ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 358 ภายใต้การตบรางวัลอย่างงาม
บทที่ 358 ภายใต้การตบรางวัลอย่างงาม
ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มคนที่อยู่บนพื้น หรือจะเป็นบรรพจารย์จากสำนักต่างๆ หรือจะเป็นผู้อาวุโสโถงครองกระบี่ พวกเขาล้วนจับตามองการแข่งขันครั้งนี้กันทั้งนั้น
โดยเฉพาะโถงครองกระบี่ ตอนนี้ผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่หลายคนกำลังนั่งอยู่ตรงนั้น มองไปข้างล่าง
พวกเขาอยากรู้ว่าการชิงอันดับรายชื่อครั้งนี้ ใครจะเป็นที่หนึ่ง
แม้นี่จะไม่ใช่การคัดเลือกสิทธิ์การทดสอบ อีกทั้งอันดับก็ไม่เท่ากับกำลังรบ แต่คะแนนบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็ทำให้คนมองร่องรอยบางอย่างออก วิเคราะห์ได้ว่าในคนกลุ่มนี้จิตวิญญาณของใครมั่นคงกว่า จิตใจของใครแข็งแกร่งกว่า
อีกทั้งยิ่งคะแนนดีเท่าไร ระดับการได้รับความสนใจหลังจากที่เป็นผู้ครองกระบี่แล้วก็จะยิ่งสูง กระทั่งว่าหากผู้ที่ยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้ทดสอบล้มเหลว แต่ก็ยังมีโอกาสที่จะอะลุ่มอล่วยได้
จุดนี้ คนที่จับตามองรู้ คนที่เข้าร่วมก็รู้เช่นกัน
เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ สำหรับลูกศิษย์สำนักต่างๆ ของเผ่ามนุษย์ที่มา ความจริงแล้วก็คือการแสดงความสามารถของตัวเอง
ตอนนี้เป็นคืนก่อนการทดสอบผู้ครองกระบี่ นอกจากสามสี่คนนั้นแล้ว โดยพื้นฐานทุกคนล้วนเคยเข้าร่วมการปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะทั้งนั้น
ส่งกระดาษคำตอบของตัวเอง
แต่สุดท้ายแล้วความสูงเกินหนึ่งพันจั้งมีไม่มาก ส่วนมากล้วนอยู่ต่ำกว่าพันจั้งลงไป
ความแตกต่างเช่นนี้ก็เหมือนกับความสูงของแต่ละคนบนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ เห็นได้ในทันที
ห้าร้อยจั้งขึ้นไปแต่ต่ำกว่าพันจั้ง เป็นแค่ระดับทั่วไป นับว่าผ่านเกณฑ์
สิ่งที่โถงครองกระบี่จับตามองให้ความสำคัญคือผู้โดดเด่นยอดเยี่ยมที่ระดับความสูงเกินพันจั้งขึ้นไปเหล่านั้น
ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อยากดูว่ ครั้งนี้จะมีใครเกินสองพันจั้งหรือไม่ หรือมีใครสามารถทำลายสถิติสองพันเจ็ดร้อยจั้งในช่วงหลายปีที่ผ่านนี้มาได้บ้าง
“น่าสนใจ สวี่ชิงคนนี้ไม่เลว ความโดดเด่นและระดับการจับตามองของเขาตอนนี้เหมาะที่จะเป็นเป้าหมาย ทำให้คนอยากจะกดเขาลงไป”
“ครั้งนี้ ชิงชิวจากลัทธินอกวิถีน่าจะถึงสองพันจั้ง แม่หนูคนนี้ไม่เลว หากไม่เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรนางน่าจะผ่านการทดสอบผู้ครองกระบี่ แต่ดูเหมือนนางจะเป็นปฏิปักษ์กับสวี่ชิง จิตปฏิปักษ์นี้แปรเปลี่ยนเป็นการแข่งขันก็ดีเลย”
“แล้วยังมีเด็กหนุ่มจากเผ่าเล็กๆ นั่น คนนี้สายเลือดค่อนข้างน่าสนใจ กระทั่งว่ามีสัญญาณของการย้อนคืนสายเลือด เขาถูกสวี่ชิงกระตุ้นก็น่าจะเกินสองพันจั้งเหมือนกัน”
