ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 588 ปล่อยเด็กคนนี้ไปเถิด!
บทที่ 588 ปล่อยเด็กคนนี้ไปเถิด!
………………..
จากคำพูดที่สวี่ชิงเปล่งออกมา พายุสีดำครืนครัน ปกคลุมที่แห่งนี้ ทั้งยังมีสายอัสนีแล่นแปลบปลาบเป็นทางๆ ก่อตัวขึ้นเป็นสายฟ้าโค้งงอนับไม่ถ้วน กระจายไปทั่วผืนดิน
พลานุภาพดุจสายรุ้ง ฟ้าดินเปลี่ยนสี
เจ้าเงาอยู่ตรงนั้น ตอนนี้ตื่นเต้นอย่างยิ่ง สั่นระรัวรุนแรง
มันเปี่ยมไปด้วยความซาบซึ้ง
เสี้ยวขณะนี้ มันรู้สึกว่าความลำบากและการทุ่มเทของตนก่อนหน้านี้คุ้มค่าแล้ว นายท่านไม่ได้ทอดทิ้งมัน ต่อให้คนชุดขาวที่ขังตนไว้ตอนนี้จะมีสามคนเป็นปราณก่อกำเนิดขั้นบริบูรณ์ และผู้นำยิ่งเป็นสมบัติวิญญาณหล่อเลี้ยงมรรคา
แต่นายท่านยังเลือกมาช่วยเหลือ
มันจึงรีบแผ่คลื่นอารมณ์ออกไป แผ่ความซาบซึ้งและความน้อยเนื้อต่ำใจ อีกทั้งความเจ็บปวดทั้งหมดออกมา ยิ่งดิ้นรนรุนแรงขึ้น
ส่วนร่างเลือนรางในลมพายุ ยาวนี้ก้าวมาทีละก้าว ขณะที่เข้าใกล้ แรงกดดันน่าหวาดหวั่นก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
พายุสีขาวในทะเลทรายครามปรากฏขึ้นบ่อยครั้ง แต่สีดำหลายร้อยปีมาแล้วก็ยังไม่เคยเกิดขึ้น
ทว่าเวลานี้ พายุสีดำผืนนี้ สะท้อนในสายตาคนชุดคลุมขาวกลุ่มนี้อย่างชัดเจน พวกเขาจึงอดตื่นตะลึงสงสัยไม่ได้
โดยเฉพาะตอนที่พวกเขาสังเกตเห็น ไม่ว่าจะดอกผูกงอิงหรือกรวดทราย ล้วนเปลี่ยนสีไปในพริบตายามประชิดพายุนี้ กลายเป็นส่วนหนึ่งของพายุ
ทั้งหมดนี้ เป็นเช่นเดียวกับลมดำในตำนาน
กลุ่มคนตกตะลึง มองเงาเลือนรางในพายุ บางคนถอยหลังตามสัญชาตญาณ
เผ่าของพวกเขาแตกต่างจากเผ่าอื่น ทำภารกิจปกป้องทะเลทราย ส่วนอสูรร้ายในทะเลทรายคราม ส่วนใหญ่ก็เป็นสัตว์เลี้ยงของพวกเขา
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงพุ่งเป้ามาที่เจ้าเงา
ในช่วงครึ่งปีนี้เจ้าเงาไล่จับอสูรร้ายในทะเลทรายอย่างต่อเนื่อง เรื่องนี้ทำให้เผ่าของพวกเขาไม่พอใจ แต่เพราะลมขาวไม่ปรากฏ พวกเขาติดพันธสัญญาเก่าแก่จึงไม่อาจออกมาด้านนอกได้ง่ายๆ
