ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 553 คนหนุ่มสาวไม่พิถีพิถันคุณธรรมของผู้บำเพ็ญ (1)
บทที่ 553 คนหนุ่มสาวไม่พิถีพิถันคุณธรรมของผู้บำเพ็ญ (1)
ตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดที่ปรากฏขึ้นในหมอกแห่งชะตาแทนที่ร่มดำใหญ่ กำลังส่องแสงสว่างเจิดจ้า
แม้หน้าปัดของมันจะเป็นหยก แต่เมื่องดวงไฟวูบไหว ก็เหมือนมีความรู้สึกเช่นผลึกวารีอยู่เลาๆ แสงจ้าแยงตา ราวกับเป็นสมบัติล้ำค่า
สิ่งที่สวี่ชิงรู้สึกได้ว่าวัสดุคล้ายกับผลึกวารีสีม่วงของตน ราวกับตะเกียงแห่งชีวิตนี้เป็นส่วนขยายของผลึกวารีสีม่วงอย่างหนึ่ง
จุดนี้ พิสูจน์ได้จากการสั่นระริกอย่างรุนแรงรวมถึงการดิ้นรนกระเสือกกระสนของนิ้วเทพเจ้าที่หลับใหลอยู่ในวังสวรรค์ติงหนึ่งสามสองตอนนี้
ผลึกวารีสีม่วงดั่งปรากฏพร้อมกับนาฬิกาแดด ปรากฏการเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
ส่วนเรื่องรายละเอียด สวี่ชิงก็ยังยากจะเข้าใจ
แต่เขาสัมผัสถึงเข็มนาฬิกาที่เหมือนกับเดือยกระดูกบนนาฬิกาแดด ที่แผ่คลื่นพลังคล้ายมาจากต้นกำเนิดเดียวกันกับตนได้อย่างชัดเจน นี่ถึงเป็นการเปลี่ยนแปลงทางสายโลหิตของเขา!
ส่วนเข็มนาฬิกานี้ มองผ่านๆ ก็เป็นเข็มเล่มหนึ่ง แต่ความจริงที่ปลายแหลมนั้นมีรูปสลักขนาดเล็กอยู่รูปหนึ่ง
หากขยายใหญ่ขึ้นหลายเท่า จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่านั่นคือเก้าอี้สีม่วงที่ดูปกติมากๆ ตัวหนึ่ง
สวี่ชิงดวงตาแข็งค้าง
ส่วนดวงไฟที่ลอยอยู่รอบๆ เข็มนาฬิกาประหนึ่งดวงอาทิตย์ ขณะที่เวียนวนรอบเข็มช้าๆ ก็สร้างเงามืด ตกกระทบลงบนหน้าปัดนาฬิกา
และบนเครื่องหมายทั้งสิบสองชั่วยามที่ซับซ้อนก็กำลังเคลื่อนไหวช้าๆ อย่างเห็นได้ชัดยิ่งเช่นกัน
ใจของสวี่ชิงซัดโหมอย่างรุนแรง
เขาคาดเดาว่าทำไมตะเกียงแห่งชีวิตที่ตนเองสร้างจึงมีรูปร่างเช่นนี้ขึ้นมาได้รางๆ
ทุกอย่าง เกี่ยวข้องกับผลึกวารีสีม่วงอย่างมาก
‘นี่คือการสะท้อนให้เห็นการผสานกันระหว่างผลึกวารีสีม่วงกับสายโลหิตของข้าหรือ
‘ทั้งกลิ่นอายเช่นนั้นอีก…’
สวี่ชิงพึมพำในใจ ตะเกียงแห่งชีวิตของเขาตอนนี้แผ่กลิ่นอายที่คล้ายกับขวดแห่งกาลเวลาออกมาจากการเคลื่อนที่ของเงาเข็มนาฬิกา
ทว่าไม่ตรงกับกาลเวลาของโลกภายนอก
ขณะที่มันหมุนเวียน พลานุภาพยิ่งใหญ่มหาศาลก็ปะทุด้านใน ส่งผลกระทบกับทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง ทำให้ทะเลความรู้สึกตีเกลียว
ส่งผลกระทบกับกายเนื้อของสวี่ชิง ทำให้กายเนื้อสั่นสะท้าน
ทั้งยังส่งผลกระทบกับโลกภายนอก ทำให้คลื่นวนพันจั้งขณะที่หมุนวนครืนครันก็ตัดขาดจากรอบทิศ และทำให้กาลเวลาในที่แห่งนี้ระยะพันจั้งเคลื่อนไปตามจังหวะของสวี่ชิง
