ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 430 โลกนี้มีเพียงพลทหารที่เป็นใหญ่
บทที่ 430 โลกนี้มีเพียงพลทหารที่เป็นใหญ่
กรมราชทัณฑ์สามสิบสามโลก โลกที่หนึ่ง
บนท้องฟ้า ตะวันกล้าขึ้นสูงกลางฟ้า แผ่ความร้อนแผดเผาพื้นดิน
ท้องฟ้าที่นี่ไม่มีเสี้ยวหน้าเทพเจ้า แต่ไอพลังประหลาดที่นี่เข้มข้นยิ่งนัก
ไอพลังประหลาดที่ตลบอวลในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไม่ได้ส่งผลกระทบเฉพาะแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อโลกใบเล็กทุกใบที่เกี่ยวพันกับแผ่นดินใหญ่ด้วย
เพียงแต่ตะวันจันทราของที่นี่ไม่มีเทพเจ้าสถิตย์พักผ่อน นั่นเป็นดินแดนที่แปรเปลี่ยนมาจากสายตาของวิถีสวรรค์สี่องค์ที่อยู่ดั้งเดิมของโลกใบนี้ หลังจากวังครองกระบี่ปรับเปลี่ยนก็กลายเป็นอาวุธเยี่ยมยอด
ตอนนี้ภายใต้ดวงอาทิตย์ที่เกิดจากสายตานี้ คลื่นความร้อนเดือดพล่าน เมฆหมอกเบาบางลง ทำให้เงาร่างหนึ่งแก่หนึ่งหนุ่มทั้งสองร่างที่เดินอยู่กลางอากาศตอนนี้ชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง
ชายชราคือมือผี
ชายหนุ่มคือสวี่ชิง
“งานของพลทหารเขตปิ่งความจริงนั้นง่ายมาก ก็คือลาดตระเวนโลกนี้
“เจ้าไม่ใช่พลทหารเพียงคนเดียวในโลกนี้ รวมเจ้าอยู่ในนี้แล้วมีทั้งหมดหกสิบเจ็ดคน ขอบเขตและเวลาที่ลาดตระเวนรอเมื่อเจ้าสามารถมาเยือนโลกใบนี้ได้เพียงลำพังแล้วก็จะมีการจัดแจงให้
“ก่อนหน้านั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำคือติดตามข้า ข้าจะพาเจ้าทำความคุ้นเคยกับทุกอย่างที่นี่”
มือผีเดินไปข้างหน้าพลางเอ่ย
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็รับคำอย่างเคารพนอบน้อม
“นอกจากนี้นะสวี่ชิง เป็นพลทหารของเขตปิ่งยังมีสิทธิประโยชน์อีกสองอย่าง” มือผีหัวเราะ เอาเหล้าที่บ่มนานออกมากาหนึ่ง ดื่มลงไปอึกใหญ่
“สิทธิประโยชน์อย่างแรกก็คือทุกเดือนไม่มีจำนวนจำกัดในการฆ่า แต่เจ้าจะฆ่ามากไปไม่ได้ พิจารณาเอาเองตามความเหมาะสม
“สิทธิประโยชน์ข้อที่สอง ความจริงแล้วก็มีแต่พลทหารเขตปิ่งเท่านั้นที่สนใจที่สุด นั่นก็คือสัมผัสรับรู้ในโลกใบเล็กนี้
“เนื่องจากกฎเกณฑ์ทุกอย่างที่นี่พวกเราล้วนเป็นผู้ควบคุม ดังนั้นจึงเหมาะให้ผู้บำเพ็ญสัมผัสรับรู้การโคจรของฟ้าดินและศึกษาค้นคว้าว่าวิถีสวรรค์เกิดขึ้นได้อย่างไร
