ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 472 หลิงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน
บทที่ 472 หลิงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน
……….
ใต้ท้องฟ้าที่มืดมิด เขาเลือดเนื้อที่แผ่พลังอำนาจเทพ ร่างของสวี่ชิงยืนตระหง่านอยู่บนยอดเขา จ้องมองไปบนท้องฟ้า
ตอนที่สายตาเขาไปตกอยู่ที่ร่างวิญญาณของหลิงเอ๋อร์ งูน้อยสีขาวในทะเลความรู้สึกก็ลืมตา เริ่มสัมผัสได้ ส่งเสียงร้องออกมา
“ฟ่อฟ่อ…”
จากเสียงร้องเรียกของต้นกำเนิดวิญญาณเดียวกัน วิญญาณหลิงเอ๋อร์บนท้องฟ้า ร่างกายเทิ้ม จะเงยหน้าไปสัมผัสรับรู้
แต่จู่ๆ มังกรอสรพิษหมอกสีดำสิบแปดตัวรอบด้านก็คืบคลาน แผ่ดวงชะตาเข้มข้นออกมา ก่อเป็นพลังพันธนาการ ปิดกั้นสัมผัสรับรู้ของหลิงเอ๋อร์
ตอนที่ดวงชะตานี้แผ่ออกมา งูน้อยสีขาวในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง ก็แผ่ความปรารถนาออกมาวูบหนึ่งตามสัญชาตญาณ
มังกรอสรพิษเหล่านี้ คือสิ่งที่แปรมาจากดวงชะตาของเผ่าวิญญาณบรรพกาล
พวกมันรูปร่างชัดเจน เกล็ดแผ่พลังงานสีดำออกมาราวกับมีชีวิต
แม้จะถูกวิถีสวรรค์สาปแช่ง แต่เผ่าวิญญาณบรรพกาลในตำนานก็เป็นเผ่าแห่งดวงชะตาที่รวมโชคชะตาแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไว้ ดังนั้นต่อให้มาถึงวันนี้ ก็ถือเป็นโชคชะตาของพวกเขา
ดวงตาสวี่ชิงเผยความคมกริบ ในเมื่อวิญญาณหลิงเอ๋อร์เรียกกลับมาไม่ได้ เช่นนั้นเขาก็จะพุ่งออกไปจากเขาเลือดเนื้อนี้ไปยังวิญญาณของหลิงเอ๋อร์
มังกรอสรพิษที่แปรมาจากดวงชะตาสีดำเหล่านั้นแผ่แรงคุกคามและส่งเสียงคำรามออกมาทันที
ราวกับว่าขอแค่จักรพรรดิโบราณสั่ง พวกมันก็กลืนกินสวี่ชิงได้ในพริบตา
สวี่ชิงไม่ได้ตื่นกลัว เข้าประชิดวิญญาณหลิงเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว พลังพระจันทร์สีม่วงแผ่ซ่านออกมา มังกรอสรพิษดวงชะตาเหล่านั้นก็พากันกระสับกระส่าย แต่ต้องถอยเลี่ยงออกมา
จากการถอยของพวกมัน พลังพันธนาการก็สลายไป
ร่างวิญญาณหลิงเอ๋อร์ไม่สั่นเทิ้มแล้ว ตอนที่สัมผัสถึงต้นกำเนิดรุนแรงขึ้น ร่างของสวี่ชิงก็ปรากฏที่เบื้องหน้าร่างวิญญาณของหลิงเอ๋อร์
เขาไม่ลังเล มือซ้ายล้วงวิญญาณของหลิงเอ๋อร์ออกมาทันที
เสี้ยวขณะที่สัมผัส แสงสีดำด้านนอกวิญญาณหลิงเอ๋อร์แผ่กระจาย และงูน้อยสีขาวในทะเลความรู้สึกสวี่ชิงก็ปรากฏออกมาด้านนอกร่างกายสวี่ชิงภายใต้การดึงดูดของต้นกำเนิดเดียวกัน ลอยเข้าไปในหน้าผากของหลิงเอ๋อร์อย่างรวดเร็ว
