ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 487 การช่วงชิงจากเทพเจ้า
บทที่ 487 การช่วงชิงจากเทพเจ้า
……….
ณ จุดลึกหุบเหวสมุทร เสียงคำรามโกรธเคืองกึกก้อง
นิ้วเทพเจ้านิ้วนั้นพุ่งออกมาทันทีท่ามกลางเลือดเนื้อที่เลือนหายไปอย่างรวดเร็วจากร่างที่แหลกสลาย พลังอำนาจกดดันที่แผ่ออกมาพร้อมด้วยพลังทำลายล้าง แผ่ไปรอบๆ อย่างรุนแรง
ศีรษะและสิงโตหินระเบิดไปตั้งนานแล้ว ส่วนชายชราเผ่าจิตรกรรมเห็นได้ชัดว่ามีวิชาพิเศษ ตอนนี้ยังยืนหยัดอยู่ได้ คำพูดที่ตะโกนออกมาเห็นได้ชัดว่าได้ผล
ดังนั้นเพียงพริบตา นิ้วเทพเจ้าที่อยู่ในความโกรธเคืองอย่างมหาศาลก็พลันเปลี่ยนทิศทาง ปลายนิ้วพุ่งไปทางที่สวี่ชิงหนี
แม้องค์ท่านจะสติสัมปชัญญะไม่สมบูรณ์ อีกทั้งเนื่องจากได้รับบาดเจ็บจึงค่อนข้างขี้ลืม แต่กระนั้นก็ยังสามารถจำได้ว่าหน้าตาของสวี่ชิงกับร่างที่ตนเพิ่งผสานไปเมื่อครู่เหมือนกันทุกประการ
ดังนั้น เพียงพริบตา นิ้วเทพเจ้าก็ล้มเลิกไล่ตามชายชราเผ่าจิตรกรรม พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง
สวี่ชิงตอนนี้พุ่งออกมาได้ระยะขอบเขตหนึ่งแล้ว สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงข้างหลัง สีหน้าก็เคร่งเครียด ความจริงนับจากที่เห็นชายชราเผ่าจิตรกรรมวาดร่างเทพเจ้าเป็นหน้าของเขาเองแล้ว สวี่ชิงก็เดาความคิดของอีกฝ่ายออก
แต่พู่กันอยู่ในมืออีกฝ่าย อีกทั้งยังเกี่ยวกับนิ้วเทพเจ้า ดังนั้นสวี่ชิงไม่มีวิธีไปฝืนเปลี่ยนความคิดของเทพเจ้าได้ แต่เขาสามารถวางแผนได้ว่าชายชราเผ่าจิตรกรรมจะหนีไปได้อย่างราบรื่นหรือไม่
ตอนนี้เมื่อนิ้วเทพเจ้าไล่ตามสวี่ชิงไป ชายชราเผ่าจิตรกรรมเร็วจี๋ สีหน้าฉายแววได้ใจ แต่ว่าในใจก็ยังเสียดายอยู่นิดๆ
‘น่าเสียดายนักสุดท้ายแล้วก็ไม่อาจควบคุมเทพเจ้าได้ ต่อให้เป็นแค่นิ้วของร่างแยกเทพเจ้า แต่ความสูงส่งก็ไม่ใช่สิ่งที่ข้าจะไปยุ่งเกี่ยวได้
‘เพียงแต่มีประสบการณ์ครั้งนี้ วันหน้าค่อยวางแผนให้ละเอียด ความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จก็มี ในโลกภาพวาดใบนี้ในเมื่อน่าสนใจถึงขนาดนี้ หากข้าควบคุมเทพเจ้าได้ เช่นนั้นอยู่ข้างนอก…’
