ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 420 คาวเลือดคลุ้งฟ้าพิษคลุ้งทั่วแดน
บทที่ 420 คาวเลือดคลุ้งฟ้าพิษคลุ้งทั่วแดน
สวี่ชิงพูดไว้ไม่ผิด เขาเชี่ยวชาญการสู้กับคนจำนวนมากจริงๆ
เมื่อพิษวังสวรรค์วังที่สามของเขาปะทุขึ้น พลังสังหารก็น่าตกตะลึง ตั้งแต่สวี่ชิงได้รับลูกกลอนพิษต้องห้าม ก็ยังไม่เคยปล่อยออกมาหมดจดเลยสักครั้ง
แม้ว่าตอนนี้เขาจะยังยับยั้งเอาไว้บ้าง
ถึงอย่างไรถ้าหากปลดปล่อยพิษวังสวรรค์วังที่สามออกมาทั้งหมดจริง ก็จะไม่แบ่งพักแบ่งฝ่ายแล้ว นอกจากตัวเขาที่ไม่เป็นไร แต่ไม่ว่าจะเจ้าเงาหรือบรรพจารย์สำนักวัชระเองก็คงจะแหลกเละกันหมด
แม้จะยับยั้ง แต่ก็เพียงพอสั่นสะเทือนจิตใจของพวกองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ได้
แทบจะในพริบตานั้นก็มีองครักษ์ชุดดำห้าวังสวรรค์สามคนร้องออกมาอย่างพรั่นพรึง ร่างกายเน่าเปื่อยลงอย่างรวดเร็ว เนื้อหนังบนใบหน้าหลุดร่วง ร่างมีเลือดหยดลงมา มีคนที่เบ้าตารองรับลูกตาไม่ไหวหลุดร่วงลงมา
แต่พวกเขาตอนแรกไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดเลย
นี่คือจุดที่น่ากลัวยิ่งกว่าของพิษสวี่ชิงคือมันกัดกร่อนทุกสรรพสิ่งได้โดยไร้ซุ่มเสียง จนตอนที่สังเกตถึงความเจ็บปวดพิษก็เข้าไปในกระดูกแล้ว
ท่ามกลางเสียงร้องพรั่นพรึงสะท้อนก้องที่น่ากลัว ร่างของสวี่ชิงก็ราวกับสายลมแห่งความตาย ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์หกวังสวรรค์คนหนึ่ง ยกกริชในมือขึ้นปาดไปที่คอของเขาฉับพลัน
เสียงฉัวะดังขึ้น เลือดสดซ่านกระเซ็น
ศีรษะหลุดร่วง สวี่ชิงเตะออกไป ท่ามกลางเสียวหวีดหวิวก็กลายเป็นเงาคงค้างพุ่งไปหาองครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์อีกคนหนึ่ง ปะทุขึ้นที่เบื้องหน้าเขาฉับพลัน เลือดพิษสาดกระจายไปทั่ว
ผู้บำเพ็ญเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ถอยหลังพร้อมหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับหลบไม่พ้นโชคชะตาแห่งความตาย
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ ก้าวหนึ่งก้าวไปเบื้องหน้า พลังกายเนื้อเจ็ดวังสวรรค์ปะทุขึ้นรอบด้านในจังหวะนี้ โหมลมพายุคลั่งพัดม้วนครืนครันออกไปรอบด้าน มองไกลๆ ราวกับใช้กลางอากาศโหมลมพายุหมุนที่น่ากลัวขึ้นมา
ด้วยความเร็วนี้ ร่างสวี่ชิงกลายเป็นอาวุธ กระแทกไปที่องครักษ์ชุดดำคนนี้อย่างแรง
และตอนนี้ในกลุ่มที่ติดพิษรอบๆ มีองครักษ์ชุดดำสามคนพิษกำเริบ ขณะที่ร่างกายเน่าสลายก็ส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายละลายกลายเป็นเลือดอย่างรวดเร็ว รดลงบนพื้นดิน
ภาพนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งหมดรอบๆ ที่เห็นตกตะลึงจนเนื้อเต้นกันหมด หวั่นพรั่นพรึ่งถึงขีดสุด
“พิษนี้รุนแรงเสียจริง!”
