ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 583-2 เจ้ากลัว ข้าก็กลัวเหมือนกัน (2)
บทที่ 583-2 เจ้ากลัว ข้าก็กลัวเหมือนกัน (2)
ตรงนั้นมีคนเข้าแถวอยู่จำนวนหนึ่ง
จากคำเล่าลือปากต่อปากของร้านยาในเมืองดิน กิจการดีขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะขั้วอำนาจที่ผู้บำเพ็ญกลางคนนั้นซื้อยาแก้พิษไปจากเขา เนื่องจากคลี่คลายวิกฤตได้สำเร็จ จึงยิ่งเคารพนอบน้อมสวี่ชิงขึ้นไปอีก
ภายใต้การสยบกำราบจากพวกเขา ขั้วอำนาจเล็กมากมายไม่กล้ามาหาเรื่องร้านยา มีการคุ้มครองจากพวกเขา การซื้อขายยาลูกกลอนราบรื่นเป็นอย่างยิ่ง โดยพื้นฐานแล้วทุกวันล้วนขายลูกกลอนขาวได้ร้อยกว่าเม็ด
ดีที่สวี่ชิงมีตุนไว้ไม่น้อย บางทีก็ลงมือหลอม
ส่วนทางด้านสมุนไพรตัวเขานอกจากจะมีสะสมจากในหลายปีแล้วก็ยังมีรับซื้อจากข้างนอกด้วย
แม้สมุนไพรที่ได้มาจะไม่มากเท่าไร แต่เฉินฝานจัว ผู้บำเพ็ญกลางคนผู้นั้นก็มาบ้างเป็นบางครั้ง ทุกครั้งล้วนเกรงอกเกรงใจ เคารพนอบน้อม มอบสมุนไพรให้เป็นจำนวนไม่น้อย
บางครั้งสวี่ชิงไม่อยู่ หลังจากที่เขาส่งสมุนไพรให้แล้วก็รู้ว่าไม่เหมาะที่จะรบกวน ก็ประสานหมัดคารวะหลิงเอ๋อร์แล้วหันหลังจากไป
มีมารยาทรู้กาลเทศะเช่นนี้ทำให้ยากจะเกิดความอคติ อย่างเช่นตอนนี้ที่หน้าประตู เงาร่างของเฉินฝานจัวคนนี้ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เขาไม่ได้อาศัยตำแหน่งและพลังบำเพ็ญไม่เห็นหัวคนที่เข้าแถวอยู่ข้างนอก แต่รออยู่ข้างๆ
จนกระทั่งช่วงที่ว่าง เขาถึงเดินเข้ามาในร้านยา
“ท่านอาเฉิน” หลิงเอ๋อร์เงยหน้า เห็นผู้บำเพ็ญกลางคนก็ยิ้มพลางทักทาย
“แม่นางหลิงเอ๋อร์ ท่านปรมาจารย์ยังหลอมยาอยู่หรือไม่” เฉินฝานจัวเอ่ยถามอย่างเกรงใจ หลังจากวางถุงที่บรรจุสมุนไพรไว้จนเต็ม สายตาก็กวาดมองไปข้างหลัง
หลิงเอ๋อร์กำลังจะอ้าปาก แต่ข้างหลังคล้ายจะสัมผัสได้ ม่านห้องข้างหลังถูกเลิกขึ้น สวี่ชิงเดินออกมาจากในนั้น
“คารวะท่านปรมาจารย์” เฉินฝานจัวสีหน้าจริงจัง ประสานหมัดคารวะ
สวี่ชิงพยักหน้า สายตากวาดไปยังร่างของอีกฝ่าย ในใจเกิดความสงสัย
เฉินฝานจัวครั้งที่แล้วในกายมีพิษแต่จากการกินยาแก้พิษของเขา ตอนนี้พิษควรจะหายไปแล้วถึงจะถูก แต่ตอนนี้ดูแล้ว พิษไม่เพียงแต่ยังหลงเหลืออีกจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่ยิ่งกว่านั้นคือมีพิษใหม่ด้วย
