ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 293 แสงสว่าง!
บทที่ 293 แสงสว่าง!
ได้ยินคำพูดของสวี่ชิง และเห็นใบหน้าสงบนิ่งของสวี่ชิงอีกครั้ง หน้าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเวลานี้จึงดูไม่ได้ จิตสังหารในดวงตายิ่งเข้มข้น
เขาเกลียดสวี่ชิง เกลียดมาก
จุดที่เขาเกลียดชัง คือคนแบบสวี่ชิง ทั้งๆ ที่สังหารไปนับไม่ถ้วนเช่นเดียวกับตน กระทั่งยังใช้วิชาชั้นต่ำน่ารังเกียจอย่างการอำพรางช่องเวทตนเองอีก
แต่คนเช่นนี้ เมื่อเปิดประตูวิญญาณจำนงนิรันดร์กลับเปล่งแสงสว่างออกมา
สิ่งนี้ทำร้ายจิตใจเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมาก
เขาคิดมาตลอดว่าตนเองต่างหากที่เป็นแสงสว่าง ความหมายของเซิ่งอวิ๋นก็มาจากสิ่งนี้
แต่คำตอบกลับทิ่มแทงเหลือเกิน เขาเปิดประตูวิญญาณจำนงนิรันดร์ สิ่งที่ออกมากลับเป็นลิ้นที่มีของเหลวเหม็นคาวน่าขยะแขยงแทน
ดังนั้นพริบตาที่เห็นแสงนั่น เขาก็รู้สึกว่ามันเหลวไหล ขณะที่รับไม่ได้ ใจก็เกลียดชังสวี่ชิงเหลือประมาณ
ตอนนี้เมื่อได้ยินคำพูดของสวี่ชิง ความเกลียดชังของเขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้น จิตสังหารในดวงตาระเบิดออกมา ไฟชีวิตห้าดวงในร่างกายลุกโหม ภาพมายาเมี่ยเหมิงด้านหลังแผดเสียงคำราม
พลังต่อสู้ไฟชีวิตหกดวงโหมขึ้นท้องนภา วิหคทองที่ตาขวาเปล่งประกาย มอบพลังชีวิตมหาศาลให้เขาอีกครั้ง
ทั้งหมดนี้ทำให้พลังต่อสู้ของเขาเข้าใกล้ไฟชีวิตเจ็ดดวง นี่จึงเป็นสาเหตุที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องมั่นใจว่าจะสะกดสังหารสวี่ชิงได้
โดยเฉพาะตราประทับที่บรรพจารย์ฝังไว้ในตัวเขา ปิดผนึกช่องเวททั้งหมด ทำให้พลังภายนอกเข้าไปรบกวนไม่ได้ และพลังชีวิตของวิหคทองก็ทำให้เขาไม่ต้องสนพิษร้ายแรงต่างๆ ก่อนหน้านั้นไปได้เลย
แผนการทั้งหมด ในความเข้าใจของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องคือไม่มีทางมีปัญหา แม้จะเสียตะเกียงแห่งชีวิตไปแต่พลังต่อสู้เมื่อเทียบกับก่อนหน้า ก็แข็งแกร่งขึ้นมหาศาล
ตอนนี้เขาแค่นเสียงเย็นชูมือขวาขึ้นฉับพลัน กดไปบนท้องฟ้า คำรามเสียงต่ำ
“แสงเทวะไฟชีวิตห้าดวง!”
แทบจะพริบตาที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องส่งเสียงออกมา ปราณกระบี่เลือดห้าสายก็พุ่งจากร่างกายเขาทะยานสู่ฟ้า
ปราณกระบี่ห้าสายนี้ แต่ละสายคมกริบ เรืองแสงสีเลือดนับหมื่นจั้ง
เมื่อมองอย่างละเอียดก็จะเห็นว่าปราณกระบี่ห้าสายนี้คือไฟชีวิตทั้งห้าดวงของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!