ในโถงครองกระบี่ ผู้อาวุโสทั้งหลายเหล่านั้นยิ้มพลางเอ่ย
“ในนี้ยังมีตัวประหลาดแฝงตัวมา อยู่ดีไม่ว่าดีแปลงโฉมเป็นชายกลางคน ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ มีพิรุธ ในตัวมีของบ้าบอไร้สาระมากมายเหลือเกิน ตอนข้าเห็นคราแรกยังนึกว่าเป็นพวกต่างเผ่า เกือบจะลงมือฆ่าทิ้งเสียแล้ว”
“สำนักเจ็ดเนตรโลหิตครั้งนี้น่าสนใจ มีต้นกล้าที่ไม่เลวออกมาถึงสองต้น สวี่ชิงคนนั้นน่าจะมีวิธีกำจัดวิญญาณอาฆาตของตัวเอง นอกจากนี้ หลังจากเด็กคนนี้สู้กับหลี่จื่อเหลียงก็โดดเด่นเป็นที่จับตามอง ทั้งยังเคยได้รับคำชมจากข้า คนอื่นๆ ไม่ยอมจำนน
“ดังนั้นทันทีที่เขาเคลื่อนไหว คนอื่นก็เคลื่อนไหวเช่นกัน นี่ถึงจะมีการช่วงชิงที่ดุเดือดอย่างตอนนี้ เด็กคนนี้เอามาใช้ได้ดี การแข่งขันครั้งนี้ทำให้ดุเดือดได้อีก”
“นอกจากนี้ผู้สืบมรรคาของสำนักเซียนล้ำบารมีคนนั้นก็ควรค่าที่จะให้พวกเราคาดหวังเหมือนกัน”
ท่ามกลางสายตาของพวกเขา บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ การแข่งขันกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด
เงาร่างสิบกว่าร่างกำลังทำการสำแดงความเร็ว พุ่งทะยานตรงดิ่ง
สวี่ชิงที่อยู่ในนั้นไม่ได้อยู่ข้างหน้าสุด เพราะสิ่งที่เขาไขว่คว้าไม่ใช่อันดับ แต่เป็นผลเก็บเกี่ยว ดังนั้นทุกก้าวของเขาล้วนดูดซับจิตอาฆาตแค้นทั้งหมดมาไว้ในทะเลความรู้สึก
ส่วนคนอื่นๆ ทะยานไปอย่างรวดเร็ว พยายามทำให้จิตอาฆาตที่ดูดซับมาลดน้อยลง
เช่นนี้แล้วอันดับของสวี่ชิงย่อมตกลง ถูกเงาแต่ละร่างทยอยนำหน้าไป
คนแรกที่นำเขาไปคือชิงชิว หญิงชุดแดง ดวงตาใต้หน้ากากของนางฉายแววเย็นชา ความเร็วของนางน่าตื่นตะลึง ทุกครั้งที่ทะยานล้วนเป็นระยะสิบกว่าจั้ง นางเหมือนไม่ใส่ใจการโจมตีจากจิตอาฆาตเลยแม้แต่น้อย
จากนั้นก็เป็นเด็กหนุ่มจากสำนักเล็กๆ คนนั้น เด็กหนุ่มคนนี้ตัวไม่สูง รูปร่างค่อนข้างผอม ผมเผ้ายุ่งเหยิง แต่ดวงตาทั้งสองกลับเป็นประกาย สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนคือบนจมูกเขามีห่วงจมูกอยู่ห่วงหนึ่งด้วย
ห่วงจมูกนี้เปล่งแสงสีแดง ฉายความแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งออกมา
ในขณะเดียวกับที่เด็กหนุ่มฝีก้าวรวดเร็วราวทะยานนำหน้าสวี่ชิงไปนั้น หญิงสาวเย็นชาที่ทำความสูงเกินหนึ่งพันจั้งของสำนักเซียนล้ำบารมีคนนั้นตอนนี้ทะยานตัวขึ้นอย่างสงบนิ่ง ชุดนักพรตสีขาวขยับพริ้วตามการขึ้นลง ประดุจกระเรียนขาวตัวหนึ่ง มาพร้อมด้วยความงามอันศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์
นำสวี่ชิงไปแล้วเช่นกัน
หญิงสาวคนนี้ก่อนหน้านี้อยู่ในสำนักเซียนล้ำบารมีก็เหมือนไม่มีชื่อเสียงอะไร คนนอกยิ่งไม่เคยได้ยินชื่อนาง ตอนนี้ในสำนักเซียนล้ำบารมีนางกลับเป็นผู้ที่ปีนได้สูงที่สุด นอกจากผู้สืบทอดมรรคาที่ไม่ได้มา