“เจ้าอมไว้ในปาก โคจรพลังบำเพ็ญย้อนศรหนึ่งรอบจักรวาลน้อย ให้มันค่อยๆ ละลาย”
เฉินฝานจัวอึ้งไปเล็กน้อย ฟังสิ่งผิดปกติจากคำพูดสวี่ชิงออก จึงลังเลไปครู่หนึ่ง แล้วถึงรับยาลูกกลอนมาอมไว้ในปาก โคจรพลังบำเพ็ญตามคำของสวี่ชิง
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ในยามที่ยาลูกกลอนในปากเขาละลายจนหมด แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง สวี่ชิงก็พลันเอ่ยขึ้นมา
“พลังบำเพ็ญรวมไว้ที่นิ้วชี้ขวา กรีดเลือดออกมาหยดหนึ่ง หยดไว้บนใบไม้ใบนี้”
สวี่ชิงยกมือเอาสมุนไพรสีเหลืองออกมาต้นหนึ่ง หลังจากวางไว้ข้างๆ เฉินฝานจัวก็ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้นกรีดนิ้วชี้ของตัวเองทันที เลือดสดๆ สีดำหยดหนึ่งผุดออกมาจากบาดแผล
กลิ่นเหม็นเป็นระลอกๆ แผ่มา เฉินฝานจัวเมื่อได้กลิ่นสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เดิมเขาคิดว่าพิษของตัวเองแก้ได้แล้ว แต่ตอนนี้ดูไป เห็นได้ชัดว่าพิษยังอยู่
เขาจึงไม่กล้าประมาท รีบทาเลือดหยดนี้ไปบนสมุนไพรสีเหลืองที่สวี่ชิงให้
ทันทีที่เลือดหยดนี้สัมผัสกับสมุนไพร ก็เกิดเสียงแซ่ดๆ มีควันลอยขึ้นมา ขยับเลื้อยไปกลางอากาศ ยังมีเสียงคำรามดังก้องมาในวิญญาณแว่วๆ อีกด้วย
มองภาพนี้ รูม่านตาเฉินฝานจัวหดเล็ก ขณะสะบัดมือก็ทำท่าคุ้มครองรอบๆ คล้ายว่าไม่อยากให้สิ่งแปลกประหลาดในควันไปแปดเปื้อนร้านยา
ท่าทางเช่นนี้แม้จะค่อนข้างปลอม แต่ท่าทีที่แสดงออกมาได้จริงจังนัก
สวี่ชิงกวาดตามองเขาผาดหนึ่ง เอาขวดลูกกลอนโปร่งแสงออกมาใบหนึ่ง เขย่าเล็กน้อยแล้วเปิดออก กลิ่นอายที่แผ่ออกมาคล้ายว่าสำหรับควันกลุ่มนั้นแล้ว มีแรงดึงดูดอย่างรุนแรง
ดังนั้นเสี้ยวขณะต่อมา ควันกลุ่มนี้ก็ตรงไปยังขวดลูกกลอนในมือสวี่ชิง หลังจากที่มันผสานเข้าไปในเพียงพริบตา สวี่ก็กดจุกขวดลงไป ถือไว้ในมือทำการสังเกต
เห็นเพียงควันในขวดลูกกลอน เลื้อยขยับและรวมตัวไม่หยุดในพื้นที่แคบเล็กๆ นี้ สุดท้ายก็แปรเปลี่ยนเป็นตะขาบสีเขียวครามตัวหนึ่ง
หน้าตาเหี้ยมเกรียมดุดันนัก และเมื่อมองให้ละเอียดก็จะพบว่าสิ่งที่ก่อตัวเป็นตะขาบตัวใหญ่ก็คือตะขาบตัวเล็กๆ นับไม่ถ้วน
“ท่านปรมาจารย์ นี่มัน…” เฉินฝานจัวสยดสยองขนลุกขนพอง นึกถึงว่าในเลือดหยดหนึ่งของตัวเองมีสิ่งแปลกประหลาดเช่นนี้อยู่ด้วย เขาก็ขนลุกขึ้นมาเสียดื้อๆ