“ทุกคนกระจายตัว!”
ไม่ใช่แค่องครักษ์ชุดดำที่สู้กับสวี่ชิงเท่านั้นที่กระจายตัว พวกของข่งเสียงหรงกับซานเหอจื่อที่อยู่ไม่ไกลก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน ไหววูบออกจากพื้นที่ที่กำลังต่อสู้อยู่อย่างรวดเร็วโดยมิได้นัดหมาย
ออกห่างจากสวี่ชิง
สวี่ชิงสีหน้าปกติ ยิ่งตัวอยู่ในพิษต้องห้าม เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าทั้งหมดอยู่ในการควบคุม เวลานี้เมื่อวูบไหวก็ไปปรากฏตัวเบื้องหน้าองครักษ์ชุดดำเจ็ดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนที่เก้าราวกับเงาผี
พริบตาที่เข้าประชิดเขาก็ออกแรงโบกกริชในมือ องครักษ์ชุดดำก็ไม่ธรรมดา ระเบิดพลังกายเนื้อขึ้นมาในจังหวะนี้ กำกริชไว้แน่นคิดจะสกัดกั้น
แต่พริบตาที่อีกฝ่ายจับกริช พลังทิ่มแทงที่มาจากผ้าห่อศพก็ปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว องครักษ์ชุดดำหน้าเปลี่ยนสี รู้สึกว่าฝ่ามือถูกทิ่มแทงจนเจ็บไปหมด จิตเทพกับจิตวิญญาณก็เป็นรูพรุนเช่นกัน
ขณะที่คลายมือออกตามสัญชาตญาณ กริชของสวี่ชิงก็แทงเข้าไปที่คอหอยแล้วปาดไปอย่างแรง ดับดิ้นง่ายดายอย่างไม่อาจต้านทานได้
นี่เป็นกระบวนท่าที่สวี่ชิงเตรียมไว้เพื่อใช้กับกริชของตน และเป็นพลังที่แฝงไว้ในผ้าห่อศพด้วย
และสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือทุกครั้งที่เขาหยิบกริช ร่างกายจะต้องแบกรับการเจ็บปวดที่บีบรัดหัวใจด้วย ทั่วร่างเหมือนถูกเข็มแหลมนับไม่ถ้วนทิ่มแทง
แต่ทั้งหมดนี้ สวี่ชิงคุ้นชินนานแล้ว และไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
เขาชักกริชเล่มหนึ่งออกมา เมื่อจะไปต่อ แต่สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เบี่ยงหลบกระบี่บินที่พุ่งหวีดหวิวมาไปด้านข้างฉับพลัน
ตอนหันหลังสวี่ชิงก็เห็นองครักษ์ชุดดำเจ็ดวังสวรรค์อีกคนหนึ่งใช้เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิก่อเป็นฝ่ามือสีดำขนาดยักษ์ ประหัตประหารมาทางตน
แต่ครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องให้สวี่ชิงลงมือ จู่ๆ องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ข้างๆ สองคนแย้มรอยยิ้มพิลึกพิลั่น หันหลังพุ่งไปทางเจ็ดวังสวรรค์คนนั้นแล้วระเบิดตัวเองทันที
ยิ่งตอนที่พุ่งไป พวกเขายังคำรามเสียงดังลั่นอีกด้วย
“เจ้านายของข้าทักทายเจ้า!”