“นี่เป็นประเด็นสำคัญในการยกระดับสู่สมบัติวิญญาณ ในสมบัติลับของผู้บำเพ็ญสมบัติวิญญาณต้องมีวิถีสวรรค์สถิตย์
“ตอนนี้แม้เจ้าจะยังไม่ถึงระดับปราณก่อกำเนิด แต่สัมผัสรับรู้ไว้ก่อนก็ดี เมื่อพลังบำเพ็ญของเจ้าเพียงพอสามารถลาดตระเวนเองได้ เจ้าก็จะรับรู้ถึงข้อดีของมัน แน่นอน เก็บเกี่ยวได้มากน้อยเท่าใดก็อยู่ที่วาสนาของเจ้า”
สวี่ชิงได้ฟังก็จำขึ้นใจ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับสมบัติวิญญาณ แม้เรื่องพวกนี้จะถามอาจารย์หรือจอมเซียนจื่อเสวียนก็ได้ แต่การบอกกล่าวจากมือผีเขาก็ยังคงแสดงความขอบคุณอยู่ดี จึงประสานหมัดโค้งคารวะ
มือผีหัวเราะ ดื่มเหล้าลงไปอีกอึก ในตอนที่ผ่านพื้นที่รกร้างแห่งหนึ่ง เขาก็ก้มหน้าลงไปมองแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“ใช่แล้ว เกือบลืมบอกไป ในฐานะที่เป็นพลทหารเขตปิ่ง ในตอนที่ลาดตระเวนบางครั้งก็ต้องให้อาหารด้วย”
พูดจบมือผีก็แบมือ ทันใดนั้นก็โยนลูกกลอนไร้คุณภาพที่มีไอพลังประหลาดจำนวนมหาศาล พลังวิญญาณมีเพียงเล็กน้อยจำนวนหนึ่งลงไป
“ดูให้ดีล่ะ เรื่องสนุกมาแล้ว” มือผีเลียริมฝีปาก มองไปทางพื้นดิน
สายตาของสวี่ชิงก็จ้องไปเช่นกัน
ในพริบตาที่พวกเขามองไป พื้นดินในที่รกร้างก็พลันระเบิดขึ้นมา เงาร่างผอมแห้งแต่ละร่างๆ ก็พุ่งออกมาจากในนั้นอย่างรวดเร็ว
เงาร่างพวกนี้มีทั้งรูปร่างมนุษย์ แต่ที่มีมากกว่าคือต่างเผ่า รูปร่างลักษณะแตกต่างกันไป กระทั่งว่าพืชก็มี
ตอนนี้ต่างพากันพุุ่งออกมา แต่ละตนในดวงตาฉายความบ้าคลั่งและความปรารถนา พุ่งไปยังลูกกลอนไร้คุณภาพพวกนั้น ยิ่งกว่านั้นคือต่างลงมืออย่างโหดเหี้ยม เอาให้ตายกันไปข้างหนึ่ง
เหมือนว่าสำหรับพวกมันแล้ว ลูกกลอนไร้คุณภาพเหล่านี้เป็นของล้ำค่าของสวรรค์ ทำให้พวกมันบ้าคลั่งเพื่อสิ่งนี้
สวี่ชิงเห็นต่างเผ่าเกล็ดฟ้าที่มีแขนหกแขนตนหนึ่ง เพื่อชิงเอาลูกกลอนไร้คุณภาพเม็ดหนึ่งมาให้ได้ ก็ไม่เสียดายผลตอบแทนทำลายแขนครึ่งหนึ่งของตัวเอง หลังจากที่กลืนลูกกลอนเม็ดนั้นลงไป สีหน้าก็ฉายความพอใจ ก่อนจะหนีอย่างบ้าคลั่ง
แต่ก็สายไปแล้ว ต่างเผ่าฝูงหนึ่งพุ่งมา แล้วเข้ากัดทึ้งแยกร่าง ได้ฤทธิ์ยาที่แยกย่อยจากการนี้