นอกจากนางแล้ว ในสำนักเซียนล้ำบารมีก็ไม่มีผู้บำเพ็ญที่ปีนได้ระยะหนึ่งพันจั้งอีก ส่วนมากล้วนอยู่ที่ประมาณแปดร้อยเก้าร้อยจั้ง
เดิมหลี่จื่อเหลียงก็สามารถปีนได้เกินพันจั้ง แต่กลับมอดม้วยเสียก่อน
แต่ว่าสำนักเซียนล้ำบารมีในฐานะที่เป็นขั้วอำนาจอันดับหนึ่งนอกจากโถงครองกระบี่ในมณฑลรับเสด็จราชันแล้ว ย่อมมีส่วนที่เป็นพลังรากฐาน ในบรรดาขั้วอำนาจใหญ่ทั้งหลายเป็นฝ่ายที่มีลูกศิษย์ปีนได้ระดับความสูงแปดร้อยเก้าร้อยจั้งมากที่สุด
จากนั้นก็เป็นลัทธินอกวิถี ขั้วอำนาจที่อ่อนแอที่สุดคือพันธมิตรแปดสำนัก
เห็นเงาร่างแต่ละร่างๆ ทยอยนำตัวเองไป สวี่ชิงสีหน้าเป็นปกติ ไม่ได้สนใจ เดินไปข้างหน้าทีละก้าวๆ ต่อไป
ทุกฝีเท้าที่ก้าวลงไปล้วนดูดซับจิตอาฆาตที่โจมตีมาโดยสมบูรณ์ ทำให้เกิดวิญญาณอาฆาตในทะเลความรู้สึกได้ง่ายขึ้น
จากการสยบและบดขยี้จากเขาจักรพรรดิภูต วิญญาณอาฆาตพวกนี้ต่างแตกสลายไป ส่วนเขาจักรพรรดิภูตก็สมจริงขึ้นเรื่อยๆ หน้าตาก็เช่นกัน
สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าหลังจากที่เขาจักรพรรดิภูตของตนลูกนี้กำลังดูดซับโลหิตเต๋าโยวจิงและผ่านการฝึกฝนครั้งนี้ ก็แตกต่างกับในตอนแรกราวฟ้ากับเหว
โดยเฉพาะกระบองที่ค่อยๆ ก่อเค้าร่างขึ้นในมือทั้งสอง ทำให้สวี่ชิงเฝ้ารอคอยนัก
ดังนั้นเขาจึงเดินให้ยิ่งช้าลงไปอีก พยายามดูดซับจิตอาฆาตให้มากขึ้น ดังนั้นไม่นานนัก เงาร่างของซือหม่าหรูก็มาปรากฏข้างหลังเขา ไม่แม้แต่จะชายตามองเขา นำหน้าไปทันที
ยังมีผู้บำเพ็ญสำนักเล็กๆ ที่เคยปีนถึงระดับเกินพันจั้งสามสี่คนนั้นก็นำหน้าไปเช่นกัน
ในนั้นรวมถึงชายกลางคนหน้าปรุคนนั้นที่โด่งดังชั่วข้ามคืน
ในตอนที่เขานำหน้าสวี่ชิงก็ปรายตามองอย่างรวดเร็วแวบหนึ่ง สีหน้ามีแววได้ใจนิดๆ
ในฐานะที่เป็นคนที่ปีนได้สูงที่สุดในช่วงระยะนี้ ความสนใจที่เขาได้รับไม่ด้อยไปกว่าสวี่ชิงเลย
สวี่ชิงกวาดสายตามอง แผ่จิตเทพไปหาเจ้าเงา หลังจากที่ได้รับการตอบรับอย่างมั่นใจจากเจ้าเงา สวี่ชิงก็มองแผ่นหลังของชายกลางคนคนนี้อย่างพินิจแวบหนึ่ง
และตอนนี้จากการที่สวี่ชิงถูกคนอื่นนำหน้าไปติดๆ คนที่จับตามองอยู่ข้างล่างก็ค่อยๆ ส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์ออกมา แต่สวี่ชิงสีหน้ายังเป็นปกติ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น มุ่งไปข้างหน้าอย่างมั่นคงต่อไป
จวบจนในทะเลความรู้สึกบดขยี้วิญญาณอาฆาตไปได้สิบเจ็ดดวง ในที่สุดสวี่ชิงก็มาถึงที่ระดับความสูงหนึ่งพันจั้งอีกครั้ง
ยืนอยู่ตรงนั้น เขาสัมผัสถึงรางวัลที่เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะแผ่ออกมา พอใจเป็นอย่างยิ่ง
“ผลเก็บเกี่ยวครั้งนี้มากกว่าครั้งที่แล้ว”
สวี่ชิงพอใจมาก แต่ผู้อาวุโสโถงครองกระบี่ที่จับตามองการแข่งขันครั้งนี้ในโถงครองกระบี่ข้างบนไม่ค่อยพอใจเท่าไร
“สวี่ชิงคนนี้ชักช้ายืดยาด ถูกคนนำหน้าไปมากขนาดนั้นแล้วยังไม่สนใจ แบบนี้ไม่ได้!”
