ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 493 เจ้า! เป็นเจ้า!!
บทที่ 493 เจ้า! เป็นเจ้า!!
……….
ร่างของสวี่ชิงสาดแสงประกายอรุณลงมา
วิธีการทั้งหมดของเขาระเบิดขึ้นในตอนนี้ ยิ่งไม่ตระหนี่ยันต์ปีศาจ กระตุ้นวังสวรรค์จักรพรรดิภูตในร่างกาย บนท้องฟ้าเหนือเขาประกายอรุณ เขาจักรพรรดิภูตที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพึงยิ่ง มาพร้อมแรงกดดันมหาศาลมาด้วยร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
ไม่ใช่แค่ประทับลงมา แต่ยังสยบด้วยพลานุภาพ
ตัวตนของมันทำให้ศัตรูที่ซ่อนอยู่ในเงามืดทั้งหมดจิตใจโหมคลื่นยักษ์ ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม
แม้จะยังมาไม่ถึง แต่แรงกดดันมหาศาลที่การปรากฏขึ้นของเขาจักรพรรดิภูตก็ยังทำให้ผู้บำเพ็ญต่างเผ่าด้านล่างสั่นสะท้านจนแตกซ่านไปทีละคน
แต่สิ่งเหล่านี้ยังแปลกประหลาดไม่พอ
สิ่งที่ประหลาดจริงๆ คือตอนที่สวี่ชิงเริ่มแผ่กลิ่นอายเขตติงหนึ่งสามสองในร่างกายออกมา เหล่าผู้บำเพ็ญทั้งหมดที่บุกรุกมาทั่วทั้งเขาประกายอรุณ ตัวพวกเขาก็พลันเกิดโชคร้ายขึ้น
ในสนามรบ การสำแดงของโชคร้ายน่ากลัวมาก วิชาเวทที่ไม่ควรแล่นมาตามปกติ จู่ๆ ก็มาอย่างไม่คาดคิด อันตรายต่างๆ ที่ไม่ควรเกิดขึ้นก็เกิดขึ้นอย่างไร้ซุ่มเสียง
บางคนถูกคนข้างๆ พลั้งมือทำร้าย บางคนถอยหลังจนล้ม ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นมาก็ถูกสังหาร
ยังมีบางคนที่สำแดงวิชาเวทได้ครึ่งเดียว เวทก็ย้อนเข้าตัว
ภาพนี้ สั่นสะเทือนไปทั้งแปดทิศ ทำให้พวกผู้บำเพ็ญไร้สังกัดเผ่าต่างๆ ที่บุกรุกเขารุ่งอรุณอดหน้าเปลี่ยนสีไม่ได้ และด้านในยังมีพวกนักโทษบางส่วน หลังจากที่เห็นสวี่ชิงก็รู้สึกคุ้นหูคุ้นตา จำได้อย่างรวดเร็ว ร้องอุทานขึ้นมา
“เขาคือพลทหาร พลทหารของเขตติง จอมมารสวี่!!”
ขณะเดียวกัน ในบรรดาผู้บำเพ็ญแก่นลมปราณกลางอากาศทั้งสองคนนั้น ต่างเผ่าที่มีแขนสี่ข้าง ร่างของเขาก็สั่นเทิ้มตามสัญชาตญาณ จ้องสวี่ชิงเขม็ง
“เขาคือสวี่ชิง! พลทหารเขตปิ่งของกรมราชทัณฑ์!!”
ต่างเผ่าคนนี้ เป็นหนึ่งในนักโทษจากเขตปิ่ง เป็นผู้บำเพ็ญของเขตสามตะวันออกที่สวี่ชิงรับผิดชอบดูแล
“ก็แค่พลทหารคนหนึ่งแล้วจะทำไม ต่อให้มีฝีมือ แต่ก็โหมคลื่นใหญ่ไม่ได้อยู่ดี ตอนนี้ตะวันตกและทางเหนือกำลังวิกฤต ยอดฝีมือผู้ครองกระบี่ไม่มีเวลากลับมา และคงไม่กลับมาด้วย ดังนั้นเจ้ากับข้าลงมือพร้อมกัน สังหารเขาเสีย! คนผู้นี้มีความลับไม่น้อย เป็นของพวกเราทั้งหมด!”
