ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 560 ผู้อาวุโส ข้าไม่อร่อยจริงๆ ขอรับ! (1)
เหนือทะเลเพลิงสวรรค์ ตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดล่องลอย แผ่แสงสีแดงไร้ที่สิ้นสุดออกมา ราวกับเลือดสดซ่านกระเซ็นไปทั่วสารทิศ เสียงตึกตักที่มาจากหัวใจ ดังก้องไปทั้งฟ้าดิน
ผู้บำเพ็ญที่เห็นภาพนี้ทั้งหมดล้วนใจสั่นสะท้าน ไม่กล้ามองตรงๆ คุกเข่าคารวะจากที่ไกลๆ รีบร้อนทะยานจากไป
ตำหนักเทพไม่สนใจแม้แต่น้อย
สำหรับตำหนักเทพ พวกนั้นเป็นเพียงเนื้อแกะเท่านั้น เดิมก็เลี้ยงปล่อยอิสระ ดังนั้นให้เคลื่อนไหวเสียหน่อย เลือดลมก็จะยิ่งดี
เวลานี้ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพบนอุกกาบาตยังคงหลับตาอยู่ ส่วนในตำหนักเทพบนหัวใจ มีร่างในชุดคลุมสีแดงเจ็ดร่างกำลังนั่งสมาธิอยู่เช่นกัน
เจ็ดคนนี้มาจากหลายเผ่า ในบรรดานี้มีหกตนอยู่ด้านล่าง หนึ่งตนอยู่ด้านบน
ผู้ที่อยู่ด้านบนคือเผ่าปีกทะยาน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยขนนกของเขาไร้อารมณ์ คลื่นพลังหวนสู่อนัตตาทั้งร่างเดี๋ยวชัดเดี๋ยวเลือน ส่วนหกตนด้านล่าง ล้วนเป็นหญิงสาวสวมชุดแดงเหมือนกัน พลังบำเพ็ญในในระดับสมบัติวิญญาณ
พวกเขากำลังเฝ้ารอ เฝ้ารอสหายกลับมา
ภารกิจให้อาหารและทำให้กับผนึกต้องห้ามเสถียรเช่นนี้ จะเกิดสัญลักษณ์ยุ่งยากบางอย่างขึ้นมา ดังนั้นปกติผู้ที่ไปทำภารกิจจะเป็นผู้ที่ไม่ได้รับความสำคัญจากตำหนักเทพ
แม้จะตรวจสอบประสาทสัมผัสเทพไม่ได้เพราะการตัดขาดของหินหนืด อีกทั้งเวลาที่รอจะนานสักเล็กน้อย แต่ไม่ได้ล่าช้ามากนัก และฐานะรวมถึงความคิดของพวกเขาแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่คิดว่าจะมีสิ่งไม่คาดคิดเกิดขึ้น
ดังนั้น ตอนนี้คนเหล่านี้จึงยังนั่งสมาธิ
แต่ที่พวกเขาไม่รู้ก็คือ ตอนนี้ใต้หินหนืดหนึ่งพันจั้ง สหายของพวกเขา สีหน้าหญิงสาวชุดแดงคนนั้นกำลังเปลี่ยนไปอย่างมาก ในใจโหมคลื่นน่าตื่นตะลึง
ด้วยจิตสังหารรุนแรงในใจสวี่ชิง ใช้ปราณก่อกำเนิดพระจันทร์สีม่วงในร่างกายก็ควบคุมค่ายกลพระจันทร์สีชาดที่ติดตั้งที่นี่ได้ในพริบตา เพียงโบกมือยักษ์สีแดงเจ็ดแปดข้างก็ปรากฏขึ้นมา พุ่งเข้าหาหญิงสาวชุดแดงคนนั้นอย่างรวดเร็ว
ช่วงวิกฤติสำคัญ หญิงสาวชุดแดงใจสั่นสะท้านอย่างบ้าคลั่ง นางรู้ดีว่าอำนาจของตนไม่อาจเปรียบกับอีกฝ่ายได้ หากตนไม่มีป้ายของบรรพจารย์ เกรงว่าแม้แต่คุณสมบัติต่อต้านก็ไม่มี
และข้อได้เปรียบเดียวของนางเวลานี้ ก็คือพลังบำเพ็ญ
นางที่อยู่ในช่วงหล่อเลี้ยงมรรคาดวงดาราเจิดจรัส ก็ใกล้จะก่อวิถีสวรรค์สำเร็จแล้ว ความแข็งแกร่งของพลังต่อสู้นาง เพียงพอจะสะกดผู้บำเพ็ญปราณก่อกำเนิดทั้งหมด
‘ให้ตายเถอะ ถ้าไม่ได้อยู่ที่นี่ ข้าคงบีบคนผู้นี้ให้ตายได้ง่ายๆ ไปแล้ว!’
