ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 601 เกิดเรื่องใหญ่กับร้านเจ้าแล้ว!
บทที่ 601 เกิดเรื่องใหญ่กับร้านเจ้าแล้ว!
หนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอูอีกทั้งนายกอง พวกเขาไม่รู้รายละเอียดที่ตั้งของร้านยา ยามนี้มองซากปรักหักพังของเมืองดินแล้วก็รู้สึกประหลาดใจ
สวี่ชิงร่างไหววูบในพริบตา หายไปจากในดวงอาทิตย์ ตอนปรากฏตัวก็มาอยู่ในเมืองดินแล้ว ยืนอยู่ที่ตำแหน่งซึ่งร้านยาเคยตั้งอยู่
ร้านยาแต่เดิม บัดนี้กลายเป็นซากปรักหักพัง พังพินาศย่อยยับ บนพื้นยังเห็นชิ้นส่วนป้ายร้านที่แตกละเอียดด้วย
หลิงเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้นข้างๆ สวี่ชิง มองร้านยาตรงหน้าอย่างเหม่อลอย
ส่วนพวกนายกอง เวลานี้ก็ทยอยปรากฏตามมา มองซากปรักหักพัง นายกองกระแอมไอขึ้น
“อาชิงน้อย พวกเรา…มาผิดที่หรือเปล่า ที่นี่ไม่มีร้านยาเสียหน่อย”
นายกองพูดจบก็เดินเข้าไป ย่อตัวลงนั่งเก็บเศษป้ายร้านบนพื้น จากนั้นหันมามองสวี่ชิง
“อาชิงน้อย เหมือนว่าที่นี่จะเคยเป็นร้านยาจริงๆ…เอ๊ะ เจ้าดูอักษรนี้สิ เหมือนจะเป็นอักษรชิงนะ”
นายกองตื่นตะลึง
สวี่ชิงสีหน้าปั้นยาก
หนิงเหยียนกะพริบตาปริบๆ เอ่ยเสียงต่ำทุ้มข้างๆ
“ลูกใหญ่ เสียใจด้วย…”
สวี่ชิงดวงตาฉายประกายเย็นยะเยือก ส่วนอู๋เจี้ยนอูก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสนี้ไป ถอนหายใจยาวออกมา
“มหาสมุทรแต่ก่อนกลายเป็นบ่ออาจม บุษบงแดงจนใจกลายเป็นมูลสุนัข เจ้าไม่เชื่อจงเงยหน้ามองดู…”
อู๋เจี้ยนอูยังไม่ทันพูดจบ เจ้านกแก้วก็บินออกมา อดร้องอย่างยินดีไม่ได้
“ฟ้าไม่เคยปราณีใคร!!”
ร่างสวี่ชิงแผ่ความเย็นยะเยือกออกมา มองเจ้านกแก้วผาดหนึ่ง ส่วนหลิงเอ๋อร์เวลานี้ก็ได้สติกลับมาแล้ว ใบหน้าเล็กกรุ่นโกรธ ค่อนข้างมีโทสะ นี่คือบ้านของนาง ตอนนี้ถูกทำลายจนกลายเป็นเช่นนี้
เจ้าเงาทางนั้นสัมผัสได้ถึงความโกรธของหลิงเอ๋อร์ จึงแผ่คลื่นพลังโกรธออกมาบ้างเช่นกัน
“นายท่าน นายหญิง พวกท่านกล่าวออกมาเพียงประโยคเดียวเท่านั้น ข้าจะจัดการเชือดผู้ที่อยู่ที่นี่ทั้งหมดทันทีขอรับ!”
“ใช่ขอรับ ข้าก็อยากจะเห็นนักว่าใครที่มันกล้าถึงเพียงนี้” หลี่โหยวเฝ่ยก็ไม่ยินยอม ก้าวออกมาทันที เอ่ยอย่างโมโห
ถึงอย่างไรเทือกเขาทนทุกข์ก็เป็นบ้านเกิดเขา ร้านยาของปรมาจารย์ถูกทำลายที่นี่ เขารู้สึกว่าตนต้องช่วยออกหน้าให้ปรมาจารย์ ไม่ว่าผู้ใดจะเป็นผู้ลงมือ เขาล้วนต้องลงมือสุดกำลังสักหน่อย
และตอนนี้เอง จากการมาถึงของสวี่ชิง ผู้บำเพ็ญชุดเทาเหล่านั้นที่กำลังง่วนกับงานขอตนอยู่ในเมืองดินก็ทยอยสังเกตเห็น แต่ละคนสายตาไม่เป็นมิตรเข้ามาปิดล้อมรอบๆ
แต่ยังไม่รอให้พวกเขาเข้าใกล้ จู่ๆ รุ้งยาวสายหนึ่งก็พุ่งมาจากที่ไกล แหวกอากาศมาโดยไม่สนใจผู้บำเพ็ญชุดเทามากมายในเมืองนี้ รุ้งยาวสายนี้จำแลงกายขึ้นเบื้องหน้าสวี่ชิง เฉินฝานจัวแห่งสำนักธุลีดินนั่นเอง