ยิ่งมีอีกพื้นที่หนึ่ง นักโทษหลายร้อยที่นั่นตาแดงก่ำ ฆ่าล้างช่วงชิงไม่หยุดหย่อน สุดท้าย ผู้บำเพ็ญที่แย่งชิงมาได้สำเร็จเลือดชุ่มโชกทั่วร่างในดวงตาฉายความวาดหวัง กลืนลูกกลอนที่เปื้อนเลือดเนื้อลงไป
เหตุการณ์แบบนี้มีทั่วทุกที่ จากลูกกลอนที่ร่วงลงไป ลูกกลอนแทบจะทุกเม็ดล้วนทำให้เกิดการแก่งแย่งช่วงชิงอย่างดุเดือด
ไม่นานนักพื้นที่รกร้างแห่งนี้ก็เกลื่อนกลาดไปด้วยซากศพเศษกระดูก และนักโทษที่รอดชีวิตพวกนั้นก็สังเกตเห็นสวี่ชิงและมือผีที่อยู่บนฟ้า สีหน้าล้วนฉายความยำเกรง คุกเข่าหมอบคารวะ ประดุจเห็นเทพเจ้า
“นักโทษเขตนี้ล้วนถูกจับมาช่วงไม่กี่ร้อยปีนี้ ดังนั้นยังมีชีวิตชีวาอยู่ ค่อนข้างสนุกอยู่บ้าง
“เผ่าหกแขนที่ถูกแยกร่างกินนั่น ก่อนถูกจับเข้ามาได้ใช้กำลังรบเจ็ดปราณฆ่าผู้บำเพ็ญของวังพิธีการ ตอนนั้นอยู่ข้างนอกมีชื่อเสียงโหดเหี้ยมไม่น้อย แต่อยู่ที่นี่แม้เขาจะยังเป็นระดับปราณก่อกำเนิด แต่หลังจากถูกโลกใบเล็กร่วมแปรสภาพก็อ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง
“แล้วก็ยังมีเผ่าปีกบินที่หลังมีปีกนั่น เป็นนักโทษที่ข้าจับมาเอง มันร้ายกาจยิ่ง กำลังรบแปดปราณ เคยกำเริบเสิบสานในมณฑลประกายอรุณ เจ้าว่าเวลาพวกมันย้อนนึกถึงตอนที่เรียกลมเรียกฝนได้ข้างนอก ตอนนี้กลับน่าอเนจอนาถสังเวชแบบนี้ จะรู้สึกอย่างไร”
มือผีแสยะยิ้ม
สวี่ชิงจ้องมองพื้นดิน มองออกว่าพลังบำเพ็ญของนักโทษแต่ละคนพวกนี้อ่อนแอนัก ทั้งๆ ที่เป็นระดับปราณก่อกำเนิด กลิ่นอายก็เช่นกัน แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่าเพียงนิ้วเดียวของตนก็บี้ตายได้
“ส่วนลูกกลอนไร้คุณภาพพวกนั้น เหตุที่พวกมันปรารถนาก็เพราะพลังวิญญาณที่นี่เหือดแห้ง พวกมันเพื่อที่จะมีชีวิตต่อไป เพื่อที่จะไม่ตาย ก็ต้องให้พลังบำเพ็ญของตัวเองมีอยู่ จึงจ่ายค่าตอบแทนด้วยการเสี่ยงตายครั้งหนึ่งก็จะต้องชิงเอามาให้ได้”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าคำพูดของมือผีมีปัญหาเล็กๆ เพื่อที่จะไม่ตายจึงจ่ายค่าตอบแทนด้วยการเสี่ยงตายครั้งหนึ่ง นี่ค่อนข้างจะขัดแย้งกันเอง
มือผีหัวเราะ ไม่ได้อธิบายทันที แต่พาสวี่ชิงเดินไปข้างหน้า
ผ่านเทือกเขาแต่ละแนว ทะเลทรายแต่ละผืน สุดท้ายก็มาถึงที่ราบที่มีขนาดกว้างใหญ่มากแห่งหนึ่ง
ที่นี่ สวี่ชิงรูม่านตาหดเล็ก
เขาเห็นบนพื้นมีเงาร่างรับไม่ถ้วนกำลังนั่งขัดสมาธิทำสมาธิอยู่
