ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 336 ศิษย์น้องรีบหนี
บทที่ 336 ศิษย์น้องรีบหนี
พลังบำเพ็ญหญิงสาวชุดแดงนั้นไม่ธรรมดา เวลานี้ในดวงตาเปล่งแสงเจิดจ้า ทะเลสาบเลือดด้านหลังตีเกลียว ด้านในยังมีดวงตาข้างหนึ่งลอยอยู่รางๆ
ดวงตาข้างนี้เป็นแนวตั้ง แผ่จิตสังหารที่รุนแรง สายตาราวกับมีพลังในการสะกด ขณะที่รอบด้านล้วนถูกสะท้อนจนกลายเป็นดินแดนเลือด ก็มองตรงไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงมองข้ามไปทันที!
หญิงสาวคนนี้เป็นแค่แก่นลมปราณหนึ่งวังสวรรค์ แม้วิชาระดับจักรพรรดิจะขั้นสองเหมือนกัน พลังต่อสู้เทียบเท่ากับสองวังสวรรค์ได้อย่างไม่ต้องสงสัย การลงมือก็คมกริบ หากเป็นคู่ต่อสู้คนอื่น ตอนนี้เกรงว่าคงถูกนางสะกดไปในพริบตาแล้ว
แต่นางยังไม่เข้าใจถึงพลังแท้จริงของสวี่ชิง
สวี่ชิงมีพลังสองวังสวรรค์ แต่เขาก็เก็บงำจนเคยชิน ดังนั้นที่เผยออกมาจึงไม่ชัดเจน วิชาระดับจักรพรรดิขั้นสองของตนเองก็ไม่เคยเปิดเผยมาก่อน
ดังนั้นถ้าไม่สังเกตให้ละเอียด ก็มองพลังแท้จริงของเขาได้ยากมา
ดังนั้น การแย่งชิงของหญิงสาวชุดแดงคนนี้จึงไม่มีทางสำเร็จ
ทั้งหมดเพียงแค่ในพริบตา สวี่ชิงที่พลังต่อสู้ไปถึงสามวังสวรรค์ ภายใต้การระเบิดของพลังบำเพ็ญ ระเบิดความเร็วขึ้น มองข้ามการลงมือของหญิงสาวชุดดำได้ทันที เพียงพริบตาก็เข้าไปถึงจุดที่เลือดสีทองอยู่ คว้าเอาไว้
หลังจากเก็บมาร่างกายก็ไหววูบ พุ่งทะยานออกไปไกลอย่างรวดเร็ว และใช้ผลักของตรงนี้ ทำให้ความเร็วของตนเองเร็วยิ่งขึ้น
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วจังหวะสะเก็ดไฟ หญิงสาวชุดแดงคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี พอเห็นว่าคนชิงเลือดไปแล้ว ดวงตานางก็เปล่งจิตสังหาร ยกมือขวาขึ้นโบก ฉับพลันดวงตาบนเคียวภูตชั่วร้ายนั่นก็เบิกโพลงขึ้นอีกครั้ง เผยแสงสีแดงสดออกมา
“เก็บงำเสียมิดเชียว แต่ว่าสามวังสวรรค์ ข้าก็ยังไหว!” หญิงสาวชุดแดงกัดปลายลิ้นจนแตก พ่นเลือดสดลงไปบนเคียวภูตชั่วร้าย ในดวงตาเปล่งประกายสีแดงสดออกมาเช่นกัน
“ชะตาผู้สืบทอดนอกวิถี มิอาจสืบเสาะมรรคา จักรพรรดิแห่งความมืด ประทานพรประทับ ภูตสงครามสถิตกาย ช่วยเหลือข้าสาวกลัทธิ ย่ำสู่นอกวิถี!”