ร่างของหลิงเอ๋อร์สั่นสะท้าน ขนตากระเพื่อมเล็กน้อย ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แวบแรกที่เห็น คือร่างของสวี่ชิง
“ท่านพี่สวี่ชิง…นี่คือความฝันหรือเจ้าคะ…”
หลิงเอ๋อร์มึนงง หลังจากพึมพำเสียงต่ำ ร่างวิญญาณก็แผ่ความอ่อนล้าออกมา เห็นได้ชัดว่าอยู่ห่างจากกายเนื้อเป็นเวลานาน นางเริ่มจะรับไม่ไหวแล้ว
“หลิงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัว ข้าจะพาเจ้ากลับบ้าน”
เห็นหลิงเอ๋อร์อ่อนล้า สวี่ชิงเอ่ยเสียงอ่อน โบกมือโอบนางไว้ในอ้อมกอด ถอยออกมาอย่างรวดเร็ว ก็บีบแผ่นหยกชิ้นหนึ่งที่ชายชราถนนทองผุดให้ไว้จนแตกละเอียด
ตอนที่แผ่นหยกแตกละเอียด ด้านนอกโลกใบใหญ่จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล ในเผ่าต้นไม้วิญญาณของเขตปกครองผนึกสมุทร ชายชราที่กำลังเฝ้ารออย่างร้อนรนอยู่ที่ขอบแท่นบูชาเหนือหุบเหววิญญาณมาแล้วหลายวัน ร่างกายก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรง
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความซีดเซียว รอยย่นทั้งหมดล้วนสั่นเทิ้มขึ้นมา ราวกับว่ามีพลังที่ชื่อว่าความหวัง ปะทุขึ้นมาทั่วร่างของเขา สองตาที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดล้วนเผยประกายแสงออกมาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
เขาไม่ลังเล รีบร้อนประกบปาง ร่างสั่นเทา หัวใจเต้นเร็ว เลือดทั่วร่างสูบฉีดอย่างรุนแรงในตอนนี้ กระตุ้นพลังผนึกในสายเลือดขึ้นมา
ยิ่งมีปราณวิญญาณที่เป็นของเผ่าต้นไม้วิญญาณหลายสาย แผ่ออกมาจากบนแท่นบูชา จากในรากของต้นไม้ใหญ่ในพื้นที่นี้แต่ละต้น พุ่งมารวมตัวที่ชายชราอย่างรวดเร็ว
ชายชราถนนทองผุดสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง ดวงตาแดงเถือก เส้นเลือดทั่วร่างปูดขึ้นฉับพลัน ศีรษะมีเสียงปริแตกเสียงหนึ่ง จากนั้นรยางค์นับไม่ถ้วนลอยละล่องหลุดออกมาเอง!
เลือดสดปริมาณมากซ่านกระเซ็นออกมาจากรยางค์ รวมอยู่เบื้องหน้าของชายชราถนนทองผุด กลายเป็นกองเลือดที่ขยุกขยิกไม่หยุดขนาดประมาณสามจั้งกองหนึ่ง
“เปิด!!”
ท่ามกลางเสียงครืนครัน เลือดกองนั้นก็หมุนเวียนอย่างรวดเร็ว พุ่งเป้าไปที่การชี้นำของแผ่นหยก ฉีกเป็นรอยแยกขนาดเล็กรอยหนึ่งขึ้นมา!
เชื่อมไปยังจุดที่แผ่นหยกอยู่!
ปราณความตายมากมายมหาศาลฟุ้วออกมาจากรอยแยกทันที ขณะที่กระจายไปรอบด้าน เมื่อมองเข้าไปในรอยแยก ชายชราถนนทองผุดก็เห็นหลิงเอ๋อร์ที่ถูกปกป้องเอาไว้ในอ้อมกอดสวี่ชิง!
