ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 267 พันธมิตรแปดสำนัก
บทที่ 267 พันธมิตรแปดสำนัก
ย่าของเหยียนเหยียนเอ่ยเสียงดังสะท้อนไปในฟ้าดิน ดังไปทั่วทั้งสำนัก
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
นายกองที่อยู่ข้างๆ เขาและศิษย์พี่สามต่างหันมามองเขาทันที แม้แต่ศิษย์พี่รองก็หยุดสื่อเสียง หันมามองสวี่ชิงเช่นกัน
แล้วยังมีนายท่านเจ็ดที่อยู่ข้างหน้า ก็หันมามองสวี่ชิง ในดวงตาฉายแววชื่นชม
“ไม่เลว มีบุคลิกท่วงท่าเหมือนข้าตอนหนุ่มๆ”
พูดแล้วเขาก็มองไปทางลูกศิษย์ที่เหลือทั้งสามคนที่ไม่เอาไหนอย่างไม่พอใจ เพียงแต่ในตอนที่กวาดมองลูกศิษย์คนที่สอง เขาก็ข้ามไปโดยทันที จับจ้องเจ้าใหญ่กับเจ้าสามเป็นพิเศษ
และเมื่อมาถึงเจ้าสามทางนั้นเขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ข้ามเช่นกัน ดังนั้นแล้วสายตาจึงจับจ้องมาที่เจ้าใหญ่โดยสมบูรณ์
“หัดเอาอย่างศิษย์น้องของเจ้าเสียมั่ง!”
“ถ้าข้าหน้าตาเหมือนเขาข้าก็ทำได้เหมือนกัน ใบหน้าดวงนี้ของอาชิงน้อยเคล็ดวิชายังยากจะเลียนแบบออกมา!” นายกองน้อยใจนัก จะมากจะน้อยก็รู้สึกกดดันเช่นกัน
ในขณะเดียวกันนี้ บนท้องฟ้าคนที่กดดันกระทั่งว่าความโมโหไม่อาจระบายออกมาได้จนเปลี่ยนเป็นความอัดอั้นยิ่งกว่าเขาคือบรรพจารย์หลิงอวิ๋น เขามองจอมคนบูรพาสงัด สีหน้าย่ำแย่เป็นอย่างยิ่ง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่ากับแค่คนชั้นต่ำคนเดียว เสี่ยเลี่ยนจื่อจะปกป้องก็ช่างเถิด แต่จอมคนบูรพาสงัดที่ไม่เคยยุ่งกับเรื่องทางโลกและพันธมิตรกลับเอ่ยปากปกป้องตรงๆ เช่นนี้
คิดถึงว่าหลานชายของตนบาดเจ็บสาหัส เป็นตายไม่รู้ คิดถึงว่าตะเกียงแห่งชีวิตของสำนักตนถูกช่วงชิงไป คิดถึงความไม่ราบรื่นครั้งนี้ นึกถึงว่าสำนักเจ็ดเนตรโลหิตมีคุณสมบัติของสำนักบน กระทั่งว่าพลังโดยรวมก็ไม่ด้อยไปว่าสำนักทั้งเจ็ดสำนักใดเลย
ทั้งหมดนี้ทำให้ในดวงตาของเขาปรากฏเส้นเลือดขึ้นมากมาย แต่เขาก็รู้ดีว่า เรื่องที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเลื่อนขึ้นเป็นสำนักบนไม่อาจขัดขวางได้แล้ว จะอย่างไรพันธมิตรเจ็ดสำนักก็เป็นพันธมิตรร่วมมือ ไม่ใช่สำนักสำนักเดียว
สภาสูงสุดแปดคน ประธานสภาหนึ่งคน บรรพจารย์เจ็ดคน แม้ต่างฝ่ายต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ทว่าก็ต่างมีข้อขัดแย้งซึ่งกันและกัน ความแข็งแกร่งของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตในตอนนี้ โดยเฉพาะของวิเศษเวทต้องห้ามชิ้นนั้นทำให้อีกฝ่ายไม่ใช่แค่มีคุณสมบัติเป็นสำนักบนเท่านั้น กระทั่งว่าหลังจากเข้าร่วมพันธมิตรเจ็ดสำนักแล้ว พลังของพันธมิตรเจ็ดสำนักก็จะยกระดับขึ้นอีกมาก
