ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 566 อำนาจเทพเจ้าเคราะห์หายนะ (1)
บทที่ 566 อำนาจเทพเจ้าเคราะห์หายนะ (1)
………………..
บนท้องฟ้ามืดมิด คลื่นวนหมุนวนไม่หยุด แต่กลับควบคุมอยู่ในบริเวณที่แน่นอนอยู่ตลอด แค่ปกคลุมเมืองศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับบริเวณอื่นมากนัก
เมืองศักดิ์สิทธิ์สองเผ่าอยู่ภายในคลื่นวนที่ส่งเสียงเลื่อนลั่นกึกก้องนี้ เคราะห์ภัยเกิดขึ้นอีกครั้ง
สมาชิกสองเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนในเมือง หลังจากผ่านการฟื้นคืนของคำสาปในร่างและการสังหารจากพิษต้องห้าม ทั้งยังมีการเผาไหม้จากเพลิงสวรรค์ แต่ละเหตุการณ์ล้วนแสนสาหัสนัก
และการหลุดพ้นจากวิกฤตของพวกบรรพจารย์ เพิ่งทำให้พวกเขาเกิดความหวัง แต่การลงมาเยือนของเทพเจ้าในเสี้ยวขณะต่อมาก็บดขยี้ความหวังนี้แหลกละเอียดทันที
ความสิ้นหวังตลบอวลไปทั่วทั้งเมือง
ผู้ที่สิ้นหวังด้วยยังมีผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณห้าตนที่เหลือบนท้องฟ้านั่น ระดับหล่อเลี้ยงมรรคาสามคนในนั้นถูกสะเทือนจนงุนงงเหม่อลอยเหมือนฝัน ภายใต้อำนาจเทพของนิ้วเทพเจ้าก็สูญเสียไปซึ่งพลังต้านทานทั้งหมด
กลัวจนสุดขีด สมองขาวโพลนไปแล้ว
แต่เจ้ารัฐทั้งสองเผ่านั่น จะอย่างไรพวกเขาก็เป็นผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณหนึ่งคลัง ในสมบัติลับมีมรรคาของตัวเองก่อกำเนิดแล้ว แม้คำสาปจะฟื้นคืนกลับมาจากพระจันทร์สีม่วง แต่ก็ยังคงรักษาสติรับรู้ของสมองเอาไว้ได้บ้าง
และเพราะสติรับรู้นี้ทำให้คความหวาดกลัวและตื่นตระหนกของพวกเขาตกตะกอนเป็นความสิ้นหวังที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
สุดท้ายแล้ว สมบัติลับของพวกเขามีเพียงแค่หนึ่งคลัง หากถึงระดับสมบัติลับห้าคลัง เป็นขั้นบริบูรณ์ของระดับสมบัติวิญญาณขั้นนี้ บางทีเวลานี้พวกเขาอาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะมีชีวิตรอดอยู่บ้าง
แต่ตอนนี้พวกเขาไม่มี ทำได้เพียงแค่มองร่างสูงใหญ่สามสิบจั้งนั่นตาปริบๆ หลังจากที่กลืนกินราชครูเผ่าเงาคันฉ่อง ก็ก้าวเดินมาทางพวกเขา
ประดุจพยัคฆ์ดุร้ายเดินไปทางละมั่งที่ตัวสั่นงันงก
เพียงพริบตา เงาร่างของนิ้วเทพเจ้าก็มาถึงข้างหน้าผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณขั้นหล่อเลี้ยงมรรคาเผ่าผืนนภาตนหนึ่ง ผู้บำเพ็ญตนนี้สีหน้าสับสนทำตัวไม่ถูก ร่างสั่นสะท้าน ปล่อยให้นิ้วเทพเจ้าเดินเข้ามาใกล้ ถูกมือใหญ่กดอยู่ที่ศีรษะ
‘มันคือสวี่ชิง มันคือสวี่ชิง ข้ากำลังกินสวี่ชิงอยู่!’ นิ้วเทพเจ้าคำรามในใจ มือใหญ่แผ่พลังดูดน่าครั่นคร้ามออกไป เพียงพริบตาร่างผู้บำเพ็ญขั้นหล่อเลี้ยงมรรคาคนนี้ก็กลายเป็นเถ้าธุลี
ปราณหมอกสีขาวเข้มข้นผสานไปในท้องของนิ้วเทพเจ้า แปรเปลี่ยนเป็นความผะอืดผะอมรุนแรง ทำให้ความโศกเศร้าโมโหในใจนิ้วเทพเจ้าพวยพุ่งขึ้นมาอีกครั้ง แสดงท่าทางอาเจียนออกมาอย่างอดไม่ได้
อาศัยโอกาสนี้ เจ้ารัฐสองเผ่าที่เป็นเหยื่อ บนร่างพลันปะทุระลอกคลื่นพลังรุนแรงออกมา
หลังจากที่พวกเขาดิ้นรน ในที่สุดก็เผยสมบัติลับออกมา ไม่มีเวลาให้สำแดงเคล็ดวิชา ตอนนี้พวกเขาทำได้เพียงแค่ใช้วิธีตรงๆ อย่างทุ่มสมบัติลับไปทางนิ้วเทพเจ้าอย่างรุนแรง
ยิ่งมีมรรคาที่เป็นของพวกเขาเองลอยขึ้นมาในสมบัติลับของพวกเขาแต่ละคน พุ่งตรงดิ่งไปหานิ้วเทพเจ้า
“ระเบิด!”
