ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 360 เงาบนดวงจันทร์
บทที่ 360 เงาบนดวงจันทร์
การปะทุขึ้นกะทันหันของนายกอง ทำให้หญิงชุดแดงชิงชิวหน้าเปลี่ยนสี เผยความไม่ยินยอมออกมา
แสงสีเลือดนอกตัวนางเวลานี้ยิ่งเข้มกว่าเดิม ซ่านกำจายไปทั่วสารทิศ ราวกับทำให้รอบๆ กลายเป็นทะเลเลือดกลางท้องฟ้า
ความเร็วของหญิงชุดแดงชิงชิวก็ปะทุขึ้นมาบ้างภายใต้การสนับสนุนของทะเลเลือด ถึงระดับความสูงสองพันสองร้อยจั้ง เพียงแต่ยังห่างกับนายกองอยู่ ไม่สามารถไล่ตามทันในเวลาสั้นๆ
และตอนที่ประกายสีแดงในดวงตานางยิ่งรุนแรงขึ้น ด้านหลังของนาง เวลานี้มีกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงวูบหนึ่งแผ่มาฉับพลัน
หญิงชุดแดงหันหน้ากลับไปทันที สองตาเจ็บปวดอย่างรุนแรง ราวกับประจันหน้ากับดวงตะวัน
และสิ่งที่เหมือนกับดวงตะวัน ก็คือสวี่ชิงนั่นเอง
เวลานี้วิหคทองที่อยู่ภายนอกตัวเขากำลังสำแดงพลังออกมาทั้งหมด กลายเป็นรูปร่างขนาดร้อยจั้ง สยายปีกกลางอากาศ ขณะที่ก่อตัวเป็นคลื่นพลานุภาพ ก็แผ่ประกายแสงเจิดจ้าออกมาด้วย
หางหงส์เจ็ดสีสิบเก้าหางโหมทะเลเพลิง พัดครืนครันออกไปทั้งแปดทิศโดยมีเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะเป็นศูนย์กลาง อำนาจสวรรค์พรั่นพรึง
ส่วนสวี่ชิงที่อยู่ในวิหคทองกับทะเลเพลิง ก็ปะทุความเร็วขึ้นในพริบตา เพียงหนึ่งย่างก้าวก็มาถึงสองพันหนึ่งร้อยจั้ง
ส่วนการปะทะกับจิตอาฆาตที่แผ่ออกมาจากเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะรวมไปถึงวิญญาณอาฆาตที่ปรากฏขึ้นในทะเลความรู้สึกเขา เวลานี้สวี่ชิงก็มองข้ามทั้งหมด
เขายกมือขวาขึ้นโบกฉับพลัน ทันใดนั้นเหนือหัวก็ปรากฏฉัตรสองฉัตร หนึ่งคือร่มสีดำ ที่ขอบมีเปลวเพลิงสีดำหมุนวน เพิ่มความลึกลับยากคาดเดาให้กับสวี่ชิงขึ้นมาอีกหนึ่งส่วน ขัดขวางจิตอาฆาต!
