ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 501-3 ครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะ! (3)
บทที่ 501 ครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะ! (3)
น้ำทะเลระเบิดตีเกลียวไปรอบๆ อย่างคุ้มคลั่ง คลื่นโถมไปทั้งทะเลต้องห้าม โหมพายุไร้ที่สิ้นสุด พัดกวาดไปทั้งเกาะ ทะเลโหมน้ำขึ้นสูงนับร้อยจั้ง
ใบหน้าสีทองจมหายไปทันควัน แต่มันก็ไม่ยอม ลืมตาโพลง ส่งเสียงคำรามต่ำ คิดจะดิ้นรน
ทว่าผนึกตาข่ายทั้งสี่ด้านเวลานี้ระเบิดสุดกำลัง หลังจากที่การร่ายคาถาชะงักไปครู่หนึ่ง สายอัสนีก็ก่อร่างอีกครั้ง กลายเป็นพลังกดดัน พันธนาการมัน
สุดท้าย ใบหน้านี้ก็ต้องจมลงไปท่ามกลางการกู่ร้องอย่างไม่ยินยอม
รวบรวมทั้งเขตปกครองรวมถึงพลังของชนเผ่าเกือบร้อยในทะเลต้องห้าม กอปรผู้แข็งแกร่งมหาศาลและของวิเศษเวทต้องห้ามคอยเหนี่ยวรั้งแดนต้องห้ามมรณะ เดิมทียังต้องการเวลาอีกเล็กหน่อย ถึงจะค่อยๆ ปิดผนึกได้อย่างสมบูรณ์
ทว่าตอนนี้ ด้วยฝ่ามือของครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะ จึงรวดเร็วขึ้นในพริบตา
แต่ในความเป็นจริง หากคิดจะปิดผนึกแดนต้องห้ามมรณะด้วยการโจมตีพลังครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะแค่ครั้งเดียว เป็นสิ่งที่ไม่อาจทำได้
เมื่อรวบรวมพลังซึ่งมาจากทั้งมณฑลรับเสด็จราชันก่อให้เกิดการเหนี่ยวรั้ง การโจมตีนี้ก็ราวกับเป็นตุ้มน้ำหนักที่ถ่วงตาชั่ง สุดท้ายก็ช่วยเพิ่มความเร็วการปิดผนึกได้
ขาดฝ่ายใดฝ้ายหนึ่งไปไม่ได้
เวลานี้จากการที่ใบหน้าสีทองบนผิวทะเลจมลงไป ตอนที่ตาข่ายขนาดใหญ่สีเลือดครอบคลุมที่นี่ทั้งหมด เงาจักรพรรดิภูตบนท้องฟ้าก็ทานทนไม่ไหว สลายหายไป
ก่อนที่จะสลายหายไป จักรพรรดิภูตที่แววตาสับสน ไม่มองไปที่ผู้ใด แต่มองไปยังส่วนลึกของทะเลต้องห้าม อ้าปากคล้ายจะพูดอะไร แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้ส่งเสียงใดออกมา
เสียงครืนดังขึ้น แปรเปลี่ยนเป็นฝุ่นฟุ้งขจรกระจาย
บนท้องฟ้าฝนพร่างพราย ราวกับกำลังร่ำไห้
วิถีสวรรค์จากไป ราวกับกำลังถอนหายใจ
ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดต่างแตกแขนง คล้ายกับกำลังแยกทาง
มีเพียงลำแสงเก้าสายที่ลอยออกมาจากในร่างที่สลายหายไป กลายเป็นสวรรค์ปฐพีสองจิตและเจ็ดวิญญาณ พวกเขาแต่ละคนสับสน อารมณ์ได้รับผลกระทบอย่างชัดเจน
ประสบการณ์ครั้งนี้ ทำให้ในใจพวกเขาเกิดคลื่นโหมกระหน่ำซัด
แต่พวกเขาก็เข้าใจว่าเรื่องนี้ยากที่จะเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เว้นเสียแต่จะทำให้สวี่ชิงยอมสำแดงออกมาอีกครั้ง อีกทั่งยังต้องมีการคุ้มครองจากแสงเทพของชิงฉินอีก ที่สำคัญที่สุดคือการร่วมมือของโถงครองกระบี่รวมถึงพลังที่รวบรวมจากทั้งมณฑลรวมถึงต่างเผ่าอีกเกือบร้อย บวกกับของวิเศษเวทต้องห้ามอีกนับสิบรวมถึงหวนสู่อนัตตาอีกเกือบร้อย
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้
หายนะแห่งแดนต้องห้ามมรณะ ในที่สุดก็แก้ไขได้ชั่วคราว!