หญิงกลางคนข้างๆ พิจารณาสวี่ชิงหลายครั้ง สีหน้าก็เผยจิตสังหาร พุ่งตรงไปทางสวี่ชิง
ผู้บำเพ็ญสี่แขนกัดฟัน สีหน้าเผยความโหดเหี้ยม จากนั้นก็พุ่งออกไป กลางอากาศนอกร่างเขาพริบตานั้นก็มีชุดเกราะเหี้ยมอำมหิตปรากฏขึ้น เกราะนี้แปรมาจากดวงชีพของเขา แข็งแกร่งอย่างมาก มองไกลๆ คล้ายคลึงกระดองเต่า
ชั่วขณะหนึ่ง เสียงครืนครันดังขึ้นอีกครั้ง ผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดสองคนนี้ทะยานเข้าประชิดอย่างรวดเร็ว สกัดสวี่ชิง
สวี่ชิงหรี่ตาลง ตอนที่เขาเข้ามาก็สัมผัสได้แล้ว ปราณก่อกำเนิดที่นี่เหมือนจะมีแค่สามคน พลังบำเพ็ญสูงสุดคือขั้นกลาง แต่อันตรายที่ใหญ่หลวงที่สุดไม่ได้มาจากพวกเขา
แต่มาจากม่านฟ้า
ที่นั่นมีพลังชีวิตสายหนึ่ง พุ่งไปทางสนามรบ ทำให้สวี่ชิงรู้สึกถึงแรงกดดัน
“ไม่รู้ว่าเป็นผู้บำเพ็ญหรือว่าเป็นกับดักรูปแบบอื่น…”
ความเย็นเยียบแผ่ซ่านในดวงตาสวี่ชิง ยกเท้าขวาขึ้นย่ำพื้น ฉับพลันม่านสีดำที่ก่อจากเจ้าเงาใต้เท้าก็ทะยานขึ้นมากลายเป็นโลงศพห่อหุ้มตัวเขาไว้ พริบตาต่อมาร่างกายสวี่ชิงก็ผสานเข้าไปในความดำมืด
พลังกายเนื้อระเบิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
กายเนื้อของเขา เดิมถูกนิ้วเทพเจ้าเปลี่ยนไปแล้วจนเหนือกว่าร่างในอดีตไปหลายต่อหลายเท่า และตอนนี้เมื่อรวมกับวิชาลับของเจ้าเงา พลังน่ากลัวที่สำแดงออกมาก็ก้าวข้ามจุดสูงสุดของระดับแก่นลมปราณไปแล้ว
เวลานี้เมื่อไหววูบ ก็พุ่งเข้าประชิดเบื้องหน้านักโทษปราณก่อกำเนิดสี่แขนคนนั้น ไม่ว่านักโทษคนนี้โจมตีด้วยพลังวิเศษวิชาเวทใด สวี่ชิงก็มองเมิน เร่งความเร็วที่มากกว่าอีกฝ่ายเข้าประชิดฉับพลัน กำหมัดมือซ้ายซัดออกไป
ด้วยหมัดเดียว กระดองเต่าที่แปรมาจากดวงชีพของต่างเผ่าสี่แขนคนนี้ก็ทานทนไม่ไหว แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ผู้บำเพ็ญสี่แขนกระอักเลือด สีหน้าพรั่นพรึง ถอยร่นอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงค่อนข้างแปลกใจ จากที่เขาเข้าใจ หมัดนี้ของตน น่าจะสามารถสังหารอีกฝ่ายได้ถึงจะถูก
‘ต่างเผ่ามีพรสวรรค์ดวงชีพมากมาย…เปลือกนอกของเจ้านี่ค่อนข้างแข็ง’
ต่างเผ่าสีแขนที่ถอยร่นไปบนท้องฟ้า เวลานี้ในใจโหมคลื่นยักษ์โถมฟ้า อวัยวะภายในทั้งหมดเกิดเค้าลางแตกสลาย ความพรั่นพรึงในความคิดพุ่งขึ้นถึงขีดสุด เขารู้ดีว่าเกราะดวงชีพของตนแข็งแกร่งมาก แต่เขาคิดไม่ถึงว่าแค่หมัดเดียวของอีกฝ่าย เกราะของตนเองจะทานรับไม่ไหวจนแตกเป็นเสี่ยงๆ เช่นนี้
“เจ้า…”
ยังไม่ทันพูดจบ สวี่ชิงก็ไล่ตามไป กำลังจะซัดหมัดที่สอง หญิงกลางคนที่หน้าผากมีใบหน้าพริ้มเพราข้างๆ คนนั้นก็สกัดอย่างรวดเร็ว ทำปางมือก่อร่างหมอกร่มขนาดยักษ์คลุมทับสวี่ชิง