เรื่องแบบนี้เขารู้เป็นอย่างดีว่าคนอื่นๆ จะต้องยอมรับโดยปริยายแน่นอน กระทั่งว่านึกย้อนไปถึงแผนการทั้งชุดของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต เขาไม่เชื่อว่าในพันธมิตรเจ็ดสำนักจะไม่มีผู้สนับสนุนที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิตติดต่อเอาไว้เรียบร้อยตั้งนานแล้ว
ดังนั้นแล้วเขาจึงกัดฟันพูดออกมาว่า
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตคืนตะเกียงแห่งชีวิตมา เรื่องเข้าร่วมพันธมิตร สำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าสนับสนุนเต็มที่! ไม่เช่นนั้นก็รับผลภายหลังที่จะตามมาเอง! เป็นมิตรหรือศัตรู เสี่ยเลี่ยนจื่อเจ้าบอกมาคำเดียว!”
พูดแล้วบรรพจารย์หลิงอวิ๋นก็ยกมือขวาขึ้น ชี้ไปที่ท้องฟ้า ทันใดนั้น ในทะเลเลือด ต้นไม้เลือดที่หลอมรวมมาได้ในระดับหนึ่งแล้วก็ดิ่งลงมา คล้ายว่าจะลงไปที่สำนักเจ็ดเนตรโลหิต
ทันใดนั้น ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเกิดพลังกดดันมหาศาล ส่วนเสี่ยเลี่ยนจื่อกลับหัวเราะอย่างโมโห
“น่าสนุกดี หลิงอวิ๋น เจ้ามีความคิดชั่วร้ายไม่น้อยเลย สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเข้าร่วมกับพันธมิตรยังต้องเสียสละผลประโยชน์ของลูกศิษย์ล่ะก็ ลูกศิษย์คนอื่นๆ จะมองสำนักข้าอย่างไร
“ในอนาคตมีผลประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่กว่านี้ พวกเขาก็จะต้องเสียสละเหมือนกันใช่หรือไม่ สหายในกลุ่มพันธมิตรจะมองสำนักข้าเช่นไร ในอนาคตข้าก็จะเสียสละพวกเขาได้เช่นกันใช่หรือไม่ ศักดิ์ศรีของสำนักข้าต้องเสียหายเพราะเหตุนี้เท่าใด
“ตาเฒ่าหลิงอวิ๋น ประโยคนี้ของเจ้าช่างร้ายกาจนัก
“ท่าทางจะไม่เชื่อของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักข้า”
เสี่ยเลี่ยนจื่อพูดแล้วแววตาก็แปรเปลี่ยนมาดุดัน มือขวายกขึ้นแล้วสะบัด ทันใดนั้นฟ้าดินส่งเสียงเลื่อนลั่น ในเสี้ยวพริบตาที่บรรพจารย์จากพันธมิตรเจ็ดสำนักที่อยู่รอบๆ ต่างหน้าเปลี่ยนสี ที่เผ่าสิงซากสมุทร กระจกสำริดโบราณบานมหึมาบานนั้นพลันขยับหมุนหันมาทางสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ในทันทีที่เล็งเป้ามายังบรรพจารย์หลิงอวิ๋นโดยสมบูรณ์ ดวงตาทั้งเจ็ดบนเทวรูปบรรพชนศพทั้งเจ็ดข้างล่าง ก็มีดวงหนึ่งพลันลืมตื่นขึ้นมา