ไม่มีใครลบแดนต้องห้ามออกไปได้ ดังนั้นนับแต่โบราณเมื่อแดนต้องห้ามใดก็ตามเกิดหายนะ วิธีการแก้ไขล้วนเป็นการปิดผนึก
และหายนะของแดนต้องห้ามมรณะ ด้วยปัจจัยของมนุษย์ครอบครองจุดสำคัญไป
เผ่าคลื่นศักดิ์สิทธิ์เพื่อจะทำสงครามให้ราบรื่นยิ่งขึ้น และเพื่อควบคุมกำลังต่อสู้ของเขตปกครองผนึกสมุทร จึงส่งคนไปสร้างรอยร้าวที่ประตูใหญ่สำริดโบราณลึกลับในแดนมรณะต้องห้าม
การปรากฏของรอยร้าวนี้ ทำให้จักรพรรดิแดนมรณะถูกกลืนกิน
เมื่อไม่มีจักรพรรดิ ตัวตนต่างๆ ในแดนต้องห้ามมรณะ จึงสูญเสียการถูกสะกด และเริ่มลุกลาม
นี่เป็นหนึ่งในหายนะ
ส่วนรอยร้าวนั้น ประตูใหญ่สำริดโบราณที่แผ่กลิ่นอายเทพเจ้าออกมา คือหายนะที่สอง
ดังนั้นการปิดผนึกนี้ นอกจากไม่ทำให้ตัวตนชั่วร้ายต่างๆ ในแดนต้องห้ามมรณะออกมาอาละวาดสร้างความวุ่นวายด้านนอก ยังปิดรอยร้าวที่ประตูใหม่อีกครั้งด้วย
นี่จึงเป็นจุดที่สำคัญและยากที่สุดของค่ายกลปิดผนึกรวมกำลังสองล้านคนก่อนหน้านี้
ประตูเทพเจ้า ต่อให้เป็นแค่รอยร้าวเล็กๆ ก็ใช่ว่าจะปิดได้ง่ายๆ
ตั้งแต่ปะทะกันมา มณฑลรับเสด็จราชันตรากตรำลำบาก ในที่สุดก็ปิดผนึกประตูบานนั้นจนเหลืออีกเล็กน้อย และการปรากฏตัวของครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะ ก็เพิ่มความเร็วให้ขั้นตอนนี้ สุดท้ายก็ผนึกได้อย่างสมบูรณ์
จากนี้คือการเก็บงานที่ค่อนข้างง่ายแล้ว
ส่วนสิ่งที่สวี่ชิงได้รับก็มากมายมหาศาลเช่นกัน
เวลานี้สีหน้าค่อนข้างมึนงง ผ่านการเชื่อมต่อระหว่างเงาจักรพรรดิภูต เขาเมื่อครู่นี้ก็ผ่านการชำระจิตใจที่สั่นสะเทือนฟ้าดินครั้งหนึ่งในพริบตา
การชำระนี้มาพร้อมกับการสัมผัสรับรู้ที่ฝังลึกให้เขา
การปรากฏตัวของครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะ จากที่คนภายนอกเห็น เป็นผลกระทบของวิสัยทัศน์กับจิตใจที่ตกตะลึงไร้ที่เปรียบหนึ่ง อุปมามันออกมาเป็นรูปภาพได้
ดังนั้นสุดท้ายคือ แม้คนนอกจะเห็นชัดแจ้งเพียงใด แต่ก็แค่ “มอง” เท่านั้น
ทว่าสวี่ชิงนั้นไม่ใช่
เขาคือหนึ่งในคนที่สร้างผลกระทบของวิสัยทัศน์กับจิตใจครั้งนี้ ไม่อาจขาดหายไปได้ เขาไม่ได้อยู่ด้านนอก แต่อยู่ด้านในเลย
สิ่งที่เขาการสัมผัสรับรู้ได้ ย่อมมากกว่าคนทั่วไป
ถึงอย่างไรพลังครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะก็เท่ากับเป็นการชี้ทิศทางให้กับอนาคตของสวี่ชิง เปิดหน้าต่างเตรียมสู่เทวะบานหนึ่งขึ้นในใจเขา