หญิงสาวชุดแดงสองมือทำปาง เส้นเลือดแผ่ลามในดวงตา ดันออกด้านนอกอย่างแรง ฉับพลันด้านหลังนางก็มีสมบัติลับคลังหนึ่งปรากฏออกมา พ่นเพลิงพายุสายอัสนี จะสังหารไปเบื้องหน้า
พริบตาที่ปะทะกับมือยักษ์สีเลือดเจ็ดแปดข้าง
เสียงครืนครันก็ดังออกมาจากใต้หินหนืด หญิงสาวชุดแดงกระอักเลือด มือยักษ์เจ็ดแปดข้างนั้นสลายหายไปจากการแทรกแซงของป้ายรวมถึงการต้านทานจากพลังนางเอง
“ไม่ว่าเจ้าจะมาจากที่ใด ไม่ว่าเพราะอะไรเจ้าจึงมีอำนาจเทพเช่นนี้ แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังอ่อนแออยู่ดี!”
หญิงสาวชุดแดงพ่นเลือดสดออกมา ขณะที่เอ่ยอย่างกราดเกรี้ยว ดวงตาก็เปล่งประกายเย็นวาบ นางเลิกหนีแล้ว เตรียมลงมือจับกุม
คิดว่าหากจับอีกฝ่ายได้ เรื่องนี้จะต้องสั่นสะเทือนไปทั้งตำหนักพระจันทร์สีชาดแน่ ถึงตอนนั้น ความชอบของตนจะต้องน่าครั่นคร้ามแน่นอน
คิดถึงจุดนี้ ดวงตาหญิงสาวชุดแดงก็ฉายแววเด็ดขาด ขณะโบกมือสมบัติลับนอกร่างก็แปรเปลี่ยนอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ในนั้นมีเสียงคำรามลอดออก ราวกับอสูรยักษ์ในสมบัติลับจะพุ่งออกมาอย่างรวดเร็ว พลังน่าหวาดหวั่นแผ่ซ่านไปทั้งแปดทิศ ปกคลุมไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงขมวดคิ้ว รู้สึกเสียดาย
ผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาดที่นี่แข็งแกร่งมากจริงๆ เพียงแต่ด้วยอำนาจเทพที่สวี่ชิงมีในตอนนี้ เกรงว่าระดับน่าจะสูงกว่าป้ายของอีกฝ่าย แต่ถึงอย่างไรก็ยังไม่มีกำลังมากพอ
เขาเคลื่อนพลังผนึกต้องห้ามมากกว่านี้ไม่ไหว
ตอนนี้เห็นว่าสมบัติต้องห้ามของอีกฝ่ายเข้ามาใกล้ พลังสะกดที่น่าตกตะลึงปะทะใบหน้า ร่างกายเขายังดี แต่จิตวิญญาณกลับสั่นสะท้าน แผ่วิกฤตเป็นตายรุนแรงออกมา
ดวงตาสวี่ชิงฉายแววเด็ดขาด พลันโบกสองมือ ทั้งร่างก็เปล่งแสงสีม่วงวูบวาบในทันตา ปราณก่อกำเนิดพระจันทร์สีม่วงปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ กลายเป็นพระจันทร์สีม่วงดวงหนึ่ง!
