ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 324 เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ตาย!
บทที่ 324 เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ตาย!
ยังไม่จบ สวี่ชิงดวงตาแดงฉาน ไล่ตามไปพร้อมจิตสังหารที่บ้าคลั่งในพริบตา
ขณะเดียวกัน บนท้องฟ้าก็ส่งเสียงครืนครัน นายท่านเจ็ดหน้าเคร่งขรึม จิตสังหารในดวงตาโถมฟ้าเช่นเดียวกับสวี่ชิง เขาจะระบายความรู้สึกโทษตัวเองในใจออกมาเช่นกัน
ในช่วงนี้ ความรู้สึกโทษตัวเองของเขารุนแรงมาก เขาคิดว่าตนเองคำนวณเรื่องนี้มากพอ ถึงได้เกิดเรื่องไม่คาดคิดเช่นนี้
เขาเข้าใจว่าเพราะความสามารถตนเองไม่เพียงพอ จึงเกิดโศกนาฏกรรมเช่นนี้ขึ้น
เขาเข้าใจว่าพลังต่อสู้ตนเองยังไม่ได้เรื่อง หลังจากเกิดเรื่องนี้ขึ้น ตนเองไม่สามารถย้อนกลับไปทำอะไรได้
เขาไม่อยากให้เช่นนี้ ไม่ยอมให้เป็นเช่นนี้ และเขายิ่งไม่อยากให้ภาพนี้ เกิดขึ้นกับคนที่เขารู้จักสนิทสนมด้วยอีกแล้ว
ดังนั้นการลงมือของเขาจึงแฝงจิตสังหารในใจไว้ด้วย แฝงการระบายสิ่งที่อยู่ในก้นบึ้งจิตใจ และยิ่งไม่ต้องการใช้วิชาเต๋าใดๆ เพราะนั่นยังไม่เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกดี
เขาจะใช้หมัดของตนเอง บดขยี้ทุกสิ่งตรงหน้า
เวลานี้ขณะลงมือ ฟ้าดินจึงครืนครัน ลมเมฆบิดเบี้ยว มิติกำลังแตกร้าว ทุกหมัดล้วนมีการระเบิดตัวของสมบัติลับ ราวกับคิดจะสะกดบรรพกาล
ทั้งหมดนี้ ทำให้ยักษ์หินหนืดที่ร่างกายใหญ่โตมโหฬารนั่นพรั่นพรึงขีดสุด ร่างกายถอยหลังอย่างควบคุมไม่ได้ ในปากส่งเสียงคำรามออกมา ดวงตาเผยแววตกตะลึง ราวกับว่าเกรงกลัวพลังต่อสู้ของนายท่านเจ็ดอย่างมาก
ส่วนร่างกายของเขาก็แตกระแหงต่อเนื่อง ด้วยนายท่านเจ็ดปล่อยหมัดไม่หยุด แขนซ้ายแตก สองขาหัก ร่างกายป่นปี้…จนก้อนหินนับไม่ถ้วนร่วงหล่นลงพื้นดิน ส่งเสียงครืนครัน
ส่วนสมาชิกหลักของเทียนประทีปก็สีหน้าเปลี่ยนไป ในดวงตาเผยความพรั่นพรึงอย่างแรงกล้าออกมา แต่ละคนเลือดหลั่งริน
หน้ากากของพวกเขาแตกไปแล้ว ร่างกายบาดเจ็บหนัก ถ้าไม่ใช่เพราะยักษ์หินหนืดทานพลังกว่าครึ่งเอาไว้ เวลานี้พวกเขาคงตายไปแล้ว
“ซ่อนวิญญาณขั้นบริบูรณ์!!”