บนร่มนี้มีใบหน้าพริ้มเพลานับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น กำลังโปรยเสน่ห์ไปทางสวี่ชิง และหลังจากที่เข้ามาใกล้ ใบหน้าพริ้มเพราเหล่านี้ก็โหดเหี้ยม เข้ามากลืนกิน
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ แสงประกายอรุณกวาดออกไปด้านนอกราวกับนกยูงรำแพน เสียงวูมดังขึ้น จัดการหมอกร่มของหญิงกลางคนจนสลายหายไป ใบหน้าโหดเหี้ยมเหล่านั้นก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาทันที พากันแตกสลาย จนหญิงกลางคนต้องถอยกลับมา
แสงรุ่งอรุณ นี่เป็นแสงสมบัติที่สามารถต่อต้านพลังเทพเจ้าได้ สำหรับวิชาเวทแล้ว แค่กวาดออกไปก็ขจัดได้
นี่ก็เป็นอีกจุดที่น่าพรั่นพรึงของแสงนี้
และทั้งหมดนี้ก็รวดเร็วกะทันหันมาก ขณะที่หญิงกลางคนหน้าเปลี่ยนสี ร่างของสวี่ชิงก็พุ่งออกไปเร็วรี่ ตรงไปหาต่างเผ่าสี่แขนที่ถอยออกไป
ต่างเผ่าสี่แขนเคลื่อนย้ายในพริบตาทันที คิดจะเว้นระยะห่าง แต่พันธนาการที่นี่ไม่ได้มีผลแค่กับเขารุ่งอรุณเท่านั้น สำหรับทั้งฝ่ายตนและศัตรูก็มีผลเช่นเดียวกัน ไม่ได้เคลื่อนย้ายในพริบตาไปไกลมาก แตความเร็วของสวี่ชิงก็น่าตกตะลึงเช่นกัน พริบตาที่ไล่ตามมา ก็ซัดหมัดที่สองออกไป
ในช่วงวิกฤต ต่างเผ่าสี่แขนคนนี้ก็คุ้มคลั่ง ไม่ถอยหนีอีก แต่หันหลังมากุมสี่แขน กลายเป็นกำปั้นขนาดยักษ์ต้านทานสุดกำลัง
พรสวรรค์ของเผ่าที่เขาอยู่ใช้พลังกายเนื้อเป็นหลัก ดังนั้นท่าไม้ตายที่แกร่งที่สุดของเขาจึงไม่ใช่วิชาเวท แต่เป็นกายเนื้อ
ขณะที่คำราม เขาก็ทุ่มกำลังทั้งหมด กระทั่งด้านหลังยังมีปราณก่อกำเนิดสองดวงปรากฏขึ้น สนับสนุนสุดกำลัง
แต่กายเนื้อของมัน เมื่อเทียบกับสวี่ชิง ก็ยังห่างชั้นมหาศาล
ตอนที่สัมผัสกัน กำปั้นของต่างเผ่าสี่แขนนี้ทานรับไม่ไหว กายเนื้อแตกสลาย กระดูกป่นเป็นผง ถูกพลังของสวี่ชิงซัดใส่พินาศย่อยยับ แขนทั้งสี่ข้างที่แตกสลายตีกลับไปที่ลำตัว จนกายเนื้อของต่างเผ่าสี่แขนคนนี้ระเบิดแตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นๆ ฉับพลัน
กระทั่งปราณมรรคาสายหนึ่งถูกผลกระทบไปด้วย โดนหอบม้วนสังหารกลับมาจนสลายหายไป
เหลือไว้แค่ปราณมรรคาสายเดียว มาพร้อมกับความพรั่นพรึงและเสียงกรีดร้อง ถอยอย่างบ้าคลั่ง
สวี่ชิงกำลังจะไล่ตาม แต่หญิงกลางคนที่แสงประกายอรุณของเขากวาดผ่านจนถอยร่นไป เวลานี้กัดฟันสองมือประกบปาง ทันใดนั้นใบหน้าและรูปหน้าพริ้มเพราที่หน้าผากก็พลันเลือนราง ขณะที่สลับสับเปลี่ยน หลังจากแปรเป็นหญิงหน้าตาพริ้มเพราคนหนึ่ง นางก็สำรอกปราณหมอกสีแดงออกมาทันที