เหนี่ยวนำผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาดมากมายในที่แห่งนี้มารวมกันเบื้องหน้าสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว กลายเป็นเกราะป้องกัน สกัดกั้นแรงกดดันที่มาจากสมบัติลับของหญิงสาวชุดแดง
เสียงครืนครันดังกึกก้องทันที หินหนืดรอบด้านก็แหวกม้วน ขณะที่กลายเป็นพื้นที่ว่างโล่ง หญิงสาวชุดแดงก็ถูกสกัดกั้นจนก้าวถอย
เส้นเลือดนางปูดโปนไปทั้งร่าง ดั่งไส้เดือนนับไม่ถ้วนกำลังเลื้อยอยู่ใต้ผิวหนัง ความพรั่นพรึงในใจรุนแรงยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มหาศาล
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”
หญิงสาวชุดแดงร้องเสียงหลงอีกครั้ง เสี้ยวขณะที่พระจันทร์สีม่วงปรากฏขึ้น ทำให้นางรู้สึกเหมือนเห็นเทพเจ้า กระทั่งร่างกายยังเกิดการตอบสนองที่ควบคุมไม่ได้ขึ้นมา เกิดอยากเข้าไปสักการะบูชาอย่างไร้สติ
หากพลังบำเพ็ญของนางไม่ได้กลายเป็นสมอ ทำให้เจตจำนงของตนมั่นคง เกรงว่านางคงจะทนไม่ไหวลงไปคุกเข่าคารวะแล้ว
ความรู้สึกเช่นนี้ ทำให้นางขนลุกชูชัน ราวกับในสมองมีอัสนีฟาดผ่านับหมื่นครั้ง
ส่วนทางสวี่ชิงก็ไม่ค่อยดีนัก แม้เขาจะใช้ผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาดสกัดกั้น แต่ความแตกต่างของพลังบำเพ็ญ ก็ยังทำให้เขาทนรับได้ยากยิ่ง ร่างกายยังพอไหว แต่หลักๆ คือจิตวิญญาณ
ความรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณถูกฉีกกระชาก ทำให้สวี่ชิงสมองอื้ออึง หน้ามืด เจ็บปวดอย่างยิ่ง
ราวกับมีดาบเล่มหนึ่ง แทงเข้ามาในสมอง และบิดไปมาไม่หยุด
ดวงตาสวี่ชิงมีเส้นเลือดปรากฏขึ้นมา แต่เขารู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่สำคัญยิ่ง จะผ่อนคลายไม่ได้เด็ดขาด จึงฝืนทนความเจ็บปวดจากการที่สมองถูกฉีกทึ้งฉีก สองมือประกบปาง
ปราณก่อกำเนิดพระจันทร์สีม่วงเหนือศีรษะเขาก็ทำปางเช่นเดียวกัน พลังพระจันทร์สีม่วงระเบิดขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นตาข่ายสีม่วงขนาดยักษ์ผืนหนึ่ง ดันตาข่ายยักษ์สีแดงที่นี่ครืนครันไปทางหญิงสาวชุดแดง
หญิงสาวชุดแดงสะกดความตื่นตะลึงและความหงุดหงิดในใจ กัดฟันกรอด เริ่มเผาไหม้สายโลหิตในร่างกาย ป้ายที่อยู่ในมือก็เผาไหม้เช่นกัน
“เทพจุติ!”
หลังจากที่แผดเผาทุกสิ่ง เสียงคำรามต่ำกราดเกรี้ยวก็ดังออกมาจากปากของหญิงสาวชุดแดง
เลือดหลั่งไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของนาง สีหน้าบิดเบี้ยวทรมาน ร่างกายปรากฏรอยปริแตกขึ้นหลายจุด เลือดสดหลั่งรินไม่หยุด อาบไปทั่วร่าง สภาพของนางนอกจากสองมือที่ไม่ได้ยกขึ้นมาปิดหน้าแล้ว ก็แทบไม่แตกต่างอะไรกับรูปปั้นพวกนั้นเลย