ภาพแปลกประหลาดนี้ ทำให้องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่เห็นหน้าเปลี่ยนสีกันหมด
พริบตาต่อมา องครักษ์ชุดดำหกวังสวรรค์สองคนนั้นก็ตัวระเบิดท่ามกลางเสียงครืนครัน แหลกเละไปพร้อมกัน ก่อตัวเป็นแรงปะทะพัดไปทางเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เจ็ดวังสวรรค์
หลังจากเสียงครืนครัน เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เจ็ดวังสวรรค์คนนี้ก็กระอักเลือดออกมา สีหน้าพรั่นพรึง ชูมือขวาขึ้นกะทันหัน คว้าเหล็กแหลมสีดำที่ลอบโจมตีเอาไว้
แต่เขาก็ไม่อาจข่มสายฟ้าสีแดงที่แล่นแปลบปลาบขึ้นมาบนเหล็กแหลมได้ เวลาพริบตานี้ก็พุ่งหายเข้าไปในศีรษะเขา ทำให้องครักษ์ชุดดำเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนี้ สั่นเทิ้มไปทั้งตัว
กริชของสวี่ชิงเองก็พุ่งมาถึงในพริบตา แทงในหัวใจของเขา ชักออกอย่างรวดเร็วแล้วแทงเข้าไปอีก ทั้งหมดเจ็ดครั้ง แต่ละครั้งก็แทงจนทะลุ โหดเหี้ยมอย่างมาก
เสียงกรีดร้องดังออกมา สวี่ชิงสังเกตเห็นว่าตนเองแผ่พิษไปพอสมควรแล้ว องครักษ์ชุดดำรอบๆ ส่วนใหญ่กำลังเน่าเปื่อย ทุกคนกำลังพรั่นพรึง ควบคุมพลังบำเพ็ญต่อไปไม่ได้
‘คงประมาณนี้’ สวี่ชิงพึมพำในใจ เนตรเงาที่หว่างคิ้วแผ่ออกมาเป็นโลงศพสีดำ จากนั้นโลงเปิดฝาออก ร่างของสวี่ชิงพุ่งออกมา
แน่นอนว่าในขั้นตอนนี้ เขาก็ไม่ลืมร่ายบทพูดที่เหมือนเป็นคำสาปเพื่อสิ้นสุดความลับการผสานร่างกับเงาของตน
พริบตาที่ปรากฏตัว สวี่ชิงก็สำแดงเคล็ดวิชาพรางมายาชิงมรรคา มือขวาโปร่งแสงในพริบตา ร่างกายไหววูบแทงเข้าไปที่หน้าอกขององครักษ์ชุดดำหกวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนหนึ่ง
ต่อให้อีกฝ่ายจะดิ้นรนแต่ก็ไม่เป็นผล เขาคว้าแก่นลมปราณวังสวรรค์เอาไว้ กระชากออกมาอย่างโหดเหี้ยม
ดึงแก่นลมปราณออกมาทั้งเป็น เลือดสดหยดย้อย
ท่ามกลางเสียงเจ็บปวดทรมานดังก้อง วิหคทองจำแลงออกมาด้านหลังสวี่ชิง ขนหางทั้งสี่สิบสองกางสยาย ทำให้ความมืดในช่วงรุ่งอรุณนี้สว่างวาบขึ้นมา
สองตาของวิหคทองเผยประกายแสงอันร้อนแรง จังหวะที่สวี่ชิงล้วงแก่นลมปราณออกมา ก็กลืนกินมือดำที่จำแลงมาจากวิชาระดับจักรพรรดิขององครักษ์ชุดดำคนนั้น
เจ้าเงาไม่ยอมน้อยหน้า รีบแผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
สามด้านสูดรับพร้อมกัน
พริบตาต่อมา องครักษ์ชุดดำเผ่าคนนี้วิชาระดับจักรพรรดิสลายหาย ร่างผอมซูบ วังสวรรค์ย่อยยับ
ทั้งหมดนี้ ใครก็ตามที่เห็นล้วนตกตะลึงพรั่นพรึง การลงมือของสวี่ชิงโหดเหี้ยมถึงขีดสุดจริงๆ
ทว่าซานเหอจื่อทั้งสามก็ไม่แตกต่างกันเท่าไรนัก ปีศาจตาเดียวขนสีเขียวทั้งตัวที่จำแลงมาจากเยี่ยหลิง เป็นปีศาจสวรรค์ตาเดียวที่มีเพียงสำนักมายาจำแลงปีศาจ สายตาแผ่วิญญาณอนธการมืดออกมา
ครึ่งท่อนบนประหลาดยิ่งกว่า มีเลือดเนื้องอกขึ้นมาสี่ก้อน กลายเป็นนิ้วขนาดยักษ์สี่นิ้ว ปลายเล็บมีใบหน้าบิดเบี้ยวปรากฏขึ้นด้วย