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความวุ่นวายสับสนที่ปะทุขึ้นที่ชายขอบระหว่างภายนอกและภายระยะหนึ่งพันจั้งราวกับกลายเป็นโลกสองใบ บิดเบี้ยวไปหมด
นี่คือปรากฏการอันเนื่องมาจากกฎเกณฑ์ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ปะทะกับสิ่งที่มันแผ่ซ่านออกมาเสี้ยวขณะที่ตะเกียงแห่งชีวิตดวงใหม่เกิดขึ้นในฟ้าดิน ตะเกียงแห่งชีวิตที่แตกต่างกัน ปรากฏการณ์ก็จะแตกต่างกัน ล้วนเป็นแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่ยอมรับมัน
ภาพนี้ มีคนน้อยที่จะมองที่มาออก ถึงอย่างไรนับตั้งแต่โบราณมา คนที่เห็นภาพนี้ด้วยตัวเองมีอยู่น้อยถึงน้อยมาก
และสวี่ชิงในพันจั้งตอนนี้กำลังนั่งขัดสมาธิ ทั่วร่างเปล่งแสงสีม่วง ความลึกลับวูบหนึ่งแผ่กำจายจากร่างเขา ระลอกคลื่นในใจเขาก็กระเพื่อมโหมซัดยากจะสงบ
เขามองนาฬิกาแดดที่รวมอยู่ในทะเลความรู้สึก ไม่ว่าตะเกียงแห่งชีวิตนี้จะเกิดขึ้นจากการที่ผลึกวารีสีม่วงผสานกับสายโลหิตของเขาหรือไม่ แต่จากความรู้สึกต้นกำเนิดเดียวกันที่แผ่ซ่านออกมาจากนาฬิกาแดด ก็ทำให้สวี่ชิงกระจ่างแจ้งว่านี่คือตะเกียงแห่งชีวิตของเขาเอง
แตกต่างกับความรู้สึกตอนที่เขาได้รับตะเกียงแห่งชีวิตดวงอื่นๆ มาในอดีตอย่างสิ้นเชิง
ตะเกียงแห่งชีวิตดวงอื่น ต่อให้ผสานอยู่ในร่างสวี่ชิง แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับสายโลหิตของสวี่ชิงแม้แต่น้อย สำหรับสวี่ชิงแล้วเป็นแค่ของตาย
เขาใช้และยืมพลังได้ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจใช้ไปถึงระดับสูงอย่างเจ้าของตัวจริงได้
ดังนั้น สำหรับผู้บำเพ็ญแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ แม้ตะเกียงแห่งชีวิตจะเป็นของดี แม้จะเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ใช้ได้แค่ตอนที่อยู่ต่ำกว่าสมบัติวิญญาณเท่านั้น
เมื่อไปถึงระดับสมบัติวิญญาณก็จะไม่มีประโยชน์ กระทั่งยังต้องควักออกมาจากร่างเพื่อลดผลกรรมด้วย
นี่ก็เป็นความรู้สึกเดียวกันของผู้บำเพ็ญทุกคนที่ไม่ได้ผสานสายโลหิตกับตะเกียงแห่งชีวิตของคนอื่น
ตะเกียงแห่งชีวิตที่ถือกำเนิดขึ้นจากสายโลหิตของเขาดวงนี้ สามารถกลายเป็นเตาขนาดยักษ์ตอนอยู่ในระดับสมบัติวิญญาณได้ เป็นการสร้างรากฐานเช่นเดียวกับเจ้าเหนือหัวในระดับสมบัติวิญญาณของเขา
และด้วยเตาขนาดยักษ์นี้ หากสวี่ชิงเข้าสู่ระดับสมบัติวิญญาณ เขาสามารถใส่วัตถุทั้งหมดเข้าไปในสมบัติลับเพื่อหลอม ทำให้มันกลายเป็นวัตถุของตน ทำให้สมบัติลับของตนยิ่งใหญ่ขึ้น เดินสู่หนทางที่แข็งแกร่ง