ชายชราเผ่าจิตรกรรมคิดถึงตรงนี้ในใจก็ฮึกเหิม
‘แต่เสียดายนิ้วเทพเจ้านิ้วนี้แล้ว…’
ชายชราเผ่าจิตรกรรมทอดถอนในใจ กวาดสายตาไปทางทิศที่สวี่ชิงหนีไปไกลๆ อย่างรวดเร็วผาดหนึ่ง
‘แต่ว่าผู้ควบคุมคนนี้ก็มาได้เวลาดีจริงๆ นับว่ามอบความช่วยเหลือในการหลบหนีให้ข้าได้ไม่น้อยเลย เขาก็เป็นคนดีจำนวนไม่มากในโลกภาพวาดใบนี้ เสียดายนิดๆ จริงๆ ขอให้เขาปลอดภัยก็แล้วกัน’
ชายชราเผ่าจิตรกรรมยิ้ม กำลังจะเร่งความเร็ว แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ จิตมุ่งร้ายกลุ่มหนึ่งก็แผ่มาจากข้างหลัง จับเป้าหมายเขาเอาไว้อย่างมั่นคง
ในเสี้ยวพริบจาที่สัมผัสได้ถึงจิตมุ่งร้าย ชายชราเผ่าจิตรกรรมสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ในยามที่หันไป หลังจากที่ดวงตาเบิกกว้าง รูม่านตาก็หดเล็กทันควัน
ข้างหลังเขามีอสูรสมุทรบรรพกาลตัวหนึ่งปรากฏขึ้นไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไร
ร่างสีเทาดำปกคลุมไปด้วยเกล็ดแหลมคมมากมาย ในดวงตาขนาดมหึมาฉายแสงเย็นชา จับเป้าหมายเขาเอาไว้อย่างมั่นคง และตัวของอสูรสมุทรบรรพกาลก็มีขนาดถึงหลายร้อยจั้ง ชายชราเผ่าจิตรกรรมไปเทียบกับมันแล้ว ราวกับมดปลวก
ภาพนี้ทำให้ชายชราเผ่าจิตรกรรมสะท้านเฮือก จิตใจสั่นไหว ร้องตกใจเสียงหลง
“วิถีสวรรค์!”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมลมหายใจหอบถี่ ในใจเกิดคลื่นยักษ์ท่วมฟ้า สมองมีสายฟ้าฟาดผ่า เพราะอันดับแรกที่เขากลัวคือนิ้วเทพเจ้า อันดับสองก็คือดวงชะตา!
เขตติงหนึ่งสามสองในตอนนี้ก็เป็นพลังทั้งสองประเภทสอดประสาน พลังชะตาสะกดเทพเจ้า ในขณะที่ตัดกรรมเวรทุกอย่าง ก็สะกดนักโทษกึ่งมีชีวิตที่เปลี่ยนไปไม่ค่อยเหมือนเดิมเนื่องจากนิ้วเทพเจ้าเหล่านี้ด้วย
ดังนั้นอย่างแรกแม้เขาจะกลัว แต่ก็ยังพอไหว สภาวะกึ่งเป็นเช่นนี้ทำให้ระหว่างเขากับนิ้วเทพเจ้ามีกรรมหนาต่อกัน
อย่างหลัง…สามารถสยบนิ้วเทพเจ้า ดังนั้นสำหรับพวกเขาที่กึ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็คือตัวข่มตามธรรมชาติ!
