ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 485-2 มรรคาก่อกำเนิดวิหคทองควบคู่แสงอรุณ (2)
บทที่ 485 มรรคาก่อกำเนิดวิหคทองควบคู่แสงอรุณ (2)
……….
ขณะที่ใจของสวี่ชิงคลื่นโหมกระหน่ำซัด นิ้วเทพเจ้าที่กลับมาก็ตวัด ฉับพลันเผ่าควันขจรกี่กำลังกรีดร้องระงมนับพันก็พุ่งมาหาสวี่ชิง ผสานเข้าไปในเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์รอบๆ ตัวเขา
ทันใดนั้น เผ่าควันขจรเหล่านี้ก็กลายเป็นของบำรุง ถูกเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์สูดรับสลายไปอย่างรวดเร็ว เข้ามาบำรุงสวี่ชิง
ส่วนแสงรุ่งอรุณที่เป็นเหมือนดั่งสมบัติสายนั้น ด้วยการดีดของนิ้วมือเทพเจ้า ก็พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง…
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
แสงนี้พลันเข้าประชิด หายเข้าไปในเลือดเนื้อรอบตัวเขา พริบตาต่อมาก็ถูกวิหคทองสูดเข้าไป ปะทุขึ้นมาในร่างของมันต่อเนื่อง กลายเป็นแสงเจ็ดสีสาดส่องไปรอบๆ จากเลือดเนื้อดวงอาทิตย์
มองไกลๆ ซากดวงอาทิตย์ในตอนนี้ราวกับจะฟื้นคืนชีพขึ้นมา
ระลอกคลื่นที่แข็งแกร่งแผ่ออกมาจากด้านในเป็นระลอก ครืนครันโอบล้อมไปรอบทิศ ของบำรุงที่มาจากเผ่าควันขจรนับพันก็เพิ่มความมีชีวิตให้กับเลือดเนื้อไวขึ้น
หางวิหคทองของสวี่ชิงเพิ่มไปจนถึงเก้าสิบเก้าหางแล้ว
หางที่หนึ่งร้อยกำลังงอกออกมาอย่างรวดเร็ว และพลังบำเพ็ญของสวี่ชิงก็เพิ่มมากขึ้นในพริบตานี้ กลิ่นอายของปราณก่อกำเนิดวูบหนึ่ง ก่อตัวขึ้นมาไม่หยุดบนตัววิหคทอง
และขณะเดียวกัน นิ้วเทพเจ้าก็ส่งเสียงอื้ออึงออกมา หลังจากกวาดจิตเทพไปบนเลือดเนื้อดวงอาทิตย์ องค์ท่านก็ไม่สนใจวิหคทองที่ยกระดับขึ้นของสวี่ชิง พุ่งตรงไปยังชายชราเผ่าจิตรกรรมรม จิ้มหน้าผากเขา
ประสาทสัมผัสเทพระเบิดออกมาจากภายใน ราวกับองค์ท่านทนไม่ไหวแล้ว ความบ้าคลั่งกับจิตสังหารนั้น แทบจะคุมไว้ไม่อยู่ ราวกับว่าถ้ายังวาดร่างกายไม่ได้อีก ไฟพิโรธของเขาจะระเบิดราบพณาสูรในพริบตา
ชายชราเผ่าจิตรกรรมสั่นเทา สัมผัสได้ถึงความตายที่ใกล้เข้ามา เอ่ยด้วยเสียงดังลั่น
“ไม่มีปัญหาแล้วนายท่านผู้ถูกเลือก ข้าน้อยจะวาดร่างกายให้ท่านเดี๋ยวนี้!”