จิตอาฆาตที่มาเยือนถูกทำให้อ่อนแอลงมาก
และอีกฉัตรหนึ่งก็ราวกับเป็นดอกบัวล้ำค่า แผ่แสงเจ็ดสีออกมา รอบๆ มีเสียงลมครวญระงมก้อง ชะล้างทั้งร่างของสวี่ชิง ทำให้จิตอาฆาตที่แทรกเข้าไปแต่เดิม หายไปในพริบตา
วังสวรรค์วังที่สามในร่างเขาก็กำลังสั่นสะเทือน ทุกครั้งที่สั่นคลอนล้วนบดขยี้วิญญาณอาฆาตตรงหน้าไปทีละตน
ขณะกลิ่นอายของสวี่ชิงพุ่งถึงขีดสุดภายใต้การสนับสนุนของพวกมัน สั่นสะเทือนท้องนภา ทำให้เมฆลมสี่ทิศเปลี่ยนสี และเท้าของเขาเวลานี้ก็ย่างก้าวที่สอง
มาถึงที่ระดับสองพันสองร้อยจั้ง ระดับความสูงเดียวกับหญิงชุดแดงอย่างชิงชิว
แต่ทั้งหมดยังไม่จบ ดวงตาสวี่ชิงเผยประกาย ในสายตาเขาไม่มีหญิงชุดแดง มีเพียงแผ่นหลังของนายกองเท่านั้น
พวกเขาเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้อง และเป็นสหายเต๋าด้วย ขณะเดียวกันก็ยังต่างเป็นสหายน้อยคนที่ร่วมเดินทางในเส้นทางฝึกบำเพ็ญของกันและกันได้
จะที่หนึ่งหรือไม่ใช่ที่หนึ่งไม่สำคัญแล้ว สิ่งที่สำคัญคือพวกเขาล้วนมีสิ่งที่แสวงหาและทิฐิของตนเอง ล้วนมีความฝันและเส้นทางของตนเอง
เดินทางไปด้วยกันได้ จะแทงมีดใส่อีกฝ่ายก็ย่อมได้ แต่ห้ามจงใจยอมให้กันเด็ดขาด
ในเมื่อแข่งกันแล้ว ก็แข่งกันอย่างตั้งใจ
สวี่ชิงคิดเช่นนี้
นายกองก็เช่นกัน
จังหวะนี้ สวี่ชิงเคลื่อนไหวอีกครั้ง หลังจากที่วิหคทองของเขาแผดเสียงก้องท้องฟ้า ก็ผสานเข้าไปในร่างสวี่ชิง ทำให้ร่างกายสวี่ชิงราวกับคลุมไว้ด้วยชุดคลุมสีเหลือง โคจรพลังกายเนื้อทุกด้านฉับพลัน
ราวกับว่ามีพลังไม่หมดไม่สิ้นหลั่งทะลักเข้ามา ทำให้เลือดลมในร่างกายของสวี่ชิงมีปริมาณมหาศาล แม้ร่างกายของเขาไม่ได้กำยำล่ำสัน แต่เวลานี้คนที่เห็นทั้งหมดก็จะรู้สึกว่าร่างนี้ราวกับมีฟ้าดินกำลังลุกไหม้
สวี่ชิงย่างก้าวที่สามภายใต้พลังกายเนื้อที่น่ากลัวนี้
เมื่อย่างก้าวนี้ เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะก็ส่งเสียงครืนครัน ร่างของสวี่ชิงทะยานขึ้นฟ้า ผ่านหญิงชุดแดงชิงชิว ไปปรากฏที่ความสูงสองพันสามร้อยจั้ง ปรากฏตัว…ข้างนายกอง
นายกองมองสวี่ชิง ดวงตาเผยประกายประหลาดใจ แต่หน้าผากเขาก็มีเหงื่อซึม เห็นได้ชัดว่าการปะทุก่อนหน้านี้สำหรับเขาแล้วก็ไม่ง่ายนัก ทว่าเขายังดูไม่อยากจะยอมรับเท่าไร จึงหัวเราะดังลั่น
“ศิษย์น้อง ใช้ได้นี่นา แต่นี่เพิ่งจะอุ่นเครื่อง” พูดจบ นายกองก็พุ่งออกไปฉับพลันจนถึงระดับสองพันสามร้อยสามสิบจั้ง แซงสวี่ชิงขึ้นไป
สวี่ชิงพลังโคจรทั่วร่าง ทะยานไปเช่นกัน กลับมานำนายกองที่ระดับสองพันสามร้อยเจ็ดสิบกว่าจั้ง แม้เขาจะไม่มีเหงื่อ แต่ก็หอบหายใจเล็กน้อย เลิกคิ้วเอ่ยเสียงเรียบ
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าก็ด้วย”
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน ด้านหลังพวกเขาก็มีเสียงคำรามต่ำดังมา ยิ่งมีแสงสีเลือดระเบิดขึ้นไปทั่วฟ้า มองไกลๆ แสงสีเลือดนี้ลอยเอ่อขึ้นมาร้อยจั้ง
ในสีแสงเลือด มีเสียงหัวเราะประหลาดของหญิงชุดแดงดังขึ้น รวมถึงกลิ่นอายอันตรายที่แผ่ออกมาทั่วร่างนาง
“เหอะๆ…พวกเจ้านี่น่าสนใจจริงๆ”
พูดจบ นางก็ระเบิดความเร็วไล่ตามสวี่ชิงกับนายกอง
สวี่ชิงไม่หันกลับไปมอง พุ่งตามไป นายกองทางนั้นก็เช่นเดียวกัน ความเร็วของทั้งสามคนน่าตกตะลึง พุ่งขึ้นไปด้านบนไม่หยุดหย่อน
สองพันสี่ร้อยจั้ง สองพันห้าร้อยจั้ง สองพันหกร้อยจั้ง!