และรอยแยกนี้ก็ไม่มั่นคงอย่างมาก หลังจากปรากฏออกมาก็คงอยู่ได้ไม่นานนัก เพิ่งเปิดออกก็จะปิดแล้ว
ตอนนี้เอง ในรอยแยกที่สวี่ชิงอยู่ ท้องฟ้าด้านหน้าสั่นสะเทือน จักรพรรดิวิญญาณโบราณทำท่าเหมือนจะลืมตาขึ้น
บนเขาเลือดเนื้อในโลกใบใหญ่ สวี่ชิงสีหน้าเปลี่ยน เขาสัมผัสได้ว่าอำนาจเทพที่น่าสะพรึงกว่าก่อนหน้านี้ จะระเบิดออกไปรอบด้านกะทันหัน
ฟ้าดินสลัวเลือน สรรพสิ่งบิดเบี้ยว พลังฉีกทึ้งที่มาจากจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล จากการที่ดวงตาเปิดออกช้าๆ พลังการลืมตื่นขึ้นวูบหนึ่งมาเยือนบนโลก ครืนครันแผ่นดินใหญ่
ซากศพวิญญาณร้ายทั้งหมดคุกเข่าลงคารวะ
ส่วนสวี่ชิงทางนี้ ความเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแล่นปลาบ ฝืนใช้พลังพระจันทร์สีม่วงต้านทาน
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในชั่วสะเก็ดไฟ ขณะที่ร่างสั่นเทิ้มก็ถอยออกมาอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเล พุ่งหารอยแยกด้านหลังที่ชายชราถนนทองผุดเปิดออกมา
ความไม่มั่นคงของรอยแยกนี้ก็รุนแรงขึ้นมหาศาลในจังหวะนี้ กำลังสลายหายไปอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีเสียงตะโกนอย่างร้อนรนสุดขีดของชายชราถนนทองผุดดังมา
“หลิงเอ๋อร์!!”
สวี่ชิงส่งวิญญาณหลิงเอ๋อร์ที่ยังสลบไสลอยู่เข้าไปในรอยแยกอย่างไม่ต้องคิดทันที
จากนั้นตนเองก็ยืนอยู่เบื้องหน้ารอยแตก ยืนอยู่หน้าหลิงเอ๋อร์ ใช้ร่างกายของตนขวางอำนาจเทพเจ้าโหมฟ้าที่แผ่ออกมาจากดวงตาเทพเจ้าวิญญาณที่กำลังลืมตาขึ้น
เสียงครืนครันดังสนั่น ร่างของสวี่ชิงส่งสัญญาณฉีกขาดออกรุนแรง บาดแผลปริแตกเลือดสดซ่านกระเซ็น ไหลลงมาตามชุดนักพรต แต่การสกัดกั้นของเขามีประโยชน์สำคัญ
มือของชายชราถนนทองผุดในรอยแตกด้านหลังคว้าวิญญาณของหลิงเอ๋อร์ไว้ เขาก็เหมือนจะช่วยสวี่ชิงด้วย แต่ตอนนี้ไม่ทันแล้ว ทำได้เพียงกลับมา และแทบจะพริบตาที่กลับมา รอยแยกก็คงสภาพต่อไม่ไหว แตกสลายหายไป
สวี่ชิงยิ้ม
บนใบหน้าซีดขาวของเขา หลังจากเข้ามาในโลกใบใหญ่ที่เต็มไปด้วยความตายนี้ เผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรก
เขารู้ดีว่ารอยแยกนี้เล็กเกินไป ร่างตนมุดไปไม่ได้ แต่ไม่เป็นไร ตนทำสำเร็จแล้ว
หาวิญญาณของหลิงเอ๋อร์จนเจอ แล้วส่งนางกลับออกไปอย่างปลอดภัยได้สำเร็จ
และตอนนี้ รอยแยกบนท้องฟ้า ในที่สุดก็เปิดออกจนสุด!
ดวงตาแนวตั้งสีเหลืองหม่นขนาดยักษ์ดวงหนึ่ง ตอนนี้ปรากฏบนท้องฟ้า ดั่งเป็นดวงตาแห่งท้องนภา จ้องมาที่สวี่ชิงเขม็ง
พริบตานี้ ซากศพวิญญาณคนตายสุดลูกหูลูกตารอบด้าน ล้วนก้มหน้าเปล่งเสียงคำรามต่ำอย่างบ้าคลั่ง
“จักรพรรดิ!”