ระหว่างที่พูด ชายชราเผ่าจิตรกรรมก็รีบล้วงพู่กันออกมา จรดลงไปยังเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์ที่สวี่ชิงอยู่ ฉับพลันเลือดลมวูบหนึ่งก็แผ่ออกมาจากในเลือดเนื้อ มารวมอยู่ที่ปลายพู่กัน ราวกับกลายเป็นสีและน้ำหมึก หลังจากเขาแตะไปหลายครั้ง ก็รีบวาดร่างข้างๆ อย่างรวดเร็ว
เมื่อสังเกตเห็นภาพนี้ ความเดือดดาลของนิ้วเทพเจ้าก็สงบลงมาบ้าง แผ่ความปรารถนาที่รุนแรงออกมา ไม่สนใจรอบๆ อีก จิตเทพทั้งหมดจดจ่ออยู่กับโครงร่างที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมรมวาด
“นายท่านผู้ถูกเลือก ท่านสามารถผสานจิตเทพเข้าไปได้ ขณะที่ข้าวาด ค่อยๆ ผสานเข้าไปกับร่างกายนี้ตั้งแต่ช่วงเริ่ม นี่คือวิธีการที่ข้าคิดไว้ให้กับท่านผู้ถูกเลือกโดยเฉพาะในช่วงนี้เลย เพิ่มโอกาสความสำเร็จได้มหาศาล ลดการต่อต้าน”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมเอ่ยอย่างรวดเร็ว ไม่รู้ว่าเพราะใช้พลังในการวาดไปมาก หรือว่าเพราะเพื่อแสดงความพยายามของตนออกมาเต็มที่ ร่างของมันเวลานี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง ไม่ได้ดูสง่างามเหมือนแต่ก่อน แต่ดวงตาเผยประกายบ้าคลั่ง ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง เผยร่างจริงออกมา
นิ้วมือเทพเจ้าผสานจิตเทพเข้าไปในโครงร่างกายทันที จากการวาดภาพของชายชราเผ่าจิตรกรรม ขณะที่ผสานลึกซึ้งมากขึ้นทุกที ร่างกายก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้น
เมื่อเห็นภาพนี้ ใจสวี่ชิงร้อนรนมาก เขารู้ว่าเวลาเหลือไม่มากแล้ว เมื่อชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดร่างกายเสร็จ ผลลัพธ์หลังจากนี้จะควบคุมไม่ได้อย่างสมบูรณ์
โดยเฉพาะที่เขาไม่เชื่อชายชราเผ่าจิตรกรรมคนนั้นเลย การร่วมมือของอีกฝ่ายก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเจตนาให้เป็นเช่นนี้ ตอนนี้แม้จะยังไม่รู้รายละเอียด แต่สุดท้ายก็เป็นเจตนาร้าย
‘ต้องยกระดับวิหคทองให้เสร็จสิ้นก่อนที่ตาเฒ่าคนนี้จะวาดเสร็จ…’ สวี่ชิงกัดฟัน ตรวจสอบหางวิหคทองที่หนึ่งร้อยของตน
หางสุดท้ายนี้สำคัญมากที่สุด เวลานี้ความเร็วในการก่อร่างไม่เร็วนัก ปัจจุบันงอกเงยมาแล้วครึ่งหนึ่ง
‘ต้องเร็วอีกหน่อย!’ สวี่ชิงคำรามในใจ
วิหคทองก็สัมผัสได้ถึงความร้อนรนของสวี่ชิง ขณะเดียวกันก็ร้อนรนด้วยเช่นกัน สูดรับเลือดเนื้อซากดวงอาทิตย์อย่างบ้าคลั่ง และกลืนกินเผ่าควันขจรที่สลายไปจนหมดแล้วนั่นอย่างรวดเร็ว
หนึ่งก้านธูปผ่านไปเช่นนี้
ภาพที่นี่ มองไกลๆ แปลกประหลาดมาก