หลังจากมาถึงตำแหน่งนี้ เนื่องจากพลังบำเพ็ญหญิงชุดแดงชิงชิวมีขีดจำกัด ระเบิดหลายครั้งจนมาถึงขีดสุดแล้ว ความเร็วจึงช้าลง ทว่าสวี่ชิงกับนายกองยังทะยานต่อ
สองคนข้ามผ่านสองพันหกร้อยจั้งไป ขณะที่ต่างคนต่างพุ่งทะยาน พวกเขาสบตากันบ้างเป็นครั้งคราว แต่ละคนหอบหายใจ ทั้งร่างเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
ยิ่งมีบทสนทนา
“เจ้านี่ไม่ไหวเลยนะศิษย์น้อง หอบหายใจแบบนี้เกินไปหน่อยนะ คนบนพื้นเหล่านั้นได้ยินหมดแล้ว ข้าบอกแล้วว่าเจ้าอายุยังน้อย ร่างกายแย่เกินไป”
“ศิษย์พี่ใหญ่ทุกที่ที่ท่านเดินผ่าน บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะมีแต่เหงื่อของท่าน ถ้าท่านไม่พักสักหน่อยข้าเป็นห่วงว่าท่านวูบเอา”
ระหว่างที่ทั้งสองคนพูดกันก็ล้วนแอบระเบิดพลัง วัดพลังกัน เจ้าไล่ข้า ข้าไล่เจ้า เจ้าไปข้ามาไม่หยุดอยู่บนเสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะต้นนี้ สลับกันขึ้นเป็นที่หนึ่ง
ส่วนทางหญิงชุดแดงชิงชิว นางมองสองคนเบื้องหน้า กัดฟันกรอด
“ทำไมทุกครั้งต้องมาเจอกับเจ้าบ้าสองคนนี้ด้วย!”
โดยเฉพาะตอนที่ได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง นางก็สงบใจไม่ลง เพราะจิตอาฆาตในระดับความสูงนี้พุ่งโจมตีน่ากลัวเกินไป หากคิดจะขับไล่หรือสะกดวิญญาณอาฆาตที่ปรากฏตัวในทะเลความรู้สึกก็ยากกว่าก่อนหน้านี้มากนัก
นางไม่มีแรงเหลือจะเอื้อนเอ่ยแล้ว แต่สองคนข้างหน้านั้นกลับยังมีกำลังประชดประชันกันอยู่เลย
“สองคนนี้ สมองน่าจะมีปัญหาใหญ่!” หญิงสาวกัดฟัน ผีร้ายรีบโน้มน้าวขึ้นมาในความคิดนางอย่างรวดเร็ว
“สู้เลยๆ พวกเราจะแดดิ้นไปพร้อมกับพวกเขา!”