จึงคอยจับตาดูเจ้าเงามาตั้งแต่ต้น ยิ่งยืนยันความสามารถของเจ้าเงาจากตำราโบราณบางเล่ม หลังจากที่ลมขาวปรากฏ กลุ่มเล็กๆ ที่พุ่งเป้ามาที่เจ้าเงาโดยเฉพาะกลุ่มนี้ก็ได้รับภารกิจของเผ่า ถืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับมอบมาชิ้นหนึ่ง จัดการขึงเจ้าเงาไว้กับพื้น
เดิมเมื่อมาถึงที่นี่ ภารกิจของพวกเขาก็เสร็จสิ้นแล้ว แค่ต้องพาเจ้าเงากลับไปลงโทษก็พอแล้ว
แต่ผู้นำคนชุดขาวมาไม่อยากให้เรื่องจบเพียงเท่านี้ เขามองออกว่าเจ้าเงามีเจ้านาย จึงจะสบโอกาสที่หาได้ยากยิ่งนี้ จัดการเจ้าเงาพร้อมกับเจ้านายของมันไปพร้อมกัน
แต่การปรากฏขึ้นของพายุสีดำ ทำให้พวกเขารู้สึกใจไม่สงบขึ้นมา
พวกเขาที่ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายมาหลายยุค มีพรสวรรค์ที่สามารถไม่สนใจการรุกรานของลมขาวได้ เข้าใจทะเลทรายผืนนี้มากกว่าคนภายนอก
พวกเขารู้ความหมายของพายุสีดำดี
ยามนี้ชายชุดขาวที่เป็นผู้นำ จ้องร่างเลือนรางในลมพายุเขม็ง คลื่นพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายในสายตาเขาไม่ได้สูงมากนัก แต่พายุสีดำ ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว
จึงไม่วู่วาม แต่ส่งสัญญาณมือที่มีแต่คนในเผ่าตนเองเท่านั้นเข้าใจ จากนั้นก็ส่งเสียงต่ำทุ้ม
“ครึ่งปีมานี้เจ้าสั่งวิญญาณชั่วในร่างกาย สังหารสัตว์เลี้ยงของเผ่าข้าอย่างต่อเนื่อง ทำลายสิ่งแวดล้อมของทะเลทราย แย่งอาหารของพวกข้า
“พฤติกรรมเช่นนี้ สำหรับเผ่าข้าแล้วถือเป็นมหันตโทษ ข้าจึงได้รับคำสั่งให้มาจับวิญญาณชั่วนี้ ขณะเดียวกันข้าก็เป็นตัวแทนของบรรพจารย์เผ่าขอถามเจ้าสักคำ เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่!
“เผ่าข้ากับเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน เรื่องนี้เจ้าต้องให้คำอธิบายกับเผ่าเรา!”
ร่างเลือนรางในลมพายุได้ยินชะงักฝีเท้า
สวี่ชิงเป็นคนมีเหตุผล ดูเหมือนว่าคำพูดของอีกฝ่ายฟังแล้วก็เป็นเหตุเป็นผล เขาจึงครุ่นคิดและเอ่ยเสียงราบเรียบ
“ก็ได้ พวกเจ้าต้องการให้ชดเชยอย่างไร”
คนชุดคลุมขาวหรี่ตาลง รู้สึกเกินคาดเล็กน้อย เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยอมรับจริงๆ ดังนั้นหลังจากครุ่นคิดจึงเอ่ยออกมาทันที
“ประการแรกสัตว์เลี้ยงเผ่าข้าที่เจ้านำไปทั้งหมดห้าร้อยสามสิบเอ็ดตัว ทุกตัวราคาหนึ่งแสนหินวิญญาณ!