ชายชราหัวกระเซอะกระเซิงเต็มไปด้วยรอยกัดทึ้งไปทั้งตัวคนหนึ่ง กำลังวาดรูปอย่างบ้าคลั่ง สิ่งที่เขาวาดคือร่างกายที่สูงใหญ่นับร้อยจั้ง
ปัจจุบันร่างกายนี้วาดโครงกระดูกเสร็จแล้ว เลือดเนื้อกำลังก่อตัว ดูแล้วประหลาดอย่างมาก น่าขนพองสยองเกล้า
ยิ่งแผ่คลื่นพลังของดวงตะวันออกมา โดยเฉพาะจากการผสานเข้าไปของจิตเทพของนิ้วเทพเจ้า ก็มีพลานุภาพเทพแผ่ซ่านออกมา เจตจำนงแห่งการคืนชีพโถมขึ้นฟ้า
ซากดวงอาทิตย์ที่ไกลๆ สวี่ชิงหลับตาลง ไม่ขยับเขยื้อน แต่เลือดเนื้อดวงตะวันที่เขาอยู่ กลับห่อเหี่ยวเป็นวงกว้าง
การห่อเหี่ยวเช่นนี้ ด้านหนึ่งคือการสูดรับของสวี่ชิง อีกด้านหนึ่งคือชายชราเผ่าจิตรกรรมใช้การวาดภาพ
ยิ่งไกลออกไป สิงโตหินแบกเจ้าศีรษะ กำลังเคลื่อนตัวออกห่างอย่างระมัดระวัง ไม่นานก็ชนกับผนึกต้องห้าม พุ่งออกไปไม่ได้ ใจก็หวาดผวา
“สองคนนี้ไม่ยอมกันเลย นี่มันจังหวะการโยนความผิดของแต่ละคนให้กับอีกฝ่ายนี่ ข้าเห็นแล้ว…ให้ตายเถอะ น่ากลัวเหลือเกิน ข้าตาจะบอดแล้ว!”
ขณะที่ดวงตาเจ้าศีรษะเผยประกายประหลาด ใช้ความสามารถของตนมองดูว่าอนาคตเป็นอย่างไร แต่แค่มอง มันก็ร้องโอดโอยขึ้นมาในใจ
“ตายหมดแล้ว ตายกันหมด…” เจ้าศีรษะจะร้องไห้อยู่รอมร่อ มันรู้สึกว่าทำไมตนถึงดวงซวยเช่นนี้ กระทั่งตอนที่เริ่มคิดถึงกรมราชทัณฑ์ขึ้นมา วิหคทองของสวี่ชิงทางนั้น ในที่สุดหางที่หนึ่งร้อยก็เสร็จสิ้นสมบูรณ์
พริบตานั้น วิหคทองลิงโลดขึ้นมา คิดจะแผ่เปลวเพลิง จะสยายปีก อยากพุ่งขึ้นฟากฟ้าร้องคำราม แต่ถูกสวี่ชิงสะกดเอาไว้ทันที!
ราวกับถูกบีบคอไว้แน่น
วิหคทองทำได้แค่กลับไปในร่างกายสวี่ชิงอย่างว่าง่าย เข้าไปอยู่ในวังสวรรค์วังที่ห้าของเขา
วังสวรรค์วังที่ห้า ก่อตัวขึ้นมาจากวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณของสวี่ชิง เวลานี้จากการกลับมาของวิหคทอง มันก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นฉับพลัน ไม่ใช่เป็นรูปร่างวิหคทองอีกแล้ว แต่กลายเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง
เด็กหนุ่มคนนี้สวมชุดจักรพรรดิ สวมกวานจักรพรรดิ เป็นหน้าตาสวี่ชิงนั่นเอง เพียงแต่ร่างกายไม่ได้ก่อขึ้นมาจากเลือดเนื้อ แต่เต็มไปด้วยพลังเวทมหาศาลและปราณมรรคา…ของวิถีวิหคทอง
แม้จะยังเลือนรางเป็นแค่โครงร่าง แต่พริบตาที่ปรากฏ ระลอกคลื่นห่างชั้นกับแก่นลมปราณวังสวรรค์วูบหนึ่ง ระเบิดครืนครันออกมาจากวังสวรรค์วังที่ห้า
ระลอกคลื่นบ้าคลั่งอัดแน่นเต็มทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง จากการยกระดับของวิหคทองสู่ขั้นสาม วังสวรรค์วังที่ห้านี้ไม่อาจเรียกว่าวังสวรรค์ได้อีกต่อไป
มันกลายเป็นเตียงอุ่นที่แฝงปราณมรรคาเอาไว้!
