ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 418 ความฝันที่ไม่มีวันเลือนหาย
บทที่ 418 ความฝันที่ไม่มีวันเลือนหาย
ฝนยังคงเทลงมา ประพรมพื้นดิน ตกกระทบลงบนปราการ
บริเวณที่ตั้งของค่ายกลส่งข้ามเปิดโล่ง ดังนั้นไม่นานนักน้ำฝนก็ชะล้างคาวเลือดบนพื้นไป
ท่ามกลางสายฟ้าที่ประเดี๋ยวๆ ก็แลบแปลบปลาบ เสียงสายฟ้าฟาดดังสะเทือนเลื่อนลั่น ร่างแยกควันขจรของหวังเฉินกำลังซ่อมแซมค่ายกลอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนสถานที่ปลายทาง
อย่างไรเสียที่นี่ก่อนหน้านี้ก็ถูกองครักษ์ชุดดำของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่แฝงตัวเข้ามาในเขตปกครองผนึกสมุทรยึดครอง ต่อให้ค่ายกลส่งข้ามได้รับการซ่อมแซม แต่ก็ยากจะรับประกันความปลอดภัยของสถานที่ปลายทางในแผนการ
ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยแน่นอนกว่าคือเปลี่ยนสถานที่ส่งข้าม
ในระหว่างที่ซ่อม ข่งเสียงหลงก็เงยหน้าไปมองทางเขตชายแดนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์บ่อยๆ สีหน้าแฝงด้วยความเคร่งขรึม
“ที่นี่มีกับดัก ไม่เหมือนวางไว้เพื่อพวกเราโดยเฉพาะ พวกมันไม่มีทางรู้ร่องรอยของพวกเรา อีกทั้งหากลงมือกับพวกเราก็ไม่มีทางมีคนมาแค่นี้แน่”
“ดังนั้นเหมือนขัดขวางคนที่เข้าใกล้เขตชายแดนทุกคนเสียมากกว่า อีกทั้งน่าจะไม่ได้มีแค่ปราการค่ายกลส่งข้ามที่นี่ที่มีปัญหาเท่านั้น” สวี่ชิงอยู่ข้างๆ เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์น่าจะอยู่ที่เขตข้างหน้าค้นหาคนที่พวกเราจะมารับ” ซานเหอจื่อเดินมาเอ่ยเนิบนาบ
“หรือเส้นทางของเราเส้นทางนี้จะเป็นเส้นทางจริง” เยี่ยหลิงเอ่ยอย่างแปลกใจ จากนั้นก็มองไปรอบๆ ตามสัญชาตญาณ เพราะจากการวิเคราะห์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ เส้นทางรับเส้นจริงน่าจะมีผู้แข็งแกร่งคอยติดตามอย่างลับๆ
“ไม่แน่ การกระทำของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็เปิดโปงพวกเขาถึงแค่นี้ ยังไม่ได้ล่วงรู้เรื่องเส้นทางจริงของสายลับฝั่งเรา ดังนั้นที่เขตชายแดนในหลายๆ มณฑลก็น่าจะทำการค้นหาหมด”
ข่งเสียงหลงในตาฉายประกาย
สวี่ชิงแอบพยักหน้า
ภารกิจครั้งนี้ทุกคนล้วนเข้าใจว่าการมารับน่าจะเป็นเรื่องลวง การกลับมาของสายลับที่แฝงตัวในเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนั้นจะต้องเป็นแผนการลับลวงพรางอะไรเทือกๆ นั้นแน่นอน