คำพูดเหล่านี้ ใช้ท่วงทำนองโบราณที่ดูคล้ายบทสวดประเภทหนึ่ง ขณะที่ดังก้องไปทั้งแปดทิศ ระหว่างฟ้าดินก็เหมือนถูกพลังบางอย่างสร้างผลกระทบ จนปรากฏลมหยินขึ้นเป็นระลอก
ลมหยินนี้ไม่สนใจพลังสะกดของที่นี่ รวมตัวรอบตัวหญิงสาวชุดแดงอย่างรวดเร็ว พูดให้ถูกคือรวมกันอยู่รอบๆ เคียวภูตชั่วร้ายในมือนาง
ตาทั้งสองของภูตชั่วร้ายนั่นยิ่งแดงก่ำภายใต้ลมหยิน หญิงสาวก็เช่นกัน
หลังจากแดงถึงขีดสุด จู่ๆ ภูตชั่วร้ายนั่นก็อ้าปากกว้าง กัดแขนของหญิงสาว
พริบตาต่อมา ร่างกายหญิงสาวชุดแดงก็สั่นกระตุก ราวกับว่าถูกพลังบางอย่างหนุนนำ ตอนที่เงยหน้าขึ้นฉับพลัน ในดวงตานางก็เผยประกายดุดันออกมา ยกมือขวาขึ้น โบกเบาๆ ไปทางสวี่ชิงที่ทะยานอยู่ห่างๆ
ในปากก็ส่งเสียงแหบพร่า
“กลับมา”
เสียงนี้ ราวกับเป็นเสียงของหญิงชรากับนางเอ่ยปากขึ้นพร้อมกัน เสียงซับท้อนอยู่ด้วยกัน ดูชั่วร้ายอย่างมาก
วิชาลับนี้ ราวกับเป็นวิญญาณสงครามบรรพกาลของหญิงสาวชุดแดง พอประทับในร่าง ก็ทำให้ร่างกายได้รับพลังหนุนนำจากภายนอก ระเบิดพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าออกมา
จังหวะที่เสียงนี้ดังมา ร่างกายสวี่ชิงก็ชะงัก พลังไร้รูปร่างวูบหนึ่งโน้มนำทั้งสี่ทิศ ทำให้ร่างกายเขาราวกับถูกพันธนาการ ก่อตัวเป็นแรงดึงดูด ดึงเขาไปทางหญิงสาวชุดแดง
“ศิษย์น้องระวังด้วย ที่หญิงสาวคนนี้สำแดงออกมาคือวิชาลับลัทธินอกวิถี ประทับวิญญาณสงครามเข้ามาในร่างกาย!” เมื่อนายกองที่อยู่ห่างออกไปเห็นฉากนี้ ก็ตะโกนเสียงดังทันที
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขาสัมผัสได้ว่าพลังนี้ดูคล้ายกับสิ่งประหลาดบางอย่าง เขาจักรพรรดิภูตในทะเลความรู้สึกจึงเปล่งแสงฉับพลัน พริบตานั้นพลังสิ่งประหลาดนอกร่างกายก็หายไปทันที
สวี่ชิงไหววูบ กำลังคิดจะไปต่อ แต่การลงมือของหญิงสาวคนนั้นไม่ใช่เพื่อดึงตัวสวี่ชิงกลับมา นางรู้ว่าโอกาสเป็นไปได้น้อยมาก
เป้าหมายของนางคือจำกัดการเคลื่อนไหวของสวี่ชิงให้มากที่สุด เพื่อประวิงเวลาไล่ตามให้ทัน
ดังนั้นแทบจะพริบตาที่โบกมือ นางก็พุ่งออกไปด้วยความเร็วทั้งหมด เข้าหาสวี่ชิง
สวี่ชิงตอนนี้เพิ่งจะสลายพลังพันธนาการสิ่งประหลาดด้านนอก หญิงสาวชุดแดงคนนั้นก็เข้าประชิดแล้ว พลังต่อสู้สามวังสวรรค์ระเบิดออกมาจากในร่างกาย ก่อตัวเป็นพลังปะทะที่น่าตกตะลึง โบกเคียวในมือฟาดไปทางสวี่ชิง
เคียวนี้ยาวเท่าตัวคน ดูเหมือนเป็นของจริง แต่กลับเป็นภาพมายาเป็นบางครั้ง และเนื่องจากเร็วมาก จึงก่อตัวขึ้นเป็นภาพเงาคงค้างรูปจันทร์เสี้ยว ราวกับฟันความว่างเปล่าจนแยก วาดหนักๆ ตรงไปที่คอสวี่ชิง!