ซานเหอจื่อแผ่หมอกเลือดไปทั่วร่าง บาดเจ็บหนัก หลักๆ แล้วเขาตั้งรับให้เพื่อนพ้อง แต่เคล็ดวิชาและชีพจรเลือดของเขาก็พิเศษอย่างชัดเจน ยิ่งบาดเจ็บหนัก ก็ยิ่งแข็งแกร่ง
ตอนนี้ไม่สนใจอาการบาดเจ็บ ทั่วร่างคุ้มคลั่งถึงขีดสุด ดวงตามีเพียงการสังหารเท่านั้น ไม่มีสิ่งอื่นอีก
หวังเฉินในร่างคนแคระก็สู้อย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว แผ่สายอัสนีทั่วร่าง บนหัวมีตะเกียงแห่งชีวิตที่กลายเป็นกลดอัสนี ความเร็วน่าตกตะลึง
กระทั่งร่างกายก็เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ตัวเล็กอีกแล้ว แต่สูงใหญ่ขึ้นกลายเป็นชายหนุ่ม
แต่ทั่วร่างเขาเป็นรูปสักการะสีดำ ราวกับเป็นผนึกหลายสายที่ปิดเอาไว้ ทยอยปลดออกจนกลายเป็นระลอกคลื่นและกลิ่นอายที่น่ากลัวเวลานี้
และทุกครั้งที่ปลดผนึกรูปสักการะ ข้างกายเขาก็มีเงาของต่างเผ่าเพิ่มขึ้นเงาหนึ่ง
เผ่าแสง เผ่าหินมาร เผ่ากางเวท…นับสิบร่าง
ยิ่งมีร่างแยกควันขจรช่วยเหลือ ร่วมมือกับพวกเขาทำศึกเป็นตายกับองครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์สองคน
ต่างฝ่ายต่างล้วงเอาชิ้นส่วนของวิเศษเวทออกมา แม้ยังไม่ใช่คู่มือขององครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์ทั้งสองคนนั้น แต่พวกเขาสามคนก็ไม่สนอาการเจ็บหนัก รั้งเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์แปดวังสวรรค์ทั้งสองคนนั้นเอาไว้จนถึงที่สุด
ข่งเสียงหรงทางนั้นยิ่งน่าจับตา มังกรทองด้านหลังเขาร้องคำราม ทั่วร่างราวกับเทพสวรรค์จุติมายังโลกมนุษย์ ข้างกายยังมีอาภรณ์เลือดปกคลุมไปรอบด้าน กำลังลงมือกับครึ้งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดอีกสามคน สะพรึงฟ้าสะเทือนดิน
เป็นแค่แก่นลมปราณแท้ๆ แต่ด้วยการล้อมโจมตีของครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดสามคน เขาไม่ได้ด้อยเลย กลับรู้สึกถึงแข็งแกร่งอย่างมากอีกด้วย
“นี่คือกลุ่มปีศาจยุคนี้ของวังครองกระบี่!”
ในกลุ่มองครักษ์ชุดดำมีคนร้องตกตะลึง หวาดกลัวขึ้นมา เริ่มแตกฮือคนละทิศคนละทาง คิดจะหนีจากที่นี่
แต่ไม่ทันได้หนีออกไปไกล ก็กระอักเลือดสีดำออกมา ร่างกายเน่าสลายลงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเลือด
สวี่ชิงยังลงมือต่อไป วิหคทองส่งเสียงร้องดีอกดีใจ ภายใต้การกลืนกินอย่างต่อเนื่อง มือมารยาของสวี่ชิงยังคงแทงเข้าไปยังวังสวรรค์ทีละวัง
แต่น่าเสียดาย ความเร็วในการลงมือของเขา ยังสู้พิษของตนไม่ได้
ตอนที่เขาสังหารองครักษ์ชุดดำไปสิบเก้าคน องครักษ์ชุดดำที่นี่ก็เหลืออยู่แค่เจ็ดคน
สามคนกำลังต่อสู้กับข่งเสียงหรง อีกสองคนกำลังต่อสู้กับซานเหอจื่อ
ยังมีอีกสองคน…เวลานี้ร่างเน่าสลายไปกว่าครึ่ง กำลังก้าวไปหาสวี่ชิงทีละก้าวๆ ล้มลงคุกเข่า ดวงตาฉายแววสิ้นหวังกับความสะพรึง ส่งเสียงคุ้มคลั่งออกมา
“นายท่าน ได้โปรดรับของขวัญจากองครักษ์ชุดดำของพวกเราที่มอบให้แก่ผู้ครองกระบี่ที่ยิ่งใหญ่อย่างท่านด้วย!”
