ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 486 ประกายแสงผลึกวารีสีม่วงสะท้านวังสวรรค์
บทที่ 486 ประกายแสงผลึกวารีสีม่วงสะท้านวังสวรรค์
……….
สังเกตเห็นว่าสวี่ชิงไม่ได้ฉวยโอกาสหนี ชายชราเผ่าจิตรกรรมที่กำลังวาดรูปอยู่ก็ใจหนักอึ้ง
‘เจ้าเด็กนี่ระมัดระวังรอบคอบนัก เช่นนั้น ก็ทำได้เพียงแค่ใช้อีกแผนแล้ว!’
ชายชราเผ่าจิตรกรรมแค่นเสียงขึ้นจมูกในใจ วาดรูปต่อไป
ส่วนสวี่ชิงในตอนนี้ พลังที่เพิ่มมาจากวิหคทองในกายโหมทะลักไปยังวังสวรรค์วังที่สิบอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงกึกก้องที่ดังสะท้อนในทะเลความรู้สึก วังสวรรค์ที่สิบนี้ก็เปลี่ยนเป็นวัตถุจริงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
‘ระดับสร้างฐานเมื่อก่อไฟชีวิตได้ห้าดวง ไม่นับรวมการเพิ่มพลังจากตะเกียงแห่งชีวิต ขีดจำกัดสูงสุดของวังสวรรค์คือแปดวัง
‘ส่วนวังสวรรค์สิบวังของข้า ในนั้นมีสามวังที่ก่อขึ้นจากตะเกียงแห่งชีวิต ตอนนี้วังที่เจ็ดในวังสวรรค์แปดวังไฟชีวิตขีดจำกัดสูงสุดที่กำลังดำเนินอยู่
‘ทันทีที่วังนี้เสร็จสมบูรณ์ ข้าจะห่างจากระดับแก่นลมปราณบริบูรณ์เพียงแค่วังเดียวเท่านั้น!’
ความคิดในสมองสวี่ชิงหมุนเร็วจี๋ พลังที่เพิ่มมาจากวิหคทองปะทุ เวลาก็หมุนผ่านไปทีละนิดๆ เช่นนี้เอง ในยามที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดร่างเทพเจ้าไปได้เจ็ดส่วน จากการแห้งเหี่ยวอย่างสาหัสรุนแรงของซากดวงอาทิตย์ วังที่สิบในร่างสวี่ชิงก็เปลี่ยนเป็นวัตถุจริงไปแล้วกว่าครึ่ง
‘ใกล้แล้ว’
จิตใจของสวี่ชิงเกิดความคาดหวัง เขาอยากรู้มากๆ ว่าวังที่สิบที่บรรจุผลึกวารีสีม่วงจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร
ดังนั้นเขาจับตามองชายชราเผ่าจิตรกรรมที่หาโอกาสหนีไปด้วย เร่งความเร็วเปลี่ยนวังสวรรค์ให้เป็นวัตถุจริงไปด้วย
ไม่นานนักวังสวรรค์วังที่สิบของเขาก็เปลี่ยนเป็นวัตถุจริงไปแล้วเก้าส่วน
จวบจนหลังจากนั้นหลายอึดใจ ในยามที่ร่างเทพเจ้าที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดขาดเพียงแค่ศีรษะเท่านั้น วังสวรรค์วังที่สิบในร่างสวี่ชิง ท่ามกลางเสียงดังเลื่อนลั่นในทะเลความรู้สึกเป็นระลอกๆ ในที่สุดการเปลี่ยนเป็นวัตถุจริงก็สมบูรณ์