นี่ทำให้เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ยากจะจับเป้าหมายการไล่ล่าสังหารได้อย่างแม่นยำ และในเขตปกครองผนึกสมุทรก็ย่อมมีสายลับของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน ดังนั้นทิศทางของวังครองกระบี่ในระดับหนึ่งแล้วก็หมายถึงเส้นทางที่แน่นอนของสายลับ
นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำไมสำนักงานภาคสนามถึงต้องแบ่งเป็นกลุ่มย่อยหลายกลุ่ม
สวี่ชิงยังรู้สึกกระทั่งเป็นไปได้ว่ากลุ่มย่อยที่มารับที่เห็นทุกกลุ่มล้วนแต่เป็นหมอกควันลวงเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ บางทีอาจจะมีกลุ่มลับกำลังเคลื่อนไหวอยู่
นอกจากนั้นสายลับที่กลับมาจากเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ตัวจริงคนนั้นไม่จำเป็นต้องไปรับเลยก็เป็นไปได้
นี่เป็นการเดิมพันของทั้งสองฝ่าย
แต่ว่าสวี่ชิงสัมผัสได้ถึงความตกต่ำของเผ่ามนุษย์อีกครั้งผ่านเรื่องนี้
แม้บริเวณชายแดนจะมีกฎเกณฑ์ห้ามผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดเหยียบย่างเข้ามา แต่ต่ำกว่าระดับปราณก่อกำเนิดลงมามีผู้บำเพ็ญของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนี้ นี่ก็บ่งบอกได้ถึงความอ่อนแอของแนวป้องกันเขตปกครองผนึกสมุทรได้แล้ว
หลักเหตุผลนี้ทุกคนล้วนเข้าใจ ต่างเงียบนิ่ง
เวลาไม่นาน ท่ามกลางเสียงระเบิดรัวเป็นชุด ค่ายกลส่งข้ามก็ซ่อมแซมเสร็จ
ไม่ว่าการรับตัวครั้งนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือกลลวง พวกเขาก็ยืนยันว่าจะตรงไปข้างหน้าต่อ ตอนนี้ก้าวเข้าไปในค่ายกลส่งข้ามอย่างรวดเร็ว จากการกะพริบแสงวูบวาบของแสงค่ายกล ท่ามกลางฝนห่าใหญ่ เงาร่างของคนทั้งหลายก็หายไป
ในตอนที่ปรากฏตัวขึ้น เขตชายแดนมณฑลเผชิญคลื่น ในหุบเขาซ่อนเร้นแห่งหนึ่ง
“ทุกคนระมัดระวังตัวเอาไว้ ผู้แฝงตัวเข้ามาของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่นี่น่าจะมีไม่น้อย ข้าจะไปสำรวจสถานที่ซ่อนตัวของสายลับที่พวกเราต้องไปรับตัวก่อนสักหน่อย หวังว่าเขาจะยังมีชีวิตอยู่”
ในเสี้ยวขณะที่เดินออกมา ข่งเสียงหลงเอ่ยเสียงต่ำ ขณะเดียวกันก็เอาจานเข็มทิศออกมา
ระหว่างผู้ครองกระบี่ด้วยกันมีวิธีติดต่อลับเป็นชุด อีกทั้งวิธีที่ใช้ของภารกิจทุกครั้งก็ไม่เหมือนกัน มีเพียงผู้รับผิดชอบภารกิจเท่านั้นถึงจะได้รู้
ยกตัวอย่างเช่นจานเข็มทิศ นี่คืออาวุธเวทพิเศษที่ใช้กับภารกิจของภารกิจครั้งนี้ มันจะชี้ไปทางบริเวณที่สายลับที่ต้องมารับตัวอยู่