พูดพลาง พวกเขาก็ผ่าวังสวรรค์ ล้วงเอาแก่นลมปราณ ประคองให้ด้วยมือทั้งสองของตน
สวี่ชิงโบกมือมารยา หลังจากสูดรับแล้วองครักษ์ชุดดำสองคนนี้ก็ยกมือขึ้นอย่างหวาดกลัวขีดสุด จับหัวของตัวเองออกแรงบิด
เสียงกร๊อบดังก้อง หัวของพวกเขาก็หมุนไปทิศทางเดียวกันหลุดลงมา ลมหายใจขาดห้วงทันที
กระทั่งตายไป รอยยิ้มมุมปากทั้งสองคนยังคงดูแปลกประหลาด
การสังหารผู้คนไม่ได้น่ากลัว ปัจจุบันทุกคนในที่นี้สังหารไปนับไม่ถ้วน แต่ไม่ว่าจะเน่าสลายจนตายอย่างสิ้นหวังหรือหวาดกลัวจนถูกควบคุมให้สังหารตัวเอง ก็ล้วนน่ากลัวและแปลกประหลาดกว่าการสังหารนัก
ดังนั้นภาพนี้ จึงทำให้ศัตรูที่ยังมีชีวิตอยู่มองมาทางสวี่ชิงด้วยใจสั่นสะท้าน
ส่วนสวี่ชิงเวลานี้ก็ยืนอยู่บนกองเลือดสีดำ รอบด้านมีศพอยู่ไม่มาก ส่วนใหญ่กลายเป็นกองเลือดหมดแล้ว
วิหคทองด้านหลังเขาเปล่งแสง ส่งเสียงร้องกังวาน ขนหงส์ปลิวว่อนไปพร้อมกับเปลวเพลิง ขณะที่สวยงามจับจิตก็มีสายลมพัดเส้นผมของสวี่ชิง เผยให้เห็นดวงตาสงบไร้ซึ่งระลอกคลื่นใด
สวี่ชิงเหยียบเลือดเหนียวข้น ตรงไปยังองครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์สองคนที่พวกของซานเหอจื่อรั้งเอาไว้
เขาเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ วังสวรรค์วังที่สามในร่างกายก็สั่นคลอนอย่างรวดเร็ว แผ่พลังดึงดูด ทำให้พิษต้องห้ามที่แผ่อยู่ทั้งหมดรวมอยู่ข้างกายตนอย่างรวดเร็ว
รอบด้านของเขากลายเป็นสีดำอย่างมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หมอกสีดำมหาศาลปกคลุม ด้านในแฝงแมลงสีดำนับไม่ถ้วนไว้ด้วย
ขณะที่หน้าของซานเหอจื่อทั้งสามคนเปลี่ยนสี ในความตกตะลึงพรั่นพรึงขององครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์สองคนนั้น สวี่ชิงที่มาพร้อมกับหมอกสีดำโหมฟ้า ตรงเข้ามากะทันหัน
หมอกสีดำปกคลุมร่างของเขา พริบตาที่เข้าใกล้ก็ผ่าสนามรบ ปกคลุมองครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์คนหนึ่ง
คนภายนอกทั้งหมดมองไม่เห็นในปราณหมอก ไม่อาจจะสัมผัสเข้าไปลึกๆ ได้เช่นกัน ทำได้แค่ฟังเสียงครืนครันและคำรามที่ดังลอดออกมา คลื่นพลังน่าตกตะลึง
เมื่อเป็นเช่นนี้ คู่มือของพวกซานเหอจื่อก็ไม่ใช่แปดวังสวรรค์สองคนนั้นแล้ว แต่กลายเป็นแค่คนเดียว สถานการณ์พลิกผันในพริบตา
หลังหนึ่งชั่วก้านธูป ในความโหดเหี้ยมของข่งเสียงหรงทางนั้น ตอนที่ฉีกครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งเป็นชิ้นๆ ซานเหอจื่อทั้งสามคนก็สังหารได้สำเร็จ
พวกเขาในฐานะที่เป็นปีศาจ แม้จะสู้ข่งเสียงหรงไม่ได้ แต่ก็มีพลังต่อสู้ระดับสูงสุดเจ็ดวังสวรรค์