“ใช่แล้ว ด้วยชื่อเสียงของเขาในตอนนี้ หากไม่เข้าร่วมอย่างตั้งใจ การแข่งขันของคนอื่นๆ ก็จะขาดบรรยากาศแข่งขันไปเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด ตอนนี้พวกเขาปีนกันช้าทุกคนแล้ว”
“มีเพียงการแข่งขันอันดุเดือดเท่านั้นจึงจะปะทุศักยภาพของคนพวกนี้ได้ ท่าทางคงต้องตบรางวัลอย่างงามแล้ว ในสถิติสองพันเจ็ดร้อยจั้งเมื่อตอนนั้น ก็ได้มาด้วยวิธีนี้ไม่ใช่หรือ น่าเสียดายที่ไม่ถึงสามพันจั้ง”
“แดนต้องห้ามเซียนใกล้จะเปิดแล้ว ต้องการผู้แข็งแกร่งที่จิตวิญญาณมุ่งมั่นมากกว่านี้จริงๆ นั่นแหละ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องมัวแต่ทำตามกฎแล้ว ตบรางวัลอย่างเหมาะสมได้!”
“นอกจากนี้ข้าก็คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าครั้งนี้จะมีผู้ทดสอบที่ปีนได้ถึงสามพันจั้งหรือไม่”
“สามพันจั้งหรือ อักขระที่นั่น จากการค้นคว้าของพวกเราเป็นอักขระที่แปรมาจากการที่จักรพรรดิภูตทำการสังหารผู้บำเพ็ญจากแผ่นดินเทวะเพียงครั้งเดียวในชีวิตของเขา”
ดังนั้น ไม่นานนัก ในยามที่สวี่ชิงเตรียมจะก้าวไปอย่างมั่นคง ในโถงครองกระบี่ที่บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็มีเสียงทรงอำนาจดังมา
“กำหนดภายในสามชั่วยาม ผู้มีคุณสมบัติทดสอบผู้ครองกระบี่ที่สามารถปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะได้เป็นอันดับหนึ่ง ตบรางวัลให้สัมผัสรับรู้มรดกเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิได้หนึ่งครั้ง”
ประโยคนี้ดังออกมา ผู้บำเพ็ญในเมืองมรรคาสวรรค์พ้นพันธะทุกคนก็ส่งเสียงฮือฮาดังลั่นขึ้นมาทันที เสียงตื่นตกใจนับไม่ถ้วนดังไปทั่วสารทิศ
“เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเผ่ามนุษย์!!”
“รางวัลแบบนี้ปกติแล้วต้องเป็นผู้ครองกระบี่สร้างคุณงามความชอบถึงจะมอบให้ เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเลยนะ ยังเป็นระดับจักรพรรดิเผ่ามนุษย์อีกต่างหาก!”
“เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ล้วนอยู่ในมือของสายหลักเผ่ามนุษย์ สำนักเล็กใหญ่ในเจ็ดเขตปกครอง หนึ่งดินแดนที่ครอบครองอยู่ล้วนเป็นเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิของต่างเผ่าและไม่จำกัดเผ่าพันธุ์ สำหรับเผ่ามนุษย์แล้ว ฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ถึงจะมีพลังสูงสุด อีกทั้งยังมีโอกาสที่จะปลุกพรสวรรค์สายเลือดด้วย!”
“นี่คือเป็นรางวัลใหญ่ที่ทำให้ทุกคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด!”
ท่ามกลางเสียงฮือฮาจากคนทั้งหลาย คนที่อยู่บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะทุกคนก็ต่างตื่นตะลึงไปทันทีเช่นกัน
ชิงชิวดวงตาฉายประกายประหลาด คิ้วของชายกลางคนหน้าปรุเลิกขึ้น เด็กหนุ่มจากสำนักเล็กลมหายใจหอบถี่ คนอื่นๆ ก็เช่นกัน
ไม่ใช่แค่พวกเขาที่หวั่นไหว ในสำนักเซียนล้ำบารมี ผู้สืบมรรคาจางซืออวิ้นที่กำลังหลับตานั่งสมาธิอยู่ก็คอยๆ ลืมดวงตาหงส์คู่นั้นขึ้นมา จ้องเพ่งไปที่เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะเช่นกัน
สวี่ชิงพลันเงยหน้าทันที
เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิเผ่ามนุษย์ เขาก็หวั่นไหวเหมือนกัน!