ภารกิจของพวกเขาคือหาอีกฝ่ายให้เจอผ่านจานเข็มทิศ แล้วไปรับตัว
เรื่องนี้สวี่ชิงเข้าใจ ในตอนฝึกฝนลับวังครองกระบี่ก็ได้เผยแพร่และถ่ายทอดให้
ต่อหน้าทุกคน ข่งเสียงหลงประสานปางมือชี้ไปที่จานเข็มทิศ ทันใดนั้นเข็มบนนั้นก็หมุนเร็วจี๋ ไม่ได้ชี้ทิศทางง่ายๆ แบบนั้น แต่วาดเป็นภาพฉากหนึ่งออกมาในขณะที่หมุน
ในภาพมีจุดแดงจุดหนึ่งห่างจากตรงนี้ไประยะหนึ่ง ตอนนี้กำลังกะพริบแสงริบหรี่
เห็นจุดแดงนี้กะพริบทุกคนก็ถอนหายใจโล่งอก
นี่หมายถึงว่าอีกฝ่ายยังมีชีวิตอยู่
ข่งเสียงหลงก็ตื่นตัว เริ่มจัดหน้าที่ทุกคน
เรื่องรับตัวคนจะบุ่มบ่ามไม่ได้ หากตรงไปเลยเป็นไปได้อย่างมากว่าอาจจะทำให้ตำแหน่งของอีกฝ่ายเปิดเผยได้
ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำอันดับแรกคือล่อเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ไป พร้อมกับทำการกำจัดทิ้งให้หมด ขณะเดียวกันนั้นก็ทำการรับตัว สามขั้นตอนนี้ต้องทำพร้อมกันทั้งหมด
สิ่งที่ทางสวี่ชิงต้องทำคือกำจัดทางเขตนี้ให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ คนที่ไปกับเขาคือเยี่ยหลิง
ส่วนคนที่ล่อเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ไปคือพวกซานเหอจื่อและหวังเฉิน
หน้าที่การรับตัวจะเป็นข่งเสียงหลงคนเดียวที่ดำเนินภารกิจให้เสร็จสิ้น
ฟังการจัดการของข่งเสียงหลง สวี่ชิงพยักหน้า วิธีของฝ่ายตนเป็นวิธีธรรมดาๆ มาก และเป็นวิธีที่สมเหตุสมผล ดังนั้นพวกเขาก็แบ่งเป็นสามกลุ่มอย่างรวดเร็ว ต่างฝ่ายต่างลงมือ
สวี่ชิงเพียงไหววูบก็ผสานไปในความมืด เริ่มค้นหาเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่รอบๆ
เยี่ยหลิงก็เช่นกัน พวกเขาผู้ครองกระบี่สำนักงานภาคสนามกลุ่มนี้ก็แยกย้ายกันไปเช่นกัน
เวลาไหลไป หลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม จากเสียงดังกึกก้องของเสียงระเบิด ระลอกคลื่นวิชาเวทก็ดังมาจากที่ไกล
สวี่ชิงเงยหน้าไปมอง นั่นเป็นบริเวณที่ซานเหอจื่อและหวังเฉินอยู่ พวกเขารับผิดชอบดึงความสนใจเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
แต่ไม่นานนักสวี่ชิงก็ขมวดคิ้ว
เพราะการเดินทางของพวกเขาตลอดเส้นทางมานี้ พื้นที่เขตนี้ไม่พบร่องรอยเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ทั้งสิ้น อีกฝ่ายเหมือนไม่มีตัวตน นี่ไม่ตรงกับการวิเคราะห์ของพวกเขาก่อนหน้านี้ที่สรุปได้ว่าอีกฝ่ายกำลังทำการค้นหาตัวสายลับ
“มีอะไรไม่ชอบมาพากล!” สวี่ชิงมีความระแวงระวังภัยที่มากยิ่งกว่า