นี่มีเพียงชนรุ่นหลังของเจ้าเหนือหัวจักรพรรดิโบราณเท่านั้น ถึงจะมีข้อได้เปรียบที่ไร้เทียมทานเช่นนี้
ส่วนสวี่ชิง กระทั่งพัฒนาไปอีกก้าวหนึ่ง เขาไม่ได้เป็นชนรุ่นหลังเจ้าเหนือหัวที่เพลิดเพลินไปกับลาภยศ แต่เขาเป็นผู้ที่บุกเบิกลาภยศ ดังนั้นตัวตะเกียงแห่งชีวิตยังมีความสามารถลึกลับยากคาดเดาอีกมากมาย ซึ่งเขาต้องไขให้กระจ่างทีละอย่าง
ขณะนี้ เขาสัมผัสได้แค่ว่าพลังของตะเกียงแห่งชีวิตของตนเกี่ยวข้องกับกาลเวลาเท่านั้น
ส่วนพลานุภาพ เขายังไม่ได้ทดสอบ แต่ในสัมผัสรับรู้ก็ทำให้เขาเข้าใจว่าตะเกียงแห่งชีวิตของตนคล้ายคลึงกับตะเกียงแห่งชีวิตที่มีพลังการรบดวงอื่น ไม่ใช่ประเภทที่มีพลังน่าครั่นคร้ามในพริบตา ที่สามารถมองเมินผู้บำเพ็ญและสยบไปทั่วสารทิศ
สวี่ชิงรู้สึกเสียดายเล็กน้อย
แต่เขาก็เข้าใจว่านั่นไม่ใช่ความเป็นจริง
‘ตะเกียงแห่งชีวิตของตนเองกับตะเกียงแห่งชีวิตของคนอื่น จุดที่แตกต่างกันมากที่สุดคือความเป็นและความตาย ตะเกียงแห่งชีวิตของคนอื่นสำหรับข้าแล้วเป็นของตาย ไร้พลังแฝง ทำได้แค่ยืมพลังมาใช้เท่านั้น
‘แต่ตะเกียงแห่งชีวิตของข้า จะเป็นหนึ่งเดียวกับชีวิตของข้า มันมีพลังแฝงที่ไร้ขีดจำกัด และเติบโตไปด้วยกันกับข้า
‘ส่วนพลังกาลเวลาของมัน คงมาจากผลึกวารีสีม่วง’
สวี่ชิงครุ่นคิด ส่วนรายละเอียด เขารู้ว่าสภาพแวดล้อมที่ตนอยู่ในตอนนี้ไม่เหมาะจะจมดิ่งกับความคิด ถึงอย่างไรรอบด้านของคลื่นวนพันจั้งนี้ ก็ดึงดูดความสนใจมากเกินไป
และหลิงเอ๋อร์ก็ส่งเสียงอย่างร้อนรน
“พี่สวี่ชิงรีบหนีเร็ว คนชั่วมาแล้ว คนชั่วมากมายเต็มไปหมด!”
เสียงของหลิงเอ๋อร์แฝงความตึงเครียด แม้ลางสังหรณ์วิถีสวรรค์ของสวี่ชิงจะรุนแรง แต่หลายวันมานี้ก็เป็นเช่นนี้มาตลอด ตอนนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไรนัก นี่จึงอธิบายได้ว่าสัมผัสของหลิงเอ๋อร์เฉียบคมแม่นยำยิ่งกว่า
ขณะเดียวกันก็เก็บผลึกสีแดงที่ตกผลึกบนร่างกายหลังจากสร้างตะเกียงแห่งชีวิตหลายเม็ดทั้งหมด
ครั้งนี้ จำนวนของผลึกที่ปรากฏไม่น้อยเลย เพียงพริบตาก็ปรากฏออกมาถึงยี่สิบกว่าเม็ด
คลื่นวนในอาณาเขตพันจั้งก็ค่อยๆ หมุนวนช้าลงจากการจากไปของเขา
หลังจากสวี่ชิงจากไปสามชั่วยาม คลื่นวนก็สลายไป ไม่นานนัก ผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องกลุ่มหนึ่งก็แล่นหวีดหวิวมาจากทะเลเพลิงสวรรค์ไกลๆ
เสี้ยวขณะที่ใกล้มาถึงที่นี่ แม้คลื่นวนจะสลายไป แต่พลังที่เหลืออยู่ก็ยังคงน่าตื่นตะลึง ผู้บำเพ็ญเงาคันฉ่องเหล่านั้นเพิ่งจะเข้าใกล้ ก็มีคนร้องอย่างตกใจทันที
“ที่นี่ไม่ชอบมาพากล!”