เข้าประชิดด้วยความรวดเร็ว หญิงสาวชุดแดงด้านหลัง ในดวงตาเต็มไปด้วยจิตสังหาร และมีความเชื่อมั่นในตนเอง
สามวังสวรรค์ นางเคยสังหารมาแล้ว
เคียวภูตชั่วร้ายในมือนางถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ในลัทธิ หนึ่งเดียวไม่มีสอง มีที่มาไม่ธรรมดา จากบันทึกในลัทธิ เหมือนจะเกี่ยวข้องกับแดนศักดิ์สิทธิ์ด้วย
เคียวนี้สามารถมองข้ามการป้องกันทั้งหมดได้ ต่อให้อีกฝ่ายจะมีพลังคุ้มกันก็ไม่มีประโยชน์
ระหว่างที่หวีดหวิวอยู่นี้ เสียงของนายกองที่อยู่ห่างออกไปก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“ศิษย์น้องระวัง หญิงสาวคนนี้มีวิชาชั่วร้าย เคียวเล่มนี้ข้านึกออกแล้ว เหมือนจะเป็นหนึ่งในของศักดิ์สิทธิ์จากลัทธินอกวิถี ว่ากันว่าไม่มีวัตถุจริง และสามารถเมินพลังคุ้มกันทั้งหมดได้!”
สวี่ชิงดวงตาจ้องเพ่ง เขาสัมผัสได้ว่าเคียวสีดำเล่มนี้ไม่ธรรมดา และสัมผัสได้ว่าวิชาลับของหญิงสาวชุดแดงนี้ก็น่าตกตะลึง ตอนนี้ร่างกายจึงเอนลงไปด้านหลังฉับพลัน หลบเลี่ยงพลังเบื้องหน้าอย่างหวุดหวิดภายใต้การระเบิดความเร็ว
แม้จะหลบเลี่ยง แต่กลับมีพลังสะกดวูบหนึ่งแผ่ออกมาบนเคียวเล่มนั้น ทำให้พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงไม่เสถียรขึ้นมา
สถานการณ์เช่นนี้ สวี่ชิงเพิ่งเคยพบเป็นครั้งแรก
หลังจากดาบหนึ่งของหญิงสาวชุดแดง ก็โบกวาด กวาดเข้ามาอีกดาบฉันพลัน เป้าหมายยังคงเป็นคอของสวี่ชิง
ในดวงตาสวี่ชิงประกายเย็นเยียบสว่างวาบ ถอยหนีไปพลางสะกดความปั่นป่วนของพลังบำเพ็ญไป คอยสังเกตเคียวเล่มนั้นไป ค่อยๆ มองออกว่าเคียวเล่มนี้ดูคล้ายจะเป็นวัตถุจริง แต่อันที่จริงก่อตัวขึ้นมาจากพลังของวิชาเวทที่แฝงอยู่ด้านใน
จนหลังจากที่อีกฝ่ายโบกวาดมาครั้งที่ห้า พริบตาที่เคียวกวาดมาครั้งที่หก ดวงตาสวี่ชิงก็กระจ่างขึ้นมา ยกมือขวาขึ้นฉับพลัน เข้าสกัดเคียวที่เข้ามาเบื้องหน้า
เพียงพริบตา คมเคียวเข้าใกล้ มือขวาของสวี่ชิงจู่ๆ เลือดเนื้อก็กลายเป็นความว่างเปล่า
วิชาวิถีพรางมารยาชิงมรรคาของเขานั่นเอง
มือขวาที่เปลี่ยนไปนี้ กลายเป็นสภาวะสิ่งประหลาด
และสภาวะสิ่งประหลาด ก็สามารถมองข้ามวิชาเวทได้ทั้งหมด นี่เป็นหนึ่งในพรสวรรค์ของเผ่าประหลาด มีอยู่น้อยมากบนโลก และความจริงก็เป็นเช่นนี้ เคียวของหญิงชุดแดงในพริบตาต่อมา ก็วาดทะลุผ่านมือขวาโปร่งใสของสวี่ชิงไป