คนที่รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลเหมือนกันยังมีซานเหอจื่อกับหวังเฉิน ภารกิจตัวล่อของพวกเขา ล่อเผ่าศักดิ์สิทธิ์มาไม่ได้เลย
ภาพแปลกประหลาดนี้ทำให้ทุกคนล้วนรู้สึกเคร่งเครียด
ไม่นานหลังจากนั้น แสงสัญญาณที่เกิดจากวิชาเวททางหนึ่งก็พุ่งขึ้นฟ้า กะพริบวาบบนท้องฟ้า นี่เป็นสัญญาณรวมพลฉุกเฉิน
มองสัญญาณนี้ สวี่ชิงในใจหนักอึ้ง เขารู้ว่าเกิดปัญหาขึ้นแน่แล้ว
เพราะสถานที่ส่งสัญญาณมา เป็นบริเวณที่ข่งเสียงหลงไปรับตัวสายลับ
หากทุกอย่างเป็นไปตามแผน ข่งเสียงหลงไม่มีทางส่งสัญญาณตรงนั้น เขาน่าจะพาคนจากไปไกลแล้วถึงส่งสัญญาณบอกทุกคน
สวี่ชิงรีบเปลี่ยนทิศทางทันที พุ่งตรงไปยังบริเวณที่ส่งสัญญาณ หลังจากหนึ่งก้านธูปในที่สุดเขาก็มาถึง เห็นข่งเสียงหลงและพวกซานเหอจื่อมาจากไกลๆ
ที่นี่เป็นที่ราบแห่งหนึ่ง และบริเวณร้อยจั้งข้างหน้าพวกเขา บนพื้นมีคนหายใจรวยรินนอนอยู่
คนคนนี้เป็นเด็กหนุ่มอายุสิบห้าสิบหกปี ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยเลือด เต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน ส่วนใหญ่ลึกถึงกระดูก
กระทั่งว่ามองให้ละเอียดก็จะเห็นว่านอกจากผิวที่หน้าแล้ว ที่อื่นๆ ล้วนถูกคนแล่ทั้งเป็น!
เห็นได้ชัดว่าได้รับความทรมานและความเจ็บปวดที่ไม่อาจจินตนาการได้
กระดูกของเขายิ่งแหลกไปกว่าครึ่ง ช่องเวททั้งร่างไม่เหลือเลยแม้แต่ช่องเดียว แหลกละเอียดหมด
จากจุดที่แหลกละเอียดก็มองออกได้ว่า เด็กหนุ่มเป็นอัจฉริยะช่องเวทหนึ่งร้อยยี่สิบช่อง
ตอนนี้ตาข้างหนึ่งของเขาบอดไปแล้ว ลูกตาถูกควักมาวางไว้ในปากของเขา หูทั้งสองถูกตัดทิ้ง
ทั้งร่างยังถูกวางพิษ กำลังเน่าเปื่อย
ไม่รอดแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายเท่านั้น
สยดสยองสั่นประสาทนัก
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งเครียด ในดวงตาประกายเย็นเยือกฉายวาบ ในตอนที่สาวเท้าไปก็สังเกตเห็นว่ารอบๆ เด็กหนุ่มในระยะร้อยจั้ง บนพื้นมีค่ายกลวางไว้ด้วย
เขาไม่มีความรู้เรื่องค่ายกล แต่ก็สามารถสัมผัสถึงจิตสังหารน่าครั่นคร้ามได้ ค่ายกลนี้ไม่ธรรมดา เป็นค่ายกลสังหาร
เด็กหนุ่มคนนั้นถูกวางเอาไว้ที่ใจกลางค่ายกลสังหารนี้
“เด็กหนุ่มคนนี้ไม่ใช่สายลับที่พวกเราต้องมารับตัว แต่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง ในตอนที่ข้ามาที่นี่ก็เป็นแบบนี้แล้ว แล้วยังมีแผ่นหยกที่เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทิ้งไว้ด้วย!”
