาเยือน เขายิ่งระมัดระวังยิ่งขึ้นไปอีก เลือกโพรงไม้แห่งหนึ่ง แล้วมุดเข้าไป
“สมุนไพรพิษได้พอประมาณแล้ว ต่อไปก็เป็นสัตว์พิษบางอย่าง…”
คืนนี้เขาไม่คิดที่จะเดินทางแล้ว เตรียมตัวเมื่อฟ้าสว่างค่อยออกเดินทางต่อ เพราะเวลาออกเคลื่อนไหวของเป้าหมายต่อไป จะเป็นตอนกลางวันเป็นหลัก
อีกทั้งเขายังเตรียมลองผสานพิษร้ายแรงเข้าไปในแมลงสีดำที่นี่คืนนี้ ดังนั้นระหว่างรอให้ยามจื่อมาถึงอย่างเงียบๆ เขาก็เริ่มวางค่ายกลและโปรยผงพิษไว้ข้างนอกโพรงต้นไม้
หลังจากมั่นใจว่าตัวเองปลอดภัยแล้ว เขาก็หลับตานั่งสมาธิ
ราตรีมาเยือน โพรงต้นไม้เงียบสงัด โลกภายนอกประเดี๋ยวก็มีเสียงแปลกประหลาดเป็นระลอกๆ ดังมา สวี่ชิงฟังๆ แล้วเหมือนกลับไปยังเมืองร้างเมื่อในตอนนั้น
“ไม่รู้ว่าเมื่อไรข้าจะแข็งแกร่งจน…เมินเฉยพื้นที่ต้องห้ามและแดนต้องห้ามได้” สวี่ชิงพึมพำในใจ
เวลาผ่านไป ไม่นานยามจื่อก็มาถึง เวลาสวี่ชิงหายใจก็จะมีไอสีขาวลอยออกมาจากการที่ความเย็นรอบๆ แผ่ลามมาตลอด นี่ทำให้ความเย็นที่เขาไม่ได้สัมผัสมานานปรากฏขึ้นมาในความรู้สึกอีกครั้ง
สวี่ชิงกลัวความหนาว แต่หลังจากที่สำเร็จระดับสร้างฐาน จากการยกระดับขึ้นของความแข็งแกร่งพลังบำเพ็ญและกำลังรบ เขาน้อยนักที่จะรู้สึกหนาว
แต่วันนี้…เขาสัมผัสมันได้อีกครั้งแล้ว
“มีอะไรไม่ปกติ”ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายวาววาบ คืนเมื่อวานในเวลานี้แม้จะสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่พื้นที่ต้องห้ามลดต่ำ แต่เทียบไม่ได้กับตอนนี้เลย
สวี่ชิงใจกระตุกวูบ ไฟชีวิตในร่างลุกไหม้ขึ้นมาทันที ทั้งคนหลังจากเข้าสู่สภาวะแสงนภาก็พุ่งออกมาจากโพรงต้นไม้ สำรวจรอบๆ และเสี้ยวพริบตาต่อมา สวี่ชิงก็สีหน้าเคร่งเครียด
เขามองเห็นในป่าที่ไกลตอนนี้จู่ๆ มีหมอกมหาศาลปรากฏขึ้น ในขณะที่หมอกพวกนี้ลอยตลบปกคลุมไปทั่วทุกทิศ เมืองผีเมื่อวานเมืองนั้นก็ปรากฏขึ้นอีกครั้งอย่างไร้สุ้มเสียง
และครั้งนี้สวี่ชิงไม่ได้เป่าขลุ่ยผี รอบๆ เขาก็ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีคนที่เป่าขลุ่ยเรียกหา นี่ทำให้สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย พุ่งไปที่ไกลด้วยความเร็วทั้งหมดทันที
และข้างหลังเขา เมืองผีที่มาเยือนลอยอยู่กลางอากาศ ศีรษะพระที่ถูกโซ่จากแขนมากมายนับไม่ถ้วนพันธนาการเอาไว้ ก็หมุนช้าๆ มองไปทางที่สวี่ชิงหนีจากที่ไกลๆ เสียงดุจอัสนีสวรรค์ ดังก้องขึ้นอีกครั้ง
“วิหคทองหลอมเผ่าพันธุ์ข้า วิหคทองทั้งหมดต้องตาย!”
ขณะพูด ศีรษะนี้ก็พลันพุ่งมาข้างนอก บินขึ้นสูงมาก ส่วนโซ่เหล็กแขนที่พันธนาการมันไว้ ก็ถูกลากจนยาวยืด แต่ก็ไม่อาจขัดขวางได้
หลังจากศีรษะนี้ทะยาน ในยามที่พุ่งลงก็ทุ่มพละกำลังมหาศาลไปยังป่านอกเมืองผี ในขณะที่ต้นไม้หักโค่นเป็นบริเวณกว้าง ศีรษะนี้ก็พุ่งมาข้างหน้า เหมือนกับลูกหนังลูกหนึ่ง กลิ้งเคลื่อนไปข้างหน้า ไล่ตามสวี่ชิงไป!