เจ้ารัฐทั้งสองเผ่าในดวงตาแดงก่ำ คำรามอย่าบ้าคลั่ง พลันถอยหลังไป ใช้ทุกอย่างหลบหนี
เสี้ยวขณะต่อมา สมบัติลับที่พวกเขาซัดไปหานิ้วเทพเจ้าแผ่ระลอกคลื่นพลังน่ากลัวออกมา บนนั้นเกิดรอยร้าวมากมาย แล้วพลันระเบิดออก
ขณะเดียวกันผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณหล่อเลี้ยงมรรคาสองคนจิตใจก็ฟื้นฟูกลับมาบ้างแล้ว ตอนนี้ขณะที่ตัวสั่นก็ปล่อยสมบัติลับหล่อเลี้ยงมรรคาของตัวเองออกมาเช่นกัน ทุ่มไปหานิ้วเทพเจ้า
ทันใดนั้นเสียงระเบิดกึกก้องทั่วฟ้า คลื่นพลังรุนแรง สมบัติลับวัตถุจริงสองคลังและสมบัติลับมายาสองคลัง ต่างระเบิดที่ร่างของนิ้วเทพเจ้า ก่อเป็นพลังน่าครั่นคร้ามกลุ่มหนึ่ง ระเบิดไม่หยุด ปกคลุมร่างมหึมาสูงสามสิบจั้งของสวี่ชิงเอาไว้ข้างใน
จากนั้น ผู้บำเพ็ญสมบัติวิญญาณสี่คนของความร่วมมือสองเผ่าไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ต่างหนีไปที่ไกล
จิตใจของพวกเขาสั่นสะท้าน ในสมองไม่มีความเป็นตายของเผ่าพันธุ์แล้ว แต่ละคนมีเพียงความยึดมั่นว่าจะหนีเอาชีวิตรอดอย่างไร
เพียงพริบตา เงาร่างของสี่คนก็แปรเปลี่ยนเป็นรุ้งยาว พุ่งตรงไปยังปลายขอบฟ้า
เพียงแต่ภาพแปลกประหลาดพลันปรากฏขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้เอง
ผู้ที่เกิดอาการผิดปกติก่อนคือราชครูเผ่าผืนนภา
ผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณที่อยู่ในขั้นหล่อเลี้ยงมรรคาตนนี้ เขากำลังทะยานออกไปพันจั้ง หลังจากออกห่างจากระลอกคลื่นของสมบัติลับที่พังทลาย ก็เอาของวิเศษชิ้นหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว
วัตถุชิ้นนี้ไม่ธรรมดา เป็นของวิเศษที่มีพลังมหาศาลในตัวเขา ไม่เพียงแต่เพิ่มความเร็วของเขาได้ ยังสามารถเคลื่อนย้ายได้เป็นระยะไกล ไกลกว่ายันต์ส่งข้ามและเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาของตัวเอง
หลังจากเอาออกมา เขาก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น ทำการกระตุ้นทันที
แต่ของวิเศษที่ปกติแล้วใช้ได้ปกติดี ตอนนี้กลับกระตุ้นล้มเหลว เหมือนว่าเป็นเพราะเขาลนลานเกินไป อีกทั้งการระเบิดของสมบัติลับ จึงเป็นเหตุให้พลังเวทในร่างมีปัญหา
หากเป็นเพียงเรื่องแค่นี้ก็แล้วไปเถิด ยังไม่นับว่าแปลกประหลาดอะไรเป็นพิเศษ เรื่องที่ทำให้จิตใจของเขาเกิดคลื่นลูกยักษ์ซัดโหมคือ หลังจากที่ของวิเศษชิ้นนี้กระตุ้นล้มเหลวก็เกิดรอยร้าว