ดวงตาดวงนี้ไม่มีรูม่านตา มันเป็นสีแดงทั้งดวง ในเสี้ยวพริบตาที่ลืมตื่นขึ้น ลมเย็นยะเยือกที่สามารถผนึกสวรรค์ทั้งเก้าก็พลันปกคลุมมายังท้องฟ้าเหนือสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ในกระจกบานนั้นยิ่งสะท้อนเงาร่างบรรพจารย์หลิงอวิ๋นออกมา
บรรพจารย์หลิงอวิ๋นหน้าเปลี่ยนสี วิกฤตชีวิตเป็นรุนแรงกลุ่มหนึ่งพลันปะทุออกมาจากในจิตใจของเขา เขาไม่ได้สัมผัสกับวิกฤตเช่นนี้มาเนิ่นนานมากแล้ว
นั่นเป็นการสั่นสะท้านของเลือดเนื้อทั้งหมดทั่วทั้งกาย นั่นเป็นการสั่นสะท้านจากจิตวิญญาณ นั่นเป็นการกรีดร้องคำรามจากชีวิต เหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตามธรรมชาติ เหมือนอีกฝ่ายควบคุมความเป็นตายของตน คว้าวิญญาณของตนเอาไว้
ความรู้สึกที่เหมือนในเสี้ยวพริบตาต่อมาตัวเองก็จะตายได้ทำให้หลิงอวิ๋นใจสั่นสะท้านบ้าคลั่ง พลังบำเพ็ญปะทุท่วมฟ้า เหมือนจะทำการต่อต้าน
ตอนนี้ทางเผ่าสิงซากสมุทร กระจกโบราณบานนั้นส่งเสียงเย็นชามัน
“เป็นตาย พิพากษา!”
ผิวหน้าของกระจกสำริดสะท้อนภาพบิดเบี้ยวของบรรพจารย์หลิงอวิ๋น ร่างนั้นพลันหันมา พร้อมด้วยความดุดันและเหี้ยมเกรียม เหมือนมีเพียงเงาร่างนี้ร่างเดียว ไม่ใช่ตัวหลิงอวิ๋นอีกต่อไป ร่างระเบิดแตกสลายไปในทันที!
จากนั้น ดวงตาก็หลับลง
ในขณะเดียวกัน บรรพจารย์หลิงอวิ๋นที่อยู่ในสำนักเจ็ดเนตรโลหิตกระอักเลือด ร่างส่งเสียงดังบึ้ม แล้วพลันเหมือนภาพที่แสดงในกระจก ร่างระเบิดสลายกลายเป็นหมอกเลือด
แต่ก็ไปหลอมรวมก่อร่างขึ้นใหม่ในที่ไกล เพียงแต่สีหน้าของเขาขาวซีด ประกายแสงในตาก็หมองหม่นนัก สีหน้ายิ่งฉายความไม่อยากเชื่อออกมา
ตอนนี้เสียงเย็นชาเสียงนั้นก็ดังก้องขึ้นอีกครั้ง
“พิพากษาล้มเหลว รอการพิพากษาครั้งที่สอง”
เสี่ยเลี่ยนจื่อสีหน้าเหี้ยมเกรียมกำลังจะลงมือ แต่ตอนนี้บรรพจารย์ทั้งหกของพันธมิตรเจ็ดสำนักรีบเข้าขัดขวางทันที ทว่าเสี้ยวพริบตาต่อมาเสี่ยเลี่ยนจื่อหัวเราะเหี้ยมเกรียม คำรามขึ้นมาว่า
“กระตุ้นของวิเศษต้องห้ามทั้งหมด!”
ทันใดนั้น เทวรูปบรรพชนศพทั้งเจ็ดที่อยู่ใต้กระจกโบราณสำริดในเผ่าสิงซากสมุทรทั่วทั้งองค์ก็เดือดพล่านขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังพวยพุ่งขึ้นฟ้า ทรงพลังเกรียงไกร ดวงตาหกดวงที่ปิดอยู่และดวงที่เจ็ดที่เพิ่งหลับลงไป ในเสี้ยวพริบตานี้ก็พลัน…ลืมตื่นขึ้นมาทั้งหมดทันที!!