ขณะที่ผีร้ายยุยงไม่หยุด สวี่ชิงกับนายกองก็ผ่านสองพันเจ็ดร้อยจั้งไปแล้ว จนมาถึงสองพันแปดร้อยจั้ง
ถ้าก้มหน้ามองลงไปจากตำแหน่งนี้ พื้นดินหดเล็กลงจนมองไม่เห็นกลุ่มคนแล้ว
กระทั่งเมืองมรรคาสวรรค์ที่อาณาเขตกว้างขวาง ก็เหมือนจะไขว่คว้าได้ด้วยฝ่ามือเดียว
ปราณหมอกและสายลมคลุ้มคลั่งไหลเวียนไปรอบด้าน
เพียงแค่ นี่ก็ยังห่างไกลกับปลายทางมาก
ขณะเดียวกันที่ความสูงนี้ การโจมตีของจิตอาฆาตก็ยิ่งแข็งแกร่งไร้เทียมทาน กระทั่งไม่ได้ปรากฏตัวขึ้นในทะเลความรู้สึกแล้ว แต่ผสานเข้าไปทั่วร่างของสวี่ชิงกับนายกอง
ในเลือดเนื้อทุกชุ่นของพวกเขามีจิตอาฆาตมหาศาลรวมกันอยู่ ต่อให้วังสวรรค์วังที่สามของสวี่ชิงสั่นคลอนขับไล่ แต่จิตอาฆาตในนี้ก็เข้มข้นเกินไป ความเร็วในการขับไล่จึงไม่ทันการแทรกซึม
แม้แต่ตะเกียงแห่งชีวิตในตอนนี้ก็ยังไม่มั่นคง ไม่ใช่เพราะความสามารถของตะเกียงแห่งชีวิตไม่เพียงพอ แต่พลังบำเพ็ญปัจจุบันของสวี่ชิง ยังยากที่จะสำแดงออกมาครบทุกด้านด้าน
วิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณก็เช่นกัน เริ่มปรากฏแววอ่อนล้า
ถึงอย่างไรระดับความสูงนี้ ก็ก้าวข้ามสถิติของผู้บำเพ็ญที่มาเข้าร่วมการทดสอบผู้ครองกระบี่ของโถงครองกระบี่ครั้งที่ผ่านๆ มาไปหมดแล้ว
แม้ว่าตั้งแต่สมัยโบราณจะมีคนที่ปีนผ่านจุดนี้ไปได้มากมาย แต่คนเหล่านั้นก็ล้วนเป็นผู้มีพลังบำเพ็ญที่สูงล้ำ ไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขเข้าร่วมทดสอบผู้ครองกระบี่
ที่นี่ สวี่ชิงกับนายกองก็พูดกันน้อยลง แต่ก็ยังคงมีอยู่บ้าง
“อาชิงน้อย เจ้าไม่ไหวแล้วนะ!” นายกองชุ่มไปด้วยเหงื่อ และเริ่มหายใจหอบหนัก กระโจนผ่านสวี่ชิงไปห้าจั้ง
“นายกอง ข้ายังไม่ได้ใช้พิษเลย” สวี่ชิงสองเท้ากระโจนผ่านนายกอง สองมือยกขึ้นเกี่ยวกับขอบรูปสักการะด้านบน ออกแรงกระโจนข้ามไปอีกห้าหกจั้ง
“ข้ายังมีท่าไม้ตายที่ยังไม่ได้ใช้เหมือนกัน!” เมื่อนายกองได้ยินคำว่าพิษ หน้าก็เปลี่ยนสี เห็นว่าสวี่ชิงกระโจนผ่านตนเองไปอีก ดวงตาเขาก็เผยแววบ้าคลั่ง อ้าปากกว้างกัดยังอักขระที่ยื่นออกมาข้างๆ
เสียงกร๊อบดังขึ้น แม้อักขระนั้นจะไม่ได้กัดไป แต่ด้านบนกลับปรากฏรอยฟันจางๆ กระทั่งเมื่อมองอย่างละเอียด จะเห็นว่าจิตอาฆาตบนอักขระ กลับเข้มข้นมหาศาล ราวกับว่านายกองไม่ได้กัด แต่เป็นการสำรอก
เขานำปราณอาฆาตที่สะสมไว้ในร่างกายกัดลงไปบนอักขระนี้
หลังจากผ่อนคลายขึ้น ความเร็วของเขาก็ปะทุขึ้นในพริบตา พุ่งไปถึงสองพันแปดร้อยจั้ง สองพันเก้าร้อยจั้ง พุ่งตรงไปยังสามพันจั้ง
ภาพนี้ ทำให้สวี่ชิงที่เห็นหดม่านตาลง และหญิงสาวชุดแดงด้านหลังที่เห็นก็ตกตะลึง ผีร้ายบนตัวนาง ก็ร้องตะลึงในความคิดของนาง
“เป็นหมาบ้าจริงๆ ด้วย!”