หมื่นเผ่าที่นั่งขัดสมาธิทำสมาธิอยู่ที่นี่ ทุกตนล้วนนิ่งไม่ขยับ ดวงตาทั้งสองปิดสนิท ฝึกบำเพ็ญเงียบๆ
พลังชีวิตบนร่างแม้จะมีแต่ริบหรี่เหลือเกิน และที่ราบแห่งนี้มีค่ายกลที่น่าตื่นตะลึง กำลังดึงพลังชีวิตและพลังบำเพ็ญในตัวพวกมันออกไปอยู่ตลอด
“โลกแห่งนี้ยังมีกฎอีกข้อหนึ่ง นั่นก็คือการคืนสภาพ”
“นอกจากพัศดีมอบความตายให้แล้ว นักโทษคนอื่นๆ ที่ตายที่นี่ ทุกเดือนจะต้องผ่านการคืนสภาพครั้งหนึ่ง ฟื้นคืนชีพท่ามกลางการคืนสภาพ ทั้งยังลบความทรงจำส่วนหนึ่งและวัตถุจดบันทึกทุกอย่างอย่างถาวร
“หลังจากตายอยู่หลายครั้ง พวกมันก็จะกลายเป็นซากเดินได้ที่ไม่มีความทรงจำใดๆ ปรากฏตัวขึ้นที่นี่อย่างไร้ความคิด กลายเป็นแหล่งกำเนิดพลังที่มอบพลังโคจรให้กับของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครอง”
“เจ้ารู้หรือไม่สวี่ชิง สำหรับนักโทษแล้ว สิ่งที่เจ็บปวดของพวกมันคือมีความทรงจำ เพราะทุกอย่างในความทรงจำเปรียบเทียบกับตอนนี้ ช่างกัดกินจิตใจนัก
“แต่ขณะเดียวกัน ความทรงจำก็เป็นของส่วนตัวที่เหลืออยู่เพียงอย่างเดียวของพวกมัน ล้ำค่าเป็นอย่างยิ่ง เป็นทุกอย่างที่ค้ำยันพวกมันหลังจากที่สูญเสียอิสระ ดังนั้น การค่อยๆ ช่วงชิงความทรงจำทำให้พวกมันยิ่งหวาดกลัวสุดขั้วหัวใจ
“ดังนั้น ไม่ไปชิงลูกกลอนก็ไม่อาจชดเชยพลังวิญญาณได้ ก็จะตายเร็วขึ้น จึงเกิดการไม่เสียดายผลตอบแทนที่จะต้องเสี่ยงตายครั้งหนึ่งไปชิงโอกาสที่จะได้ไม่ต้องตายหลายครั้ง
“ดื่มพิษดับกระหาย รสชาติต้องยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน” มือผียิ้มอย่างโหดเหี้ยม
สวี่ชิงพยักหน้า นิสัยของพัศดีที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้ ในตอนฝึกฝนลับตอนนั้นเขาก็รู้แล้ว
ตอนนี้สายตากวาดไป สวี่ชิงพลันมองไปยังเขตที่แตกต่างไปเล็กน้อยแห่งหนึ่งในกลุ่มคน
พื้นดินตรงนั้นเป็นสีแดงเข้ม สีแตกต่างไปจากที่ราบ มองจากท้องฟ้าลงไป พื้นที่บริเวณนี้เด่นชัดมาก
ในนั้นมีนักโทษนั่งขัดสมาธิอยู่สี่สิบกว่าคน เป็นเผ่าเคียงเซียนทั้งหมด
ในนั้นมีคนหนึ่ง สวี่ชิงเคยเห็น
เป็นตัวอย่างที่มือผีเอามาในตอนที่บรรยายจุดตายของหมื่นเผ่าในวันนั้น