ระหว่างที่กล่าว ผู้ที่ตกใจก็ถอยอย่างรวดเร็ว ร่างที่เขาสิงอยู่ ตอนนี้เริ่มแห้งเหี่ยวอย่างเห็นได้ด้วยตาเนื้อ ไม่ได้ถูกช่วงชิงพลังชีวิต แต่เป็นพลังชีวิตหายไป!
ภาพนี้ ทำให้ผู้นี้หน้าเปลี่ยนสี
ผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องตนอื่นต่างสูดลมหายใจ
“ที่นี่ไม่ผู้แข็งแกร่งมาจุติ ก็มีสมบัติลึกลับบางอย่างปรากฏขึ้นใต้ทะเลเพลิงสวรรค์ เกี่ยวข้องกับกาลเวลา นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก!
“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่เข็มทิศก็จับสัมผัสได้ว่ามีผลึกเพลิงสวรรค์ระดับสูงปรากฏขึ้นยี่สิบกว่าเม็ดในคราวเดียว จำนวนขนาดนี้…ก่อสงครามได้เลย!”
หลังจากกลุ่มคนมองตากัน สายตาเผยความครั้นคร้ามรวมถึงความละโมบออกมา
“ราชครูอยู่ระหว่างทาง พวกเราไปตรวจสอบกันก่อน!”
“แจ้งบอกเผ่าเราที่อยู่ในทะเลเพลิงสวรรค์ทั้งหมดให้มาที่นี่ทันที!”
ผู้บำเพ็ญเงาคันฉ่องเหล่านี้ หลังจากส่งสื่อเสียงแล้วก็แยกย้ายทันที ต่างออกสำรวจ
ขณะเดียวกัน ไม่เพียงแค่ผู้บำเพ็ญเผ่าเงาคันฉ่องเท่านั้นที่มา ที่ไกลๆ ยังมีผู้บำเพ็ญอีกมากมาย หลังจากสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเข็มทิศ แต่ละคนก็หายใจหอบถี่ รีบทะยานมาที่แห่งนี้
บ้างก็มาคนเดียว บ้างก็มาเป็นกลุ่ม ในบรรดานี้จำนวนมากที่สุดคือเผ่าผืนนภา พวกเขามาจากอีกด้านหนึ่ง กำลังพุ่งตรงมาที่นี่
ส่วนสวี่ชิงตอนนี้ ลางสังหรณ์วิถีสวรรค์รุนแรงอย่างมาก เสียงของหลิงเอ๋อร์ก็สั่นเทา รีบเอ่ยว่า
“พี่สวี่ชิง คนมาเยอะมากเกินไปแล้ว และข้าก็สัมผัสได้ว่าที่ไกลยิ่งกว่า มีตัวตนที่แข็งแกร่งมากๆ สองตนกำลังไล่มา”
สวี่ชิงขมวดคิ้ว เขาคิดถึงคลื่นวนที่ตะเกียงแห่งชีวิตของตนก่อขึ้นเป็นอันดับแรกที่ดึงดูดความสนใจจากทั้งแปดทิศ แต่สิ่งนี้ก็อธิบายเรื่องลางสังหรณ์วิถีสวรรค์หลายครั้งก่อนหน้านี้ไม่ได้
‘หรือจะเป็นเจ้าผลึกสีแดงนั่น’
สวี่ชิงครุ่นคิด แต่ในพริบตานั้น เขาก็ชะงักไป ยกมือขวาขึ้นแตะหินหนืดด้านบน
แทบจะพริบตาที่เขาแตะ พลังมหาศาลวูบหนึ่งก็พุ่งจากเหนือทะเลเพลิงลงมา กลายเป็นหน้ากากขนาดยักษ์อันหนึ่ง จมลงมาในหินหนืด สัมผัสกับฝ่ามือของสวี่ชิง
ขณะที่ส่งเสียงครืนครัน หินหนืดที่นี่ร้อยจั้งก็ยุบลงมาหนึ่งจั้ง เปลวเพลิงสาดกระเซ็นไปรอบด้าน เผยร่างสวี่ชิงออกมา
และแรงกดดันที่มาจากในทะเลเพลิง ขณะที่อีกฝ่ายด้านบนฟาดพลังลงมา ก็คล้ายกับลูกโป่งที่ถูกบีบอัด ปรากฏเค้าลางว่าจะแตก
