ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 270 แปลกถิ่นน่าตื่นตาตื่นใจ
บทที่ 270 แปลกถิ่นน่าตื่นตาตื่นใจ
การย่างก้าวออกมาของสวี่ชิงสยบทั่วทุกสารทิศ
เขายืนอยู่ตรงนั้น คนทั้งหลายจับจ้อง
ความสง่างามที่เคยเป็นของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องตอนนี้มาเพิ่มอยู่บนร่างสวี่ชิง
โดยเฉพาะรูปโฉมงามล้ำของเขาประดุจดวงดาวดวงใหม่ที่ผงาดขึ้น ทำให้ลูกศิษย์พันธมิตรเจ็ดสำนักที่อยู่ริมฝั่งต่างต้องก้มหน้าลงไป เหล่าลูกศิษย์หญิงในนั้น ดวงตาต่างฉายแววแปลกประหลาด
บนท้องฟ้า เสี่ยเลี่ยนจื่อมองภาพนี้อย่างพอใจ นายท่านเจ็ดที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าก็ฉายรอยยิ้มเช่นกัน ส่วนบรรพจารย์จากหุบเขาประกายวิญญาณและสำนักสมบัติจำนงฟ้าที่อยู่ตรงข้ามพวกเขาต่างยิ้มพลางส่ายหน้า กวาดสายตาไปยังสวี่ชิงที่อยู่ข้างล่าง
“พอหอมปากหอมคอก็พอแล้ว”
“ผู้เยาว์ก็อย่างนี้แหละ ต้องมีความฮึกเหิมบ้าง จะมาเหมือนกับพวกเราไม่ได้” เสี่ยเลี่ยนจื่อหัวเราะฮ่าๆ จากนั้นก็บินไปที่ไกลตามการต้อนรับของสหายสนิททั้งสอง
หลังจากผู้อาวุโสบนท้องฟ้าจากไป บรรยากาศที่ริมฝั่งก็ยิ่งตึงเครียด เพียงแต่การมีตัวตนอยู่ของสวี่ชิงสะกดบรรยากาศนั้นลงไป ทำให้ลูกศิษย์ผู้ชายในสาพันธ์เจ็ดสำนักเหล่านั้นต่างลอบถอนหายใจ
เทียบกับสำนักเจ็ดเนตรโลหิตแล้ว พันธมิตรเจ็ดสำนักเปิดกว้างมาก ดังนั้นความร้อนแรงที่ยิงพุ่งออกมาจากสายตาของลูกศิษย์หญิงเหล่านั้นทำให้สวี่ชิงไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไร
เขาไม่ชอบทำตัวเด่นเช่นนี้
ดังนั้นหลังจากเดินออกมาทำการสยบแล้ว เขาก็สลายประกายแสงพร่างพราวบนตัวออก ก้าวขึ้นไปบนเรือเหาะรับรองแขกของพันธมิตรเจ็ดสำนักท่ามกลางการทยอยถอยหลบจากลูกศิษย์ทั้งเจ็ดสำนัก
ไม่นานนายกองก็ปรากฏตัวออกมาเหมือนกัน
ศิษย์พี่สามอยู่ข้างๆ เขา เมื่อมาถึงเรือเหาะแล้วก็จิปาก
“ใช้ได้เลยนี่นาศิษย์น้อง กลับไปศิษย์พี่จะสอนเจ้าสองสามกลยุทธ์ จะต้องทำให้เจ้ามีเสน่ห์ล้นเหลือไร้เทียมทานในบรรดาลูกศิษย์หญิงของพันธมิตรนี่แน่นอน”
สวี่ชิงมองศิษย์พี่สามแวบหนึ่ง ไม่ได้พูดอะไร นายกองอยู่ข้างๆ ถือผิงกั่ว กัดคำหนึ่งแล้วหัวเราะเยาะ
“เจ้าสามเจ้ามันคนเสเพล พอเถอะเจ้า อาชิงน้อยเหมือนกับข้า เดินสายเคร่งขรึมเย็นชา กลยุทธ์พวกนั้นของเจ้าไร้ประโยชน์”
ศิษย์พี่สามได้ยินดังนั้นก็หัวเราะ นั่งอยู่บนเรือเหาะพลางมองรอบๆ ในดวงตาฉายแววสะท้อนใจ