จิตสังหารในดวงตาสวี่ชิงเปล่งประกาย ภายใต้ความตกตะลึงของหญิงสาวชุดแดง มือประหลาดก็คว้าด้ามจับของเคียวไว้แล้ว
พริบตาที่จับจนอยู่ สวี่ชิงก็สะบัดดาบเคียว และตนเองก็ใช้แรงนี้พุ่งเข้าประชิดฉับพลัน
ระยะห่างระหว่างพวกเขา คือความยาวของตัวเคียว
ตอนนี้จากการใช้พลังสะบัดเข้าช่วย ทั้งสองคนก็เข้าประชิดในพริบตา ขณะที่หญิงสาวชุดแดงหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง สวี่ชิงก็เงยหน้าขึ้นโขกที่หน้ากากของหญิงสาวอย่างจัง
เสียงโพละดังขึ้น หญิงสาวส่งเสียงอึกอักออกมา ขณะที่หน้ากากแตกร้าว มือซ้ายสวี่ชิงก็ประกบปาง ฉับพลันรอบด้านก็เกิดภาพมายามหาสมุทรขึ้นมา วิชาคลื่นสมุทรเก้าซ้อนระเบิดออกฉับพลัน
มหาสมุทรรอบด้านก่อตัวคลื่นยักษ์ จากนั้นมือซ้ายของสวี่ชิงก็โบก คลื่นระรอกแรกหวีดหวิวเข้ามาทางด้านหลัง แล่นผ่านสวี่ชิง กระแทกตัวหญิงสาวชุดแดงอย่างจัง
ขณะที่ร่างกายหญิงสาวสั่นเทิ้ม นอกตัวนางก็ปรากฏแสงคุ้มกันขึ้นมา เข้าสกัดคลื่นทะเลระลอกหนึ่ง
สวี่ชิงไม่รู้สึกแปลกใจ สถานะในลัทธินอกวิถีของอีกฝ่ายต้องไม่ธรรมดาแน่ มีการคุ้มกันอยู่บ้างเป็นเรื่องปกติ
เขาจึงไม่รีบร้อน ตอนนี้คลื่นที่สองสามสี่ทยอยเข้ามา ขณะที่แต่ละระลอกส่งเสียงครืนครัน เกราะคุ้มกันของหญิงสาวชุดแดงก็บิดเบี้ยว
และความสนใจของนางก็อยู่ที่ระลอกคลื่นรวมถึงเคียวที่สวี่ชิงจับเอาไว้ ไม่ทันสังเกตเลยว่าบนเกราะคุ้มกันของนางจากการดึงดูดความสนใจของคลื่น ก็มีแมลงเล็กจำนวนมากมายคลานอยู่บนนั้นแล้ว กำลังคายพลังพิษเข้าโจมตีกัดกร่อน
นางไม่รู้จักสวี่ชิง และไม่เข้าใจวิธีการโจมตีของสวี่ชิง และยิ่งไม่รู้ถึงความโหดร้ายของสวี่ชิง แต่นางก็สัมผัสได้ว่าสวี่ชิงเวลานี้ แตกต่างกับก่อนหน้า มือซ้ายคว้าเคียวไว้ราวกับคีมเหล็ก นางดิ้นรนอย่างสุดกำลังก็สะบัดไม่หลุด
โดยเฉพาะที่มือซ้ายของสวี่ชิงที่ไม่สนใจเคียวก่อนหน้านี้ ทำให้จิตใจของนางโหมคลื่นยักษ์มโหฬารเลยทีเดียว
อันที่จริงนับตั้งแต่ที่นางได้รับการยอมรับและสืบทอดเคียวเล่มนี้มาจากในลัทธิ คนชั่วร้ายในสำนักที่ตายด้วยมือนางก็มีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน ถึงอย่างไรลัทธินอกวิถีก็เป็นสถานที่ที่ไม่ได้ดีเด่อะไรอยู่แล้ว ด้านในมีพวกคลั่งพวกบ้าบออยู่เต็มไปหมด
หากคิดจะเอาตัวรอดจากที่นั่น ต่อให้นางมีญาติที่สถานะระดับหนึ่งในลัทธิ แต่ก็คุ้มครองนางไม่ได้ตลอดเวลา ดังนั้นเวลาส่วนใหญ่ นางจึงต้องพึ่งพาตนเอง