วังนี้อยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดในบางระดับ เพียงแต่เนื่องจากวังสวรรค์อื่นของสวี่ชิงยังไปไม่ถึงขั้นนี้ ดังนั้นตอนนี้ขั้นของเขา จึงเป็น…ระดับก่อกำเนิดลวง!
และการยกระดับของพลังต่อสู้ก็พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน สวี่ชิงสัมผัสได้ถึงผนึกต้องห้ามความว่างเปล่า นั่นเป็นสิ่งที่เกิดจากการรวมตัวกันของโซ่โปร่งแสง เขาสัมผัสได้ว่าพลังเทพรอบๆ เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย นั่นเป็นเงาร่างของหนอนแมลงตัวเล็กๆ นับไม่ถ้วน
เขายังสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แฝงอยู่ในร่างกายที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดขึ้น แฝงกำเนิดใหม่เอาไว้
ก่อนหน้านี้เขาสัมผัสไม่ได้เลย ทว่าตอนนี้เมื่อกวาดออกไปกลับชัดเจนแจ่มแจ้ง
นี่เป็นเพราะคุณสมบัติการสัมผัสของเขาเกิดการหลุดพ้น ก่อกำเนิดประสาทสัมผัสเทพขึ้นมา!
ประสาทสัมผัสเทพคือสิ่งที่ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดถึงจะมี นั่นเป็นพลังที่จิตวิญญาณผสานเข้ากับปราณมรรคา เป็นพื้นฐานการใช้พลังวิเศษ
ก่อนหน้าปราณก่อกำเนิด วิชาเวทเป็นแค่วิชาเวท
แต่หลังจากปราณก่อกำเนิด เหนือวิชาเวทขึ้นไปคือพลังวิเศษ
ไม่ใช่แค่นี้ จากการที่วิหคทองยกระดับขึ้นขั้นสามสำเร็จ พลังบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ก็ปะทุออกมาจากในวังสวรรค์วังที่ห้า จุนเจือสวี่ชิง
นี่คือผลของวิหคทองหลอมหมื่นวิญญาณ หลังจากกลืนกินทุกครั้งจะจุนเจือเสมอ
แต่ครั้งนี้ พลังการจุนเจือของมันเป็นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เหนือกว่าทั้งหมด
ขณะส่งเสียงครืนครัน กายเนื้อสวี่ชิงก็ถูกหลอมอีกครั้ง ขณะที่ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่ง และเพราะการจุนเจือนี้ยิ่งใหญ่เกินไป จึงเข้าไปในกายเนื้อแล้วผสานกักบวังสวรรค์อื่น จนทำให้วังสวรรค์วังที่เก้าของเขาเริ่มปรากฏขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
และก่อนหน้านี้ วังสวรรค์วังที่หนึ่งของสวี่ชิงคือตะเกียงร่มดำ วังสวรรค์วังที่สองคือตะเกียงลมครวญเจ็ดสี วังสวรรค์วังที่สามคือลูกกลอนพิษต้องห้าม วังสวรรค์วังที่สี่คือตำหนักพระจันทร์สีม่วง วังสวรรค์วังที่ห้าคือวิชาระดับจักรพรรดิ วังสวรรค์วังที่หกคืออสูรสมุทรบรรพกาลวิถีสวรรค์ วังสวรรค์วังที่เจ็ดคือเขาจักรพรรดิภูต วังสวรรค์วังที่แปดคือตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ
ส่วนวังสวรรค์วังที่เก้า ที่ต้นสิบลำไส้ก็สำเร็จไปแล้วกว่าครึ่ง ตอนนี้ภายใต้พลังจุนเจือ ก็ก่อร่างขึ้นมาเจ็ดส่วน แปดส่วน เก้าส่วน….อย่างรวดเร็ว
จนหนึ่งก้านธูปต่อมา วังสวรรค์วังที่เก้าก็เสร็จสิ้นไปแล้วเก้าส่วน ขาดเพียงแค่ของที่ต้องนำมาสะกด
“สิ่งของที่จะมาสะกด…วิหคทอง คายแสงออกมา!”