“สามเผ่ามีสัญญาอยู่จึงทำอะไรไม่ได้ เผ่าเคียงเซียนพวกนี้อย่างมากก็แค่ถูกคุมขังเอาไว้สิบปีก็ปล่อยกลับไป” สังเกตเห็นสายตาของสวี่ชิง มือผีก็ดื่มเหล้าลงไปอีกอึกหนึ่ง เอ่ยอย่างจนปัญญานิดๆ
“แม้เวลาสั้นๆ เพียงเท่านี้ยากจะลบเลือนความทรงจำไปได้มากมายเท่าไร แต่ก็พอจะมีผลอยู่บ้าง แต่ว่าเมื่อสามร้อยปีก่อน เจ้าเขตปกครองมีเมตตา เพื่อที่จะไม่ทำลายมิตรภาพกับเผ่าเคียงเซียน ก็ได้ออกคำสั่งห้ามลบความทรงจำนักโทษเผ่าเคียงเซียนเรื่องนี้
“ดังนั้นนับจากนั้น เผ่าเคียงเซียนที่อยู่ในนี้ก็จะถูกโยนมาที่นี่จึงเป็นหินวิญญาณระยะสั้น”
สวี่ชิงพยักหน้า เขานึกถึงภารกิจลับเกี่ยวกับหุ่นเชิดเซียนเผ่าเคียงเซียนที่เจ้าวังสั่ง จึงสังเกตนานหน่อย
“ผู้อาวุโสมือผีเคยสู้กับหุ่นเชิดเซียนของเผ่าเคียงเซียนหรือไม่ขอรับ” สวี่ชิงถาม
“หุ่นเชิดเซียนอย่างนั้นหรือ เคย แต่ของพรรค์นี้ช่างแปลกประหลาดนอกรีตนอกรอยนัก ทั่วทั้งหุ่นเต็มไปด้วยไอพลังประหลาด ทั้งทำให้เสียหายยาก ซ้ำยังฟื้นฟูตัวเองได้ด้วย” มือผีพูดจบก็มองสวี่ชิงแวบหนึ่ง
“เจ้าสนใจหุ่นเชิดเซียนอย่างนั้นหรือ”
สวี่ชิงพยักหน้า
“ข้าแนะนำให้เจ้าไปขอคำแนะนำจากปลัดเขตปกครอง ท่านมีความรู้กว้างขวางลึกซึ้ง ได้ยินว่าเขาศึกษาค้นคว้าหุ่นเชิดเซียนของเผ่าเคียงเซียนเหมือนกัน
“ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว พวกเราไปเถอะ ข้างหน้ายังมีอีกหลายที่ที่เป็นแบบนี้ ข้าจะพาเจ้าไปทำความคุ้นเคยสักหน่อย”
มือผีเดินไปข้างหน้า
สวี่ชิงเดินตามข้างหลัง
ทั้งสองคนเหาะผ่านที่ราบที่น่าครั่นคร้ามแห่งนี้ เห็นมหาสมุทร เห็นป่าแห้งเหี่ยว
มือผีโยนลูกกลอนลงไปบ้างเป็นครั้งคราว สวี่ชิงก็ได้เห็นการฆ่ากันเองอย่างโหดเหี้ยมแบบก่อนหน้านี้หลายครั้ง ส่วนพื้นที่ค่ายกลดูดซับพลังชีวิตก็ไม่น้อยเช่นกัน
ขณะเดียวกันพัศดีเขตปิ่งตลอดทางมานี้สวี่ชิงก็ได้เห็นอยู่บ้าง คนเหล่านี้รับผิดชอบพื้นที่ต่างกันไป เมื่อเห็นมือผีก็ต่างโค้งคารวะอย่างเคารพนอบน้อม
ภายใต้การแนะนำจากมือผี พัศดีเขตปิ่งต่างกวาดตามองสวี่ชิงอยู่หลายผาด พยักหน้าเล็กน้อย ทว่าสีหน้าส่วนใหญ่แล้วล้วนเย็นชา
“เดี๋ยวในตอนที่เจ้าทนกฎเกณฑ์ของที่นี่ สามารถลาดตระเวนได้เพียงลำพังได้ พวกเขาย่อมยอมรับเจ้า แต่เจ้าตอนนี้…ยังไม่ได้”