และวิถีสวรรค์ก็คือต้นกำเนิดของพลังชะตา
ดังนั้น ชายชราเผ่าจิตรกรรมตอนนี้หลังจากที่ดวงตาเบิกกว้าง ก็ร้องน่าเวทนาออกมาตามสัญชาตญาณ คล้ายว่าพบกับศัตรูร้ายตัวฉกาจ ร่างถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว คิดอยากจะไปให้ไกลจากอสูรสมุทรบรรพกาลที่อยู่ข้างหลังตัวนี้
“สมควรตายๆๆ”
“ที่นี่…ทำไมจึงมีวิถีสวรรค์ อสูรสมุทรบรรพกาลตัวนี้นี่มันอะไรกัน หรือจะเป็นตัวตนโบราณที่เกิดจากซากดวงอาทิตย์ในหุบเหวสมุทรในโลกภาพวาดใบนี้”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมหนังศีรษะชาวาบ ขณะถอยไปอย่างรวดเร็วเขาก็พบว่าอสูรสมุทรบรรพกาลตัวนั้นกำลังอ้าปากกว้าง จิตใจจึงเกิดคลื่นยักษ์ซัดโหม
“ทำไมมันถึงหมายตาข้าเล่า”
ชายชราเผ่าจิตรกรรมโหยหวน วิชาทุกอย่างของเขาเมื่ออยู่ต่อหน้าวิถีสวรรค์ที่เป็นตัวข่มตามธรรมชาติก็ไม่มีผลใดๆ ทั้งสิ้น ตอนนี้ไม่ว่าจะต่อต้านอย่างไรก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์ ท่ามกลางความร้อนรน ร่างของเขาไหววูบ ถลาเข้าไปในโลกม้วนภาพวาด
แต่เสี้ยวขณะต่อมา อสูรสมุทรบรรพกาลก็พุ่งมา จากนั้นก็เข้าไปในภาพวาดด้วย ไล่โจมตีสังหารมา
ภาพผืนนั้นที่ชายชราเผ่าจิตรกรรมอยู่ลอยอยู่บนพื้น เงาร่างสมาชิกในครอบครัวทั้งสี่รุ่นในภาพตอนนี้ทุกคนล้วนฉายแววหวาดกลัว กำลังหายไปคนแล้วคนเล่า คล้ายว่าถูกกลืนกิน
ความหวาดกลัวตลบอวลในภาพวาดผืนนี้ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
แต่เห็นได้ชัดว่าชายชราคนนี้ก็มีความสามารถไม่น้อย แม้เผชิญหน้ากับวิถีสวรรค์ที่เป็นตัวข่มตามธรรมชาติจะไม่อาจต่อกรได้ตรงๆ แต่ก็มีวิธีถ่วงเวลา
นี่ความจริงแล้วเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ในตอนที่สวี่ชิงดูดซับซากดวงอาทิตย์ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ใช้วิธีนี้ออกมา ชายชราในตอนนั้นกำลังวาดรูป อีกทั้งนิ้วเทพเจ้าก็อยู่ข้างๆ หากใช้ก็จะถูกกัดกินได้อย่างง่ายมาก
และตอนนี้นิ้วเทพเจ้าไล่สังหารสวี่ชิง ชายชราเผ่าจิตรกรรมคิดเอาเองว่าวางแผนสวี่ชิง แต่ความจริงแล้วสวี่ชิงก็วางแผนเขาเหมือนกัน
มองจากมุมหนึ่งแล้ว ความจริง…พวกเขาทั้งสองคนไม่มีใครชนะ
ชายชราเผ่าจิตรกรรมอยู่ในอันตราย สวี่ชิงก็อยู่ในอันตรายเช่นกัน
สวี่ชิงในตอนนี้กำลังหนีอย่างเร็วรี่ แต่พลังอำนาจเทพประดุจมหาสมุทรจากนิ้วเทพเจ้า ภายใต้ความรวดเร็วของการเคลื่อนที่ สวี่ชิงก็ยากจะหลบหนี เพียงสามถึงห้าอึดใจ รอบๆ เขาก็รางเลือนและบิดม้วนอย่างรุนแรง