“นี่คือวิญญาณของตะขาบปากกว้าง เป็นวัตถุดิบยาพิเศษที่ไม่ค่อยพบเห็นสักเท่าไร พิษธรรมดาๆ เอาไว้ใช้ในการสะกดรอยตามและจับเป้าหมายมากกว่า จะระบุตำแหน่งให้กับผู้ใช้วิชา แต่เมื่อรวมกับวิธีอื่นๆ สามารถหลอมให้เป็นกู่พิษได้”
สวี่ชิงค่อนข้างดีใจ เขาคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะได้เจอสิ่งล้ำค่าที่บันทึกไว้ในตำราของปรมาจารย์ไป่ จึงพูดขึ้นอย่างพอใจ
“เจ้าถูกคนจับตามองแล้ว อีกทั้งดูจากความกระวนกระวายของวิญญาณตะขาบปากกว้าง คนที่จับตามองเจ้า น่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”
ขณะสวี่ชิงพูด ตะขาบสีเขียวครามในขวดใบเล็กก็พลันคลุ้มคลั่งขึ้นมา กระแทกไปที่ขวด
ขวดใบเล็กสั่นรุนแรง แต่กลับหนีไม่พ้นฝ่ามือของสวี่ชิง
“เอ๋ คนที่จับตามองเจ้า กำลังใกล้เข้ามา”
สวี่ชิงเอ่ยราบเรียบ
เฉินฝานจัวสีหน้าเปลี่ยนไป โค้งคารวะสวี่ชิงอย่างจริงจัง จากนั้นก็หันหลังเดินไปที่ประตูใหญ่
เขารู้ว่าปรมาจารย์ร้านยาคนนี้ไม่ได้มีหน้าที่ช่วยแก้วิกฤตอันตรายให้กับเขาช่วยแก้พิษและบอกเรื่องเหล่านี้ให้กับตน นี่ก็นับว่าเมตตาแล้ว
หากยังไม่รู้จักดีชั่ว ฝืนดึงให้อีกฝ่ายเข้ามาอยู่ในความแค้นส่วนตัว นี่ไม่ตรงกับเจตจำนงในการลงมือทำสิ่งต่างๆ ของเขา
นึกถึงตรงนี้เขาก็สาวเท้าไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว พอผลักประตูใหญ่ร้านยากำลังจะก้าวออกไป เสียงของสวี่ชิงก็ดังมาจากข้างหลัง
“เขามาแล้ว”
ทันทีที่สวี่ชิงพูดขึ้นมา ท้องฟ้าในเมืองดินก็เกิดมเมฆพัดหอบขึ้นในเสี้ยวขณะนี้ทันที หมอกกลุ่มใหญ่ๆ เดือดพล่านบนม่านฟ้า ยังมีเสียงผีร่ำไห้หมาป่าหอนดังมาจากในนั้นรางๆ เป็นระลอกอีกด้วย
เสียงนี้น่าขนลุกเป็นอย่างยิ่ง เมื่อประชาชนเมืองนี้ได้ยินต่างจิตใจสั่นสะท้าน รีบปิดประตูบ้านทันที ต่อให้อยู่ข้างนอกก็รีบหาห้องหับที่ว่างๆ มุดเข้าไปทันที
เพียงพริบตาทั้งเมืองเล็กๆ ก็ว่างโล่ง
และหมอกดำบนท้องฟ้าในขณะนี้ก็รวมไปที่เมือง สุดท้ายก็ก่อขึ้นเป็นเงาร่างหนึ่งบนถนน
จากการที่มันชัดเจนขึ้น รูปร่างของเงาร่างนี้ก็ปรากฏขึ้นมา
เขาเป็นชายชราคนหนึ่ง สวมชุดคลุมยาวตัวกว้าง ท่ามกลางระลอกคลื่นพลังบำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดผมขาวทั้งศีรษะปลิวพริ้ว ในดวงตาแฝงด้วยความเย็นชา มุมปากยิ่งมีรอยเสียดสี
และขอบอาภรณ์ของเขา ตอนนี้อยู่กลางสายลมก็มีบางส่วนที่เป็นหมอก
ทุกอย่างนี้ทำให้ชายชราคนนี้ดูแล้วแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