สิ่งที่สะท้อนออกมาหลักๆ คือในด้านความรู้รวมถึงในด้านจิตวิญญาณ
ความรู้ความเข้าใจของเขาได้รับการขยายกว้างอย่างน่าตกตะลึง สิ่งนี้ทำให้ในอนาคตเขาขณะที่เผชิญหน้าผู้แข็งแกร่ง ด้านจิตใจจะสงบมากขึ้น หัวใจก็แข็งแกร่งขึ้นด้วย!
จิตวิญญาณของเขาในด้านความทนทานก็เป็นเช่นนี้ ในการก่อร่างสร้างครึ่งก้าวเตรียมสู่เทวะจากศูนย์ ถูกบ่มเพาะอย่างลึกซึ้ง
แม้จะไม่ได้รับมาโดยตรง แต่ก็เพียงพอให้สวี่ชิงใช้ได้เป็นเวลานาน
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก มองทะเลต้องห้ามหลังจากที่ปิดผนึกใบหน้าสีทอง ผลคือพวกของผู้อาวุโสใหญ่ลอยขึ้นมาจากค่ายกลหยิน
เขารู้ แม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการผนึก แต่ไม่ว่าอย่างไร นี่ก็เป็นวาสนาครั้งใหญ่ที่ผู้อาวุโสใหญ่มอบให้ เขาจึงประสานหมัดคารวะอย่างจริงจังไปทางผู้อาวุโสใหญ่
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าที่เหนื่อยล้าเผยประกายชื่นชม เขาให้ความสำคัญกับสวี่ชิงที่มาจากมณฑลรับเสด็จราชันนี้มาก
เสี่ยเลี่ยนจื่อก็เช่นกัน นายท่านเจ็ดทางนั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ลูบหนวดเคราด้วยสีหน้าภาคภูมิใจ อยู่ในระดับที่ใครผ่านไปผ่านมาก็รู้ได้ทันที
จื่อเสวียนที่อยู่ข้างๆ ดวงตางามเปี่ยมไปด้วยประกายแปลกประหลาด ราวกับว่าวินาทีนี้ ในสายตานาง แสงประกายบนร่างสวี่ชิงดึงดูดสายตามากที่สุด
จนกระทั่งมีเสียงแกว๊กดังสะท้อนก้องไปทั่วสารทิศ ทำให้สายตาคนทั้งหมดไปอยู่ที่ชิงฉิน
ชิงฉินยืนอย่างหยิ่งทะนงระหว่างฟ้าดิน ราวกับกำลังเตือนทุกคน ว่าประโยชน์ของมันก็มีไม่น้อย
“ขอบคุณผู้อาวุโสชิงฉิน” ผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่สีหน้าเคร่งขรึม ประสานหมัดคารวะ
ผู้แข็งแกร่งหวนสู่อนัตตาด้านหลังเขาทั้งหมดก็คารวะขอบคุณ และยังมีผู้บำเพ็ญสองล้านคนด้านล่างก็พากันคารวะ
ความยิ่งใหญ่เช่นนี้ ทำให้ชิงฉินค่อนข้างลำพองใจ มองไปยังทิศทวีปปักษาสวรรค์ทักษิณ อันที่จริงมันก็แปลกใจ ไยพี่ใหญ่จึงไม่มา แต่เมื่อคิดๆ แล้ว หลักการทางโลกของพี่ใหญ่ก็ไม่ชอบเข้าร่วมสงครามของเผ่าต่างๆ อยู่แล้ว จึงคิดเช่นนี้
ขณะเดียวกัน สวรรค์ปฐพีสองจิตรวมถึงเจ็ดวิญญาณที่อยู่ไกลๆ เวลานี้ก็ฟื้นคืนกลับมาแล้ว นำโดยคนแคระวิญญาณสวรรค์ สีหน้าเย็นชา มองผู้อาวุโสใหญ่ สุดท้ายก็มองไปทางสวี่ชิง