ทั้งสองคนอุทานอย่างตกตะลึง หนังหัวชาหนึบ เมื่อเห็นว่ายักษ์หินหนืดแตกสลายไม่หยุด พวกเขาก็เหาะเหินถอยร่นอย่างรวดเร็ว
แต่เสี่ยเลี่ยนจื่อยืนอยู่บนท้องฟ้าที่สูงยิ่งกว่า จับตาดูทั้งหมดอย่างใจเย็น
มีเขาสะกด ศึกนี้จะไม่พลิกผัน
และเขาเองก็กำลังรอ รอกองสนับสนุนของเทียนประทีป หรือบางทีกำลังรอพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าของเทียนประทีปสำแดงออกมา ถึงตอนนั้น ก็จะเป็นเวลาลงมือของเขา
ท้องฟ้ากำลังต่อสู้ บนพื้นดินก็กำลังต่อสู้
จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงแรงกล้า ไล่ตามไปอย่างรวดเร็ว ส่วนเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็กระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง ร่างกายโซเซถอยหลัง สัมผัสได้ว่าช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดของเขา วังสวรรค์มายาแปดวังที่เป็นขีดจำกัดของแก่นลมปราณก็สลายหาย เขาหัวเราะอย่างน่าเวทนา ดวงตายิ่งบ้าคลั่ง ความคลั่งแค้นแรงกล้าโหมขึ้นมา จ้องสวี่ชิงเขม็ง
เขาเกลียดสวี่ชิง เกลียดเข้ากระดูกดำ!
เขาริษยาสวี่ชิง ริษยาถึงที่สุด!
เขาในอดีต เดิมเป็นถึงอัจฉริยะฟ้าประทานอันดับหนึ่งแห่งยุคของพันธมิตร แบกความรุ่งโรจน์กับความหวังนับไม่ถ้วนเอาไว้ กับภายนอกแล้ว เขาเปล่งประกายเจิดจ้าหมื่นจั้ง กับภายใน เขาสะกดยุคสมัย
แต่โชคชะตาไม่ยุติธรรม เขามีคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมแท้ๆ หน้าตาก็หล่อเหลางดงามแท้ๆ น่าจะถือกำเนิดไปทางแสงสว่างแท้ๆ ควรจะมีอนาคตที่สดใสแล้วแท้ๆ
แต่ตอนถือกำเนิดกลับมีแฝดที่เชื่อมกันน่าเกลียดจนคนแทบสำรอก!
แต่เขาก็ไม่ลดละความพยายาม ฝืนทนกับสายตาหยามหมิ่นนับไม่ถ้วน ฝืนทนกับสายตารังเกียจมากมาย พยายามอย่างต่อเนื่อง ฝึกบำเพ็ญอย่างต่อเนื่อง ดิ้นรนไม่หยุด ท้ายสุดก็กลืนกินน้องชายของตนเองลงไปได้ ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แบบ
และด้วยความพยายามนี้ของตน เขาก็เหนือกว่ารุ่นเดียวกันทั้งหมด มาถึงจุดสูงสุดของตนเอง
ความลำบากทั้งหมดในช่วงนี้ ความทุกข์ทรมานทั้งหมด มีเพียงเขาที่ข้ามผ่านมันมาด้วยตนเองเท่านั้น ที่จะได้ลิ้มรสมันในช่วงกลางดึก
ทว่าตอนนี้ เขาพบว่าสายตาของท่านปู่ ในความคาดหวังนั้นมีความละโมบปรากฏขึ้นมา แต่เขาก็มิอาจปฏิเสธ และไม่สามารถปฏิเสธเรื่องที่ท่านปู่จะนำตะเกียงแห่งชีวิตไม่สมประกอบนั่นมาผสานไว้ในร่างของเขา
เรื่องราวทั้งหมดหลังจากนั้น ก็ทำให้เขารู้สึกว่าโชคชะตาช่างไร้ความปราณี เขามาถึงระดับที่เฉิดฉายที่สุด เขาทำได้ยอดเยี่ยมที่สุดที่ไม่เคยมีใครในพันธมิตรทำได้มาก่อน
เดิมทีเขาคิดว่า ตนเองทำได้ขนาดนี้แล้ว โชคชะตาของตนเองน่าจะดีขึ้น แต่เขากลับมองเห็นความละโมบยิ่งกว่าเดิมในสายตาของท่านปู่
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไม่ได้โง่ แต่เขาทำได้เพียงเงียบนิ่ง จนกระทั่งสวี่ชิงชิงตะเกียงแห่งชีวิตไป เขาบาดเจ็บหนักจนน่าเวทนา แต่กลับโล่งใจ แต่เขาก็ไม่คิดไม่ฝันเลย ว่าเพื่อจะมีชีวิตต่อไป เขายังถูกประธานพันธมิตรให้ความสำคัญจนฝังวิหคทองไว้ให้อีก
ทั้งหมดนี้ ทำให้ความคุ้มคลั่งในใจเขามาถึงขีดสุด จนเกิดความบิดเบี้ยว
เขาต่อต้านท่านปู่ไม่ได้ แต่เขาเกลียดสวี่ชิงได้ เขาต่อต้านประธานพันธมิตรไม่ได้ แต่เขาเคียดแค้นสวี่ชิงได้
แล้วถือดีอย่างไร ในใจสวี่ชิงอย่างเจ้าจึงมีประกายแสง ถือดีอย่างไร…ที่เจ้าไม่น่าเวทนาเช่นเดียวกับข้า ไม่ยอมตายไปพร้อมกันกับข้า!