“ผลึกวารีสีม่วง!” สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ยกมือขวาขึ้นมาทันที แปรสภาพพรางมารยาเป็นกึ่งโปร่งแสงอย่างรวดเร็ว ล้วงลึกเข้าไปในหน้าอกตัวเอง ฝืนสะกดความรู้สึกแย่และความเจ็บปวดมหาศาล คว้าไปยังผลึกวารีสีม่วงในนั้น
ไม่ได้เอาออกมา แต่ดันไปข้างใน ส่งไปยังทะเลความรู้สึก
“ผสาน!” ความวาดหวังในใตสวี่ชิง ณ เสี้ยวขณะนี้รุนแรงเป็นอย่างยิ่ง
แต่ในตอนที่ผลึกวารีสีม่วงเข้าไปใกล้ทะเลความรู้สึก ยังไม่ทันจะเข้าไปได้ทั้งหมด ทันใดนั้นแรงต้านรุนแรงกลุ่มหนึ่งก็ปะทุมาจากในทะเลความรู้สึกของเขา
แรงต้านนี้ไม่ได้มาจากวังเดียว แต่มาจากทุกวังสวรรค์ในร่างสวี่ชิงตอนนี้ ในเสี้ยวขณะนี้พวกมันต่างแผ่ระลอกคลื่นรุนแรงออกมาตามสัญชาตญาณ
สวี่ชิงอึ้งตะลึง
ขณะเดียวกัน จากการต่อต้านของวังสวรรค์ในทะเลความรู้สึกเหมือนกระตุ้นผลึกวารีสีม่วง คล้ายว่าไม่อาจถูกหยามหมิ่นได้ พลังสูงสุดที่เหนือกว่าอำนาจสวรรค์แผ่ออกมาจากในผลึกวารีสีม่วงนี้ตามสัญชาตญาณกลุ่มหนึ่ง
พลังกลุ่มนี้แฝงไว้ซึ่งความทรงอำนาจสูงสุด ทรงพลังยิ่งใหญ่ สูงส่งเป็นที่สุด เหมือนสามารถสะกดโลก สะกดทุกอย่างได้
บดขยี้ทำลายซัดโถมไปยังทะเลความรู้สึกทั้งหมดของสวี่ชิง ทำให้ร่างของเขาสั่นสะท้านรุนแรง
ผลึกวารีสีม่วงในเวลานี้ประดุจภูเขาเทวะบรรพกาลน่าครั่นคร้าม แฝงด้วยกลิ่นอายเก่าแก่มหาศาล
เมื่อเทียบกับทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง ก็เหมือนกับกระเป๋าเสื้อเล็กๆ ใบหนึ่ง
กระเป๋าเสื้อเล็กๆ นี้เอามาใส่ของขนาดมหึมา นี่เป็นไปไม่ได้เลย
ทะเลความรู้สึกของสวี่ชิงสั่นคลอนอย่างรุนแรงขึ้นมา รอยแยกแต่ละทางๆ ท่ามกลางเสียงเปรี๊ยะ ก็ปรากฏขึ้น วังสวรรค์สิบวังของเขาในเสี้ยวขณะนี้สั่นไหวรุนแรง
วังสวรรค์ที่เกิดจากตะเกียงแห่งชีวิตสามดวง ไม่ว่าจะเป็นตะเกียงร่มดำหรือตะเกียงลมครวญเจ็ดสี หรือจะเป็นตะเกียงปีกโลหิตวิญญาณทมิฬ ไฟสูงสุดเหนือพวกมันที่ลุกไหม้เหมือนไม่มีวันมอดดับตลอดกาลตอนนี้กลับเกิดสัญญาณว่าจะดับ!