พริบตาต่อมา สวี่ชิงทะยานขึ้นกลางอากาศ หินหนืดทะเลเพลิงโหมขึ้นมา ขณะที่ส่งเสียงสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน ก็แบ่งบานเป็นดอกไม้เปลวเพลิงขนาดยักษ์ดอกหนึ่ง
ขณะที่เปลวเพลิงโปรยปรายไปรอบทิศราวสายฝน สวี่ชิงก็เห็นผู้ที่ลงมือกับตนยืนอยู่กลางอากาศ
เป็นผู้บำเพ็ญเผ่าผืนนภาผู้หนึ่ง ร่างสูงใหญ่เกือบเจ็ดจั้ง ทำให้เขาที่อยู่บนท้องฟ้า เปี่ยมไปด้วยพลานุภาพทรงพลัง โดยเฉพาะเกราะสีทองทั้งร่าง ทำให้เขาที่อยู่ในแสงสีเพลิงนี้ สะท้อนแสงเจิดจ้าแยงตา
พลังบำเพ็ญก็ไม่ธรรมดา เจ็ดปราณก่อกำเนิดในกาย กลายเป็นหน้ากากขนาดยักษ์เจ็ดอันอยู่นอกร่าง ทุกอันกำลังหลับตา ระดับปราณก่อกำเนิดสองทัณฑ์ระดับสูงสุด และเหมือนอยู่ห่างจากทัณฑ์ที่สามไม่ไกล
ที่โจมตีสวี่ชิงเมื่อครู่ คือหนึ่งในนี้
“ทำตัวลับๆ ล่อๆ ดำผุดดำว่ายอยู่ในหินหนืด เผ่ามนุษย์ต้อยต่ำอย่างเจ้า คิดจะใช้สิ่งนี้หลบเลี่ยงการค้นหารึ”
ผู้บำเพ็ญเผ่าผืนนภาตนนี้มองสวี่ชิงอย่างเย็นชา หน้ากากบนหน้าถักทอขึ้นจากเส้นใยหลากสีจำนวนมหาศาล ตอนนี้ที่ตำแหน่งดวงตาทั้งสองมีเส้นใยหมุนวน ก่อเป็นคลื่นวนสองวง กลายเป็นดวงตา
ดวงตานี้ไม่ธรรมดา มีพลังพิเศษ นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเขาถึงเห็นสวี่ชิงที่อยู่ใต้หินหนืด
ผู้บำเพ็ญเผ่าผืนนภาจ้องสวี่ชิงเขม็ง ก้าวมาทีละก้าว เอ่ยเสียงราบเรียบ
“เช่นนั้นดูท่า คงเป็นเจ้าที่เอาผลึกเพลิงสวรรค์ไปสินะ”
“ข้าอยากได้แค่ห้าเม็ด ให้ข้า แล้วข้าจะทำเป็นไม่เห็นเจ้า เจ้าลองคิดดูดีๆ ไม่นานนักหรอก ผู้บำเพ็ญมากมายที่นี่ล้วนกำลังค้นหา”
ใครก็ตามที่เผชิญหน้ากับคำกล่าวเช่นนี้ สภาพแวดล้อมเช่นนี้ เว้นเสียแต่พลังบำเพ็ญเพียงพอที่จะบดขยี้ ไม่เช่นนั้นคงชั่งน้ำหนักเล็กน้อยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นพริบตาที่กล่าวประโยคนี้ออกมา ร่างของเผ่าผืนนภาก็ไหววูบฉับพลัน
เขาปะทุความเร็วขึ้นในพริบตา โหมพลังที่น่าตกตะลึงพุ่งทะยานไปหาสวี่ชิง
เข้าประชิดในพริบตาอย่างรวดเร็ว ใช้ขณะที่สวี่ชิงกำลังชั่งน้ำหนัก เพียงแต่ความคิดของเขาสูญเปล่า เพราะสวี่ชิงไม่ได้ชั่งน้ำหนักอันใด ลงมือพร้อมกัน
สำหรับสวี่ชิง คำกล่าวเช่นนี้ไม่ควรค่าให้เอ่ยถึง เขามองความคิดอีกฝ่ายออกอย่างชัดเจน
ชั่วพริบตา ที่แห่งนี้ก็ส่งเสียงครืนครัน เผ่าผืนนภาตนนั้นถอยไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าเปลี่ยนไป แววตาฉายประกายประหลาด
“สิบสามปราณ ตะเกียงแห่งชีวิตห้าดวง!!”
“มิน่าข้าถึงได้รู้สึกว่าค่อนข้างผิดปกติ เจ้าไม่ใช่คนจากแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา!”