ความคิดนี้กลายเป็นความเคียดแค้นที่ปะทุต่อเนื่องในก้นบึ้งจิตใจเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง และแท้จริงแล้ว สาเหตุที่เขาเกลียดชังสวี่ชิงมาก เพราะความริษยาที่ทิ่มแทงจิตใจ!
เขาริษยาที่คนอย่างสวี่ชิง ที่คิดไม่ถึงว่าในใจมีแสงสว่าง
เขาริษยาสวี่ชิงที่ครอบครองตะเกียงแห่งชีวิตที่เป็นของตนเองอย่างแท้จริงได้ถึงสองดวง
เขาริษยาสวี่ชิงที่ไม่ต้องมาทนรับความทุกข์ทรมานเช่นตนเอง แต่ได้รับสิ่งที่เขามีมาทั้งหมด
เขายิ่งริษยาสวี่ชิงที่มีอาจารย์ที่ขวางใต้หล้าเพื่อปกป้องเขา มีบรรพจารย์ที่ไม่ละโมบกับตัวเขา
และที่เขาริษยาที่สุด ก็คือฉากในหิมะคืนนั้น อีกฝ่ายที่ผ่านเรื่องเช่นนั้น แต่กลับไม่แตกสลาย!
เขาจึงยิ่งริษยา ยิ่งเคียดแค้น
เขารู้สึกว่าตนเองเปิดช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดแล้วอย่างไร ขีดจำกัดแก่นลมปราณไปถึงวังสวรรค์มายาแปดวังแล้วอย่างไร ตนเองได้รับสิทธิ์ใช้วิหคทองด้วยการช่วยเหลือจากประธานพันธมิตรแล้วมันเปลี่ยนแปลงอะไรได้
‘มีเพียงกลายเป็นเทพเท่านั้น ที่จะสะกดทุกสิ่ง!’ ความบ้าคลั่งในดวงตาเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องปะทุขึ้น ประโยคนี้ เขาไม่ได้พูดออกมา แต่คำรามออกมาจากก้นบึ้งจิตใจ
นี่เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเขา และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขายอมเข้าร่วมกับเทียนประทีป แม้ครั้งนี้เจ็ดเนตรโลหิตจะมาถึงอย่างรวดเร็วและกะทันหัน จนทำให้แผนการมากมายยังไม่ทันได้สำแดงออกมา ทว่าความศรัทธาของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเองก็ยังไม่ได้ดับสูญไป
ต่อให้ช่องเวทที่หนึ่งร้อยยี่สิบเอ็ดของตนเองจะย่อยยับ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ขีดจำกัดวังสวรรค์มายาวังที่แปดสลายไปด้วย แต่เขายังคงรู้สึกว่า ตนเองเดินมาถึงเส้นทางที่รุ่งโรจน์แล้ว
ดังนั้นพริบตาต่อมา ขณะที่สวี่ชิงพุ่งเข้ามาราวกับสายอัสนีแล้วออกหมัดซัดมา เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็หัวเราะ ในดวงตาบ้าคลั่งสีหน้าอำมหิต ในปากส่งเสียงครางต่ำ ออกหมัดซัดไปเช่นกัน
แต่ความห่างชั้นของพลังต่อสู้ที่มหาศาล ทำให้พริบตานี้เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ไม่อาจเป็นคู่ต่อสู้ของสวี่ชิงได้เลย ต่อมา เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็สั่นเทิ้มไปทั้งร่าง แขนขวาระเบิดแหลกละเอียด ขณะที่ร้องโหยหวนน่าเวทนาลอดออกมา ร่างกายของเขาก็ม้วนกลับอีกครั้ง
แต่เขาก็ยังโต้กลับ แขนซ้ายของเขาทำปางมืออย่างรวดเร็ว ฉับพลันแสงกระบี่หลายเล่มก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
เล่มที่หนึ่งลงมาจากฟากฟ้า กระบี่พิฆาตโลหิตฟ้าทมิฬ
เล่มที่สองกวาดขวางเข้ามา กระบี่สะกดมารสะเทือนวิญญาณ
เล่มที่สามกลายเป็นเงาภูตแบกกระบี่ กระบี่ภูตอุดรถามสวรรค์