ดวงตาเจ็ดดวง แบ่งเป็นแสงดวงตาเจ็ดทาง พุ่งผ่านทะเลต้องห้าม เข้ามาในสำนักเจ็ดเนตรโลหิต เล็งเป้าไปที่ร่างของบรรพจารย์ทั้งเจ็ดของพันธมิตรเจ็ดสำนัก!
บรรพจารย์ทั้งเจ็ดสั่นสะท้านไปทั้งร่าง แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสีไปอย่างรวดเร็ว
พวกเขาพบว่า ของวิเศษเวทต้องห้ามของพันธมิตรเจ็ดสำนักแปลกประหลาดกว่าที่พวกเขาวิเคราะห์เอาไว้ก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่พิพากษาธรรมดาๆ แต่หลังจากที่ล้มเหลวแล้วสามารถโจมตีได้อีกครั้ง
การโจมตีประเภทนี้สามารถทำซ้ำได้ ซึ่งก็หมายความว่าต่อให้ชะตาชีวิตฝืนลิขิตฟ้าต้านทานพิพากษาเป็นตายได้เจ็ดครั้ง ทว่าก็จะต้องบาดเจ็บสาหัสจากการโจมตีทั้งเจ็ดครั้งอย่างแน่นอน ห่างจากตายไม่ไกลแล้ว
สิ่งที่สำคัญมากกว่านั้นคือ ไม่มีทางรู้เลยถึงความสมบูรณ์ของแหล่งกำเนิดพลังของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตชิ้นนี้ พวกเขาสามารถกระตุ้นติดๆ กันได้กี่ครั้ง จุดนี้น่ากลัวที่สุด เพราะของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักอื่นใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งในระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น
แม้มีความเป็นไปได้สูงมากว่าของวิเศษเวทต้องห้ามของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตไม่มีทางใช้ได้หลายครั้ง แต่พวกเขาไม่กล้าวางเดิมพัน และไม่มีความจำเป็นด้วย
ดังนั้น ในขณะที่ละล้าละลัง บรรพจารย์ของหุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้าก็เอ่ยขึ้นมาทันที
“สำนักข้าเห็นด้วย ให้สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเข้าร่วมพันธมิตร!”
“สำนักข้าเห็นด้วย!”
การเห็นด้วยของของสำนักนี้ดูเหมือนเป็นไปตามสถานการณ์ แต่ในสายตาของหลิงอวิ๋นไม่ใช่เช่นนั้น เขานึกถึงแสงของของวิเศษเวทต้องห้ามที่ตนกระตุ้นขึ้นเพื่อข่มขู่สำนักเจ็ดเนตรโลหิต ตอนนั้นเป้าหมายลับๆ ของพันธมิตรคือสำนักนำบารมี
แต่ภายนอกคือข่มขู่สำนักเจ็ดเนตรโลหิต แผนการแต่เดิมมีเพียงสำนักเขาสำนักเดียวเท่านั้นที่กระตุ้น แต่ตอนนั้นกลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น หุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้าก็กระตุ้นขึ้นด้วยเช่นกัน