นิ้วเทพเจ้าพุ่งออกมาจากในหมอกหุบเหวมหาสมุทร มาพร้อมด้วยความบ้าคลั่งและยึดมั่น
สวี่ชิงพลันเงยหน้า พลังหมอกพิษในร่างปะทุ พลังต้นกำเนิดเทพพระจันทร์สีม่วงแผ่ขยายออกมาจากในร่างอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเงาเขาจักรพรรดิภูตก็ปรากฏอยู่ข้างหลัง วิหคทองปรากฏขึ้นข้างบน ปราณมรรคาในนั้นนั่งสง่างาม ดวงตาฉายประกายคมกล้า
ยิ่งมีแสงพรายรุ้งเจ็ดสีเป็นต้นกำเนิดพลังให้สวี่ชิง แผ่ซ่านไปรอบๆ ทำให้สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนั้นยังมีแผ่นไม้ไผ่แผ่นหนึ่งลอยอยู่ข้างหน้าเขา บนนั้นแผ่ระลอกคลื่นที่เหมือนกับนิ้วเทพเจ้า แฝงไว้ด้วยผลในการสะกดควบคุม
ยิ่งมีป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นหนึ่ง สวี่ชิงยกมันไว้สูง ในเสี้ยวพริบตาที่หมุนตัวก็คำรามเสียงดัง
เพียงพริบตา ตาข่ายผืนใหญ่ที่ปกคลุมไปทั้งเขตปกครองผนึกสมุทรบนหุบเหวสมุทรกะพริบวาบ กระแสแสงไหลเวียนนับไม่ถ้วนรวมอยู่เหนือศีรษะที่สวี่ชิงอยู่ เจิดจ้าพร่างพรายนัก
ของวิเศษเวทต้องห้ามใช่ว่าใครจะใช้ได้กันทุกคน จะต้องมีความเข้าใจในของวิเศษเวทต้องห้ามอย่างเพียงพอ ดังนั้นหลายๆ ครั้งต่อให้มีสิทธิ์ ไปฝืนเปิดใช้ แต่ก็มักจะยากที่จะสำแดงพลังออกมามากมายสักเท่าไร
เพราะไม่คุ้นเคยกับการโคจรของวิเศษเวทต้องห้าม
ในเมื่อสำหรับของวิเศษเวทต้องห้ามไม่ว่าจะเป็นขั้วอำนาจใดก็เป็นของสำคัญ ย่อมไม่อาจให้คนอื่นไปศึกษาหรือสัมผัสได้ง่ายๆ
แต่ว่าทางสวี่ชิงทางนี้โชคดีหน่อย ความรักความเอ็นดูที่นายท่านเจ็ดมีให้เขา ทำให้ตอนนั้นเขาเคยเป็นผู้ควบคุมของวิเศษของของวิเศษเวทต้องห้ามสำนักเจ็ดเนตรโลหิต การศึกษาในอดีต ภายใต้หลักการเดียวกัน ก็เป็นประโยชน์ให้เขาอย่างมากในการใช้ตอนนี้
ดังนั้นประกายแสงที่รวมอยู่บนท้องฟ้ากะพริบวูบวาบ ส่องสว่างพร่างพรายน่าตื่นตะลึง
แทบจะในพริบตาที่สวี่ชิงปะทุพลังทุกด้าน นิ้วเทพเจ้าก็ปรากฏทันที มาถึงข้างหน้าสวี่ชิงห่างออกไปสิบจั้ง จิตเทพที่ฉุนเฉียวบ้าคลั่งตรงนั้นหลังจากจับเป้าหมายสวี่ชิงเอาไว้มั่น ในสมองสวี่ชิงก็มีเสียงคำรามที่เลือนรางแต่ฉายความโกรธเดือดดาลอย่างแสนสาหัส
“เจ้า…แย่ง…ร่างของข้า เอาคืนมา!”
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม ถอยไปข้างหลังอย่างระมัดระวังพลางปะทุไพ่ตายทุกอย่างมีตัวเองมีสุดพลัง ฝืนสะกดระลอกคลื่นยักษ์ในใจ เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“ข้าไม่เคยแย่งร่างของเจ้า เป็นไอ้ผีแก่เผ่าจิตรกรรมจงใจวาดรูปร่างหน้าตาของข้าเพื่อที่จะหนีเอาชีวิตรอด เจ้าควรไปหามันมากกว่า!”