หลายปีมานี้ นางเองก็ทำเช่นนี้จริงๆ
พึ่งความพยายามและการสังหารของตนเอง ได้รับตำแหน่งและความเคารพศรัทธาในลัทธิทีละก้าว และมีอิสระอยู่พอประมาณ สามารถออกมาภายนอกได้
แม้จะยังห่างไกลจากความใฝ่ฝันของนาง แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เคียวเล่มนี้ก็มีส่วนช่วยนางอย่างมาก
และยิ่งเป็นเช่นนี้ ในใจนางก็ยิ่งสั่นไหว และยิ่งปล่อยมือไม่ได้เด็ดขาด
จนพริบตาต่อมา ขณะที่แมลงสีดำกัดกร่อนเกราะคุ้มกันภายนอกของนาง ขณะที่คลื่นลูกที่เก้าโจมตี ก็แตกสลายฉับพลัน พริบตาที่แตกกระจายเป็นชิ้นๆ ดวงตาสวี่ชิงก็มีประกายจิตสังหารแล่นวาบ
มือขวาของเขายื่นออกฉับพลัน ไฟวิญญาณในมือแปรเป็นกริชสีดำ วาดฟันไปที่คอขาวของหญิงสาวชุดแดง
เลือดสดทะลัก แต่ศีรษะกลับไม่หลุด
พริบตาที่กริชของสวี่ชิงปาดไป ความวิกฤติเป็นตายที่น่าตกตะลึงวูบหนึ่ง ก็ปะทุขึ้นมาในใจสวี่ชิงฉับพลัน เลือดเนื้อทุกชุ่นของเขากำลังสั่นสะเทือน
แม้แต่นายกองที่มองการต่อสู้อยู่ห่างๆ ก็ยังต้องดวงตาถลึงโต สูดปาก ร้องขึ้นเสียงหลง
“ให้ตายเถอะ!!
“ศิษย์น้องรีบหนีเร็ว หญิงสาวคนนี้มีปัญหา นี่มันเขตแดนจิตโลหิตล้ำบารมีที่ถูกบรรลุได้ยากที่สุดของสำนักเซียนล้ำบารมี! ต่อให้แค่ขั้นเล็กก็ยังสำเร็จได้ยากลำบากมาก ว่ากันว่าคนที่บรรลุเขตแดนจิตโลหิตนี้ได้ ล้วนมีสองบุคลิกขึ้นไปทั้งสิ้น!
“และทุกครั้งที่บุคลิกเพิ่มขึ้นมา โลกในดวงตาของเขาก็จะสูญเสียสีไปหนึ่งสี จนกระทั่งหลังจากสิบเอ็ดบุคลิก ก็จะเหลือแต่สีเลือด นี่ถึงจะสำเร็จขั้นบริบูรณ์
“คนผู้นี้เป็นลัทธินอกวิถีหรือว่าสำนักเซียนล้ำบารมีกันแน่ ชั่วร้ายเสียจริง!!”
พริบตาที่นายกองเผยความตกตะลึงออกมา สวี่ชิงก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย รีบปล่อยมือจากเคียวที่คว้าไว้ทันที ร่างกายถอยร่นออกมาอย่างไม่ลังเล
แทบจะพริบตาที่เขาถอยหนี แสงเลือดผืนหนึ่งก็ระเบิดออกมาจากตัวของหญิงสาวชุดแดง โหมขึ้นท้องฟ้า
ขณะที่แสงเลือดนี้แผ่ซ่าน รอบด้านก็ราวกับกลายเป็นนรกเลือด
เสียงหัวเราะประหลาดเสียงหนึ่ง ก็ดังออกมาจากปากของหญิงสาวชุดแดง
“หึๆๆ”
เสียงหัวเราะนี้แทรกซึมสู่เจตจำนงได้ ขณะที่ดังออกมา หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้น
คอนางยังมีเลือดหลั่งริน แต่บาดแผลไม่ถึงชีวิต นายเงยหน้าแล้วลูบ มองเลือดที่อยู่เต็มฝ่ามือ ดวงตาสับสน มองไปทางสวี่ชิง
“เจ้าหรือที่ทำร้ายข้า”