แต่ครั้งนี้ สวี่ชิงก็เมินเฉย เมื่อเขาสะบัดมือ กระบี่ที่ร่วงลงมาจากฟากฟ้าก็แตกสลายไปทีละชุ่น กระบี่ที่กวาดเข้ามาก็ขาดสะบั้น แปดภูตยังไม่ทันได้ชักกระบี่ ก็ส่งเสียงร้อง ร่างบิดเบี้ยวถูกกลิ่นอายบนตัวสวี่ชิงซัดจนหายไป
จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงแรงกล้า อย่างไม่ลดละความเร็ว จนกระทั่งไล่มาถึงเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่กำลังถอยหนี และไม่ให้โอกาสอีกฝ่ายได้ตั้งตัวทัน พริบตาที่เข้าประชิด ก็สำแดงวิถีเพลิงวิญญาณอนธการโดยไม่สนใจการป้องกันทั้งหมดของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง
มือขวาของเขากลายเป็นความว่างเปล่า ล้วงเข้าไปในร่างกายเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!
ฉากที่คุ้นเคยลอยเอ่อขึ้นในจิตวิญญาณเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ร่างกายเขากระเสือกกระสนแข็งขืน แต่กลับทำอะไรไม่ได้ พริบตาที่ดวงตาเขาเผยความบ้าคลั่งและใช้หัวโขกสวี่ชิง มือขวาของสวี่ชิงก็ล้วงถึงในทะเลความรู้สึกของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องแล้ว สัมผัสวังสวรรค์ของเขา!
ผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณวังสวรรค์ พริบตาที่เลื่อนระดับจะเปิดวังสรรค์มายา กำหนดขีดจำกัดของมัน และก่อร่างพลังต่อสู้อย่างแท้จริง จำเป็นต้องทำให้วังสวรรค์มายากลายเป็นวัตถุจริง
อย่างเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเวลานี้ ขีดจำกัดของเขาคือแปดวังสวรรค์ แต่ที่เป็นวัตถุจริงนั้นมีเพียงหนึ่งวังสวรรค์
เมื่อสวี่ชิงควานเข้าไป ก็คว้าแก่นลมปราณที่อยู่ในวังสวรรค์ของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไว้!
กระชากอย่างแรง!
แก่นลมปราณนี้ แฝงความแค้นไว้มหาศาล ขณะที่แผ่ซ่านออกก็ยังมีคลื่นที่ไม่ธรรมดาแผ่ออกมาด้วย เมื่อสวี่ชิงกระชาก ก็กระชากออกมาท่ามกลางเสียงร้องโหยหวนของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง!
เห็นเส้นเลือดนับไม่ถ้วนพันแก่นลมปราณ เชื่อมต่อกับร่างกายที่สั่นเทิ้มอย่างรุนแรงของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง เสียงโหยหวนเวลานี้ ดังก้องไปทั้งสี่ทิศ ในดวงตาสวี่ชิงจิตสังหารคุกรุ่น บีบมันอย่างรุนแรง
เสียงปึงดังขึ้น แก่นลมปราณแตกสลาย กลายเป็นของบำรุงนับไม่ถ้วนหลอมรวมเข้าไปในร่างสวี่ชิง ขณะเดียวกันสวี่ชิงก็ใช้หัวโขกไปที่หน้าผากเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอย่างแรง
เสียงตูมดังขึ้น เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เลือดเนื้ออวัยวะภายในทั้งห้าเละเทะ ศีรษะยุบ แต่ความบ้าคลั่งกับความดุดันในดวงตาของเขาไม่ลดน้อยลงเลย
หน้าสวี่ชิงเต็มไปด้วยเลือดสดที่เป็นของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง
ในดวงตาเขาก็มีความบ้าคลั่ง ซึ่งเป็นของตัวเขาเอง!