สามคนร่วมมือกัน ใช้ท่าไม้ตายออกมาจนหมด แบกสังขารที่บาดเจ็บหนัก ในที่สุดก็จัดการสังหารองครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนนั้นได้
จากการตายของคนผู้นี้ หมอกสีดำที่สวี่ชิงอยู่ก็มีเสียงร้องดังออกมา จากนั้นก็มีเสียงฝีเท้า เงาร่างของสวี่ชิงเดินออกมาจากด้านใน
สายตาเขามีแววสงสัย ราวกับกำลังครุ่นคิด
ตอนนี้ทั่วร่างเขามีแต่บาดแผล
ตำแหน่งหัวใจเลือดเนื้อเหวอะหวะ ช่วงท้องมีรู ขาข้างหนึ่งบิด บนคอมีรอยเนื้อหายไปส่วนใหญ่ ราวกับถูกกัด
มุมปากก็มีเลือดสด มือที่ถือกริชทิ้งลงมาอย่างผิดธรรมชาติ
ตอนนี้เดินพลางพ่นเลือดออกมา ขณะเดียวกันก็บีบลูกตาในมือจนเละ โยนไปที่พื้น
ส่วนหมอกพิษด้านหลังเขาตอนนี้ก็ตีเกลียว หลั่งทะลักมาหาเขาในพริบตา ลอดหายเข้าไปในร่างกายทั้งหมด
ตอนนี้เดินพลางพ่นเลือดออกมา ขณะเดียวกันก็บีบลูกตาในมือจนเละ โยนไปที่พื้น
ส่วนหมอกพิษด้านหลังเขาตอนนี้ก็ตีเกลียว หลั่งทะลักมาหาเขาในพริบตา ลอดหายเข้าไปในร่างกายทั้งหมด
จากที่หมอกพิษสลายหายไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า สุดท้ายด้านหลังของสวี่ชิงก็เผยสนามรบก่อนหน้านี้ ที่นั่นตอนนี้มีร่างหนึ่งยืนอยู่
เป็นองครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์คนที่ถูกสวี่ชิงหอบม้วนเข้าไปในปราณหมอกคนนั้น
ร่างของเขาเน่าสลายไปกว่าครึ่ง ช่องท้องแหวกเปิด แก่นลมปราณทั้งหมดถูกดึงออกมา วังสวรรค์พังถล่ม
เหลือดวงตาอยู่ข้างเดียว เหลือเอาไว้เพียงความไม่อยากเชื่อก่อนหน้าที่จะตาย
พวกของซานเหอจื่อต่างมองสวี่ชิง ดวงตาเปล่งประกาย
สวี่ชิงก็มองพวกเขา พ่นเลือดออกมาอีกคำ เอ่ยเสียงแผ่ว
“ให้รอเสียนาน สังหารเขาลำบากไปหน่อย”
ศพองครักษ์ชุดดำที่อยู่ด้านหลังเขาก็ล้มลงพร้อมกับคำพูดของสวี่ชิง
ด้วยพลังต่อสู้ตอนนี้ของสวี่ชิง หากจะสังหารองครักษ์ชุดดำแปดวังสวรรค์สักคนย่อมลำบากมาก
ในศึกเป็นตายต้องใช้วิธีการต่างๆ ทั้งหมด เนื้อบนคอของเขาก็ถูกอีกฝ่ายกัดทึ้งอย่างโหดเหี้ยม
ทว่าสิ่งที่ได้รับจากศึกนี้ก็มหาศาล
นอกจากนี้สวี่ชิงก็สัมผัสถึงกลิ่นอายพระจันทร์สีชาดได้อีกครั้งจากอีกฝ่าย นี่จึงเป็นสาเหตุที่ดวงตาเขาฉายแววสงสัยตอนที่เดินออกมา
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาขบคิดเรื่องนี้ แทบจะพริบตาที่สวี่ชิงเดินออกมา บนท้องฟ้าก็มีเสียงร้องดังขึ้น
ครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดคนที่สอง ถูกข่งเสียงหรงหักคอ
และครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดคนสุดท้าย ในดวงตาก็เผยแววพรั่นพรึงออกมาถึงขีดสุด
ที่เขากลัวไม่ใช่แค่ข่งเสียงหรง แต่ความโหดร้ายของผู้ครองกระบี่ที่อยู่ด้านล่างด้วย เวลานี้ไม่ลังเล ระเบิดความเร็วทั้งหมดพลันถอยหนีไป
ข่งเสียงหรงยิ้มเหี้ยมเกรียม ไหววูบพุ่งตามไป สวี่ชิงยกมือขึ้นด้วยสีหน้าสงบ ซัดไปที่ขาที่หักบิดเบี้ยวของตน เสียงกร๊อบดังขึ้น หลังจากทุบกระดูกให้กลับเหมือนเดิม ก็พุ่งตามออกไป
ภาพนี้ทำให้พวกซานเหอจื่อทั้งสามยอมรับมากขึ้น พวกเขาก็บาดเจ็บหนัก แต่ตอนนี้ก็ไม่สนใจใครแล้ว ขณะที่พุ่งออกไป จิตสังหารก็รุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้
ในเมื่อจะมอบของกำนัลคืนให้กับองครักษ์ชุดดำ เช่นนั้นก็ต้องสะบั้นทิ้งให้หมด ถึงจะสอดคล้องตามทำนองคลองธรรม
ที่นี่ห่างจากชายแดนไม่ไกลมาก ดังนั้นเพียงไม่นานตอนที่ครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดคนนั้นเห็นเขตชายแดน พวกของสวี่ชิงก็ตามเขาทัน
ห้าคนลงมือพร้อมกัน ยังมีข่งเสียงหรงคอยสะกดอีก จึงไม่มีอะไรต้องกังวล…
ท่ามกลางเสียงครืนครันสะท้านฟ้า ร่างครึ่งก้าวสู่ปราณก่อกำเนิดคนนั้นก็แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลายเป็นฝนเลือด พร่างพรมลงไปบนเส้นชายแดน
และพริบตาที่เขาตาย กลิ่นอายบ้าคลั่งก็แผ่มาจากนอกชายแดนในดินแดนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ เงาร่างหนึ่งเข้าประชิดอย่างรวดเร็ว ยิ่งมีเสียงคำรามก้องด้วยความโกรธเกรี้ยว
“ผู้ครองกระบี่!”
เมื่อข่งเสียงหรงเห็นเช่นนี้ ก็คำรามขึ้นมาทันควัน
“เรียกบิดาเจ้าทำไมรึ”
“ที่นี่คือชายแดนเขตปกครองผนึกสมุทรของเผ่ามนุษย์ข้า ปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าคนใดย่างกรายดินแดนคลื่นศักดิ์สิทธิ์นี้เพียงครึ่งก้าว ของวิเศษเวทต้องห้ามเขตปกครองผนึกสมุทรจะสังหารทันที!”
“มารดามันเถอะ ก็เข้ามาเลย!”
พูดจบ ข่งเสียงหรงหันหลังก็หนี ส่วนพวกซานเหอจื่อทั้งสามขณะที่เขาพูดก็หนีไปหลายสิบจั้งแล้ว
ส่วนสวี่ชิงไวกว่าพวกเขาหลายเท่า ห่างออกไปนับร้อยจั้งแล้ว…
กลุ่มคนพุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ด้านนอกชายแดน เงาที่มาถึงก็ชะงักฉับพลัน กลายเป็นผู้บำเพ็ญกลางคนเผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์ในชุดนักพรตองครักษ์ชุดดำคนหนึ่ง
เขาสีหน้าปั้นยาก กัดฟันอย่างเคืองแค้นจ้องไปยังแผ่นหลังพวกของข่งเสียงหรงกับสวี่ชิง จิตสังหารในดวงตาโหมขึ้นอย่างรุนแรง
แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าเข้าไปในชายแดนอีกด้าน!