ในปราณหมอกนี้แฝงความปรารถนาอันแรงกล้าเอาไว้ หากถูกแปดเปื้อนเมื่อไร ก็จะทำให้เปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกไป และยอมจำนน
นี่ก็เป็นวิชาที่ทำให้นางเลื่องชื่อ ในอดีตใช้วิชานี้เคยทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกันตกเป็นทาสมาไม่น้อย
ทว่าวันนี้ นางเจอกับสวี่ชิง
สวี่ชิงไม่แม้แต่จะมอง ยกมือขวาขึ้นชี้ ฉับพลันเงาพระจันทร์สีม่วงก็ก่อตัวขึ้นเหนือหมอกสีแดงนั่น
พริบตาต่อมา หมอกสีแดงก็ตีเกลียว แผ่ระลอกคลื่นรุนแรงถึงขีดสุดออกมา ระเบิดเองออกมาเสียงครืนครัน หญิงกลางคนคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี ขณะที่กระอักเลือด บนใบหน้าก็ปรากฏม่วงคล้ำ ฉายแววดิ้นรนเหมือนถูกโต้กลับ
ความเร็วของสวี่ชิงไม่ชะงักแต่อย่างใด เพียงพริบตาก็ไล่ตามปราณก่อกำเนิดสี่แขนไป
“ทำไมถึงเอาแต่เล่นงานข้า!!” ขณะที่ปราณก่อกำเนิดสี่แขนกรีดร้องน่าเวทนา ส่งเสียงหวีดแหลมออกมาท่ามกลางความสิ้นหวัง
สวี่ชิงไม่มีเวลาพิจารณาว่าเสียงที่อีกฝ่ายเปล่งออกมามีคลื่นวิชาเวทแฝงอยู่หรือไม่ ดังนั้นด้านนอกร่างจึงมีแสงประกายอรุณสว่างวาบกวาดออกไป จากนั้นเมื่อเข้าใกล้ก็ยกมือขึ้นตบ
ต่างเผ่าสี่แขนคนนั้นถลึงตาโต ร่างปราณก่อกำเนิดไม่อาจหลบเลี่ยง เสียงครืนดังขึ้น แตกซ่านดับสูญทั้งกายและวิญญาณ
ขณะเดียวกัน วิหคทองบนท้องฟ้า ขณะที่ร้องคำรามก็กลืนกินปราณก่อกำเนิดต่างเผ่าหน้ามีเกล็ดคนนั้นไปในคำเดียว จากนั้นเสียงเคี้ยวก็ดังออกมา ผู้บำเพ็ญทั้งหมดที่ได้ยินก็ใจสั่นสะท้าน
ส่วนความตายของปราณก่อกำเนิดทั้งสองคน ภาพนี้ ก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนและหวาดผวาอย่างมาก พวกผู้บุกรุกรอบๆ ใจแตกสลาย สูญเสียเจตจำนงในการรบ หนีตายกระเจิดกระเจิงอย่างบ้าคลั่ง
เดิมก็เป็นพวกนกการวมกลุ่มกัน ตอนนี้ไม่เหลือเจตจำนงในการต่อสู้และคิดจะหลบหนีก็เป็นเรื่องปกติ
โดยเฉพาะพิษของสวี่ชิงที่ซ่านกำจายออกไปเวลานี้ ผู้บำเพ็ญที่บุกมาส่งเสียงกรีดร้องไม่หยุด ในใจของพวกเขา สวี่ชิงที่ยืนอยู่ตรงนั้น โหดเหี้ยมทารุณยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก
ส่วนผู้บำเพ็ญหญิงกลางคนที่ลงมือกี่ครั้งสวี่ชิงก็คลายมนต์ได้ตลอด ตอนนี้ก็ถอยกลับไปเช่นกัน สีหน้าเคร่งขรึมถึงที่สุด
ในใจก็ยิ่งพรั่นพรึง
นางย่อมมองออกว่าคนตรงหน้าคือระดับก่อกำเนิดลวง แต่พลังต่อสู้ที่สำแดงออกมาไม่ใช่ระดับธรรมดา ทั้งชีวิตนางไม่เคยเจอคนเช่นนี้มาก่อน
ส่วนหนิงเหยียนก็อยู่ในสนามรบด้วย กำลังลงมืออย่างโหดเหี้ยม หลังจากเห็นภาพนี้ ก็สั่นเทิ้มขึ้นมาเช่นกัน
‘นี่มันแก่นลมปราณเสียที่ไหน…แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!!’