พุ่งสู่ท้องนภา
ท้องฟ้าทุกที่ที่พาดผ่านส่งเสียงครืนครัน ถูกปราณกระบี่ย้อมเป็นสีเลือด และพัดเมฆหมอกจนกระจายไปรอบด้านเป็นอาณาเขตนับพันจั้ง
สุดท้ายปราณกระบี่ห้าสายก็กลายเป็นนิ้วมือห้านิ้ว ทิ้งดิ่งลงมาจากหมอกสีเลือดเสียงครืนครัน
แรกสุดคือเล็บ จากนั้นก็ปลายนิ้ว ถัดมาคือข้อนิ้ว ท้ายสุดนิ้วทั้งห้าก็ปรากฏออกมา ดิ่งลงมาที่พื้นดินฉับพลัน มาทางเขามรรคาทมิฬ ตรงมาทางสวี่ชิง!
ศิษย์ที่มองเห็นฉากนี้ที่ด้านนอกเขามรรคาทมิฬล้วนตกตะลึงพรึงเพริด หน้าถอดสี
พวกเขาสัมผัสถึงพลังที่น่ากลัวจากเมฆหมอกรวมถึงนิ้วทั้งห้านั่นได้
นั่นเป็นพลานุภาพที่สะกดระดับสร้างฐาน นั่นเป็นเจตจำนงที่ยกระดับขึ้นหลังไฟชีวิตห้าดวงขั้นบริบูรณ์ และแฝงคลื่นอารมณ์รุนแรงเอาไว้ กลายเป็นเจตนาสังหาร พุ่งเป้าไปที่สวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าหวั่นไหวเป็นครั้งแรก ไม่ใช่เพราะพลังต่อสู้ของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง แต่เพราะเขาสัมผัสถึงกลิ่นอายอีกวูบหนึ่งที่แตกต่างออกไปจากนิ้วทั้งห้าในหมอกบนท้องฟ้านั่นได้
กลิ่นอายนี้ เหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกับพลังบำเพ็ญ อธิบายด้วยคำพูดไม่ได้ ยากจะบรรยายความเป็นรูปธรรม
ดูเป็นเหมือนเจตจำนงบางอย่าง
ตอนที่สวี่ชิงกำลังหวั่นไหว ผู้แข็งแกร่งอาวุโสสำนักต่างๆ ที่สังเกตศึกนี้อยู่ ก็พากันเผยสีหน้าประหลาด โดยเฉพาะบรรพจารย์สำนักกระบี่เมฆาจรดฟ้าที่ดวงตาเปล่งประกาย หัวเราะขึ้นมา
“ข้ามีหลานชายที่มีคุณสมบัติจักรพรรดิโบราณจริงๆ ด้วย บรรลุขอบเขตสังหารได้บางส่วนหนึ่งด้วยไฟชีวิตห้าดวงขั้นบริบูรณ์ ต่อให้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ก็แฝงไว้ด้วยเจตจำนง ห่างจากระดับขอบเขตที่สมบูรณ์อีกไม่ไกลแล้ว แต่ก็เพียงพอที่จะสั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศแล้ว ดี ดี ดีมาก!”
จอมเซียนจื่อเสวียนบนยอดเขาสำนักโลกันต์ทมิฬ เวลานี้จิบน้ำแกงเม็ดบัวน้ำค้างรุ่งอรุณร้อยบุปผา ดวงตาเปล่งประกายประหลาดใจ
“คุณสมบัติก็ไม่ธรรมดาจริงๆ มิน่าตาแก่หลิงอวิ๋นถึงได้ต้องการร่างแยกวิหคทองส่วนหนึ่งนักหนา และก็มิน่าเล่าศิษย์พี่ที่หากไม่มีผลประโยชน์ก็ไม่ทำของข้าถึงได้ยินยอมเรื่องนี้”
ขณะที่สั่นสะเทือนไปทั่วสารทิศ นิ้วมือปราณกระบี่ที่ก่อตัวขึ้นจากไฟชีวิตทั้งห้านิ้ว แฝงเจตจำนงและจิตสังหารที่น่าตกตะลึงของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไว้ด้วย ก็เข้าใกล้เขามรรคาทมิฬ
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้นจ้อง ในใจยอมรับไม่ว่าเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจะก่อนหน้าหรือตอนนี้ ก็เป็นศัตรูที่แกร่งที่สุดของเขา ความแข็งแกร่งด้านคุณสมบัติของคนผู้นี้น่าสะพรึงอย่างมาก
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหลังตนเองช่วงชิงตะเกียงแห่งชีวิตจากคนผู้นี้ไป ไม่เพียงแค่ไม่หดหู่ แต่กลับยังแข็งแกร่งยิ่งขึ้น นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะทำได้เลย
สวี่ชิงเงียบนิ่ง พริบตาที่นิ้วทั้งห้าบนท้องฟ้าดิ่งลงมา เขาก็ยกมือขวาขึ้นโบกฉับพลัน ทันใดนั้นใต้เท้าของเขาก็ปรากฏหมอกดำขึ้น
ปราณหมอกตีเกลียวปกคลุมเขามรรคาทมิฬทันที กระจายออกไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง ทำให้รอบตัวสวี่ชิงกลายเป็นทะเลหมอก
อาณาเขตหนึ่งพันจั้งเช่นกัน!