ความเร็วในการกลิ้งของมันรวดเร็วมาก ทุกที่ที่ผ่าน ต้นไม้มากมายหักโค่น ส่วนโซ่แขนข้างหลังก็ถูกลากยาวบิดเบี้ยว กระทั่งว่าเมืองผีแห่งนั้นก็ยังส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว คล้ายว่าถูกสั่นคลอน
ทุกอย่างนี้ทำให้สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็ก อันตรายผุดขึ้นในใจ ไฟชีวิตและตะเกียงแห่งชีวิตในร่างสำแดงออกมาทั้งหมด ข้างหลังยิ่งมีวิหคทองปรากฏออกมาเพิ่มพลัง แลกมาซึ่งความเร็วสูงสุด หลบหนีไปที่ไกลราวสายอสุนี
แต่ศีรษะดุจขุนเขาข้างหลังนั่นยังคงกลิ้งไล่ตามโจมตีมา
ขณะเดียวกัน เมืองผีทางนั้นตอนนี้ก็มีเสียงหวีดแหลมดังมา มือผีนับไม่ถ้วนนั่นยืนออกมาจากในนั้น ไล่ตามศีรษะไป
มองไกลๆ สวี่ชิงอยู่ข้างหน้า ศีรษะไล่ตาม ส่วนโซ่เหล็กเชื่อมต่อจำกัดความเร็วมัน ขณะเดียวกันมือผีที่ยื่นออกมาจากเมืองผีก็ไล่ตามมา
“วิหคทอง…” ในการไล่ล่านี้ ศีรษะนั่นก็เหม่อลอยอยู่หน่อยๆ ส่งเสียงคำรามคุ้มคลั่ง
“ล้วนต้อง…”
“ตาย!!!”
สองคำสุดท้ายคำรามออกมาในตอนที่มันทะยานขึ้นกลางอากาศอีกครั้งแล้วทุ่มไปหาสวี่ชิง แต่โซ่บนตัวมันตอนนี้มาถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว ทำให้ความเร็วของศีรษะชะงักค้างไปกลางอากาศ
เห็นมือผีพวกนั้นที่อยู่ข้างหลังใกล้จะไล่ตามมาทันแล้ว ศีรษะนี้ก็ยิ้มประหลาด ร่างส่งเสียงบึ้มทำการระเบิดตัวเองกลายเป็นศีรษะเล็กๆ นับไม่ถ้วน กระเด้งกระดอนไล่ตามสวี่ชิงไป
ศีรษะเล็กๆ พวกนั้นไร้การพันธนาการจากโซ่ ความเร็วยิ่งน่ากลัว เพียงพริบตาก็มีหลายสิบหัวที่กระโดดกลิ้งประชิดมาหาสวี่ชิง อ้าปากกว้าง กำลังจะกัด
จิตสังหารฉายวาบในดวงตาสวี่ชิง เขาพลันหันไป วิหคทองที่อยู่ข้างหลังปรากฏออกมา แล้วทำการกลืน ยิ่งมีเหล็กแหลมสีดำพุ่งออกไปหาศีรษะพวกนี้
เพียงพริบตาวิหคทองแผดเสียงคำราม ดูดอย่างเต็มแรง เหล็กแหลมสีดำก็พุ่งมาถึงอย่างรวดเร็ว เสียงระเบิดดังก้อง ศีรษะเล็กๆ พวกนั้นระเบิดกลายเป็นเถ้าธุลี
แต่ไม่มีอะไรถูกดูดออกมาเลยแม้แต่น้อย
เหมือนศีรษะนี้เป็นแค่ภาพมายา ไม่มีอยู่จริง
อีกทั้งเศษเถ้าที่ฟุ้งกระจายก็รวมกันใหม่ ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ไม่เสียหายอะไรเลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะมีศีรษะหนึ่งมาปรากฏอยู่ข้างเท้าสวี่ชิง แล้วกัดไปที่น่องของเขา
ไฟชีวิตในร่างสวี่ชิงพลันแผ่ลามออกมา ศีรษะรอบๆ กลิ้งกลับหลัง ก็ยังไม่เสียหายอะไรเช่นเดิม ในขณะเดียวกันก็ล้วนกำลังเคี้ยว ส่งเสียงรางเลือนออกมา
“อร่อย อร่อย อร่อย”
“อ่อนแอ อ่อนแอ อ่อนแอ อ่อนแอ อ่อนแอ!”