ข่งเสียงหลงในตาแดงก่ำ กัดฟันคำรามเสียงต่ำ กระตุ้นแผ่นหยกที่เขาเจอที่นี่
ทันใดนั้นในแผ่นหยกก็มีเสียงสงบนิ่งเสียงหนึ่งดังกังวานไปรอบๆ
“สวัสดีผู้ครองกระบี่ทุกท่าน
“น่าเสียดายที่มาเจอกับพวกท่านไม่ได้ แต่พวกเราองครักษ์ชุดดำได้เตรียมของกำนัลเล็กๆ เอาไว้ให้พวกท่านด้วย หวังว่าพวกท่านจะชอบ โปรดรับชมให้สนุก”
เสียงแฝงด้วยความเย็นเยือก ยิ่งฉายความเหี้ยมโหด สุดท้ายยังหัวเราะออกมาด้วย
นี่คือข้อความเสียงท่อนหนึ่ง
ซานเหอจื่อและหวังเฉินที่อยู่ข้างๆ และยังมีเยี่ยหลิงกับผู้ครองกระบี่คนอื่นๆ ที่ตอนนี้ตามมา มองทุกอย่าง ฟังข้อความเสียงในแผ่นหยก สีหน้าฉายความโกรธแค้น
เรื่องราวชัดเจน ไม่จำเป็นต้องขบคิดอะไรมาก ทุกคนต่างเข้าใจทุกอย่าง
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์อาศัยเรื่องปราการถ่วงเวลาการช่วยเหลือของพวกเขา ขณะเดียวกันก็หาเป้าหมายที่ผู้ครองกระบี่จะรับตัว
แต่เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายไม่ใช่สายลับตัวจริง พวกเขาจึงใช้การทรมานที่โหดเหี้ยม ทารุณเขาให้เหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้าย จากนั้นก็วางค่ายกลสังหารแล้วจากไป
เป้าหมายขององครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ก็คือให้ผู้ครองกระบี่ได้เห็นเป้าหมายของภารกิจตายด้วยตาตัวเอง
ค่ายกลนี้หากก้าวเข้าไปก็จะระเบิดทันที คนในนั้นจะตาย คนที่ก้าวเข้าไปก็ตายเหมือนกัน กระทั่งว่าเป็นไปได้อย่างมากว่าวิธีที่เพียงสัมผัสก็ระเบิดทันทีไม่ได้กำหนดไว้แค่ก้าวเข้าไปอย่างเดียวเท่านั้น ยังมีตัวกระตุ้นอื่นๆ ที่ไม่รู้ก็อาจทำให้ค่ายกลระเบิดได้
อีกทั้งต่อให้ค่ายกลไม่ระเบิด เด็กหนุ่มที่อยู่ในนั้นพลังชีวิตก็หมดสิ้นแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงแค่ลมหายใจเฮือกสุดท้ายเฮือกนั้น พร้อมจะมอดดับไปได้ทุกเมื่อ
นี่ก็คือด้านโหดเหี้ยมของเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์
คนทั้งหลายเงียบงัน
ตอนนี้หวังเฉินที่เชี่ยวชาญค่ายกลย่อตัวลง หลังจากสัมผัสค่ายกลก็เงยหน้าไปทางข่งเสียงหลงอย่างขมขื่น เอ่ยเสียงเบา
“เป็นค่ายกลสังหารหัวใจศักดิ์สิทธิ์ที่มีเฉพาะองครักษ์ชุดดำเผ่าคลลื่นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ค่ายกลนี้ว่ากันว่าถ่ายทอดมาจากเผ่าฟ้าทมิฬ ใช้มนุษย์เป็นศูนย์กลางของค่ายกล เด็กหนุ่มคนนั้นผสานไปกับค่ายกลนี้โดยสมบูรณ์แล้ว ไม่ว่าจะเข้าไปด้วยวิธีใดเพียงสัมผัสก็จะระเบิดทั้งนั้น ต่อให้ควบคุมสิ่งประหลาดก็ไร้ประโยชน์ หลักการของค่ายกลนี้จนถึงตอนนี้ใต้เท้าปลัดเขตปกครองก็ยังศึกษาค้นคว้าอยู่ น่าเสียดายที่ยังไม่สำเร็จ