สมองสวี่ชิงหมุนวนอย่างรวดเร็ว ประสาทสัมผัสเทพลงไปเยือนวังสวรรค์วังที่ห้า ปราณมรรคาวิหคทองที่อยู่ด้านในก็ลืมตา เผยแสงเจิดจ้าเจ็ดสี พริบตาต่อมาก็อ้าปากคายแสงออกมา
นั่นคือแสงรุ่งอรุณ
ขณะที่เปล่งแสงเจิดจ้า ก็พุ่งตรงไปยังวังสวรรค์วังที่เก้า
ตอนที่ผสาน วังสวรรค์วังที่เก้าก็พลันกลายเป็นวังสวรรค์เจ็ดสี พร่างพราวแวววาวใสกระจ่างไปทั้งหลัง เปล่งแสงเจิดจ้า ด้านในยังมองเห็นแสงรุ่งอรุณที่กลายเป็นกลุ่มแสงก้อนหนึ่ง เลือนรางอยู่ในนั้นเหมือนสิ่งมีชีวิตที่ดูคล้ายพญาหงส์กำลังหลับใหลอยู่ตัวหนึ่ง
ดวงตะวันที่ดับสูญอยู่ที่นี่ องค์ท่านไม่ใช่วิหคทอง แต่เป็นร่างชีวิตอีกแบบหนึ่ง ส่วนสาเหตุที่วิหคทองของสวี่ชิงกลืนกินได้ ก็เพราะในด้านคุณสมบัติเดิมแล้วพวกมันมาจากแหล่งกำเนิดเดียวกัน
ตอนนี้จากการก่อตัวของวังสวรรค์วังที่เก้า พริบตาที่แสงอรุณเข้ามาสะกด พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงก็ทะลวงขั้น!
ขณะที่พลังต่อสู้ระเบิดอย่างบ้าคลั่ง เขาก็พบว่าการจุนเจือของวิหคทองยังไม่จบ วังสวรรค์วังที่สิบของเขากำลังก่อร่างขึ้น!
สวี่ชิงใจสั่นสะท้าน โหมความปรารถนาอย่างแรงกล้า ลืมตามองชายชราเผ่าจิตรกรรมกับนิ้วเทพเจ้า
ระลอกคลื่นของเขาสำหรับตนแล้วถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน ทว่าเรื่องของเขาสำหรับนิ้วเทพเจ้า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือร่างกาย ดังนั้นต่อให้สัมผัสถึงสวี่ชิงทางนี้ได้ก็ไม่สนใจ และยังผสานจิตเทพเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ชายชราเผ่าจิตรกรรมสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของสวี่ชิง ดวงตาเปล่งประกายวาบ แสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ทำการวาดต่อไป
ร่างที่เขาวาด ตอนนี้เสร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง พลานุภาพเทพด้านในยิ่งฉายความตกตะลึงออกไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความบิดเบี้ยวและเลือนลางของที่นี่แกร่งยิ่งขึ้นไปอีก กระทั่งก่อตัวเป็นลมพายุแผ่ครืนครันไปรอบทิศ
เห็นภาพนี้ สวี่ชิงก็ตัดสินใจ
‘ถ้าหนีตอนนี้ ชายชรานั่นก็จะหยุดวาดรูป ใช้เหตุผลที่ว่าข้าหลบหนีไปทำให้สีขาด ก็มีโอกาสที่จะสั่งการนิ้วเทพเจ้าต่อได้…
‘ตอนนี้จึงยังไม่ใช่เวลาหลบหนี ต้องรอพริบตาที่นิ้วเทพเจ้าผสานเข้าไป!’
สวี่ชิงไม่แสดงสีหน้า ทำให้ตนสงบลง เฝ้ารอพลางกระตุ้นพลังบ่มเพาะที่วิหคทองจุนเจือในร่างกาย ให้มันถ่ายเทไปยังวังสวรรค์วังที่สิบ
ส่วนตอนที่วังสวรรค์วังที่สิบเสร็จสมบูรณ์ สิ่งที่จะมาสะกดที่นั่น เขาก็คิดเอาไว้แล้ว
‘ครั้งนี้ จะผสานเข้าไปในผลึกวารีสีม่วง ลองดูสักตั้ง!’