เสี้ยวขณะต่อมาก็ส่งเสียงดังบึ้ม ระเบิดขึ้นมาเอง
เพียงแค่มันชิ้นเดียวก็ช่างเถิด แต่ของวิเศษหลายชิ้นที่อยู่บนคอและในตัวของราชครูคนนี้ต่างได้รับเศษพลัง ต่างระเบิดเองหมด
เสียงระเบิดและระลอกคลื่นพลังรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ท่วมจมเงาร่างเขาไปในนั้น
จากเสียงโหยหวนเวทนาที่ดังออกมา เขาบาดเจ็บสาหัสร่วงลงสู่พื้นโซซัดโซเซ ร่างที่เดิมก็อ่อนแออยู่แล้วหลังจากที่ระเบิดสมบัติลับเอง ทั้งยังผ่านการระเบิดของของวิเศษทั้งหมด ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บซ้ำซ้อน ท่ามกลามความตกใจสงสัยก็ทำได้แค่ดิ้นรนเท่านั้น
เขานั้นยังไม่นับว่าแปลกประหลาดที่สุด ตอนนี้แม่ทัพใหญ่เผ่าเงาคันฉ่องที่อยู่กลางอากาศ ขณะที่ทะยานหนีเอาตัวรอดบนท้องฟ้า จู่ๆ กลับหันหลังไปอย่างน่าแปลกประหลาด พุ่งตรงไปยังบริเวณพลังจากคลังสมบัติที่ระเบิดเองปกคลุมทางนั้น
เขาในฐานะที่มีพลังบำเพ็ญเท่ากับราชครู ความเร็วรวดเร็วนัก เพียงพริบตาก็พุ่งเข้าไปในนั้น…
แต่พวกเขาสองคนเปรียบเทียบกันแล้ว เจ้ารัฐเผ่าผืนนภาที่อยู่บนท้องฟ้า เรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเขามากพอที่จะทำให้ทุกคนสยดสยองพรั่นพรึง
เขากำลังทะยานอย่างบ้าคลั่งอยู่บนท้องฟ้า แต่เพียงพริบตา บนม่านฟ้าที่มืดมิดจู่ๆ ก็มีเพลิงสวรรค์กลุ่มหนึ่งปรากฏขึ้นมา
ต้องรู้ว่าเพลิงสวรรค์ได้จบสิ้นไปได้เดือนกว่าๆ แล้ว แม้จะมีเศษเสี้ยวหลงเหลืออยู่บ้างบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ล้วนไม่เกิดเป็นเคราะห์ภัยสาหัสร้ายแรง อีกทั้งอาณาเขตก็ไม่ได้กว้างมาก
โดยเฉพาะในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราที่กว้างใหญ่ไพศาลเช่นนี้ โอกาสที่เพลิงสวรรค์ที่หลงเหลือเหล่านี้จะร่วงลงมายังพื้นที่อาศัยของกลุ่มคนได้อย่างพอดีนั้นมีน้อยมาก
แต่ตอนนี้…เพลิงสวรรค์ที่ปรากฏบนท้องฟ้ามีขอบเขตถึงหลายร้อยจั้ง อีกทั้งยังพุ่งลงมายังบริเวณที่ศีรษะของราชครูเผ่าผืนนภาคนนั้นโผล่ออกมาอย่างพอดิบพอดีทันทีอีกด้วย
พลังเพลิงสวรรค์น่าหวาดหวั่นซัดลงมาทันที
ส่วนราชครูเผ่าผืนนภาคนนั้นก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน หลังจากที่สมบัติลับระเบิดกำลังรบยังเหลืออีกกว่าครึ่ง ตอนนี้ท่ามกลางความหวาดกลัวก็พลันทะยานออกไป แม้จะถูกเศษพลังซัดบ้าง ร่างลุกไหม้ส่งเสียงครางต่ำทุ้มออกมา แต่สุดท้ายก็หลบหลีกไปได้อย่างเฉียดฉิว