เสียงดังสนั่น สะเทือนจนแก้วหูแทบแตก ดังก้องไปทั่วท้องนภา
ไม่ใช่แค่พวกมันที่เป็นเช่นนี้ มังกรในปราณหมอกบนท้องฟ้า อสรพิษยักษ์ที่คดเคี้ยวบนแผ่นดินใหญ่ และร่างเงาน่าหวาดกลัวหลายร่างในแม่น้ำยมโลก รวมถึงรถศึกพิฆาตนับไม่ถ้วนที่อยู่ห่างออกไปก็ล้วนลืมตาขึ้นในพริบตานี้ เปล่งเสียงคำรามต่ำออกมา
“จักรพรรดิ!!”
บนท้องฟ้า ดวงตายักษ์ดวงนั้นฉายแววเย็นชา รอบๆ ดวงตาสีเหลืองหม่นนั่น มีเปลวเพลิงสีดำกำลังแผดเผา
แรงกดดันที่เทียบเคียงกับเทพเจ้าวูบหนึ่ง ปกคลุมมายังโลกใบใหญ่
บาดแผลบนตัวสวี่ชิงระเบิดออกมาอย่างควบคุมไม่ได้
ราวกับว่าความสามารถของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล สามารถทำให้บาดแผลทั้งหมดกว้างขึ้นหลายเท่าในพริบตา อันที่จริงสิ่งนี้ก็คือการฉีกขาดของต้นกำเนิดด้วยเช่นกัน
เผชิญหน้ากับองค์ท่าน อาการบาดเจ็บของร่างกายก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ด้วยประโยชน์ของพลังประหลาดนี้ แม้จะบาดเจ็บเล็กน้อยก็เจ็บหนักขึ้นได้ในพริบตา
ยิ่งเนื่องจากฉีกขาดอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นก็เท่ากับแผ่ลามไปทีละชั้นไม่หยุด
จินตนาการได้ว่าด้วยความสามารถเช่นนี้ ยามที่จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลรุ่งโรจน์ที่สุด เหล่าศัตรูของเขาเหล่านั้นจะต้องรู้สึกลำบากมากแน่ๆ มีบาดแผลเพียงเล็กน้อยไม่ได้เลย ขอแค่บาดเจ็บเพียงนิดเดียวเท่านั้น ก็จะถูกทำให้ร้ายแรงถึงขีดสุดได้ในพริบตา
ส่วนร่างของสวี่ชิง เวลานี้ปริแตกอย่างต่อเนื่องด้วยการฉีกทึ้งนี้ เลือดเนื้อหลุดออกมาทีละชิ้น และฝืนใช้พลังพระจันทร์สีม่วงร่วมด้วย
ความเจ็บปวดที่แล่นมาในหว่างนี้ราวกับคลื่นยักษ์ โดยเฉพาะความรู้สึกที่ปากแผลบนเลือดเนื้อของตนถูกฉีกทึ้ง กลายเป็นความเจ็บปวดสะท้านทรวง แต่เขาก็ชูมือขวาขึ้น ไม่ผ่อนคลายลงแม้แต่น้อย กำเอาไว้แน่นยิ่งขึ้น
เงยหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก ประสานสายตากับจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล!