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด เขารู้ว่าไม่ใช่วิหคทองอ่อนแอ แต่การจะสำแดงพลังวิหคทองให้ถึงขีดสูงสุด ไม่ใช่สิ่งที่พลังบำเพ็ญของเขาในตอนนี้จะทำได้
เขาก้มมองน่องของตัวเองแวบหนึ่ง ตรงนั้นถูกอีกฝ่ายกัดเนื้อหลุดไป
ที่ผ่านมาเป็นเขาดูดซับคนอื่น นี่เป็นครั้งแรกที่เจอกับการถูกกัด
ตอนนี้ศีรษะเล็กๆ นั่นโคลงไปมา แลบลิ้นเลีย ยิ้มแปลกประหลาด กำลังจะพุ่งมา กลับถูกมือผีข้างหนึ่งคว้าเอาไว้ลากกลับไปยังเมืองผี
ส่วนศีรษะอื่นๆ กลับมีจำนวนหนึ่งที่หลบมือผีได้ พุ่งมากัดสวี่ชิงอีกครั้ง
สวี่ชิงสีหน้าย่ำแย่ เขาพบว่าพลังไฟชีวิตไม่มีผลกับมัน เห็นศีรษะหนึ่งพุ่งมาหาอย่างโหดเหี้ยม ดวงตาสวี่ชิงฉายแววเย็นเยือก
เจ้าเงาสัมผัสได้ถึงความคิดของสวี่ชิงก็กระโจนไปทันที ดูดซับไอพลังประหลาดของศีรษะนั่น บรรพจารย์สำนักวัชระก็ไม่น้อยหน้า พุ่งทะลุไปอีกครั้ง
ส่วนศีรษะนั่นก็โหดเหี้ยมเช่นกัน มันไม่หลบหลีกเลยแม้แต่น้อย กัดเจ้าเงากับบรรพจารย์สำนักวัชระ
ในขณะที่กัดทึ้ง ศีรษะนี้ก็ระเบิด ในตามีแมลงนับไม่ถ้วนพุ่งออกมา
พวกนี้คือแมลงสีดำของสวี่ชิง ก่อนหน้าที่จะหนีเขาปล่อยมันออกมา ตอนนี้มันร่วมมือกับเจ้าเงา
แต่ก็ไร้ผลเช่นเคย
ทำลายไปหนึ่งก็เกิดขึ้นใหม่ อีกทั้งรอบๆ ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น พุ่งมาจากทั่วทุกทิศไม่จบไม่สิ้น
สวี่ชิงสีหน้าย่ำแย่ รู้ว่าพัวพันกับมันก็ไร้ประโยชน์ หมุนตัวปะทุพลังบำเพ็ญ เร่งความเร็วหนีไปไกล
คืนหนึ่งผ่านไปเช่นนี้เอง
สวี่ชิงหนีอย่างบ้าคลั่งทั้งคืน หากถูกไล่ตามทันก็รีบสู้รีบจบ จากนั้นก็หนีต่อ ไม่ให้ศีรษะพวกนั้นได้โอกาสล้อมเขาไว้ ขณะเดียวกันมือผีก็ไล่ตามไม่หยุด คว้าศีรษะแล้วศีรษะเล่าจากไปไกล
จวบจนเมื่อปลายขอบฟ้ามีประกายแสง สวี่ชิงปะทุพลังสุดกำลัง หลังจากทำลายศีรษะหนึ่งแล้ว ศีรษะที่ไล่ตามพวกนั้นในที่สุดก็เลือนหายไป
ถูกมือผีจับเอาไว้ทั้งหมด หายไปอย่างไร้ร่องรอยจากแสงสาดทอของแสงอาทิตย์
มีเพียงสวี่ชิงที่นั่งอยู่ตรงนั้น ดวงตาฉายแววเหี้ยมโหด จ้องไปทางที่เมืองผีปรากฏขึ้นเมื่อวาน
เสื้อผ้าของเขาขาดวิ่น เนื้อบนร่างแม้จะงอกขึ้นใหม่ แต่รอยฟันจางหายไปค่อนข้างช้า
“นี่มันอะไรกัน ทำลายไปก็ไม่มีประโยชน์สักนิด อีกทั้งยังปรากฏขึ้นใหม่ได้ มีแค่มือผีที่ยื่นออกมาจากเมืองผีพวกนั้นเท่านั้นถึงจะควบคุมมันได้
“ทำให้ข้ารู้สึกว่ามือผีพวกนั้นเป็นเหมือนพัศดี ส่วนศีรษะพระเป็นเหมือนนักโทษ มันแหกคุกออกมาเพราะข้า…
“โดยเฉพาะ…” สวี่ชิงกวาดตามองรอยฟันบนร่าง ความอำมหิตในดวงตารุนแรงกว่าเดิม
“ต้องหาวิธีฆ่ามันให้ตาย!” แววเย็นเยียบในดวงตาสวี่ชิงก่อตัวขึ้นเข้มข้น บรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ข้างๆ หลังจากสังเกตเห็นภาพฉากนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะในใจ
“กัดข้าไม่เป็นไร กล้ากัดจอมมารสวี่ ไอ้หัวนั่นซวยแน่แล้ว!”