แม้ภายหลังจะมาอธิบายกับเขา แต่ตอนนี้ดูแล้ว ตอนนั้นสองสำนักนี้กระตุ้นของวิเศษเวทไปเพื่อป้องกันเหตุไม่คาดฝัน กังวลว่าทางตนจะไม่ทำตามแผนการ ไปทำการโจมตีสำนักเจ็ดเนตรโลหิตจริงๆ
‘พวกเขาสมคบคิดกันมาก่อนแล้ว!’ บรรพจารย์หลิงอวิ๋นหน้าขาวซีด จากการยอมรับของหุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้า บรรพจารย์คนอื่นๆ ที่เหลือสี่สำนักก็ต่างหวั่นไหว
เห็นเป็นเช่นนี้ในใจของเขายิ่งคร่ำครวญ คิดอยากลงมือ แต่ความรู้สึกเป็นเพียงแค่เสี้ยวพริบตาแบบนั้นทำให้เขาไม่อาจยืนกราน ทว่าตอนนี้ศักดิ์ศรีอยู่เหนือไปกว่าตะเกียงแห่งชีวิตไปแล้ว ในยามที่เขาลงจากหลังเสือไม่ได้อยู่นั้น เสียงเก่าแก่โบราณเสียงหนึ่งก็พลันดังเนิบเนือยมาจากท้องฟ้า
“คนกันเองทั้งนั้น ไยต้องรบทัพจับศึกกัน ทุกอย่างล้วนเป็นข้อเข้าใจผิดทั้งนั้น
“สหายหลิงอวิ๋นกลับมา สหายท่านอื่นๆ ก็กลับกันมาให้หมด สหายเสี่ยเลี่ยนจื่อ ข้ายินดีต้อนรับท่านสู่สภาอาวุโส และยินดีต้อนรับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเข้าร่วมพันธมิตร เจ้ามาหารือกับพวกเราเรื่องรายละเอียดย้ายสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเถิด
“นี่คือคำสัญญา แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นพยาน หลังจากหารือแล้ว พันธมิตรเจ็ดสำนักจะกลายเป็นพันธมิตรแปดสำนัก
“สหายเสี่ยเลี่ยนจื่อ เจ้าเห็นเป็นเช่นไร”
เสียงนี้ฉายความอ่อนโยน จากเสียงที่ดังมา บนท้องฟ้ามีใบหน้าขนาดมหึมาดวงหนึ่งที่มีกลิ่นอายน่าตื่นตะลึงขึ้นมา เพิ่งปรากฏก็เกิดเป็นพลังกดดันครอบคลุมไปยังร่างของบรรพจารย์ระดับหวนสู่อนัตตาขั้นหนึ่งทั้งเก้าคนข้างล่างทันที
แต่กลับไม่แผ่ไปยังลูกศิษย์สำนักเจ็ดเนตรโลหิตและในสำนักแม้แต่น้อย
ใบหน้านี้เป็นผู้บำเพ็ญกลางคนเหมือนบัณฑิตคนหนึ่ง ดูแล้วไม่มีรังสีอำมหิตแผ่อวลแม้แต่น้อย มองเสี่ยเลี่ยนจื่ออย่างสงบนิ่ง ในขณะเดียวกัน เหนือดวงหน้าดวงนี้ก็ยังมีใบหน้าที่ใหญ่ยิ่งกว่า และเหมือนเขาทุกประการอีกดวงหนึ่งปรากฏขึ้น
คล้ายว่าซ้อนทับ บนนั้นยังมีดวงที่สาม ดวงที่สี่ ดวงที่ห้า…ขยายใหญ่ขึ้นไปเรื่อยๆ ขยายไปไม่รู้เท่าไร จำนวนมหาศาลนับไม่ถ้วน เนื่องจากสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนจึงไม่อาจมองเห็นได้ชัด กระทั่งว่ามีความรู้สึกว่าท้องฟ้าในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณล้วนเป็นคนคนนี้
“คารวะท่านประธานพันธมิตร!”