โดยเฉพาะพริบตาต่อมา ที่ดวงตาทั้งสองของนางระเบิดออกมา
สวี่ชิงเคยเห็นภาพนี้มาก่อน ตอนนั้นจางซืออวิ้นก็เป็นเช่นนี้
และท่ามกลางเสียงสะท้อนก้อง พลังที่ยิ่งใหญ่มหาศาลวูบหนึ่งก็ปะทุบนร่างหญิงสาวชุดแดงคนนี้ทันที
แม้ว่าชื่อหมู่จะอยู่ในห้วงนิทรา ไม่อาจมาจุติได้ แต่พริบตานี้ ผนวกกับป้ายและการแผดเผาร่างกายตัวเอง กลิ่นอายพลังวิเศษที่แผ่กำจายออกมาจากหญิงสาวชุดแดง ทำให้ผนึกต้องห้ามพระจันทร์สีชาดรอบด้านชะงักไป
อำนาจควบคุมของสวี่ชิงได้รับผลกระทบในพริบตา หยุดชะงักไป
ใช้โอกาสนี้ หญิงสาวชุดแดงพุ่งออกจากหินหนืดไปทันที สุดท้ายนางก็เลือกหนีออกจากที่นี่ พระจันทร์สีม่วงของสวี่ขิง ทำให้นางหวาดกลัวอย่างรุนแรง
ขอแค่นางได้พุ่งออกไป เมื่อสหายของนางสังเกตเห็นจะต้องลงมือแน่นอน แม้ความชอบจะถูกแบ่งไปบ้าง แต่ตอนนี้นางไม่มีทางเลือก นางกังวลว่าหากยืดเยื้อต่อไป พระจันทร์สีม่วงประหลาดนั่น จะทำให้นางคุ้มคลั่ง
เห็นว่านางจะพุ่งออกไป สายตาสวี่ชิงก็ฉายแววบ้าคลั่ง เขาไม่ยอมปล่อยให้คนผู้นี้หนีไปได้โดยเด็ดขาด จึงไหววูบ พุ่งไปหาอีกฝ่าย
เส้นใยสีทองในร่างกายยืดออกมา สูงสามจั้งในพริบตา สะกดไปทางนั้น
ดวงตาสีเลือดของหญิงสาวส่งเสียงครืนครันประหลาดออกมา ยกสองมือขึ้นโบกไปเบื้องหน้า ฉับพลันในสมบัติลับก็มีเปลวไฟสีดำหวยพุ่งออกมา กลายเป็นหน้าผีหน้าตาอัปลักษณ์ พุ่งไปกลืนกินสวี่ชิงอย่างโหดเหี้ยม
ร่างสวี่ชิงสั่นเทิ้มบ้าคลั่ง สลายจากสามจั้งกลับกลายเป็นขนาดคนปกติอีกครั้ง ปราณก่อกำเนิดของเขาสั่นสะท้าน พ่นกลิ่นอายวิญญาณออกมา จิตวิญญาณเขาใกล้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ
ยังดีที่ตะเกียงแห่งชีวิตสนับสนุนคุ้มครอง จึงไม่ได้แตกกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แต่สวี่ชิงทราบดี หากสัมผัสอีกครั้ง เกรงว่าจิตวิญญาณของตนจะทนรับต่อไปไม่ไหว ทว่าการสกัดสุดชีวิตของเขาครั้งหนึ่งก็มีประโยชน์สำคัญยิ่ง
หญิงสาวชุดแดงที่สมบัติลับอยู่ในระหว่างก่อวิถีสวรรค์ สุดท้ายนางก็ยังถูกถ่วงรั้งความเร็วไว้เล็กน้อย
ตอนนี้เอง ผลกระทบจากการที่เทพจุติทำให้ผนึกต้องห้ามที่นี่เริ่มอ่อนแอ การควบคุมของสวี่ชิง เริ่มฟื้นคืนกลับมา
ด้วยการควบคุมของเขา ผนึกต้องห้ามกลายเป็นมือยักษ์สีเลือดข้างหนึ่งอีกครั้ง คว้าหญิงสาวชุดแดงจากด้านล่าง
ในช่วงเวลาสำคัญ ดวงตาสวี่ชิงฉายประกายหม่น มองไปทางหญิงสาว
เข็มนาฬิกาตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดห้าดวงในร่าง ถูกดึงออกพร้อมกันในพริบตานี้
เวลาเชื่องช้าลง!
ตอนนี้เวลาที่เป็นของหญิงสาวชุดแดงถูกบีบให้ช้าลงอย่างเงียบเชียบ
ร่างของนางหยุดชะงัก ไม่มีปฏิกิริยาและไม่รู้ตัว
และการหยุดชะงักนี้ ก็คือความเป็นความตาย!