พริบตาต่อมา วิหคทองด้านหลังสวี่ชิงก็แหงนหน้าแผดเสียงกู่ก้องขึ้นฟ้า จุติลงมาฉับพลัน สูดรับไปทางเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องอย่างรุนแรง
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องหัวเราะอย่างน่าเวทนา ภาพมายาวิหคทองด้านหลังถูกวิหคทองของสวี่ชิงฉีกทึ้งอย่างควบคุมไม่ไม่ ทั้งสองฝ่ายกำลังพัวพันกันกลางอากาศ
กลืนกินกัน พัวพันกัน คำรามใส่กัน ดวงตาสวี่ชิงเผยประกายเย็นเยียบ จิตสังหารในใจก็ต้องการระบาย ต้องการระเบิดออกมาในตอนนี้ เขาคว้าเส้นผมของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องไว้ ยกมือขวาขึ้นซัดไปที่หน้าอกของเขาทีละหมัดๆ
ทุกหมัดที่ซัดไป ร่างกายของเซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็แตกหักทีละส่วน แหลกเละทีละส่วน สลายหายไปทีละส่วน
วิญญาณเขาก็กำลังสูญสลายอย่างรวดเร็วเช่นกัน บรรพจารย์สำนักวัชระที่อยู่ข้างๆ สูดรับอย่างละโมบ
ผ่านไปสามหมัด เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องที่จะปริแตกไปครึ่งตัว สุดท้ายเมื่อสวี่ชิงซัดหมัดที่สี่ไป เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องก็กรีดร้องแหลมแล้วขาดห้วงไปทันทีจากเสียงระเบิดที่ดังสนั่นไปทั้งสี่ทิศ
ร่างกายของเขาตั้งแต่คอลงมา ทั้งหมดระเบิดปริแตกจนสิ้น กระจัดกระจายระเนระนาด กระดูกกับเลือดเนื้อกลายเป็นชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน สาดกระเด็นไปรอบๆ
ร่างกายเช่นกัน ดวงวิญญาณก็เช่นกัน
มีเพียงศีรษะ ที่สวี่ชิงหิ้วไว้ในมือ ตอนนี้ในดวงตาที่เบิกโพลง ยังคงมีความไม่ยินยอมและความบ้าคลั่งเหลือทิ้งไว้
แต่เมื่อไม่มีต้นกำเนิดอีกต่อไป จึงหม่นแสงลงช้าๆ
เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่อง ดับดิ้น!
พื้นนองไปด้วยเลือด รอบๆ เต็มไปด้วยเศษเนื้อ
วิหคทองที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องเข้าควบคุมที่กลางอากาศ ในวินาทีนี้ ด้วยสูญเสียต้นกำเนิด และอ่อนแอลง ก็ค่อยๆ ต้านทานไม่ไหว ก็ถูกวิหคทองของสวี่ชิงกลืนลงไปในคราวเดียวระหว่างที่ฉีกทึ้งกัน
หลังจากกลืนกินวิหคทองที่เซิ่งอวิ๋นผู้ปราดเปรื่องควบคุม ร่างกายวิหคทองของสวี่ชิงก็สั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง แผ่เปลวเพลิงมหาศาลออกมา ระเบิดเสียงครืนครันออกไปทั้งสี่ทิศ ขณะที่กวาดม้วนไปรอบด้าน หางที่สิบของมันก็ก่อกำเนิดขึ้น จากนั้นก็หางที่สิบเอ็ด สิบสอง จนสุดท้ายคือหางที่สิบสาม!
วิชาระดับจักรพรรดิวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ ในวินาทีนี้ ในที่สุดก็ทะลวงขั้นกลายเป็นขั้นที่สองแล้ว