“ประการที่สอง พวกเราจะนำเจ้าวิญญาณชั่วตนนี้ไป”
เมื่อเจ้าเงาได้ยินก็ตกใจทันที แผ่ความตื่นกลัวออกมา แต่พริบตาต่อมามันก็เหมือนจะสังเกตเห็น รีบสัมผัสไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไร แผ่ความตื่นกลัวออกมาต่อ กรีดร้องต่อไป
เมื่อร่างเลือนรางในลมพายุได้ยินก็เงียบนิ่ง จากนั้นก็ส่ายศีรษะ
“จ่ายไม่ไหว ลดให้หน่อยได้หรือไม่”
คนชุดคลุมขาวมองพายุ จากนั้นก็กวาดตามองสวี่ชิง
“บอกวิธีสร้างพายุนี้ของเจ้าให้พวกเรา เช่นนั้นค่าหินวิญญาณของสัตว์เลี้ยงจะหักออกไปสามส่วนต่อตัว แต่พวกเรายังต้องการวิญญาณชั่วนี้”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง เขาก็ยังจ่ายชดเชยเช่นนี้ไม่ไหว
เช่นนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเหตุผล แต่ว่าอีกฝ่ายไร้เหตุผล
ในเมื่อไร้เหตุผล เช่นนั้นก็ไม่ต้องชดใช้
สวี่ชิงสงบใจลง ร่างในพายุเดินหน้าไปอีกก้าว
แต่พริบตาที่เขาก้าวไป คนชุดคลุมขาวนั่นก็พลันกระโดดขึ้น พวกเดียวกันไม่ไกลจากเขาอีกสิบกว่าคนก็ทำปางมือพร้อมกัน ทันใดนั้นพายุทรายสีขาวรอบๆ ก็เพิ่มพูนขึ้น มารวมกันจากทั่วสารทิศ พุ่งไปยังพายุสีดำ
‘ไม่ได้ออกมาเสียนาน ตอนนี้ผู้บำเพ็ญด้านนอกโง่เขลาถึงเพียงนี้เชียว ถึงกับเปิดโอกาสให้พวกเราวางค่ายกลได้’
คนชุดคลุมขาวยิ้มเย็นชาในใจ ลงมือพร้อมกับเผ่าเดียวกันที่อยู่ไม่ไกล ก่อพายุสีขาวที่น่าตื่นตะลึง รวมกันเป็นเงาหนอนขนาดยักษ์ตัวหนึ่งกลางฟากฟ้าเลาๆ พุ่งไปขย้ำกลืนกินลมพายุสีดำรวมถึงร่างเงาที่อยู่ด้านใน
ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน เสียงครืนครันดังกึกก้อง
แต่คนชุดคลุมขาวเหล่านี้ที่สนใจเพียงพายุสีดำ ยามนี้ผู้ใดสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงผิดปกติของเจ้าเงาตรงนั้นเลย
ร่างที่อำพรางไว้ทั้งร่างจนไม่อาจสัมผัสได้ร่างหนึ่ง กำลังย่อตัวลงนั่งข้างๆ เจ้าเงา มองกริชที่ปักอยู่บนร่างเจ้าเงา ศึกษามาพักหนึ่งแล้ว
คนผู้นี้ ก็คือสวี่ชิงนั่นเอง
ส่วนที่อยู่ในลมพายุนั่น คือร่างจำแลงของบรรพจารย์สำนักวัชระ
สวี่ชิงรู้ว่าผู้ที่พันธนาการเจ้าเงาได้ ย่อมไม่ใช่พวกธรรมดาแน่นอน และคาดเดาว่าอาจจะมีการวางกับดัก จึงให้บรรพจารย์สำนักวัชระปรากฏตัวแทนที่ตนเพื่อดึงดูดความสนใจไว้ตั้งแต่แรก
เดิมคิดจะช่วยเหลือเจ้าเงาออกไปโดยไม่ส่งเสียง แต่กริชสีทองเล่มนั้นไม่ธรรมดา กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาไม่เพียงสามารถสะกดเจ้าเงาได้ ต่อให้เป็นสวี่ชิงเองยังรู้สึกหวาดหวั่น
เขาสัมผัสได้ว่ากริชเล่มนี้คล้ายจะใช้พลังสายโลหิตในการควบคุม หากสายโลหิตไม่ตรงกัน ก็ยากจะทำให้มันสั่นไหว ทั้งตัวมันมีแสงหม่นกะพริบวูบวาบ หากไม่ตรงตามเงื่อนไข ก็จะถูกต่อต้านในพริบตา
ดังนั้น เขานั่งยองๆ อยู่ตรงนั้นศึกษาวิธีว่าจะดึงออกอย่างไรมาตลอด
‘ไม่มีสายโลหิต หลังจากสัมผัสไม่เพียงจะดึงออกมาไม่ได้ แต่ยังถูกสังเกตเห็นรวมถึงโดนสะท้อนกลับด้วย
‘แสงหม่นที่กระพริบวูบวาบบนนั้นก็คือปฏิกิริยาที่ตอบสนองกับผู้ใช้ ขณะที่เดี๋ยวสว่างเดี๋ยวมืด จะดึงมันออกในพริบตาที่แสงดับไปด้วยความเร็วของข้าก็ยังรับประกันไม่ได้ว่าจะสำเร็จ
‘โอกาสมีแค่ครั้งเดียว เช่นนั้น…ก็ทำได้แค่หยุดเวลาเท่านั้นแล้ว!’