“นอกจากนี้ เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไมพวกเขาถึงเคารพข้า ไม่ใช่เพราะข้าเป็นหัวหน้าพัศดีของโลกนี้ ไอ้เจ้าพวกนี้แต่ละคนล้วนหยิ่งทะนงมาจากในกระดูก คนที่พลังบำเพ็ญสูงกว่าข้าก็มีเหมือนกัน”
มือผีดื่มเหล้าอึกหนึ่ง สีหน้าฉายาแววได้ใจ สีหน้าแบบนี้มีให้เห็นจากในตัวเขาไม่บ่อยนัก
สวี่ชิงได้ยินใบหน้าก็ฉายความสงสัยใคร่รู้ออกมาอย่างเหมาะสม มองไปทางมือผี
มือผีหัวเราะร่า ใช้นิ้วชี้ไปที่หน้าผากของตัวเอง
“ข้าตาแก่คนนี้น่ะนะ พรสวรรค์ธรรมดา ๆ ก้าวสู่ระดับปราณก่อกำเนิดแปดร้อยปี แต่จนแล้วจนรอดก็ทะลวงสมบัติวิญญาณไม่ได้เสียที แต่ชั่วชีวิตนี้ข้าไม่เคยชักกระบี่จักรพรรดิออกมาเลยสักครั้ง!
“ข้าหล่อเลี้ยงมาแปดร้อยปี! กระบี่นี้เมื่อฟันออกมาจะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน!”
“แปดร้อยปีหรือขอรับ” สวี่ชิงอึ้งตะลึงไปนิดๆ เขารู้ถึงพลานุภาพของกระบี่จักรพรรดิ หล่อเลี้ยงยิ่งนานพลานุภาพยิ่งรุนแรง เคยมีระดับปราณก่อกำเนิดหล่อเลี้ยงกระบี่ไว้สองพันปี สังหารหวนสู่อนัตตาได้
แต่อย่างไรนี่ก็เป็นบันทึก ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
วันนี้เขาได้เห็นมีคนหล่อเลี้ยงกระบี่จักรพรรดิเกือบพันปีด้วยตาตัวเอง
เรื่องนี้ยากมาก ในเมื่อผู้บำเพ็ญฆ่าฟันผ่านความเป็นตาย ในช่วงเวลาสำคัญบางช่วง ไม่มีทางไม่ใช้กระบี่ที่หล่อเลี้ยง
อยากจะหล่อเลี้ยงได้นานขนาดนั้นจะต้องมีโอกาสและโชคชะตาที่ยิ่งใหญ่มาก
สังเกตเห็นสีหน้าของสวี่ชิง สีหน้าได้ใจของมือผีก็ยิ่งมากขึ้น
“ข้าตาแก่คนนี้ในฐานะที่เป็นพัศดี กระบี่นี้เตรียมไว้เพื่อปกป้องคุ้มกันโลกนี้”
“ข้าคิดดีแล้ว รอเมื่ออายุขัยข้าใกล้มอดดับ ไม่เป็นพัศดีแล้ว ข้าจะออกไปสักหน่อย ไปหาต่างเผ่าแข็งแกร่งที่ขัดหูขัดตาสักตน ข้าจะฆ่ามันทิ้งเสีย กำจัดเภทภัยให้เผ่ามนุษย์เราได้เรื่องหนึ่งก็เป็นเรื่องหนึ่ง เช่นนี้แล้วตาแก่ข้าคนนี้ก็ไม่นับว่ามีชีวิตอย่างเสียเปล่าแล้ว ตายได้มีคุณค่าบ้าง”
สวี่ชิงได้ยินคำพูดนี้ ใบหน้าฉายความเลื่อมใสนับถือ โค้งคารวะมือผีทันที เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ
เห็นได้ชัดว่ากระบี่ที่หล่อเลี้ยงแปดร้อยปีนี้เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจของมือผีมากๆ เห็นสวี่ชิงเคารพคำพูดของตัวเองแบบนี้ เขาก็หัวเราะฮ่าๆ ดื่มเหล้าลงไปอีกอึกใหญ่ เดินไปข้างหน้าอย่างเบิกบาน