เหมือนว่าต่อให้เป็นพวกมันที่เกิดมาจากสายเลือดของเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณ ในเสี้ยวขณะนี้ก็ไม่อาจรับพลังกดดันเพียงกลุ่มเดียวจากผลึกวารีสีม่วงได้
ตอนนี้กระทั่งว่าเกิดรอยร้าวแตกสลาย
ภาพนี้สวี่ชิงคาดไม่ถึง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปมหาศาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน จากนั้นเขาก็ค้นพบอย่างหวาดกลัวว่าแม้แต่วังสวรรค์ที่ลูกกลอนพิษต้องห้ามอยู่ก็ยังเกิดภาพที่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อขึ้นเช่นกัน
ลูกกลอนพิษต้องห้าม พลังจากคำสาปเทพเจ้าในแผ่นดินเทวะ ครั้งแรกยังไม่ทันจะแผ่ออกมาก็หดรวมเข้าด้วยกันอย่างรุนแรง กระทั่งว่าเกิดรางเลือนอย่างเห็นได้ชัด คล้ายว่าจะถูกลบไป ดังนั้นท่ามกลางการดิ้นรนอย่างไม่ยอมจำนนก็เปลี่ยนมาไม่เสถียรเป็นอย่างยิ่ง คล้ายว่าจะถูกกระตุ้นระเบิดได้ทุกเวลา
แล้วยังมีวังสวรรค์พระจันทร์สีม่วง พลังรากฐานที่มาจากชื่อหมู่ ตอนนี้อยู่ในวังสวรรค์ก็เหมือนเด็กสาวตัวน้อยเผชิญหน้ากับคนชั่วท่ามกลางสายลมหนาวเนื้อตัวสั่นเทา สั่นสะเทือนไม่หยุดอยู่ในวังสวรรค์ ในขณะที่เหมือนเผชิญกับศัตรู ตัวมันเองก็เกิดรอยแตกร้าว
เหตุการณ์เหล่านี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน!
“นี่…” สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ จิตใจเกิดระลอกคลื่นลูกมหึมา จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเช่นนี้
โดยเฉพาะเขายังสังเกตได้ว่าในวังของอสูรสมุทรบรรพกาลมรรคาสวรรค์และวังที่เขาจักรพรรดิภูตสะกดอยู่ ตอนนี้ก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงเช่นกัน อสูรสมุทรทางนั้นคลื่นอารมณ์ที่ส่งมากระทั่งว่าแฝงด้วยความตื่นกลัวสุดขีด เหมือนเห็นตัวตนน่ากลัวที่ทำให้จิตใจของมันพังถล่ม
ส่วนเงาเขาจักรพรรดิภูตก็ก้มศีรษะไปทางผลึกวารีสีม่วงช้าๆ แสดงความศิโรราบ
วิหคทองทางนั้นต่อให้ทะลวงเป็นขั้นที่สาม เปลี่ยนเป็นปราณมรรคาแล้ว แต่ตอนนี้ก็ยังหวาดกลัวสุดขีด ส่งเสียงร้องมาเป็นระยะๆ
ทุกอย่างนี้ทำให้ในใจสวี่ชิงเหมือนทะเลท่ามกลางพายุฝนบ้าคลั่ง คลื่นยักษ์ท่วมฟ้า สายฟ้าฟาดผ่า
เขารู้ว่าผลึกวารีสีม่วงของตัวเองไม่ธรรมดา ในเมื่อเจ้าเงายังถูกมันพันธนาการ แต่เขาก็คาดไม่ถึงว่าผลึกวารีสีม่วงจะน่ากลัวจนถึงระดับน่าครั่นคร้ามคาดไม่ถึงเช่นนี้
เขาแค่ดันผลึกวารีสีม่วงเข้าไปใกล้ทะเลความรู้สึกเพียงเล็กน้อย ยังไม่ทันวางวางเข้าไปจริงๆ แต่วังสวรรค์ในทะเลความรู้สึกเหล่านั้นกลับเหมือนสาวน้อยเจอกับอันธพาลชั่ว เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงหวาดกลัวอกสั่นขวัญแขวนเช่นนี้ ท่าทางเหมือนไม่อยากให้ผลึกวารีสีม่วงเข้ามาเด็ดขาด และพวกมันก็แค่แผ่การต่อต้านออกมาเพียงเล็กน้อยไปตามสัญชาตญาณเท่านั้น แต่กลับสร้างการสยบกำราบอย่างทรงอำนาจจากผลึกวารีสีม่วง
จินตนาการได้ว่า หากสวี่ชิงดื้อดึงดันผลึกวารีสีม่วงให้เข้าใกล้ทะเลความรู้สึกต่อไป เช่นนั้นในพริบตาที่วางเข้าไป ทะเลความรู้สึกของเขาจะแบกรับไม่ไหว แหลกสลายทันที วังสวรรค์ทั้งหมดในนั่นก็จะพังถล่มในพริบตา
มือสวี่ชิงสั่นเทาขึ้นมา เขารู้สึกว่าสิ่งที่ตัวเองกำเอาไว้ไม่ใช่ผลึกวารีสีม่วง แต่เป็นอัสนีล้างโลก จึงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ย้ายออกมาจากทะเลความรู้สึกอย่างอ่อนโยน เก็บกลับไปในเนื้อที่หน้าอกเช่นเดิม
ส่วนทะเลความรู้สึกของเขา จากการออกห่างไปไกลของผลึกวารีสีม่วง ในที่สุดก็ไม่สั่นสะเทือนอีกต่อไป กลับสู่ปกติ
‘นี่มันคืออะไรกันแน่!’