“คารวะท่านประธานพันธมิตร!” กลางท้องฟ้า บรรพจารย์พันธมิตรเจ็ดสำนักล้วนสีหน้าจริงจัง มองใบหน้าบนท้องฟ้า ก่อนจะคารวะอย่างเคารพนอบน้อม
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงหายใจถี่กระชั้น นายกองที่อยู่ข้างๆ เขาดวงตาฉายแววแปลกประหลาด นายท่านเจ็ดที่อยู่ข้างหน้าก็เงยหน้าจ้องเพ่ง ปากพึมพำออกมาว่า
“ระดับหวนอนัตตาขอบเขตใหญ่ขั้นที่สอง หมื่นภาพเงามายา…”
สวี่ชิงเงยหน้ามองท้องฟ้า ใจเกิดระลอกคลื่นยักษ์ซัดโหม ในดวงตาฉายแววปรารถนาขึ้นช้าๆ เขาก็อยากเปลี่ยนมาแข็งแกร่งเช่นนี้เช่นกัน
ตอนนี้ เสี่ยเลี่ยนจื่อก็หายใจเข้าลึก มองใบหน้ามหึมาโค้งคารวะเช่นกัน ยอมรับกับเรื่องนี้
เสี้ยวขณะต่อมา ใบหน้าบนท้องฟ้าหายไป บรรพจารย์หลิงอวิ๋นกลางท้องฟ้าสีหน้าย่ำแย่ สะบัดแขนเสื้อ หอบลูกศิษย์ของสำนักที่ตอนแรกท่าทางดุดัน ภายหลังกลับตัวสั่นงันงกตื่นกลัว แปรเปลี่ยนเป็นรุ้งยาวจากไป
ส่วนสำนักอื่นๆ ก็ประสานหมัดไปทางเสี่ยเลี่ยนจื่อและจอมคนบูรพาสงัด ต่างพากันจากไป บรรพจารย์สำนักโลกันต์ทมิฬที่อยู่ในนั้นเป็นผู้หญิง เห็นหน้าตาท่าทางไม่ชัด ก่อนนางจากไปก็กวาดตามองยอดเขาที่เจ็ดแวบหนึ่งคล้ายหัวเราะ ก่อนจะหมุนตัวจากไป
มีเพียงบรรพจารย์หุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้าเท่านั้นที่ไม่ได้จากไปในทันที
พวกเขาเป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ผู้หญิงงดงามอ่อนหวาน ผู้ชายใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเครา ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือกลิ่นอายล้วนแผ่ความยอดเยี่ยมโดดเด่นออกมา ในดวงตามีลำแสงไหลวนส่องประกาย เผยรอยยิ้มให้กับเสี่ยเลี่ยนจื่อและจอมคนบูรพาสงัด สีหน้าฉายแววลำลึกความหลัง
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาทั้งสี่รู้จักกันตั้งนานแล้ว ความสัมพันธ์ไม่ธรรมดา ตอนนี้การใหญ่สำเร็จสิ้น ก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรต่อไปแล้ว
“พวกเราจะรอเจ้าที่พันธมิตร”
“น้องชายเสี่ยเลี่ยน ยินดีต้อนรับสู่พันธมิตร!”