คนทั้งหลายจ้องสำนักเจ็ดเนตรโลหิตนั่งอยู่บนเรือเหาะพิธีการนี่ทะลุผ่านเมืองภายใต้การคุ้มกันของลูกศิษย์ต้อนรับแขกไปเช่นนี้เอง ทุกสิ่งที่เห็นตลอดทาง ทำให้ความรู้สึกแปลกที่แปลกถิ่นทะลักเข้ามาในใจสวี่ชิง
แม้สิ่งก่อสร้างที่นี่จะเป็นรูปแบบอย่างที่ผืนอินทนิล แต่ในนั้นแทรกหอเล็กๆ ไว้ด้วย หลังคาทรงกลมมากมาย มีสีขาวเป็นหลัก ดังนั้นจึงทำให้รู้สึกสะอาดเป็นระเบียบ
ต้นไม้ในเมืองก็แตกต่างไปจากในทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ มักจะมีใบน้อย กิ่งก้านหนา ยังมีบางต้นที่ส่งกลิ่นหอมจางๆ ออกมา ในยามที่ผ่านก็จะมีกลิ่นติดกายเล็กน้อย
สวี่ชิงลองดมดู แน่ใจว่านี่ไม่ใช่พิษแต่เป็นตัวยาตามธรรมชาติประเภทหนึ่ง สามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติกายได้อย่างช้าๆ ทำให้พลังบำเพ็ญโคจรผันเปลี่ยน ยกระดับได้เล็กน้อย
นอกจากนี้ ระหว่างทาง สวี่ชิงยังเห็นแม่น้ำเล็กๆ มากมายเลี้ยวลดคดเคี้ยวในเมือง น้ำในแม่น้ำแผ่พลังวิญญาณเข้มข้นออกมาหล่อเลี้ยงสรรพชีวิตทั้งหลาย
อุณหภูมิในบริเวณที่พันธมิตรตั้งอยู่ก็แตกต่างจากสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเช่นกัน ในขณะเดียวกับที่อุ่นกว่า เสื้อผ้าอาภรณ์ที่คนในเมืองสวมใส่ก็บางกว่ามาก
อีกทั้งแม้บนใบหน้าของทุกคนจะสงสัยใคร่รู้ในตัวพวกเขา แต่ดูจากผิวพรรณก็น้อยนักที่จะเหี่ยวย่น ดวงตาส่วนใหญ่แล้วล้วนมีประกายแวววาว บุคลิกท่วงท่าอย่างสำนักบนล้วนแสดงให้เห็นในทุกรายละเอียด
และที่นี่ก็เป็นเพียงมุมหนึ่งของเมืองพันธมิตรเท่านั้น สวี่ชิงนั่งอยู่บนเรือเหาะทอดสายตามอง ความใหญ่ของเมืองก็มองไม่เห็นจุดสิ้นสุดเช่นกัน
นี่คือเมืองที่ยิ่งใหญ่เมืองหนึ่ง
ไม่นานนัก คนของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตทั้งหลายก็มาถึงจุดหมาย ที่นี่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่พันธมิตรเจ็ดสำนักใช้รับแขก
เป็นคฤหาสถ์ที่มีพื้นที่ใหญ่มากแห่งหนึ่ง ในนั้นมีหอเล็กใหญ่หลายสิบหอ ทุกหอล้วนเป็นรั้วแกะสลักอิฐหยก งดงามหรูหราเป็นอย่างยิ่ง
มาถึงที่นี่ ลูกศิษย์พันธมิตรเจ็ดสำนักก็เอ่ยลา คนของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตทั้งหลายหลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยแล้วก็แยกย้ายกันไป โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาล้วนมาพันธมิตรเป็นครั้งแรก ในใจนึกสงสัยใคร่รู้เป็นอย่างยิ่ง เตรียมออกไปดูสักหน่อย
ส่วนพวกปีศาจเฒ่าทั้งหลายกำลังระลึกความหลังกันอยู่ เรื่องรายละเอียดของการเจรจาจะดำเนินขึ้นในวันพรุ่งนี้