“มันกระตุ้นครั้งเดียว ไม่สามารถแก้ได้ อีกทั้งเด็กหนุ่มคนนั้น…ก็พลังชีวิตแห้งเหือดแล้ว”
ข่งเสียงหลงตาแดงยิ่งกว่าเดิม ลมหายใจหอบถี่
สวี่ชิงมองเด็กหนุ่มที่สลบไสลในค่ายกล เดินไปที่ขอบค่ายกลเงียบๆ เขาไม่รู้ว่าเจ้าเงาทำได้หรือไม่ จึงเอ่ยอย่างแผ่วเบา
“ข้าลองดูได้ แต่ไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จหรือไม่…”
ข่งเสียงหลงกำหมัด กัดฟันกำลังเอ่ยปาก แต่ในตอนนี้เอง เด็กหนุ่มในค่ายกลเปลือกตาขยับเล็กน้อย ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง
ในดวงตาของเขามีความเจ็บปวดหลงเหลืออยู่ มองไปทางพวกสวี่ชิงอย่างสับสน
“พวกท่าน…เป็นผู้ครองกระบี่หรือ” เสียงของเด็กหนุ่มอ่อนแรงเป็นอย่างยิ่ง เอ่ยพึมพำเสียงเบา แฝงด้วยความไม่เชื่อนิดๆ
คนทั้งหลายมองไปทันที
สวี่ชิงเอากระบี่อาญาสิทธิ์ของตัวเองออกมา พวกข่งเสียงหลงก็เอาออกมาเช่นกัน จากกระบี่อาญาสิทธิ์แต่ละเล่มๆ ที่เปล่งประกายแสงพร่างพราย เด็กหนุ่มที่นอนลมหายใจรวยรินอยู่ตรงนั้น ดวงตาที่มืดหม่นสะท้อนประกายแสงเล็กๆ ออกมา
“ตราประทับที่ท่านพ่อประทับไว้ในวิญญาณข้า ทำให้ข้าสัมผัสได้ว่า พวกท่านเป็นผู้ครองกระบี่…”
“ขออภัยด้วย ให้พวกท่านเห็นข้าในสภาพนี้เสียแล้ว” เด็กหนุ่มเหมือนให้ความสำคัญกับผู้ครองกระบี่มาก เขาพยายามอยากให้ตัวเองดูดีสักหน่อย แต่กลับทำไม่ได้แล้ว
“บิดาข้าเป็นเผ่ามนุษย์ มารดาเป็นเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์…ข้าไม่ใช่ผู้ครองกระบี่
“แต่ข้าใช้วิชาลับซ่อนของของพวกท่านได้ ท่านพ่อเป็นคนสอนข้า
“ข้าไม่ได้บอกองครักษ์ชุดดำพวกนั้น ไม่ว่าพวกเขาจะเค้นอย่างไรข้าก็ไม่พูดออกไปทั้งนั้น!” เด็กหนุ่มเหมือนอาการดีขึ้นก่อนตาย เสียงมีพลังขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าพยายามเผยรอยยิ้ม แต่ความเจ็บปวดทำให้รอยยิ้มของเขาสูญเสียความงดงามไป
“ท่านพ่อให้ข้านำของสิ่งหนึ่งมาที่นี่ มอบให้กับผู้ครองกระบี่ เขาบอกข้าว่าของชิ้นนี้ไม่มีวันถูกทำลาย อีกครู่หนึ่งข้าตายแล้ว พวกท่านก็เอาไปเถิด
“ข้าทำภารกิจสำเร็จแล้ว”
เด็กหนุ่มยังคงพยายามยิ้ม เหมือนว่านี่เป็นสภาพดูดีสุดท้ายของเขา และภารกิจที่สำเร็จลุล่วงในที่สุดก็ทำให้ใบหน้าของเขาฉายแววพอใจ เพียงแค่ความสาหัสของบาดแผลทำให้รอยยิ้มค่อยๆ หมองหม่น กลิ่นอายยิ่งอ่อนแรง
และความเจ็บปวดของร่างกายก็ทำให้เสียงของเขาสั่น
“ท่านพ่อของข้าเป็นผู้ครองกระบี่ เขามีผู้ครองกระบี่เป็นเกียรติยศความภาคภูมิใจมาโดยตลอด ข้าเองก็อยากเป็นผู้ครองกระบี่เหมือนกัน แต่ข้าไม่ใช่เผ่ามนุษย์ เขาบอกข้าว่าขอเพียงทำภารกิจครั้งนี้สำเร็จ ข้าก็จะสามารถอยู่ที่เขตปกครองผนึกสมุทรได้ กลายเป็นผู้ครองกระบี่!