ขณะเดียวกัน หลังจากสังหารต่างเผ่าสี่แขนแล้ว สวี่ชิงก็หันหน้าไปมองหญิงกลางคน สายตาเปล่งจิตสังหาร พริบตาที่กำลังจะไล่ตาม จู่ๆ สีหน้าเขาก็มืดครึ้ม
ถอยร่นออกมาเสียงดังสนั่น ถอยไปจนถึงหนิงเหยียน และไม่รอให้หนิงเหยียนมีปฏิกิริยา มือของสวี่ชิงก็ตบลงไปที่ท้องเขา
ชุดนักพรตของหนิงเหยียนฉีกขาดทันที เถาวัลย์สีเขียวมรกตที่เขาซ่อนเอาไว้อย่างดี ก็ถูกสวี่ชิงดึงออกมาจากสะดือ
หนิงเหยียนตกตะลึง
ขณะเดียวกัน จุดที่สวี่ชิงอยู่ก่อนหน้านี้ มิติพังทลายฉับพลัน ฝ่ามือสีดำข้างหนึ่งปรากฏขึ้นกลางอากาศ กดลงไปที่นั่นทันที
แม้ลอบโจมตีจะพลาด แต่คลื่นที่โหมขึ้นก็ยังมาพร้อมกับพลานุภาพน่ากลัวแผ่ออกมารอบด้าน ร่างที่มีปีกสีดำเดินออกมา คลื่นพลังปราณก่อกำเนิดขั้นปลาย ขณะที่สนสะเทือนฟ้า เขารวดเร็วมาก พุ่งมาหาสวี่ชิงในพริบตาจนเป็นภาพคงค้าง และลงมืออีกครั้ง
“ตาย!”
แทบจะพริบตาที่เงาสีดำมาถึง ดวงตาสวี่ชิงก็เปล่งประกายเย็นวาบ คว้าเถาวัลย์แล้วใช้ร่างของหนิงเหยียนเป็นอาวุธ ฟาดไปอย่างรุนแรง ต้านทานไว้เบื้องหน้า
ท่ามกลางเสียงครืนครัน ร่างเงาสีดำนั้นถูกโจมตีก่อน สัมผัสกับตัวหนิงเหยียน พริบตาต่อมาเสียงกระอักก็ดังก้อง ขณะที่ดวงตาพรั่นพรึงจ้องออกมา ร่างเงาสีดำนี้ถอยอย่างรวดเร็วกลางอากาศ มองหนิงเหยียนอย่างไม่อยากเชื่อไป
หนิงเหยียน ไม่บาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย
ส่วนหนิงเหยียนเวลานี้กระทั่งลืมกรีดร้อง หันหน้ามามองเถาวัลย์ที่ท้องของเขาอย่างอึ้งๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองสวี่ชิงอย่างงุนงง ดวงตาเบิงกว้าง
ส่งเสียงตื่นตระหนกตกใจที่น่าตื่นตะลึงขึ้นมา
“เจ้าๆๆ… เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย!!!”