ดังนั้น ไม่นานนักองค์หญิงองค์ชายทั้งหลายของยอดเขาต่างๆ ในที่พักก็แยกย้ายกันไป สวี่ชิงเพิ่งสำรวจในห้องที่จัดเตรียมไว้ให้เรียบร้อย วางค่ายกลบางอย่างที่เอาติดตัวมา แล้วโปรยพิษบางอย่างเสร็จ นายกองกับศิษย์พี่สามก็มาหาพร้อมกัน
“ศิษย์น้อง มาๆๆ ศิษย์พี่จะพาเจ้าไปเดินเล่น” นายกองยักคิ้วหลิ่วตาให้สวี่ชิง ท่าทางเหมือนจะพาไปเปิดโลกแบบนั้น
สวี่ชิงมองไปอย่างสงสัย
ศิษย์พี่สามที่อยู่ข้างๆ ก็กะพริบตาปริบๆ ให้สวี่ชิงเช่นกัน ยิ้มตาหยีเอ่ยขึ้นว่า
“เมื่อครู่ ข้าถามสหายเก่าบางคนในพันธมิตร พวกเขาแนะนำสระเซียนที่นี่มากๆ เลย
“ก่อนหน้านั้นที่แม่น้ำบรรพกาลเร้นหมื่นเทพยังไม่ไหลผ่านพันธมิตร สระเซียนของพันธมิตรมีน้อยมาก ตอนนี้จากการที่แม่น้ำไหลผ่านก็มีสระเซียนเปิดขึ้นมามากมาย พวกเราไปแช่กันสักหน่อยเถอะ”
นายกองในตาเป็นประกาย หลังจากมองไปรอบๆ ก็กระซิบพูดกับสวี่ชิงและเจ้าสาม
“ข้าได้ยินมาว่า มีสระเซียนบางแห่งลูกศิษย์หญิงชายอาบร่วมกัน นี่มันเกินไปแล้ว เรื่องแบบนี้จะทำประเจิดประเจ้อแบบนี้ได้อย่างไร พวกเราแอบไปดูเงียบๆ วิเคราะห์กันสักหน่อย!”
สวี่ชิงไม่อยากไปเลย เขาอยากฝึกบำเพ็ญ แต่รับมือกับการโน้มน้าวของนายกองและศิษย์พี่สามไม่ได้ สุดท้ายแล้วก็ได้แต่ฝืนพยักหน้า ถูกลากตัวไป
ไม่นานนัก ทั้งสามคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้า เดินอยู่บนถนนของเมืองพันธมิตร
ร้านค้ารอบๆ ผู้คนสัญจรไปมา ผู้คนเดินขวักไขว่ไม่ขาดสาย สิ่งก่อสร้างทุกแห่งเหล่านั้น สำเนียงที่ต่างไปจากทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณเล็กน้อยก่อเป็นเสียงเอะอะโหวกเหวกนั่น ทำให้ความรู้สึกแปลกถิ่นน่าตื่นตาตื่นใจปะทะหน้ามาอีกครั้ง
นายกองยิ่งซื้อผลไม้ที่ไม่เคยเห็นจากร้านค้ามามากมาย โยนให้สวี่ชิงและเจ้าสามคนละผล ทั้งสามคนกินไปพลางมองสำรวจรอบๆ ไปพลาง
“ที่นี่ใหญ่เหลือเกิน เทียบกับเมืองหลักเจ็ดเนตรโลหิตแล้วใหญ่กว่าสิบกว่าเท่า เจ้าสาม เจ้าเป็นคนของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เจ้าคุ้นเคยกับที่นี่หรือไม่”
สวี่ชิงมองรอบๆ ก็เกิดความรู้สึกสะท้อนใจแบบนี้เช่นกัน
“เมืองหลักของพันธมิตรจริงๆ แล้วไม่ใช่เมืองเดียว แต่เป็นเมืองขนาดใหญ่โตมากๆ ที่เกิดจากที่เจ็ดสำนักรวมตัวกันแล้วเชื่อมเมืองหลักเข้าด้วยกัน” ศิษย์พี่สามยิ้มพลางเอ่ย
“เขตที่พวกเราอยู่เป็นเพียงแค่เขตเมืองของสำนักสมบัติจำนงฟ้าเท่านั้น