หน้าผากตลอดจนทั่วทั้งร่างของสวี่ชิงล้วนเต็มไปด้วยเหงื่อ เขารู้สึกว่าความรู้ความเข้าใจผลึกวารีสีม่วงของตัวเองช่างน้อยนิดนัก แต่เขาก็รู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามาขบคิดเรื่องพวกนี้ จึงฝืนสะกดความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นจากเรื่องนี้ลงไป
“หากผลึกวารีสีม่วงไม่อาจหลอมรวมได้แล้วล่ะก็…” ในดวงตาสวี่ชิงฉายแววเด็ดเดี่ยว เอาแผ่นไม้ไผ่ที่แฝงไว้ด้วยพลังสะกดเขตติงหนึ่งสามสองและพลังนิ้วเทพเจ้าที่ตนหยิบมาในตอนที่ไปจากกรมราชทัณฑ์
บนเศษไม้ไผ่มากมายบันทึกความรู้ความเข้าใจหลังจากที่เขาตื่นขึ้นทุกครั้ง วัตถุชิ้นนี้เป็นวัตถุที่เขาสร้างออกมาโดยอาศัยห้องขังติงหนึ่งสามสอง
บนนั้นเต็มไปด้วยพลังความทรงจำและพลังการลืมเลือนที่แตกต่างกันสองประเภท หลังจากสวี่ชิงเอาออกมาก็ส่งเข้าไปในทะเลความรู้สึก ส่งเข้าไปในวังสวรรค์วังที่สิบ
พริบตาที่ส่งเข้าไป เศษแผ่นไม้ไผ่ทั้งหมดก็แหลกละเอียด กลายเป็นผุยผง แล้วหลอมรวมขึ้นใหม่ในวังสวรรค์วังที่สิบอีกครั้ง สุดท้าย…ก็กลายเป็นแผ่นไม้ไผ่สาดกะพริบแสงสีเลือดแผ่นหนึ่ง
บนแผ่นไม้ไผ่สลักตัวอักษรเอาไว้มากมาย นั่นเป็นลายมือของสวี่ชิง
ตัวอักษรเหล่านั้นประเดี๋ยวเลือนราง ประเดี๋ยวปรากฏ ประเดี๋ยวหายไปโดยสมบูรณ์ ประเดี๋ยวฟื้นฟูกลับมาใหม่ ในขณะที่แปลกประหลาดสุดขีด บนนั้นยังมีแสงสีเลือดเข้มข้นสาดส่องไปทั่วทั้งสี่ทิศ ส่องวังสวรรค์วังที่สิบแดงฉาน
รูปร่างหน้าตาของวังสวรรค์วังที่สิบเกิดการเปลี่ยนแปลง มันกลายเป็นเขตติงหนึ่งสามสอง!