ชั่วพริบตา เสี้ยวขณะที่ร่างของหญิงสาวฟื้นคืนกลับมา มือใหญ่ผนึกต้องห้ามก็ครืนครันจากเบื้องล่าง คว้าร่างของนางเอาไว้ กระชากลงมาอย่างแรง
มือใหญ่ก็พุ่งออกมาต่อเนื่องในจำนวนที่มากกว่าเดิม จับซ้อนทับกันเป็นทอดๆ ลากลงไป
ฝืนหยุดเวลาของผู้แข็งแกร่งสมบัติวิญญาณคนหนึ่ง สำหรับสวี่ชิงแล้ว สิ่งที่ต้องแลกมหาศาลนัก ตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดของเขา ผุพังทันที กระทั่งเกิดรอยร้าวขนาดใหญ่ขึ้นหลายรอย
ขอแค่ไม่แตกสลาย สวี่ชิงคิดว่ายังฟื้นฟูได้ ตอนนี้เขาก็ไม่มีเวลาสนใจสิ่งเหล่านี้ ฝืนทนความเจ็บปวดจากการที่จิตวิญญาณถูกฉีกกระชาก สองมือทำปาง ควบคุมผนึกต้องห้ามรอบด้านอย่างต่อเนื่อง
พลังของผนึกต้องห้ามปะทุขึ้นไม่หยุด ลากหญิงสาวชุดแดงคนนั้นไปยังรอยแยกหุบเหวลึกของโลงศพ!
เสียงในรอยแยกหุบเหวลึก หลังจากที่สวี่ชิงปรากฏตัว ก็ไม่ดังออกมาอีกเลย ทว่าหลังจากสัมผัสภาพนี้ได้ ด้านในก็มีเสียงกลืนน้ำลายดังมาทันที
ในน้ำเสียงแฝงความปรารถนา แฝงความคุ้มคลั่ง
ส่วนหญิงสาวชุดแดงที่ถูกมือใหญ่นับไม่ถ้วนจับไว้ สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ระลอกคลื่นในใจซัดโหมรุนแรงยิ่งขึ้น ความรู้สึกวิกฤตเป็นตายทำให้นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ดวงตาฉายแววคุ้มคลั่ง
นางรู้ว่าหากถูกลากลงไปในหุบเหวลึกจะมีจุดจบอย่างไร ดังนั้นตอนนี้จึงดิ้นรนสุดกำลัง แต่ก็ทำได้แค่ประวิงเวลาออกไป สุดท้ายร่างกายก็ค่อยๆ เข้าใกล้หุบเหวลึกอยู่ดี
เห็นเป็นเช่นนี้ ความสิ้นหวังในดวงตานาง ปากส่งเสียงกรีดร้องแหลม ทั่วร่างปะทุเปลวเพลิง ไม่ใช่แค่กำลังแผดเผาพลังบำเพ็ญ แต่แผดเผาชีวิตของนางเช่นกัน
ใช้พลังทั้งหมดแฝงไปในเสียง กลายเป็นคลื่นเสียงระดับทำลายล้าง ทำให้หินหนืดรอบๆ สลายไปเป็นวงกว้าง พยายามแผ่ออกไปเพื่อขอความช่วยเหลือจากโลกภายนอก
สวี่ชิงก็กระอักเลือดภายใต้เสียงนี้ ดวงตาแดงก่ำ เห็นว่าหญิงสาวยังต่อต้านอยู่ หลังจากที่เขาคำนวณเวลาในใจ ก็พุ่งออกไปพลัน
สองอึดใจต่อมา สวี่ชิงก็เข้าใกล้หญิงสาวที่กำลังส่งเสียงร้องแหลมอย่างโหดเหี้ยม ยกสองมือขึ้น ใช้ร่างกายตนเป็นอาวุธเข้าพุ่งชน
ยิ่งถีบตัวเอง เร่งความเร็วให้หญิงสาวตกลงไปในหุบเหวลึก
และการสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นนี้ จิตวิญญาณของสวี่ชิงเริ่มแตกสลาย แต่เขาก็ยังอาศัยเจตจำนงอันแรงกล้าฝืนทนไว้ ช่วงเวลาอึดใจที่หก สุดท้ายก็เข้าไปในหุบเหวลึกพร้อมกับหญิงสาวชุดแดงที่สิ้นหวังจากการถูกมือใหญ่ผนึกต้องห้ามพันธนาการไว้!
พริบตาที่เข้าไป สวี่ชิงเห็นดวงตาขนาดยักษ์สีน้ำเงินคู่หนึ่งรวมถึงปากที่กว้างไร้จุดจบ
พริบตาต่อมา ก่อนที่จิตวิญญาณของสวี่ชิงจะแตกสลายทั้งหมด เขาก็ปะทุพลังนาฬิกาแดด
ย้อนกลับ!