ดวงตาสวี่ชิงเปล่งประกาย เสียงสะท้อนก้องครืนครันที่ไกลออกไป พายุสีดำถูกหนอนสีขาวฉีกทึ้ง และตอนที่เงาด้านในถอยหลังไปกลายเป็นก้างปลามุดเข้าไปในทะเลทราย พลังนาฬิกาแดดในร่างสวี่ชิงก็ปะทุขึ้นมา
พุ่งเล็งที่กริช หยุดมันไว้
พริบตาต่อมา ยามที่แสงของกริชนี้กะพริบ ในช่วงระหว่างนี้ คือพริบตากริชไม่ได้สว่างและมืด สวี่ชิงพลันยกมือขึ้น จับกริชเอาไว้
ปะทุพลังบำเพ็ญในร่างกาย พลังกายเนื้อปราขึ้นออกมา ดึงขึ้นอย่างแรง
ชั่วพริบตาที่ดึงกริชออกมา เจ้าเงาโห่ร้องยินดีทั้งตัววูบไหวไปมา ทันใดนั้นดอกผูกงอิงทั้งหมดบนร่างกายก็หายไป มันกลับไปใต้เท้าสวี่ชิงอย่างรวดเร็ว รีบพรางตัว
เสร็จเรื่องเหล่านี้ สวี่ชิงก็เก็บกริชเข้าไปในถุงเก็บของ หันหลังวิ่งหนีโดยไม่แม้แต่จะหันมามอง โถมไปสุดกำลังด้วยความเร็วน่าตกตะลึง บรรพจารย์สำนักวัชระก็กลับมาอย่างเร็วรี่
ส่วนคนชุดขาวที่อยู่ไกลออกไปเหล่านั้น ตอนนี้พริบตาที่ลมพายุสีดำสลายไป ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเจ้าเงา แต่ละคนหน้าถอดสีทันที
“นี่มันกลลวง!”
ขณะคำรามต่ำ ผู้บำเพ็ญชุดขาวเหล่านี้ไล่ตามสวี่ชิงไปทันที ส่วนพื้นดินยามนี้ก็ปั่นป่วนขึ้นมา คลื่นพลังสมบัติวิญญาณขั้นบริบูรณ์ที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากใต้ทราย
ผู้แข็งแกร่งเผ่านี้สังเกตเห็นเหตุการณ์ด้านนอก กำลังไล่ตามมา
ในช่วงวิกฤตสำคัญ นกแก้วทางนั้นก็ไหววูบทันที จะหนีไปก่อน
เขาไม่สนใจว่าสวี่ชิงจะเป็นหรือตาย ในใจตอนนี้กำลังลำพอง แอบคิดว่าภารกิจตนเองเสร็จสิ้นแล้ว เจ้าสวี่ชิงนี่กล้ามาวางยาพิษตน ก็อย่าหวังว่าตนช่วยชีวิตเขาเลย เขารนหาที่ตาย ตนไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วย
แต่เสี้ยวขณะที่มันเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา สวี่ชิงก็ยกมือมาจับมันไว้ เอ่ยอย่างสงบ
“เคลื่อนย้ายชั่วพริบตา!”