แสงเลือดบนนั้นเหมือนกับแสงบนนิ้วเทพเจ้าทุกประการ
แต่มองให้ละเอียดแล้วก็จะพบว่า ในแสงสีเลือดปนด้วยเส้นสีขาวจำนวนหนึ่ง ในขณะที่สอดประสานรวมเป็นหนึ่งเดียว แผ่นไม้ไผ่ที่ลอยอยู่ในวังสวรรค์ที่หน้าตาเหมือนเขตติงหนึ่งสามสอง ภายใต้แสงสีแดงขาวก็แผ่ความชั่วร้ายแปลกประหลาดออกมาอย่างมหาศาล
ในพริบตาที่พลังบำเพ็ญของสวี่ชิงพลันปะทุขึ้น พูดได้กระทั่งว่า สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้โดยพื้นฐานเดินมาถึงขั้นสุดยอดของระดับแก่นลมปราณวังสวรรค์ระดับนี้แล้ว
ผู้บำเพ็ญอย่างเขาเช่นนี้ นับแต่โบราณมาทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ใช่ว่าไม่มี แต่ก็เปรียบขนหงส์เขากิเลน หาได้ยากยิ่งนัก
ในวังสวรรค์ของเขามีคำสาปเทพเจ้าพิษต้องห้าม มีพระจันทร์สีม่วงพลังต้นกำเนิดเทพ มีพลังเทพเคราะห์ร้าย
ลำพังเพียงสามชนิดนี้ก็มากพอจะทำให้สะท้านสะเทือนไปทั่วทั้งแปดทิศแล้ว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่ายังมีอสูรสมุทรบรรพกาลมรรคาสวรรค์ ยังมีเงาเขาจักรพรรดิภูต และยังมีแสงประกายอรุณที่เกิดขึ้นจากดวงอาทิตย์ที่แตกดับด้วย
ดังนั้นแก่นลมปราณเช่นนี้ เดิมก็ไม่อาจมองเป็นแก่นลมปราณได้แล้ว สวี่ชิงในตอนนี้หากได้พบกับฉู่เทียนฉวินอีกครั้ง เขาสามารถสะกดอีกฝ่ายได้ภายในระยะเวลาที่สั้นมากๆ
กระทั่งว่าหากเขาต้องการ ตอนนี้เขาจะลองทะลวงขอบเขตใหญ่ ให้ตัวเองยกระดับจากแก่นลมปราณวังสวรรค์เป็นปราณมรรคาลิขิตสวรรค์ หรือก็คือปราณก่อกำเนิดนั่นเอง
แต่ความจริงแล้ว ในตอนนี้สวี่ชิงยังไม่ถึงขีดจำกัดสูงสุดของตัวเอง ขีดจำกัดสูงสุดแปดวังสวรรค์ที่เกิดขึ้นจากไฟชีวิตห้าดวง ยังเหลืออีกวังหนึ่งยังไม่เสร็จสมบูรณ์
คิดถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็สูดลมหายใจลึก ดวงตาพลันกะพริบแสง ฉายประกายเฉียบแหลม มองไปทางชายชราเผ่าจิตรกรรม
ตอนนี้ ร่างที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดให้เทพเจ้าเป็นรูปร่างแล้ว และบนมือขวาของร่างไม่มีนิ้วก้อย
นอกจากนี้ ศีรษะของร่างก็วาดเป็นเค้าโครงคร่าวๆ แล้ว ขาดเพียงใบหน้า
ขณะเดียวกับที่สวี่ชิงมองไปทางชายชราเผ่าจิตรกรรม ชายชราคนนี้ก็มองมาทางสวี่ชิงเช่นกัน หลังจากยิ้มอย่างแปลกประหลาดให้สวี่ชิง มือขวาที่ถือพู่กันเอาไว้ของเขาก็ยกขึ้น วาดเค้าร่างออกมาอย่างรวดเร็ว วาดใบหน้าของร่างนี้ออกมา
นั่นคือ…ใบหน้าของสวี่ชิง!