มองเพลิงสวรรค์ที่พุ่งลงมา ในยามที่ราชครูเผ่าผืนนภาคนนี้ในใจตกใจสงสัย เรื่องประหลาดที่เกิดกับเขาก็ยังไม่หมด
ในม่านฟ้าบนท้องฟ้า เกิดฟ้าแลบนับไม่ถ้วนอย่างน่าประหลาด ฟาดผ่ามาที่เขา
จำนวนมีมากถึงหมื่นกว่าทาง
เรื่องแบบนี้โดยพื้นฐานแล้วไม่มีทางเกิดขึ้น โอกาสน้อยมากๆ ตอนนี้กลับปรากฏขึ้นจริงๆ
ราชครูเผ่าผืนนภาคนนั้นรูม่านตาหดเล็ก ต้านทานอย่างบ้าครั้ง ท่ามกลางเสียงฟาดผ่ารัวเป็นชุด เขากระอักเลือดออกมา ร่างกายโซซัดโซเซ ในที่สุดก็หนีจากบริเวณสายฟ้าฟาดได้
แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้โล่งใจ ร่างของเขาจู่ๆ ก็หยุดชะงักกลางท้องฟ้า สีหน้าย่ำแย่ ในดวงตาฉายแววงุนงงทำอะไรไม่ถูก ในตอนที่ก้มหน้าลงไปช้าๆ ร่างของเขาก็แห้งเหี่ยวไปอย่างรวดเร็ว
คำสาปที่ฟื้นคืนในร่างของเขาเดิมถูกสะกดเอาไว้ แต่ตอนนี้เนื่องจากสมบัติลับระเบิด จากระลอกคลื่นพลังทุกอย่างของเขาหลังจากนั้น คำสาปก็พลันปะทุมาแผ่ปกคลุมไปทั้งร่าง
คำสาปของชื่อหมู่ ตายแน่อย่างไม่ต้องสงสัย
เสี้ยวขณะต่อมา ร่างของเขาท่ามกลางการแห้งเหี่ยวก็สลายกลายเป็นฝุ่นเถ้า ก่อนตาย เขามองคนอื่นๆ ผาดหนึ่ง คนอื่นๆ ล้วนไม่เป็นอะไร
ภาพนี้ทำให้ราชครูเผ่าผืนนภาที่ดิ้นรนบนพื้นคนนั้น ความตื่นตระหนกและหวาดกลัวในใจพุ่งถึงขีดสูงสุด
“เคราะห์หายนะ!!”
เสี้ยวพริบตาที่เสียงดังออกมา พลังส่งข้ามก็แผ่มาจากอีกทิศหนึ่งของท้องฟ้า
นั่นเป็นเจ้ารัฐเงาคันฉ่อง เขาใช้การกระทำเคลื่อนไหวทำลายผลของเคราะห์หายนะ บีบยันต์ส่งข้ามระยะไกลแหลกละเอียดอย่างไม่มีอาการผิดปกติใดๆ หายไปจากท้องฟ้าทันที
และหลังจากเรื่องทุกอย่างนี้ พลังอำนาจเทพของนิ้วเทพเจ้าแผ่ออกไปอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่สามสิบจั้งเดินออกมาจากระลอกคลื่นพลังระเบิดจากสมบัติลับคลังที่สี่
ตาเปล่ามองไป ร่างขององค์ท่านไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงทั้งสิ้น ยังคงประกายแสงสีทองพร่างพรายเจิดจ้า ไม่มีอาการบาดเจ็บแม้แต่น้อย เหมือนว่าการระเบิดของสมบัติลับสี่คลัง สำหรับองค์ท่านแล้วเป็นแค่ดอกไม้ไฟลูกเล็กๆ ก็เท่านั้น
แต่ความจริงแล้ว…ร่างขององค์ท่านตอนนี้เหี่ยวแห้ง เพื่อรักษาร่างนี้เอาไว้ องค์ท่านจำต้องใช้พลังเทพของตัวเอง นี่ทำให้องค์ท่านที่เดิมก็หิวอยู่แล้วตอนนี้หิวจนถึงขีดสุด ในดวงตาฉายแววจะกินคนออกมา
“หิวๆๆๆ!!”