เวลาหลายชั่วยามเพียงพริบตาก็ผ่านพ้นไปเช่นนี้เอง ภายใต้การนำของมือผี สวี่ชิงคุ้นเคยกับคุกโลกนี้เรื่อยๆ และจากเวลาที่หมุนผ่านไป ทั้งสองก็สิ้นสุดการเดินทาง เตรียมกลับไปยังกรมราชทัณฑ์
แต่ในตอนนี้เอง มือผีพลันหันไปมองพื้นข้างล่าง สีหน้าคร่ำเคร่ง
จุดที่สายตาของเขามองไปเป็นต้นไม้แห่งเหี่ยวผืนหนึ่ง ท่ามกล่างต้นไม้ที่เหี่ยวแห่งจำนวนมหาศาลมีต้นไม่สูงเสียดฟ้าตนหนึ่ง กิ่งไม้แม้จะแห้งเหี่ยวเหมือนกันแต่ก็ยังคงใหญ่โต บนนั้นมีใบหน้าแก่ชราดวงหนึ่งด้วย
ตอนนี้ดวงตาทั้งสองของใบหน้าดวงนี้ค่อยๆ ลืมขึ้น เผยให้เห็นดวงตาสีเขียวคราม มองไปทางสวี่ชิงและมือผีที่อยู่บนฟ้า ก็เผยความยำเกรงออกมา
“คารวะใต้เท้ามือผี”
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่อนุญาตให้เจ้าไปจากบริเวณที่อยู่ เจ้ากลับไม่ทำตามกฎ ย้ายมาอยู่ตรงนี้” บนท้องฟ้า สีหน้าของมือผีอึมครึม เอ่ยอย่างเย็นชา
จากนั้นก็ชี้ไปที่ต้นไม้ต้นนี้ แนะนำกับสวี่ชิง
“เจ้าจำเจ้านี่เอาไว้ให้ดี มันไม่ใช่มนุษย์ต้นไม้ธรรมดา แต่เป็นเผ่าต้นไม้วิญญาณเพียงหนึ่งเดียวในทั้งกรมราชทัณฑ์
“แม้เผ่าของมันตอนนี้จะไม่โดดเด่น แต่ยุคหนึ่งในอดีต…นั่นยิ่งใหญ่เกียงไกรนัก”
มือผีเอ่ยนาบเนิบ
สวี่ชิงตาจ้องเพ่ง ประเมินเผ่าต้นไม้วิญญาณตนนั้น
“ก่อนจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว ผู้ที่รวบรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่งคือจักรพรรดิโบราณหลิงเซี่ย มาจากเผ่าวิญญาณโบราณ ในตอนนั้นเผ่าวิญญาณโบราณเป็นเผ่าที่สูงส่งที่สุดในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ เรียกได้กระทั่งว่าเป็นเผ่าแห่งชะตาสวรรค์ก็ว่าได้
“วิญญาณห้าธาตุที่อยู่ใต้บัญชาการต่างตั้งตัวแยกสายกันออกไป”
มือผีเอ่ยราบเรียบ
“แต่หลังจากนั้นตกต่ำ สายวิญญาณโบราณแทบจะสูญสิ้น วิญญาณทั้งห้าใต้บัญชาการแตกฉานซ่านกระเซ็น ในเขตปกครองผนึกสมุทรเราก็มีเพียงเผ่าต้นไม้วิญญาณสายนี้ที่หลงเหลืออยู่ เนื่องจากอุปนิสัยอ่อนโยน จึงอยู่ด้วยกันอย่างเป็นสุข
“เจ้านี่ก็คือสมาชิกในเผ่านั้น แต่นิสัยแตกต่างจากสมาชิกในเผ่าโดยสิ้นเชิง มันกระหายเลือด เมื่อสามร้อยปีที่แล้วสร้างความพิบัติปั่นป่วนไปในพื้นที่หนึ่ง ถูกข้าจับมาสยบกำราบที่นี่”