“และนอกจากเมืองยิ่งใหญ่เมืองนี้ก็ยังมีรัฐเล็กๆ อีกนับไม่ถ้วนและสำนักอีกหนึ่งร้อยสามสิบสำนักที่พึ่งพิงพันธมิตร
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตเรามาครั้งนี้ หนึ่งในข้อหารือมากมายก็คือหลังจากที่ย้ายมาแล้ว จะเลือกที่ใดเข้าร่วมกับเมืองนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองใหญ่โตเมืองนี้”
ศิษย์พี่สามเดินไปพลางเอ่ยแนะนำ
สวี่ชิงฟังอย่างตั้งใจ นายกองกลับเหลียวซ้ายแลขวา ไม่รู้ว่ากำลังหาอะไร
“เรื่องสุดท้ายของความพิเศษของพันธมิตรเจ็ดสำนักคือ ความจริงแล้วไม่ใช่แค่การรวมตัวของเมืองเจ็ดเมืองเท่านั้น แต่สำนักทั้งเจ็ดเองก็เช่นกัน เคล็ดวิชา ดินแดนรากฐาน และดินแดนวาสนาล้วนเปิดกว้างให้กับพันธมิตร”
ศิษย์พี่สามไปยังภูเขาลูกมหึมาสีขาวที่ตั้งตระหง่านในเมืองไกลๆ ลูกหนึ่ง
“นั่นคือสำนักของสำนักสมบัติจำนงฟ้า
“สำนักใดล้วนไปศึกษาและรับรู้ได้ทั้งนั้น เพียงแต่ไม่ได้ให้เข้าไปเปล่าๆ ต้องจ่ายด้วยราคาที่แพงลิบลิ่ว
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตของพวกเราก็มีเหมือนกัน คิดว่าคงจะเป็นแผ่นดินเผ่าสิงซากสมุทร ตอนนี้ก็นับว่าเป็นดินแดนวาสนาของสำนักเราแล้วเช่นกัน
พวกเขาทั้งสามคนมาถึงยังใจกลางเมืองแห่งนี้อย่างช้าๆ ขณะที่ศิษย์พี่สามแนะนำเช่นนี้เอง ที่นั่นมีสิ่งก่อสร้างหรูหรางดงามแห่งหนึ่ง สร้างไว้ริมแม่น้ำ
สิ่งก่อสร้างนี้เป็นรูปห้าเหลี่ยม มีพื้นที่กว้างใหญ่มาก มองเห็นน้ำในแม่น้ำถูกผันมาข้างใน หลังจากผ่านการจัดการก็แบ่งเป็นหลายสาย ไหลไปตามที่ต่างๆ ในสิ่งก่อสร้างแห่งนี้
ที่นี่คึกคักอย่างเห็นได้ชัด ลูกศิษย์ชายหญิงที่เข้าๆ ออกๆ มีจำนวนมากมาย เสื้อผ้าอาภรณ์แตกต่างกัน เห็นได้ว่ามีผู้บำเพ็ญจากสำนักต่างๆ ในพันธมิตร และไม่ได้มีแค่เจ็ดสำนักเท่านั้น ลูกศิษย์จากหนึ่งร้อยสามสิบสำนักข้างนอกก็มีอยู่ที่นี่เป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน
“ที่นี่แหละ” นายกองตาวาววาบ ลากสวี่ชิงและเจ้าสามเข้าไปอย่างรวดเร็ว เจ้าสามก้าวขึ้นไปจ่ายค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งอย่างกระตือรือร้น ไม่นานนักทั้งสามก็ถูกพามายังข้างสระขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง
ในสระหมอกลอยอวล มองเห็นผู้บำเพ็ญหญิงชายอยู่ร่วมกันอยู่รางๆ เสื้อผ้าของพวกเขาเรียบง่าย เปิดเผยเนื้อหนังอยู่ไม่น้อย คนมีไม่มาก บางคนซุบซิบคุยกัน บางคนหลับตาฝึกบำเพ็ญ
ในหมอกเห็นไม่ค่อยชัดนัก