ด้านบนคือหมอกเมฆสีเลือดพันจั้ง
ด้านล่างคือทะเลหมอกสีดำพันจั้ง
สวี่ชิงมือขวาทำปางมือ ชี้ท้องฟ้า อัสนีหลายสายระเบิดออกฉับพลันในทะเลหมอกสีดำรอบด้าน ขณะที่แล่นแปลบปลาบไปรอบๆ นิ้วมือแห้งเหี่ยวนิ้วหนึ่งก็พุ่งออกมาจากในทะเลหมอกใต้เท้าสวี่ชิง!
เสียงครืนครันดังก้องฟ้า
นี่คือวิชาประหลาดของสวี่ชิง ดัชนีโลกันทมิฬ
นิ้วนี้แฝงการเหนี่ยวนำที่สวี่ชิงที่ได้รับจากตอนที่บรรลุหมุดสวรรค์ก่อนหน้านี้ไว้ แม้จะยังไม่สมบูรณ์ แต่ต่อให้แฝงไว้เพียงเล็กน้อย ก็ยังทำให้ดัชนีโลกันทมิฬนี้มีความดุดันมากกว่าที่เคยระดับหนึ่ง
ความดุดันแม้จะเบาบาง จนผู้เพ็ญทั่วไปแทบจับสัมผัสไม่ได้ แต่สำหรับคนชั้นบรรพจารย์นั้นมองเห็นร่องรอยได้ ดังนั้นพริบตาต่อมา บรรพจารย์หลิงอวิ๋นจึงหน้าบิดเบี้ยว เสี่ยเลี่ยนจื่อกลับหัวเราะขึ้นมาแทน
“น่าสนใจ” จอมเซียนจื่อเสวียน จิบน้ำเม็ดบัว ยิ้มออกมา
พริบตานั้น ขณะที่เสียงครืนครันหูแทบดับก้องไปทั่วสารทิศ ดัชนีโลกันทมิฬของสวี่ชิงกับแสงเทวะไฟชีวิตห้าดวงของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็ปะทะกัน
มองไกลๆ ฉากนี้ก็สั่นสะเทือนจิตวิญญาณเหลือเกิน หมอกเลือดบนท้องฟ้าพันจั้งมีนิ้วห้านิ้วดิ่งลงมา หมอกสีดำพันจั้งด้านล่างก็พุ่งทะยานสู่ท้องฟ้า
กึกก้องครืนครัน ลมเมฆเปลี่ยนสี เซิ่งอวิ่นจื่อร่างสั่นเทิ้ม แสงเทวะไฟชีวิตห้าดวงแตกดับกลางอากาศ หมอกเลือดพันจั้งหอบม้วนกลับ กระอักเลือดสดออกมา
สวี่ชิงหายใจหอบถี่เล็กน้อย ดัชนีโลกันทมิฬของเขาก็มลายหายไปตอนนี้เช่นกัน เขาหรี่ตาลง ซ่อนความเย็นเยียบมือดมิดเอาไว้ กัดปลายลิ้นพ่นเลือดออกมา ร่างกายเหาะเหินถอยกลับอย่างรวดเร็วจากการทะเลหมอกสีดำหอบม้วนกระจายออกไปทั่วสารทิศ
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสูดลมหายใจลึกๆ แสงวิหคทองที่ตาขวาเปล่งประกาย บาดแผลทั้งหมดฟื้นฟู ร่างกายโยกไหวตามมา มือขวายกขึ้นทาบหน้าอก เมื่อกระชากก็มีกระบี่ยาวสีเลือดเล่มหนึ่งถูกดึงออกจากร่างกาย
กระบี่เล่มนี้สีแดงเข้ม เมื่อปรากฏขึ้นเลือดลมก็โหมขึ้นฟ้า พร้อมกับกลิ่นคาวเข้มข้นวูบหนึ่งด้วย และยังมีพิษอยู่ด้านใน