เห็นนายกองกำลังจะไปถึงความสูงสามพันจั้ง ดวงตาสวี่ชิงก็เผยประกายคุ้มคลั่งขึ้นมาเช่นกัน ลูกกลอนพิษวังสวรรค์วังที่สามในร่างกายเขา ระเบิดขึ้นฉับพลัน พิษมหาศาลหลั่งทะลักออกมา เพียงพริบตาก็ไหลเวียนไปทั่วร่างสวี่ชิง
ไม่ไหลออกจากร่างกาย แต่เติมเต็มเลือดเนื้อทุกชุ่นในตัวเขา
ลูกกลอนพิษต้องห้าม สามารถสร้างพิษแก่ทุกสรรพสิ่ง ปราณอาฆาตเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
จุดนี้ เป็นสิ่งที่สวี่ชิงทดสอบมาแล้วเมื่อครั้งนั้นที่พบกับหัวพระขนาดยักษ์ในเมืองสิ่งประหลาดที่แดนต้องห้ามปักษาราชัน
เวลานี้จิตอาฆาตที่สะสมอยู่ในทะเลความรู้สึกและเลือดเนื้อทั่วร่างเขาก็ส่งเสียงกรีดร้องระงมจากการหลั่งทะลักของพิษ ทำลายลงจนหมดสิ้น
นายกองสำรอกออกมา สวี่ชิงทำลายทิ้ง
คนละวิธีแต่ผลลัพธ์เหมือนกัน ล้วนเป็นการชำระล้างร่างกาย
พริบตาต่อมา สวี่ชิงระเบิดความเร็วฉับพลัน มาจนถึงสองพันเก้าร้อยจั้ง ขณะที่ร่างของนายกองเหยียบย่างไปที่สามพันจั้ง เขาเองก็กระโจนขึ้นมาย่างลงไปที่ตำแหน่งสามพันจั้งนี้เช่นกัน!
ที่นี่มีรูปสักการะพิเศษอยู่ชิ้นหนึ่ง
เป็นรูปสิ่งมีชีวิตรูปร่างมนุษย์กำลังปิดหน้า นั่งอยู่บนดวงจันทร์
แทบจะพริบตาที่ทั้งสองคนย่างขึ้นมาถึงสามพันจั้ง ภาพสักการะนี้ก็ส่องสว่าง กลายเป็นระลอกคลื่นที่แตกต่างกับจิตอาฆาตปกติสองดวง มีความเป็นเทพอยู่ด้านใน พุ่งไปหาสวี่ชิงกับนายกอง และแทรกซึมเข้าไปในร่างกายพวกเขาพร้อมกัน
สวี่ชิงร่างสั่นสะท้าน
นายกองก็เช่นกัน
ร่างทั้งสองคนในพริบตานั้นก็หยุดอยู่ที่ความสูงสามพันจั้ง ในทะเลความรู้สึกของแต่ละคนมีร่างเงาที่ไม่อาจมองตรงๆ ได้ร่างหนึ่งปรากฏขึ้น
ขณะเดียวกัน ในโถงครองกระบี่บนท้องฟ้า ผู้อาวุโสครองกระบี่เหล่านั้นที่กำลังจับตามองทั้งหมด ดวงตาล้วนเผยความประหลาดใจ
“ในที่สุด…ก็มีผู้ทดสอบที่มาถึงระดับสามพันจั้ง”
“จากที่พวกเราค้นคว้า อักขระของที่นั่นบรรยายไว้ว่า…หนึ่งในสามสิบเจ็ดจันทราที่เคยอยู่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ตอนนี้มันยังคงอยู่”