“คืน…ข้า…มา!” จากการถอยหลังของสวี่ชิง นิ้วเทพเจ้านั่นก็พุ่งออกมาสามจั้ง จิตเทพที่แผ่ออกมาจากในนั้นยิ่งฉุนเฉียว
“ในร่างของข้ามีของไร้สาระมากมาย ไม่เหมาะจริงๆ เจ้าเองก็น่าจะสัมผัสได้” สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ แผ่เจ้าเงาออกไปรอบๆ
เจ้าเงาปรากฏขึ้นเนื้อตัวสั่นเทา ย่อส่วนลงอยู่ใต้เท้าสวี่ชิง
“คืนมา…ให้ข้า!” นิ้วเทพเจ้าไม่ฟังคำพูดสวี่ชิงเลย ความบ้าคลั่งในจิตเทพรุนแรงขึ้น ประชิดเข้าไปหาสวี่ชิงทันที
เห็นเป็นเช่นนี้ ในดวงตาสวี่ชิงก็ฉายความบ้าคลั่งออกมาเหมือนกัน
มือขวาของเขาพลันซัดลงมา พลังพิษต้องห้ามในกายปะทุขึ้นมาทุกด้าน เงาพระจันทร์สีม่วงพวยพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ตรงไปยังนิ้วเทพเจ้าที่อยู่ข้างหน้า แสงพรายรุ้งบนร่างส่องแสงเจิดจ้าออกมาทันที ก่อเป็นทะเลแสงห่อหุ้มนิ้วเอาไว้
วิหคทองที่อยู่เหนือศีรษะในเสี้ยวขณะนี้ยิ่งลงมือสุดกำลัง หางร้อยกว่าหางสะบัดพริ้ว พลังปราณมรรคาพวยพุ่ง คำรามไปยังนิ้วเทพเจ้า
ยังไม่จบแค่นั้น สวี่ชิงก็สู้สุดชีวิตแล้ว เอาเมล็ดพันธุ์อักขระมายาออกมา กระตุ้นเขาจักรพรรดิภูต
เสี้ยวขณะต่อมาเขาจักรพรรดิภูตก็แผ่พลังกดดันท่วมฟ้า ปรากฏตัวออกมา ภายใต้การชี้ของสวี่ชิง ก็พุ่งไปหานิ้วเทพเจ้าอย่างรวดเร็ว
จากนั้นสวี่ชิงก็บีบป้ายอาญาสิทธิ์ของเจ้าวังเต็มแรง
พลังเรียกของวิเศษเวทต้องห้ามประทับลงมา
แสงพร่างพรายที่รวมมายังตาข่ายใหญ่บนท้องฟ้าสั่นไหว ก็โจมตีลงมาข้างหลังอย่างรุนแรง ก่อเป็นมือแสงขนาดมหึมาข้างหนึ่งที่มีขนาดถึงหลายพันจั้ง สยบมาที่นี่
ท่ามกลางเสียงดังสะท้านสะเทือน มือแสงยักษ์ข้างนี้ก็กดลงมา หุบเหวสมุทรแถบนี้พังถล่ม แผ่ออกไปรอบๆ ครืนครันเลื่อนลั่น พุ่งตรงไปยังนิ้วเทพเจ้าที่อยู่ข้างล่าง
สวี่ชิงในเสี้ยวขณะนี้ปะทุกำลังรบทั้งหมดของตัวเอง
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังก้องทั่วชั้นฟ้า เพียงแต่…ศัตรูของเขาไม่ใช่ผู้บำเพ็ญ แต่เป็นเทพเจ้า
ต่อให้เป็นเพียงแต่นิ้วหนึ่งของร่างแยกเทพเจ้า แต่พลังน่ากลัวที่สำแดงออกมาจากในนั้นก็ยังสะท้านสะเทือนฟ้าดิน
หมอกพิษของเขาไม่มีผลต่อนิ้วเทพเจ้ามากเท่าไร สภาวะบ้าคลั่งขององค์ท่านในตอนนี้ ไม่สนใจการถูกกัดกร่อนเลย โดยเฉพาะร่างเทพของตัวเองก็ทำให้องค์ท่านสามารถต่อต้านได้โดยสมบูรณ์
ต้นกำเนิดพลังเทพพระจันทร์สีม่วง สวี่ชิงมีอยู่ในตัวน้อยมาก สำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว พลังต้นกำเนิดนี้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แต่สำหรับนิ้วเทพเจ้า พลังต้นกำเนิดเพียงเท่านั้น องค์ท่านสามารถต่อกรได้