“ข้าทำสำเร็จแล้ว แต่ข้าเป็นผู้ครองกระบี่ไม่ได้แล้ว…”
คำพูดนี้ทำให้สวี่ชิงหวั่นไหว
พวกข่งเสียงหลงต่างเหมือนมีสายฟ้าฟาดผ่าลงกลางใจ
“อยากจะ…เป็นเหมือนกับท่านพ่อ เป็นผู้ครองกระบี่…”
เด็กหนุ่มพึมพำ เขาเหมือนไม่มีแรงที่จะลืมตา ค่อยๆ ปิดลง แต่ก่อนที่จะหลับลงเขาพยายามประสานปางมือ เปิดมิติซ่อนของของตัวเอง
ห่อสัมภาระห่อหนึ่งปรากฏขึ้นข้างกายเขา
ภาพนี้ทำให้ในใจของทุกคนเกิดอารมณ์ที่ไม่อาจบรรยายได้ กระหน่ำซัดโหมไปทั่วทั้งตัวและหัวใจ หนักอึ้งนัก หนักอึ้งเหลือเกิน
“เจ้าคือผู้ครองกระบี่!” ข่งเสียงหลงมองเด็กหนุ่ม เอ่ยเสียงดัง ยกกระบี่อาญาสิทธิ์ในมือขึ้น
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ ไม่กลัวที่จะต้องเสียสละพลีชีพ”
ข่งเสียงหลงส่งเสียงคำรามคำปฏิญาณของผู้ครองกระบี่ออกมา คนที่อยู่รอบๆ ต่างส่งเสียงออกมาเหมือนกัน สวี่ชิงเองก็ด้วย ใจของเขาเกิดคลื่นรุนแรง
เด็กหนุ่มคนนั้นร่างสั่นสะท้าน ดวงตาทั้งสองที่กำลังจะปิดลงพลันเบิกขึ้น มองไปทางคนทั้งหลาย พึมพำประโยคเดียวกันออกมา
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ จะไม่มีวันหักหลังเผ่ามนุษย์เด็ดขาด เตรียมต่อสู้อยู่ทุกชั่วขณะจิต
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ สู้เพื่อเผ่ามนุษย์ ปกป้องเผ่ามนุษย์
“ข้ายินดีเป็นผู้ครองกระบี่ กำจัดเภทภัยแก่ไพร่ฟ้า สาดส่องประกายไปในฟ้าดิน
เสียงของเด็กหนุ่มผสานไปกับเสียงของคนทั้งหลาย
เสี้ยวขณะต่อมา ดวงตาของเขาก็ปิดลง รอยยิ้มพึงพอใจบนใบหน้ากลายเป็นชั่วนิรันดร์ จวบจนเมื่อเสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังมาจากค่ายกล
เขาตายไปแล้ว ค่ายกลระเบิดสูงขึ้นฟ้า
คลื่นลมที่ระเบิดกวาดโหมไปทั่วทุกทิศ พัดเสื้อผ้าอาภรณ์และผมยาวของคนทั้งหลาย จวบจนนานหลังจากนั้น…จากการเลือนหายไปของพายุ เด็กหนุ่มไม่เหลือแม้แต่ซาก สลายหายไปไร้ร่องรอย
มีเพียงกล่องใบหนึ่งปรากฏขึ้นบริเวณที่เขาตาย
นั่นคือกล่องปรารถนาใบหนึ่ง
กล่องปรารถนาที่ถูกเปิดออกใบหนึ่ง
นั่นคือรายงานข่าวที่เขาใช้ชีวิตส่งกลับไป