นิ้วเทพเจ้าน้ำลายไหลอย่างไม่อาจควบคุมได้ ร่างเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปยังผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณที่ดิ้นรนอยู่บนพื้นที่ไกลๆ ท่ามกลางความสิ้นหวังของราชครูเผ่าผืนนภา นิ้วเทพเจ้าก็ประชิดเข้ามาอย่างรวดเร็ว กลืนกินลงไปในคำเดียว
ความหิวยังคงรุนแรงเช่นเคย เสียงกรอบแกรบที่ดังออกมาจากในร่างเขาราวกับเสียงฟ้าผ่า
ดังนั้น นิ้วเทพเจ้าจึงพลันหันไป ดวงตาฉายความเหี้ยมโหด มองไปทางเมืองศักดิ์สิทธิ์สองเผ่าทางนั้น สีหน้าฉายแววดิ้นรน
แต่ต่อให้เป็นอาหารที่รสชาติย่ำแย่เพียงใด เทียบกับความหิวสุดขีดในตอนนี้ก็ไม่นับเป็นเรื่องอะไรแล้ว
ดังนั้น องค์ท่านเพียงไหววูบก็มาถึงยังเหนือเมืองศักดิ์สิทธิ์ ท่ามกลางความสิ้นหวังของผู้คนทั้งสองเผ่า องค์ท่านอ้าปาก แล้วดูด
ทันใดนั้นคลื่นวนเหนือศีรษะองค์ท่านก็พุ่งลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ปกคลุมเมืองนี้เอาไว้
เสียงร้องโหยหวนนับไม่ถ้วน เสียงร้องน่าเวทนาขนลุก ในเสี้ยวขณะนี้ก็ดังมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน จะเห็นร่างของผู้คนในเผ่าจำนวนนับไม่ถ้วนถูกคลื่นวนดูด กลืนกิน
ขั้นตอนนี้ไม่นาน ก็แค่ครึ่งชั่วยามเท่านั้น เมืองสองเผ่า…โดยพื้นฐานว่างเปล่าแล้ว
“รสชาติแย่ แย่ แย่จริงๆ !” นิ้วเทพเจ้าคำรามอย่างโศกเศร้า เสียงดังไปทั่ว ท้องฟ้าเดือดพล่าน
ตวนมู่ฉางที่อยู่บนลานพิธีสังเวยมองเงาร่างกลางท้องฟ้า ไม่อาจเชื่อทุกอย่างที่เห็นเบื้องหน้าได้
‘เผ่ามนุษย์ที่อยู่ภายนอกแข็งแกร่งขนาดนี้เชียวหรือ’
ต่อให้ตวนมู่ฉางรู้ว่าความเข้าใจนี้ไม่ถูกต้อง แต่ก็เกิดความคิดนี้ผุดขึ้นมาอย่างอดไม่ได้อยู่ดี
ดีที่นิ้วเทพเจ้านับว่ายังมีสติอยู่บ้าง ไม่ได้กลืนกินเขาลงไป ตอนนี้หลังจากคำราม องค์ท่านก็พลันสัมผัสได้ เงยหน้ามองฟ้า อ้าปากกว้าง เหมือนกำลังรออะไร
ไม่นานนัก ระลอกคลื่นค่ายกลส่งข้ามลูกหนึ่งแผ่ซ่าน มีเงาร่างหนึ่งพลันปรากฏมาที่หน้านิ้วเทพเจ้า เป็นเจ้ารัฐเผ่าเงาคันฉ่องคนนั้นที่หนีไปนั่นเอง
เพียงแต่เขาในตอนนี้สะบักสะบอมน่าสมเพชนัก ร่างหายไปกว่าครึ่ง วิญญาณหลุดจากกระจกแตกสลาย กระจกที่เป็นร่างของตัวเองก็มีรอยร้าวแผ่ลามไปหมด เผยให้เห็นใบหน้าที่แฝงด้วยความสิ้นหวัง
เขาส่งข้ามสำเร็จแล้วจริงๆ นั่นแหละ แต่กลับปรากฏตัวใต้ทะเลเพลิงสวรรค์ จ่ายค่าตอบแทนมหาศาล เขาคิดอยากจะฝ่าออกมาจากทะเพลิงสวรรค์ แค่ก็เจอกับอสูรประหลาดในทะเลเพลิงสวรรค์
ท่ามกลางความจนปัญญา ต่อให้เขารู้ว่ามีเคราะห์หายนะลงมาเยือน แต่เพื่อที่จะมีชีวิตรอดต่อไปก็ทำได้แค่หาโอกาสทำการส่งข้ามอีกครั้ง
และการส่งข้ามครั้งที่สอง เขามาปรากฏตัวที่นี่
ท่ามกลางความสิ้นหวังและความโศกเศร้าโกรธแค้นพวยพุ่งขึ้นในใจ ปากมหึมาของนิ้วเทพเจ้าก็กัดเขาเอาไว้ ภายใต้การกัดคำนี้ก็สลายกลายเป็นเถ้าธุลี
จากนั้น นิ้วเทพเจ้าก็โก่งตัวอย่างอดไม่ได้ แสดงท่าทางอาเจียนต่อไป สีหน้าเต็มไปด้วยความโกรธแค้นต่อความไม่เป็นธรรม
จากนั้นก็ก้าวเท้าไปยังเมืองร้างที่อยู่ข้างล่าง