“การเจรจาของข้าเสร็จสิ้นแล้ว ถัดจากนี้ก็รอเจ้า”
สวี่ชิงสีหน้าเคร่งขรึม พยักหน้าอย่างจริงจัง
วิญญาณสวรรค์หันหลังไหววูบ ผสานกับความว่างเปล่าแล้วหายไป วิญญาณปฐพีก็เช่นกัน เจ็ดวิญญาณกลายเป็นควันหลอมรวมกับอากาศ ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาไม่ได้สนใจโยวจิงเลย
ถึงอย่างไรอยู่ในโถงครองกระบี่ ถ้ากลับมา โถงครองกระบี่คงไม่วางใจ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ สู้อยู่แบบเดิมต่อไปดีกว่า ทุกคนก็สบายใจ
โยวจิงหดหู่เล็กน้อย แต่ก็ตนใจ นางเข้าใจสหายของตนดี ด้วยเป็นต้นกำเนิดเดียวกัน สิ่งที่พวกมันใส่ใจยิ่งกว่าก็คืออิสรภาพ
เมื่อสองจิตสวรรค์ปฐพีและเจ็ดวิญญาณจากไป หลังจากที่จัดแจงการเก็บกวาด ผู้อาวุโสใหญ่ก็เรียกสวี่ชิงรวมถึงบรรพจารย์หวนสู่อนัตตาของมณฑลรับเสด็จราชันมาประชุมหารือ
ในบรรดาผู้บำเพ็ญหวนสู่อนัตตาที่เข้าร่วมการหารือ ผู้นำพันธมิตรแปดสำนักก็อยู่ในบรรดานี้ด้วย สายตาที่เขามองสวี่ชิงไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้ว ค่อนข้างจริงจังขึ้น
“สวี่ชิง กล่าวความเห็นของเจ้าออกมาหน่อยเถิด” ผู้อาวุโสคลึงหว่างคิ้ว เอ่ยเสียงแหบแห้ง
เมื่อเขาพูด สายตาของผู้บำเพ็ญหวนสู่อนัตตาหลายสิบคนในที่นี้ก็มาอยู่ที่สวี่ชิง ถูกหวนสู่อนัตตาจำนวนมากถึงเพียงนี้จ้องมอง ถ้าเป็นผู้บำเพ็ญคนอื่น เกรงว่าใจคงจะเต้นรัวเร็วไปแล้ว
แต่สวี่ชิงผ่านเรื่องต่างๆ มามากมาย เห็นเทพเจ้ามาแล้วตั้งหลายตน สำหรับสายตาหวนสู่อนัตตาที่ไม่ได้ปล่อยแรงกดดันออกมา เขาแบกรับไหว
“สนามรบทางตะวันตกและทางเหนือในตอนนี้ขอความช่วยเหลือเร่งด่วนมา พลังของวิเศษเวทต้องห้ามอ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่อง แนวหน้าอยู่ในช่วงวิกฤต”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงแผ่ว
“เจ้าวังให้ข้าออกโองการ ให้ข้าเป็นตัวแทนของเจ้าวัง ค้นหาสิ่งของที่จำเป็นรวมถึงกำลังทหารในเขตปกครองผนึกสมุทร เรื่องสิ่งของที่จำเป็นข้าจัดการเรียบร้อย เมื่อคำนวณเวลา น่าจะส่งไปถึงสนามรบแล้วขอรับ
“ส่วนกำลังทหาร ข้าคิดถึงมณฑลบังคับจำนนรวมถึงมณฑลรับเสด็จราชัน”
สวี่ชิงพูดถึงตรงนี้ จึงมองไปทางผู้อาวุโสใหญ่
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า กวาดสายตาไปยังกลุ่มคนข้างๆ เอ่ยเสียงเรียบ
“พวกเจ้ามีความเห็นอย่างไร”
เสี่ยเลี่ยนจื่อพูดเป็นคนแรก
“ออกรบเสียก็จบ!”