“หากกำหนดระยะภายในสามชั่วยามก็จะช้าอย่างก่อนหน้านี้ไม่ได้แล้ว หลังจากนี้ค่อยบดขยี้วิญญาณอาฆาตพวกนั้นก็ได้ ส่วนตอนนี้…อันดับหนึ่งนี้ ข้าก็จะช่วงชิงเหมือนกัน!”
สวี่ชิงหลังจากที่ตัดสินใจเด็ดเดี่ยวแล้ว ก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ร่างพลันปะทุพลังขึ้น ความเร็วทั้งตัวเปิดขึ้นทุกด้าน เหยียบเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะ พุ่งไปข้างบนอย่างรวดเร็ว
ไม่ใช่แค่เขาที่ทำเช่นนี้เท่านั้น คนอื่นๆ ก็เช่นกัน ต่างประทุความเร็วทุกด้าน
เพียงครู่เดียว การแย่งชิงลำดับการปีนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็ดุเดือดจนถึงขีดสุดขึ้นมาทันที
และตอนนี้คนที่อยู่เหนือสวี่ชิงมีเจ็ดคน
หญิงชุดแดงชิงชิวเป็นคนที่หนึ่ง เด็กหนุ่มสำนักเล็กเป็นคนที่สอง ชายกลางคนหน้าปรุที่เป็นม้ามืดโผล่มาเป็นคนที่สาม
ผู้บำเพ็ญหญิงเย็นชาจากสำนักเซียนล้ำบารมีเป็นคนที่สี่ คนที่ห้าคือซือหม่าหรู คนที่หกคือชายหนุ่มจากลัทธินอกวิถี คนคนนี้ทั่วร่างปกคลุมอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำ แผ่ความเย็นยะเยือกออกมาเป็นระลอกๆ
ส่วนคนที่เจ็ดเป็นผู้บำเพ็ญจากสำนักเล็กคนหนึ่ง เขาปีนอย่างเหนื่อยยาก ตอนนี้มาถึงที่ระดับความสูงหนึ่งพันสามร้อยกว่าจั้งก็ถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้ว
ดังนั้นต่อให้เขาจะไม่ยอมจำนนอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เวลาเพียงไม่กี่อึดใจ สวี่ชิงก็พุ่งจากข้างหลังมาอย่างรวดเร็ว ไล่ตามระดับความสูงของเขามาอย่างรวดเร็ว เพียงกระโดดนำหน้าไป
กลายเป็นคนที่เจ็ด!
ยังไม่จบแค่นั้น เป้าหมายของสวี่ชิงแน่ชัด ทะยานมาอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง การโจมตีจากจิตอาฆาตแค้นแปรเปลี่ยนเป็นเสียงน่าขนลุกในวิญญาณของเขา ก่อเป็นวิญญาณอาฆาตในทะเลความรู้สึก แต่ทุกอย่างสำหรับเขาแล้วล้วนไม่มีความหมาย
เสียงน่าขนลุกถูกเขาเมิน เงาวิญญาณอาฆาตถูกเขาสยบบดขยี้ เขาเร็วขึ้นเรื่อยๆ มาตลอดทาง
การปะทุพลังเช่นนี้ไม่ได้ดึงดูดสายตาของผู้บำเพ็ญที่อยู่ข้างล่างเท่านั้น แต่ยิ่งทำให้คนทั้งหลายที่นำหน้าเขาต่างตื่นตะลึง แต่ละคนล้วนกัดฟันกรอดทะยานไปอย่างรวดเร็ว ต่างปะทุพลังกันทุกคน
ภาพนี้ทำให้ผู้อาวุโสผู้ครองกระบี่สามสี่คนนั้นในโถงครองกระบี่บนท้องฟ้าต่างพึงพอใจ
“นี่สิถึงจะถูก”
“อายุน้อยๆ ก็ต้องมีความฮึกเหิมแบบนี้ถึงจะได้ ดูสิว่าครั้งนี้พวกเขาใครจะเป็นที่หนึ่ง!”