‘กล้าขโมยของของข้า ไอ้เด็กเวรเจ้ามีชีวิตอยู่จนเอียนแล้วหรือไร’
ชายชราคนนี้ก็คือร่างของผู้บำเพ็ญตาเดียวที่ล่วงเกินสวี่ชิงคนนั้นนั่นเอง ก่อนหน้านี้หลังจากที่เขาเกิดเรื่องขัดแย้งกับสวี่ชิงก็อกสั่นขวัญแขวนมาตลอด ใจเต็มไปด้วยความตื่นกลัว
เพื่อที่จะหลบหลีกสวี่ชิงจึงจำต้องซ่อนตัว จวบจนรู้สึกว่าอันตรายผ่านไปแล้ว ถึงได้ออกมาอย่างระมัดระวัง กลับคิดไม่ถึงว่าถ้ำที่เคยเป็นของตนถูกขโมยไปเสียแล้ว
เขาสืบหาร่องรอยอย่างละเอียด วิเคราะห์ได้ว่าพลังบำเพ็ญของขโมยน่าจะเป็นระดับแก่นลมปราณ เพลิงพิโรธลุกไหม้
และโดยปกติแล้วเขามีนิสัยวางพิษเอาไว้ ดังนั้นจึงตามร่องรอยมา
ตอนนี้อาศัยสัมผัสจากตัวกระตุ้นพิษ ในพริบตาที่เขามองมาทางเฉินฝานจัวก็ยืนยันได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของอีกฝ่าย ในดวงตาฉายแววเย็นชาออกมาอย่างอดไม่ได้ กำลังจะเดินไป
แต่…บริเวณที่เฉินฝานจัวอยู่ตอนนี้คือประตูใหญ่ร้านยาของสวี่ชิง
หางตาของชายชรา ขณะเดียวกับที่กวาดมองเฉินฝานจัว ก็มองภาพในร้านยาข้างหลังอีกฝ่ายไปตามสัญชาตญาณ
ดังนั้นเขาจึงเห็นว่าในนั้นมีเด็กสาวอัปลักษณ์คนหนึ่งและชายหนุ่มที่หน้าตาไร้อารมณ์
ในพริบตาที่เห็นชายหนุ่มคนนี้ รูม่านตาชายชราพลันหดเล็ก ฝีเท้าหยุดชะงักไปโดยพลัน ร่างสั่นสะท้านขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ จิตใจยิ่งเกิดคลื่นยักษ์ซัดกระหน่ำ
‘นี่ๆๆ…
‘เป็นเขา!
‘เขาอยู่ที่นี่ด้วยอย่างนั้นหรือ!!’
ชายชราลมหายใจหอบถี่ สมองในเสี้ยวพริบตานี้ราวมีสายฟ้านับหมื่นแสนฟาดผ่า ส่งเสียงคำรามไม่หยุด ทั้งคนไม่พูดว่าร่างแตกดับวิญญาณสลาย แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่านั้นเท่าไร
ความหวาดกลัวที่เขามาต่อสวี่ชิงถึงขีดจำกัดสูงสุดแล้วจริงๆ วันนั้น ภายใต้กำลังรบน่าหวาดกลัวที่สวี่ชิงปะทุขึ้น ทำให้เขาหลายวันนี้ทุกครั้งที่คิดถึงล้วนจิตใจหวาดผวา
โดยเฉพาะจากการวิเคราะห์ของเขา อีกฝ่ายเป็นตัวประหลาดร้ายกาจ พลังบำเพ็ญจะต้องไม่ใช่แค่นี้แน่นอน นอกจากนี้ความว่องไวของสวี่ชิงก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ชายชราหวาดกลัวเช่นกัน
รวมกับการไร้ผลของพิษ ทุกอย่างนี้ทำให้วิกฤตชีวิตเป็นตายปะทุขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดทันที
ที่สำคัญที่สุดคือ ร่างที่มาในวันนี้เป็นร่างจริง!