หลังจากมาถึงที่นี่ สวี่ชิงก็สัมผัสได้ถึงความเข้มข้นของพลังวิญญาณในสระน้ำ ยิ่งแฝงไว้ด้วยความบริสุทธิ์ ไม่มีไอพลังประหลาดเลยแม้แต่น้อย
ผู้บำเพ็ญหากแช่อยู่ในนี้ จากการกำหนดลมหายใจก็จะสามารถชะล้างไอพลังประหลาดในกายได้อย่างแน่นอน
แม้เขาจะไม่มีไอพลังประหลาด แต่หากฝึกฝนที่นี่ก็จะลงแรงน้อยได้ผลมากเช่นกัน
“แช่รวมจริงๆ ด้วย” นายกองกระแอม ถอดเสื้อทันที สวมไว้เพียงเสื้อตัวใน ก่อนจะเดินเข้าไปในสระ ศิษย์พี่สามก็เช่นเดียวกัน สวี่ชิงหลังจากลังเลอยู่ตรงนี้ก็ตัดสินใจถอดเสื้อ เดินไปหาที่ข้างหลังสระ แล้วนั่งขัดสมาธิ
อุณหภูมิน้ำเหมาะสม หลังจากแช่ลงไปทั้งตัว ความรู้สึกสบายผ่อนคลายก็แผ่ซ่านไปทั้งจิตใจ พลังวิญญาณยิ่งทะลักมาในกายตามรูขุมขนทั้งร่าง ทำให้พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงโคจรขึ้นอย่างช้าเนิบในเสี้ยวขณะนี้
ตำแหน่งของพวกเขาทั้งสามอยู่บริเวณมุม อีกทั้งยังปกปิดอำพรางบ้างบางอย่าง สวมเสื้อผ้าอย่างผู้บำเพ็ญของพันธมิตร คนนอกยากจะค้นพบ
เวลาก็ไหลผ่านไปช้าๆ เช่นนี้เอง ผู้บำเพ็ญในสระมีคนหลั่งไหลไปมาอยู่ตลอด
หลังจากที่เวลาหนึ่งชั่วยามกว่าๆ ค่อยๆ ผ่านไป โลกภายนอกก็เหมือนมีเรื่องใหญ่อะไรเกิดขึ้น ผู้บำเพ็ญพันธมิตรเจ็ดสำนักในสระพลันซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตโหดขนาดนั้นเชียวหรือ!”
“เพิ่งได้ยินข่าวมา เมื่อครู่องค์ชายใหญ่ของยอดเขาที่สามสำนักเจ็ดเนตรโลหิตท้าสู้อัจฉริยะสำนักล่าสิ่งประหลาด สู้ต่อเนื่องสามคน เอาชนะได้สองคน ไม่ด้อยไปกว่าเฉินอวิ๋นหวาที่มีชื่อเสียงคู่มากับซือหม่าหลิงเลย ส่วนซือหม่าหลิงหลบเลี่ยงไม่สู้!”
“ทางวังเต๋ามหาวิวัฒน์ทางนั้นก็เหมือนกัน องค์ชายใหญ่ยอดเขาที่สี่ของสำนักเจ็ดเนตรโลหิตกำลังท้าสู้อยู่ ได้ยินมาว่าสู้ดุเดือดมาก ยิ่งเอ่ยอย่างห้าวหาญไว้ว่า ระดับหลอมตันเถียนวังสวรรค์ลงมา สามารถมาสู้ได้หมด”
“ตอนนั้นอัจฉริยะสำนักต่างๆ ของพันธมิตรไปสำนักเจ็ดเนตรโลหิต ได้ยินมาว่ากำราบพวกเขาจนอยู่หมัด ตอนนี้ดูแล้วสำนักเจ็ดเนตรโลหิตเก็บงำเอาไว้ได้ลึกนัก การมาเยือนครั้งนี้เป็นการประกาศศักดานี่นา”
ฟังคำวิพากษ์วิจารณ์พวกนี้ พวกสวี่ชิงทั้งสามคนที่อยู่ตรงมุมก็ลืมตาขึ้น หลังจากมองหน้ากัน นายกองก็พลันเอ่ยเสียงต่ำขึ้นมาว่า
“นี่เป็นโอกาสรวย” พูดจบก็หันมามองสวี่ชิง
“ศิษย์พี่ใหญ่พูดถูก เรื่องนี้พวกเราออกแรงสักหน่อยก็น่าจะมีผลเก็บเกี่ยวกลับไปเป็นกอบเป็นกำ” ศิษย์พี่สามสีหน้าอ่อนโยน มองมาทางสวี่ชิงเช่นกัน
สวี่ชิงเงียบนิ่ง หลังจากนั้นก็เอ่ยถามขึ้น
“จะแบ่งอย่างไร”