เจ้านกแก้วรู้สึกเจ็บปวด ก่นด่าในใจ ขณะที่จนใจก็ทำได้แค่รีบเปล่งแสงวูบวาบ แต่ยังค่อนข้างช้า
สวี่ชิงขมวดคิ้วออกแรงบีบ เจ้านกแก้วร้องแกว้กออกมาทันที ขนนกเส้นหนึ่งหลังจากกลายเป็นฝุ่นก็ระเบิดพลังส่งข้าม
ไม่สนใจสภาพแวดล้อมทั้งหมดรอบๆ ก็หายไปพร้อมกับสวี่ชิงอย่างไร้ร่องรอยในพริบตา
มีเถ้าขนนกที่ลอยฟุ้ง ถูกลมพัดสลายไป
พริบตาต่อมา ที่แห่งนี้ก็ครืนครัน คลื่นวนขนาดยักษ์แห่งหนึ่งปรากฏขึ้นบนทะเลทราย ด้านในแผ่ระลอกคลื่นที่น่าตกตะลึง แฝงความโกรธเอาไว้ พัดกวาดออกไปรอบด้าน
ไม่เพียงแค่ที่แห่งนี้ที่เป็นเช่นนี้ จุดอื่นในทะเลทรายก็มีคลื่นวนเช่นนี้ปรากฏขึ้นเช่นกัน ค้นหาเต็มกำลัง
ส่วนการส่งข้ามของนกแก้ว เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้เป็นการคุยโวโอ้อวด ขอบเขตของมันไม่กว้างนัก ยามนี้ก็ปรากฏตัวไกลออกมาในระยะร้อยลี้
แต่ไม่เป็นไร สวี่ชิงคาดการณ์ไว้นานแล้ว แทบจะพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้น เขาก็บีบอย่างแรงอีกครั้ง
นกแก้วร้องอย่างน่าสังเวช ขนร่วงกระจายเต็มพื้น ส่งข้ามอีกครั้ง
ด้วยความต้องการและการลงมือของสวี่ชิง ทุกครั้งที่ปรากฏตัวเจ้านกแก้วก็จะร้องโหยหวนและจะขนร่วงลงมาเช่นนี้ ส่วนการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตาก็ดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง พาสวี่ชิงทะยานไปที่ชายแดนของทะเลทรายอย่างรวดเร็ว
หลังจากมาถึง เจ้านกแก้วก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงจะร้องออกมาแล้ว เริ่มก่นด่า
“ไร้ความเป็นคน! จิตใจหยาบกระด้าง! เดรัจฉานยิ่งกว่าข้าเสียอีก!
“เจ้าๆๆ เจ้ามันไม่ใช่คน เจ้ามันสุนัขไล่กัดเงา ไม่มีความเป็นเลยสักนิด!
“เกินไปแล้วนะ เจ้าก้อนหินในเล้าไก่ เจ้าสารเลว ข้าจะตายอยู่แล้ว ท่านพ่อช่วยข้าด้วย!”
ผ่านไปหลายสิบอึดใจ เจ้านกแก้วที่มาถึงชายแดนของทะเลทรายก็หมดแรงข้าวต้ม
“ขอร้องล่ะ ท่านอย่าทำเช่นนี้เลย ข้ายังเป็นเด็ก ข้าไม่ไหวแล้วจริงๆ…”
ร่างของมันสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง รู้สึกหวาดกลัวถึงขีดสุด ขนบนร่างกายก็ร่วงเกือบหมดแล้ว โล้นเลี่ยนไปทั้งตัว
มองสวี่ชิงยามนี้ ดวงตาเล็กๆ ของมันเต็มไปด้วยความตื่นกลัว รู้สึกว่าเจ้าคนหน้าตามตรงหน้านี้ก็คือปีศาจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินนี้ เป็นต้นกำเนิดฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดในใต้หล้า
“ไอ้เวรเอ๊ย!”