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าองค์ท่านในเสี้ยวขณะนี้ สติสัมปชัญญะอยู่ในสภาวะปั่นป่วน สิ่งที่หลงเหลือมีเพียงแค่ความปรารถนาและฉุนเฉียวเท่านั้น
ดังนั้น เพียงพริบตานิ้วเทพเจ้าก็ทะลุผ่านพิษต้องห้ามและพระจันทร์สีม่วงมาอย่างรวดเร็ว เข้าประชิดไปหาสวี่ชิง แต่ถูกแสงประกายอรุณต้านทานเอาไว้
แต่ถึงแม้ว่าแสงประกายอรุณจะมีผลต่อการต้านทานเทพเจ้า ทว่ากลับไม่อาจยืนหยัดอยู่ได้นาน
คว้าโอกาสครั้งนี้ วิหคทองคำรามประชิดเข้าไป ภูเขาจักรพรรดิภูตภายใต้การเหวี่ยงของสวี่ชิงก็ทับลงไปทันที ยิ่งมีมือแสงบนท้องฟ้าพุ่งสยบไป
มือของวิเศษเวทต้องห้ามในยามที่ซัดลงมาก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อเป็นพลังทำพลังทำลายล้าง รวมกับวิชาอื่นๆ ของสวี่ชิง ซัดไปที่นิ้วเทพเจ้า
เพียงพริบตาวิชาทุกอย่างของสวี่ชิงก็ซัดลงมาทั้งหมด
ไม่ได้ดูผลลัพธ์ ความเร็วของสวี่ชิงปะทุขึ้นสุดกำลัง แปรเปลี่ยนเป็นรอยเงาทางหนึ่ง หนีไปยังที่ไกล
ข้างหลังเขา ตอนนี้เสียงระเบิดกึกก้องเลื่อนลั่นทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี พื้นที่บริเวณนี้ของหุบเหวสมุทรระเบิดโดยสมบูรณ์ ท่ามกลางเศษหินแหลกละเอียดที่กระเด็นไปทั่วทุกทิศ ระลอกคลื่นพลังรุนแรงที่เกิดขึ้นบดขยี้ทุกสิ่ง พัดหอบไปทั่วทุกบริเวณ
สวี่ชิงโดนเศษคลื่น กระอักเลือดสดๆ ออกมาคำโต สีหน้าขาวซีด ขณะที่ร่างโซซัดโซเซความเร็วก็ไม่ได้ลดลง ทะยานไปสุดชีวิต
แต่ก็เป็นเวลาเพียงสิบกว่าอึดใจ เสียงคำรามโมโหเคืองแค้นสะท้านสะเทือนน่าพรั่นพรึงเสียงหนึ่ง ก็ดังออกมาอย่างเลื่อนลั่นตรงบริเวณที่สวี่ชิงลงมือเมื่อก่อนหน้านี้ จากนั้นแม่น้ำเนื้อชุ่มเลือดที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสฉีกปริ แต่กลับขยุกขยิกไม่หยุดก็พลันพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
มันเร็วมาก ไล่ตามสวี่ชิงมาในเสี้ยวพริบตา สวี่ชิงรู้ว่าตัวเองไม่อาจดิ้นรนได้ ภายใต้วิกฤตอันตรายเป็นตาย ดวงตาของเขาฉายแววบ้าคลั่ง กระตุ้นผลึกวารีสีม่วงในกายสุดกำลัง!
เสี้ยวขณะต่อมาแม่น้ำเนื้อชุ่มเลือดที่ขยุกขยิกกลุ่มนี้ก็มาพร้อมด้วยความบ้าคลั่งสุดขีด ห่อหุ้มสวี่ชิงเอาไว้ข้างในทันที
“ของข้า…ของข้า…”
“คืน…ข้า…มา!”
เสียงพึมพำบ้าคลั่งของนิ้วเทพเจ้าดังก้อง ในหุบเหวสมุทร เงาร่างสวี่ชิงหายลับไป ทุกที่ที่เขาผ่านถูกแทนที่ด้วยภูเขาเนื้อชุ่มเลือดที่ขยุกขยิกไม่หยุดกลุ่มหนึ่งโดยสมบูรณ์
ความน่ากลัวและชั่วร้ายแผ่อวลมาจากภูเขาเนื้อชุ่มเลือดขนาดหลายสิบจั้งลูกนี้