นายท่านเจ็ดสีหน้าราบเรียบ ยืนอยู่ด้านหลังเสี่ยเลี่ยนจื่อ พยักหน้าอย่างอ่อนโยน
จื่อเสวียนมองสวี่ชิง เอ่ยเสียงแผ่วเบา
“สำนักโลกันต์ทมิฬ ร่วมรบได้”
บรรพจารย์คนอื่นของพันธมิตรแปดสำนักก็เห็นด้วยหลังจากครุ่นคิด ผู้นำพันธมิตรจึงอมยิ้มมองไปทางสวี่ชิง ดวงตาเผยประกายให้กำลังใจ
“พันธมิตรแปดสำนักของข้า ย่อมสนับสนุนผู้สืบทอดมรรคาฝั่งข้า และยิ่งสนับสนุนเผ่ามนุษย์
“เช่นนั้นสำนักเซียนล้ำบารมีรวมถึงลัทธินอกวิถี และขั้วอำนาจเผ่ามนุษย์อื่นๆ ในมณฑลรับเสด็จราชันเล่า” ผู้อาวุโสใหญ่หันหน้ามองไปทางผู้บำเพ็ญหวนสู่อนัตตาคนอื่น
สำนักเซียนล้ำบารมีมีหวนสู่อนัตตาอยู่สิบกว่าคน หลังจากพวกเขามองหน้ากัน ก็รู้ว่าไม่มีเหตุผลต้องปฏิเสธ จึงทำได้เพียงพยักหน้า
“เช่นนั้น อาลักษณ์สวี่ชิง เป็นตัวแทนเจ้าวังออกคำสั่ง!” ผู้อาวุโสใหญ่กวาดสายตามองทุกคน สุดท้ายก็มองที่สวี่ชิง สีหน้าเคร่งขรึม
สวี่ชิงก็สีหน้าจริงจัง หยิบผ้ายฐานะเจ้าวังออกมาแล้วชูขึ้น ขณะที่ป้ายฐานะเปล่งแสงเจิดจ้า เสียงของสวี่ชิงพร้อมพลานุภาพที่ป้ายฐานะมอบให้สะท้อนก้องไปทั้งแปดทิศ
“อัญเชิญขั้วอำนาจทุกเผ่าในมณฑลรับเสด็จราชัน วางแผนประสานงานโดยโถงครองกระบี่ ตรงไปยังมณฑลบังคับจำนนเพื่อช่วยเหลือคลี่คลายหายนะแห่งแดนต้องห้ามอาภรณ์ทันที สุดท้ายผนึกกำลังสองมณฑล เข้าสนับสนุนแนวหน้าฝั่งตะวันตก”
“น้อมรับโองการเจ้าวัง!” ผู้อาวุโสใหญ่คารวะอย่างเคร่งขรึม
ผู้ครองกระบี่ทั้งหมดด้านหลังเขาก็สีหน้าจริงจัง ขณะน้อมรับโองการเสียงทุ้มต่ำ จิตสังหารวูบหนึ่งก็ปะทุจากร่างพวกเขา
หวนสู่อนัตตาสำนักอื่นเผ่าอื่น เวลานี้ก็ล้วนก้มหน้าให้กับป้ายฐานะ
หนึ่งชั่วยามต่อมา กองทัพพันธมิตรที่ตั้งกลุ่มขึ้นโดยผู้อาวุโสใหญ่โถงครองกระบี่มณฑลรับเสด็จราชัน การรวมกลุ่มก็เสร็จสิ้น