คนที่หวาดกลัวเหมือนเขายังมีเฉินฝานจัว ก่อนหน้านี้เขาได้พาคนและจ่ายค่าตอบแทนไปไม่น้อยไปขโมยถ้ำถ้ำหนึ่ง
ถ้ำนั้นดูแล้วร้างมานาน ในนั้นมีของล้ำค่าจำนวนไม่น้อย หลังจากเอาของพวกนั้นมาแล้ว เขาก็อกสั่นขวัญแขวน แต่จับตามองอยู่ช่วงหนึ่งก็พบว่าไม่มีใครมาตรวจสอบ
ดังนั้นในใจจึงโล่งอก และภายหลังก็พบว่าถูกพิษ แล้วถึงได้มีเรื่องมาร้านยา
เมื่อครู่ได้ยินสวี่ชิงบอกว่าตนถูกสะกดรอยและจับเป็นหมาย เขาก็รู้สึกว่าแย่แล้ว
ตอนนี้เห็นเจ้าของสิ่งล้ำค่าด้วยตา ระลอกคลื่นระดับปราณก่อกำเนิดของอีกฝ่ายทำให้เขาตกอยู่ในความหวาดกลัวสุดขีด กระทั่งว่าร่างกายสูญเสียสัญชาตญาณในการหนี ทำได้เพียงยืนอยู่ตรงนั้นภายใต้พลังกดดันมหาศาล ตัวสั่นงันงก ร่างโอนเอน ฝืนเอ่ยขึ้น
“ผู้อาวุโสอย่าได้โกรธ ผู้เยาว์ผิดไปแล้ว…ของทุกอย่างยังคงอยู่…”
แต่คำพูดของเขาไม่มีประโยชน์ใดๆ ทั้งนั้น ชายชราที่ทำให้เขาหวาดกลัวตอนนี้ก็หวาดกลัวสุดขีดไม่กล้าขยับเช่นกัน
ถ้ำถูกยกเค้าเรื่องเล็กแค่นี้ ชายชราไม่สนใจแล้ว
ตอนนี้สิ่งที่เขาคิดคือตัวเองจะมีชีวิตรอดอย่างไร
ภาพนี้มองไกลๆ แล้วเต็มไปด้วยความแปลกประหลาด เฉินฝานจัวมองชายชราอย่างตื่นกลัว ชายชรามองไปข้างหน้าอย่างหวาดวิตก ทั้งสองต่างไม่กล้าจะยกฝีเท้า
สถานการณ์ตกอยู่ในความเงียบสงัดทันที
และการที่ชายชราไม่พูดอะไร ความหวาดกลัวของเฉินฝานจัวก็ยิ่งรุนแรง สวี่ชิงไม่พูดอะไร ความหวาดวิตกของชายชราก็ราวกับมหาสมุทร
ท่ามกลางวิกฤตอันตราย สมองของชายชราหมุนเร็วจี๋ ทำการวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว
‘ที่นี่เป็นร้านยา และเด็กหน้าตาอัปลักษณ์นั่นคือต้นกำเนิดกลิ่นหอม ดูจากเสื้อผ้าแล้วเป็นเด็กในร้าน นี่เป็นร้านยาที่เจ้าตัวประหลาดเปิด!
‘เพราะเขามีแผนการลึกลับอะไร!
‘และการปรากฏตัวตลอดจนการกระทำของข้า เป็นไปได้ว่าจะเป็นตัวกลางในการเปิดเผยพลังบำเพ็ญของเจ้าตัวประหลาด และส่งผลกระทบต่อแผนลับของเขาจากการนี้ เช่นนี้แล้ว เขาจะต้องพาลมาโกรธข้าด้วยอย่างแน่นอน
‘หากหันหลังหนี ก็เป็นจุดจบนี้เหมือนกัน!
‘สู้ก็สู้ไม่ได้ หนีก็หนีไม่รอด…’
ชายชราในใจลังเลเป็นอย่างยิ่ง ขณะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในตาของเขาก็เปลี่ยนมาแดงก่ำ
ท่ามกลางจิตใจที่ยิ่งสั่นสะท้านของเฉินฝานจัว ชายชรากัดฟันกรอด ยกเท้าก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง สีหน้าบนใบหน้าเปลี่ยนจากเคร่งเครียดมาเป็นยินดีลิงโลดทันที ส่งเสียงดังอย่างตื่นเต้น
“ท่านผู้มีพระคุณ ท่านก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ”
เฉินฝานจัวอึ้งงงงัน