พิษนี้ สวี่ชิงรู้จักดี นี่คือกลิ่นอายลูกกลอนพิษของเขา
นี่คือกระบี่เลือดที่หลอมออกมาขณะที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถูกกลิ่นอายลูกกลอนพิษทรมาน ใช้เลือดเนื้อที่เน่าสลายตลอดเวลาของเขาและความช่วยเหลือจากบรรพจารย์หลอมมันออกมา ตอนที่หลอมกระบี่เล่มนี้ในสมองเขาก็ปรากฏภาพที่เขาใช้กระบี่เล่มนี้สังหารสวี่ชิง
ตอนนี้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องชักกระบี่เลือดออกมา สีหน้าเหี้ยมเกรียม ด้านหลังปรากฏภาพมายาเมี่ยเหมิง วิหคทองที่ตาขวาเปล่งประกาย ความเร็วเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้าทันที เพียงพริบตาก็เข้าประชิดสวี่ชิง เงื้อกระบี่เลือดในมือขึ้น แทงไปที่เขาอย่างแรง
ปลายกระบี่กำลังจะแทงเข้าไปในหน้าอกสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าปั้นยาก ร่างกายถอยหลังไปถึงขอบภูเขามรรคาทมิฬ ลอยตัวขึ้นเหมือนจะเว้นระยะห่าง
แต่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็พุ่งเข้ามาด้วยอย่างรวดเร็วกว่านัก
สวี่ชิงชั่งน้ำหนักในใจอย่างรวดเร็ว วิเคราะห์ว่ายังไม่ถึงเวลา ตอนนี้ถ้าเผยพลังออกไปความเป็นไปได้ที่จะกลืนกินเมี่ยเหมิงยังไม่มากนัก ไม่ต้องพูดเรื่องสังหารเลย เขากำลังรอโอกาสอยู่
จึงประกบทำปางมือ ทันใดนั้นเพลิงพิฆาตในร่างกายก็ปะทุขึ้นฉับพลัน ช่องเวทหนึ่งร้อยสิบเก้าช่องเวลานี้ ทั้งหมดมีทะเลวิญญาณลอยเอ่อ ก่อตัวเป็นพลังที่น่าพรึงรอบตัวเขา ขณะที่เข้าต้านทาน ตะเกียงแห่งชีวิตของเขาก็กางเกราะคุ้มกันออกมาต้านทานด้วย
เสียงสนั่นฟ้า เกราะคุ้มกันของสวี่ชิงแตกสลายทีละชั้น ร่างกายถอยร่นอีกครั้ง เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็รับไม่ค่อยไหว สะท้อนสะเทือนกลับไปเช่นเดียวกับสวี่ชิง ไม่สามารถรักษาสภาพไร้เทียมทานไว้ได้ ร่างกายจำต้องถอยกลับมาเพื่อสลายพลังของสวี่ชิงก่อน
และพริบตาที่เขาถอย ดวงตาสวี่ชิงก็เปล่งประกายวาบ ยกมือขวาขึ้นโบก สาดพิษชนิดสุดท้ายออกมา!