ต่างเผ่าของทะเลต้องห้ามที่มาช่วยสะกดแดนต้องห้ามมรณะเหล่านั้น พวกเขาไม่ยินดีจะเข้าร่วมสงครามนี้ จึงบอกลาแล้วจากไป สำหรับพวกเขา โถงครองกระบี่ก็ไม่ได้สร้างความลำบากใจให้ แต่ยังน้อมส่งด้วยความเกรงใจ
ส่วนในมณฑลรับเสด็จราชันก็ไม่ได้เข้าร่วมด้วยทั้งหมด นอกจากบางสำนักบางเผ่าที่มีบางส่วนเหลือไว้คุ้มกัน ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่ถูกส่งไปที่แดนต้องห้ามมรณะ เก็บงานขั้นสุดท้าย
ในนี้ด้วยภารกิจของผู้อาวุโสใหญ่ นายท่านเจ็ดและจื่อเสวียนถูกร้องขอให้คอยดูแลคุ้มกัน คอยจัดการการเก็บกวาดงานในแดนต้องห้ามมรณะ ไม่จำเป็นต้องเข้าสู่สนามรบ
หลังจากสวี่ชิงได้ยินภารกิจนี้ ก็มองไปทางผู้อาวุโสใหญ่ผาดหนึ่ง เขาเข้าใจดี นี่อาจจะเกี่ยวข้องกับตน ถึงอย่างไรในสนามรบก็เสี่ยงมาก
สวี่ชิงยอมรับเรื่องนี้
ส่วนที่เหลือ เข้าร่วมกองทัพพันธมิตร และกองพลของเจ็ดเนตรโลหิตในบรรดานี้ ก็มีเสี่ยเลี่ยนจื่อเป็นผู้นำ
ขณะเดียวกันด้วยการผลักดันของผู้อาวุโสใหญ่ อำนาจของวิเศษเวทต้องห้ามสำนักต่างๆ ในมณฑลรับเสด็จราชันก็ผสานกับของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครอง ทำให้บนท้องฟ้ามณฑลรับเสด็จราชัน ปรากฏตาข่ายยักษ์สีทอง หลังจากปกคลุมอาณาเขตทั้งหมด พลังของวิเศษเวทต้องห้ามเมืองหลวงเขตปกครองจึงแข็งแกร่งขึ้นอีกส่วนหนึ่ง การสำแดงในสนามรบทางตะวันตกและทางเหนือทั้งสองแห่งก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้น
กองทัพพันธมิตรของมณฑลรับเสด็จราชัน ก็เริ่มเคลื่อนพลไปยังมณฑลบังคับจำนนเช่นนี้
ทอดสายตามองไป อาวุธเวทลอยฟ้าขนาดใหญ่หลายลำหวีดหวิวอยู่บนท้องฟ้า จำนวนนับหมื่น ด้านหลังยังมีอาวุธเวทขนาดเล็กอีกมากมายมหาศาล บรรทุกกองทัพขนาดใหญ่ของมณฑลรับเสด็จราชัน ยิ่งใหญ่เกรียงไกรระหว่างฟ้าดิน
ทุกจุดที่แล่นผ่าน แรงกดดันแผ่ซ่าน บดบังฟ้าตะวัน อานุภาพประดุจสายรุ้ง