เสี่ยเลี่ยนจื่อหัวเราะร่า จอมคนบูรพาสงัดสีหน้าผ่อนคลาย หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง บรรพจารย์หุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้าก็เหยียบท้องฟ้า กลับไปยังแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
จากการจากไปของคนทั้งหลาย จากการเสร็จสิ้นการรับศิษย์ของนายท่านเจ็ด เสวี่ยเลียนจื่อก็ประกาศแผนการทั้งหมดครั้งนี้ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิต และประกาศให้รู้กันทั่ว
สำนักเจ็ดเนตรโลหิตจะเข้าร่วมกับพันธมิตรเจ็ดสำนัก กลายเป็นพันธมิตรแปดสำนัก อีกไม่นานก็จะย้ายไป
ลูกศิษย์ทั้งสำนักเจ็ดเนตรโลหิตหลังจากที่รู้เรื่องนี้อย่างกระจ่างโดยสมบูรณ์ก็ต่างตื่นเต้น ความตื่นเต้นนี้ดำเนินไปเจ็ดแปดวันก็ยังไม่ลดลง ทั้งสำนักล้วนทะลักล้นไปด้วยความปิติยินดีอย่างรุนแรง เรื่องราวที่คุยกันทุกวันก็ล้วนเป็นเรื่องพวกนี้
กลับเป็นสวี่ชิงทางนี้ที่สงบเงียบในทันที แม้จะกลายเป็นองค์ชายสี่ของยอดเขาที่เจ็ด แต่ช่วงนี้เขาล้วนทำความคุ้นชินกับตะเกียงแห่งชีวิตดวงที่สองในกายอย่างสุดกำลัง
และสำนักก็ไม่ได้ซักไซ้ไต่ถามเกี่ยวกับตะเกียงแห่งชีวิตดวงที่สองของเขาแม้แต่น้อย นี่คือเรื่องที่ยอมรับโดยปริยาย
จนผ่านไปอีกหลายวัน สำนักก็มีประกาศแจ้งลงมา
สามวันหลังจากนี้ สำนักเจ็ดเนตรโลหิตจะจัดตั้งกลุ่มเจรจากลุ่มหนึ่ง โดยมีบรรพจารย์และนายท่านเจ็ดนำกลุ่ม มุ่งหน้าไปยังพันธมิตรเจ็ดสำนักบนแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เพื่อหารือรายละเอียดทั้งหมดในการเข้าร่วมพันธมิตรและการย้ายสำนัก
การย้ายและเข้าร่วมของสำนักหนึ่งไม่ใช่เรื่องเล็ก ก่อนหน้านี้มีเรื่องที่ต้องเจรจาหารือมากมาย แต่ว่าคนที่ทำการเจรจาไม่ใช่สวี่ชิง เขาถูกจัดให้เป็นสมาชิกผู้เข้าร่วม
คนที่เดินทางไปด้วยยังมีนายกองและองค์ชายสาม และองค์หญิงองค์ชายหลายคนจากยอดเขาต่างๆ
ครั้งนี้พันธมิตรเจ็ดสำนักเก็บความหยิ่งยโสทั้งหมดที่มีลงไป ต้องใช้ท่าทีที่เท่าเทียมเสมอภาค พิธีการมารยาทขั้นสูงมาต้อนรับการมาเยือนของพวกเขา
และคืนก่อนวันเดินทาง สวี่ชิงฝัน
หลายปีมานี้เขาฝันน้อยมาก
ในฝัน เขากลับไปในตอนเป็นเด็ก กลับมายังข้างกายพ่อแม่ กลับมายังเมืองที่เขาเกิดเมืองนั้น
เขาในตอนนั้นยังไม่ใช่เด็กเร่ร่อน
เขาในตอนนั้นยังมีครอบครัวที่มีความสุข
เขาในตอนนั้นยังไม่รู้ถึงความชั่วร้ายกัดกินมนุษย์ของโลกใบนี้
ในฝัน พ่อแม่ของเขาหน้าตารางเลือน เขาพยายามนึก แต่ก็ยังคงค่อยๆ รางเลือนหายไปในวันเวลาเช่นเดิม นี่ไม่เกี่ยวกับพลังบำเพ็ญ นี่เกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์
แต่พี่ชายของเขากลับชัดเจนมาก
เขามีพี่ชายด้วย
ในฝัน พี่ชายกับเขามีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกัน เล่นโคลนเลนด้วยกัน หัวเราะสนุกด้วยกัน ไปเรียนด้วยกัน พูดคุยซุบซิบในตอนกลางคืนด้วยกัน
เพียงแต่ พี่ชายในฝัน ไม่รู้ว่าทำไมใบหน้าถึงได้แตกออกอย่างแปลกประหลาด เผยให้เห็นใบหน้าอีกดวงหนึ่งที่เต็มไปด้วยความเย็นชา ในดวงตาแฝงด้วยความชั่วร้ายแปลกประหลาด