ก่อนหน้านี้ เขาสาดผงพิษกระจายไว้ในนี้นับร้อยชนิด ชนิดสุดท้ายตอนนี้คือตัวกระตุ้นพิษ จากการกระตุ้นพิษ ต่อให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องจะมีพลังชีวิตน่าสะพรึง ก็ยังต้องติดพิษของเขา
แม้จะไม่ถึงชีวิต แต่ก็มีผลกระทบด้านลบ ทำให้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องหน้าเปลี่ยนสีไป ตอนที่กระอักเลือดสดออกมา ทั่วร่างก็เปลี่ยนเป็นสีดำคล้ำ ไอพลังประหลาดเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
จากนั้นสวี่ชิงก็ไหววูบไล่ตามไป แต่นอกจากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถอยร่นอย่างรวดเร็วก็ป้องกันสวี่ชิงไปด้วย กวัดแกว่งกระบี่เลือดในมือ ประกบปางมือแล้วชี้ ตัวกระบี่เลือดก็ระเบิดตนเองทันที กลายเป็นทะเลเลือดหลั่งทะลักมาหาสวี่ชิง
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องถอยหนีในระหว่างที่ถ่วงเวลานี้ไปได้สำเร็จ หลังจากที่เขาสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตตนเองไม่อาจสลายสภาพด้านลบบางส่วนไปได้ทันที เขาสีหน้าปั้นยาก โบกมือทันที ฉับพลันรอบด้านก็เกิดปราณหมอกเข้มข้นนับไม่ถ้วนเข้าบดบังมุมมองจากด้านนอก จากนั้นจึงถอยร่นแล้วล้วงท่อนไม้สีดำท่อนหนึ่งออกมา
นั่นเป็นเศษชิ้นส่วนประตูวิญญาณจำนงนิรันดร์ที่เขาหยิบออกมาครั้งนั้นที่ทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ เพียงแต่เหมือนจะใหญ่กว่า
ตอนนี้เมื่อตีไป ไม้ท่อนก็สั่นสะเทือน บนนั้นก็มีภาพมายาประตูไม้สีดำในอดีตปรากฏออกมา
เมื่อประตูไม้สีดำประหลาดนี้ปรากฏ กลิ่นอายมืดมนก็ปะทุขึ้น แต่คนภายนอกมองไม่เห็นเป็นรายละเอียด นี่ก็เพื่อรักษาหน้าตาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เขาไม่อยากให้คนภายนอกเห็นลิ้นที่อยู่ในประตูนั่น
ตอนนี้ประตูเปิดเสียงดังเอี๊ยดจนเป็นช่อง ลิ้นที่มีกลิ่นคาวเหม็นกับเมือกเหนียวก็ยื่นออกมาจากประตู ปกคลุมตัวเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง
พอคลุมแล้ว ร่างกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็สั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง พิษด้านลบทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นเลือดพ่นออกไป
สวี่ชิงเห็นเป็นเช่นนี้ ร่างกายก็พุ่งไปฉับพลัน เข้าหาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอย่างรวดเร็ว ยกมือขวาขึ้นแผ่พลังบำเพ็ญในร่างกายออกมา รอบด้านเกิดภาพมายาคลื่นทะเลหลายคลื่น พร้อมกับพลานุภาพน่าสะพรึงเข้าประชิดฉับไว
เมื่อโบกลง คลื่นทั้งเก้าทับซ้อนเข้าด้วยกัน สะกดเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอย่างแรง
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องหรี่ตาลง พริบตานั้นสีหน้าปั้นยากก่อนหน้านี้ก็มีความเย็นชาวูบหนึ่งแทนที่ จ้องสวี่ชิงเขม็ง เอ่ยแผ่วเบาว่า
“สวี่ชิง ในที่สุดเจ้าก็ติดกับแล้ว
“จุดสำคัญของช่วงเวลานี้ ไม่ใช่การลงมือก่อนหน้าพวกนั้น แต่คือการหลอมประตูวิญญาณจำนงนิรันดร์สุดกำลังต่างหาก และในที่สุดก็ทำให้มันใช้ความสามารถอย่างที่สองได้แล้ว”
“ผนึก!” ดวงตาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเผยความละโมบ ขณะที่หัวเราะก็โบกมืออย่างแรง ฉับพลันประตูไม้สีดำเบื้องหน้าเขาบานนั้น ก็หมุนคว้างในพริบตา หันหน้าไปทางสวี่ชิง ค่อยๆ…เปิดออก!
แสงสายหนึ่ง แผ่ออกมาจากประตูบานนี้ในพริบตา!
พริบตาต่อมา บนสำนักโลกันต์ทมิฬ ชามที่ใส่น้ำแกงเม็ดบัวน้ำค้างรุ่งอรุณร้อยบุปผา ก็หลุดจากมืองามราวหยกบริสุทธิ์ ร่วงผลอยลงพื้นหยกขาวทันที