ในพริบตา ข้อมูลมหาศาลพุ่งเข้ามาในสมองของสวี่ชิง ทะลักมาอย่างต่อเนื่อง ปะทุขึ้นไม่หยุด ตีเกลียวมาเรื่อยๆ
ข้อมูลเหล่านี้ซับซ้อน แฝงความโหดร้าย แฝงความบ้าคลั่ง ทำให้ศีรษะของสวี่ชิงยิ่งเจ็บปวด หัวสมองบวมขึ้นเหมือนจะระเบิด
ยิ่งมีเจตจำนงที่น่าหวาดผวา กวาดผ่านใจสวี่ชิงฉับพลัน สั่นสะเทือนทะเลความรู้สึกราวกับจะสะกดวิญญาณไว้ และพลังลูกกลอนพิษต้องห้ามก็ปะทุขึ้นมาต่อต้านในตอนนี้เช่นกัน
อสูรสมุทรบรรพกาลก็เปล่งเสียงคำราม ทะยานจากในวังสวรรค์วังที่หกออกมาต้านทานด้วย
เจตจำนงที่แข็งแกร่งขีดสุดนี้ก็ชะงักไปเล็กน้อยจากการปรากฏตัวของอสูรสมุทรบรรพกาล เห็นได้ชัดว่ามองวิถีสวรรค์ในตัวอสูรสมุทรบรรพกาล
จิตเทพราวกับอัสนีสวรรค์ กึกก้องขึ้นมาในใจสวี่ชิง
“พลังต้นกำเนิดเทพชื่อหมู่ในมือเจ้า น่าจะแย่งชิงมาสินะ”
เส้นเลือดในดวงตาสวี่ชิงตอนนี้กลายเป็นรอยร้าว เลือดสดไหลมาตามหางตา เขามองดวงตายักษ์เลือนรางด้านบน ส่งเสียงแหบพร่า
“แล้วอย่างไรเล่า”
ขณะสนทนา แสงพระจันทร์สีม่วงบนมือขวาสวี่ชิงก็ระเบิดขึ้นอีกครั้ง วังสวรรค์วังสี่ในร่างสั่นคลอนอย่างรุนแรง พระจันทร์สีม่วงบนท้องฟ้าก็ส่องแสงราวกับแสงจันทร์ ตำแหน่งขอบของมัน…เวลานี้เริ่มกลายเป็นสีแดง
และสีแดงนี้กำลังแผ่ขยาย
ราวกับว่าด้านหลังพระจันทร์สีม่วง มีสีเลือดเข้มข้นมหาศาลกำลังปกคลุมมาจากด้านนอกโลก
“จะให้ข้าออกไป หรือว่าจะตายด้วยกัน!” สวี่ชิงเอ่ยทีละคำอย่างยากลำบาก
ข้อมูลนับไม่ถ้วนที่ได้รับมาจากการถูกดวงตายักษ์นี้จ้องมอง แม้จะทำให้ศีรษะของเขาแทบระเบิด เกิดความรู้สึกบ้าคลั่งอย่างรุนแรง แต่ในข้อมูลเหล่านี้ เขาก็ได้สัมผัสบางส่วนมาพอสมควร
เทพเจ้า กลืนกินกันเองได้
หากพระจันทร์สีชาดมาเยือน ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล จะกลายเป็นอาหารอย่างแน่นอน
ความเข้าใจนี้ ทำให้สวี่ชิงมั่นใจว่าการข่มขู่ของตนต้องได้ผล
ตอนนี้เขายืนหยัดต่อไปไม่ไหวแล้ว ความเจ็บปวดของร่างกายกับข้อมูลนับไม่ถ้วนในสมองทำให้เขาวิงเวียน หากไม่ใช่เพราะพลังของพระจันทร์สีม่วงที่สำแดงออกมาในตอนนี้ ถูกฉุดดึงขึ้นไปพรวดพราดอย่างที่ไม่เคยไปถึงมาก่อน เขาคงจะแหลกสลายไปทั้งร่างกายและวิญญาณนานแล้ว
แต่หลังจากที่พูดเช่นนี้ออกไป การจับจ้องของดวงตายักษ์บนท้องฟ้ายังคงรุนแรง ในใจสวี่ชิงเด็ดเดี่ยว เอ่ยเสียงขรึมว่า
“พระจันทร์สีชาด พระจันทร์สีชาด…”
จากการเรียกของสวี่ชิง ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ปานใหญ่สีแดงก่อตัวขึ้นมาบนท้องฟ้า มากขึ้นเรื่อยๆ และยังเริ่มแผ่ลาม จะเชื่อมต่อกันเป็นหนึ่งเดียว
นี่คือสวี่ชิงเลือกอัญเชิญพระจันทร์แดงแล้ว!
ใช้อำนาจของตนอัญเชิญ เทียบกับการถูกฉุดดึงก่อนหน้านี้ ถือว่าคนละระดับอย่างสิ้นเชิง แตกต่างกันมหาศาล
บนท้องฟ้า เป็นสีแดงฉาน
ดวงตายักษ์ม่านตาหดเล็กลงในพริบตา เหมือนมีเสียงลมหายใจหอบถี่ดังก้องในฟ้าดิน ยิ่งมีความเดือดดาลตกตะลึง สุดท้ายก็กลายเป็นเสียงคำรามเหมือนสะกดอารมณ์เอาไว้ดังก้องออกมา
“ไสหัวไป!”