ในยามที่ความเย็นเยือกในดวงตาสวี่ชิงยิ่งเข้มข้นขึ้น ดวงตาทั้งสองข้างบนร่างที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดก็แต้มลงมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นร่างมหึมาที่เขาวาดก็แผ่ระลอกคลื่นฟื้นฟูอย่างรุนแรงออกมา
“ใต้เท้าเทพเจ้า นี่คือร่างที่ข้าวาดให้แด่ท่าน เสร็จสิ้นสมบูรณ์!”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดเส้นสุดท้ายเสร็จ ร่างก็ถอยหลังไปทันที ความเร็วปะทุขึ้นมาสุดชีวิตในเสี้ยวพริบตานี้ หนีไปทันที
นิ้วเทพเจ้าแผ่ระลอกคลื่นตื่นเต้นยินดีออกมา พุ่งไปที่ร่าง ผสานไปในนั้นอย่างรวดเร็ว พันธนาการรอบๆ ก็ไหวเอนอย่างรุนแรงตามไปด้วย ทำให้มันคลายออก
สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ก็เคลื่อนไหวแล้ว
ร่างของเขาส่งเสียงดังบึ้มก็เหินออกไปจากซากดวงอาทิตย์ที่เหี่ยวแห้ง พุ่งตรงไปยังอีกทิศทางหนึ่งสุดกำลัง อาศัยการคลายออกของพันธนการ ปะทุด้วยกำลังทั้งหมด พุ่งทะลุไป
ชายชราเผ่าจิตรกรรมก็เช่นกัน ท่ามกลางการหลบหนีอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าของทั้งสองคน ศีรษะกับสิงโตหินก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
ส่วนนิ้วเทพเจ้า ตอนนี้ก็ไม่มีเวลาสนใจพวกเขา กำลังผสานร่างอย่างสุดกำลัง ตัวเล็กลงเรื่อยๆ
จะเห็นได้ว่านิ้วมีติ่งเนื้องอกออกมานับไม่ถ้วน ก่อเป็นเส้นเนื้อนับไม่ถ้วน พุ่งเข้าไปในร่างอย่างรวดเร็ว
ภายใต้ความพยายามของมัน หนังตาของร่างนี้ก็เริ่มกระตุก คล้ายจะลืมขึ้น
การบิดม้วนและความเลือนรางรอบๆ ยิ่งรุนแรง ในขณะที่ลมพายุท่วมฟ้ากึกก้อง จากเส้นเนื้อเส้นสุดท้ายที่พุ่งเข้าไปในร่างที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมวาด ดวงตาของร่างนี้ในที่สุดก็ลืมขึ้น
นี่เป็นเสี้ยวพริบตาที่ร่างนี้ลืมตาทั้งสองขึ้น รอยแยกแต่ละทางๆ พลันปรากฏบนร่างแล้วแผ่ลามไปอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งปกคลุมไปทั่วทั้งร่าง จากเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นที่ดังก้องไปทั่วชั้นฟ้าน่าครั่นคร้าม…
ร่างนี้ก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ระเบิดสลาย!
คลื่นลูกมหึมาพัดกวาดไปทั่วทุกทิศ
เสียงคำรามเหี้ยมเกรียมดังออกมาจากในฝุ่นที่พวยพุ่งขึ้น มาพร้อมด้วยความบ้าคลั่ง โมโหเดือดดาล แผ่ออกไปเป็นบริเวณกว้างไกลไร้จุดสิ้นสุด
ทุกที่ที่ผ่าน ศีรษะกับสิงโตหินส่งเสียงดังบึ้มระเบิดออก
ชายชราเผ่าจิตรกรรมที่อยู่ไกลๆ ก็ถูกโจมตีจนร่างรางเลือน เกิดสัญญาณจะสลายหายไป แต่เขาไม่ตื่นกลัว สีหน้ากลับฉายแววเสียดาย พึมพำในใจ
‘ก็ยังไม่อาจควบคุมเทพเจ้าได้หรือนี่ น่าเสียดายโอกาสดีๆ นี้เหลือเกิน ช่างเถิดๆ ตอนนี้หนีเอาชีวิตรอดสำคัญกว่า’
ชายชราเผ่าจิตรกรรมลอบถอนหายใจ แต่ปากก็ยังส่งเสียงฮึกเหิมออกไป
‘ใต้เท้าเทพเจ้าอย่าได้ร้อนรนไป ข้าน้อยไม่ได้เตรียมร่างไว้ให้ท่านเพียงแค่ร่างเดียวหรอกนะขอรับ แต่เป็นถึงสองร่าง!
‘ร่างหนึ่งเป็นร่างวาด ร่างหนึ่งเป็นร่างของจริง ดังนั้นพวกมันจึงเหมือนกันทุกประการ ท่าน…ไปลองอีกร่างหนึ่งได้นะขอรับ!’