หลังจากที่ร้านยาของปรมาจารย์ถูกทำลาย อันที่จริงเขาคอยสังเกตการณ์ที่นี่มาตลอด จึงรีบปรี่มาด้วยสีหน้าเศร้าโศกระคนโมโห คารวะสวี่ชิงสุดตัว
“ปรมาจารย์ เป็นเพราะสกุลเฉินอย่างข้าไร้ความสามารถ ไม่อาจปกป้องร้านยาของปรมาจารย์เอาไว้ได้”
สวี่ชิงสีหน้าไร้อารมณ์ เงยหน้ามองเฉินฝานจัว เอ่ยเสียงเรียบ
“ผู้ใด”
“ขั้วอำนาจจากภายนอกขั้วหนึ่งขอรับ พวกเขายึดที่แห่งนี้ไป ขับไล่ทุกคนออกไปหมด จะใช้ที่แห่งนี้สร้างสำนัก ผู้ที่เป็นผู้นำคือคนแคระตนหนึ่ง เรียกแทนตนว่ามู่เต้าจื่อ”
เฉินฝานจัวรีบเอ่ย แต่เขาเพิ่งพูดถึงตรงนี้ ตอนที่กำลังจะเอ่ยต่อ หลี่โหยวเฝ่ยข้างสวี่ชิงจู่ๆ ก็ตาเบิกกว้าง
สมองเขาราวกับมีทัณฑ์สวรรค์นับแสนฟาดผ่าในพริบตา กลายเป็นเสียงอื้ออึงน่าครั่นคร้าม พลันพุ่งมาเบื้องหน้าเฉินฝานจัว เอ่ยอย่างเร่งรีบว่า
“แน่ใจหรือว่าเป็นคนแคระ แล้วเรียกแทนตนว่ามู่เต้าจื่อ”
เฉินฝานจัวงุนงง รีบพยักหน้า
การพยักหน้าของเขา สำหรับหลี่โหยวเฝ่ยแล้ว ไม่ใช่ทัณฑ์สวรรค์นับแสนฟาดผ่าง่ายดายเพียงนั้นแล้ว แต่เป็นการฟาดผ่าลงมาพร้อมกันของอัสนีนับล้าน
“ปรมาจารย์…จะต้องเข้าใจผิด จะต้องเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่ขอรับ…
“มู่เต้าจื่อคนนั้น เป็นศิษย์คนหนึ่งของข้า…เรื่องนี้ข้าจะจัดการเอง ข้าจะจัดการเดี๋ยวนี้เลย!!”
หลี่โหยวเฝ่ยตื่นตระหนก พอคิดว่าศิษย์ของตนมาเผชิญหน้ากับภัยพิบัติน่าครั่นคร้ามเช่นนี้ ใจเขาก็สั่นอย่างรุนแรง อยากจะตบอีกฝ่ายให้ตายคามือ
สวี่ชิงสีหน้าราบเรียบ มองหลี่โหยวเฝ่ยอย่างเฉยชา
สายตานี้ ทำให้หลี่โหยวเฝ่ยนึกย้อนไปถึงช่วงที่อีกฝ่ายทดลองกับร่างกายตน รวมถึงสิ่งที่เห็นและได้ยินมาตลอดทางนี้ จึงมองท่านปู่ชราผาดหนึ่งตามสัญชาตญาณ
เขาตัวสั่นขึ้นอีกครั้ง เอ่ยเสียงดังลั่น
“ข้าจะไปจัดการเดี๋ยวนี้ขอรับท่านปรมาจารย์!”
พูดจบ เขาก็รีบแผ่จิตเทพออก หลังจากพุ่งเป้าไปยังทิศทางหนึ่งแล้ว ก็พุ่งออกไปโดยไม่สนอะไรทั้งสิ้น ยิ่งก่อนที่จะไป ก็ปะทุพลังบำเพ็ญปราณก่อกำเนิดของเขา ตะคอกใส่พวกศิษย์ชุดเทาที่ไม่กลัวตายรอบๆ เหล่านั้น
“ข้าคืออาจารย์ของเจ้าสำนักเจ้า ถอยไปประเดี๋ยวนี้ หากยังกล้าทำลงมือ กลับมาข้าเล่นงานพวกเจ้า!”
คำพูดนี้รวมถึงพลังบำเพ็ญปราณก่อกำเนิด สร้างความสั่นสะเทือนรุนแรงขึ้นมาทันที ทำให้ผู้คนรอบๆ หน้าเปลี่ยนสี ไม่กล้าเข้ามา
ส่วนหลี่โหยวเฝ่ยก็ปะทุพลังทั้งหมด พุ่งไปยังทิศที่หมายมาดเอาไว้ ตอนนี้ในใจเขามีแต่คำก่อนด่าน่าตกตะลึง แอบคิดในใจว่าเจ้าศิษย์ชั่วหนอเจ้าศิษย์ชั่ว เจ้าไปกินดีหมีหัวใจเสือมาจากไหน ถึงได้กล้าทำลายร้านยาที่น่ากลัวแห่งนั้นลงไป!!
แม้จะก่นด่าไปเช่นนั้น แต่ในใจเขาก็ยังให้ความสำคัญกับศิษย์คนนี้อย่างมาก แต่เพราะศัตรูของตนมีมากเกินไป จึงไม่เคยบอกที่มาของตนให้กับอีกฝ่ายรู้
ตอนนี้เขาไม่อาจเห็นอีกฝ่ายรนหาที่ตายได้ จึงระเบิดความเร็วทั้งหมด พุ่งไปที่สำนักชั่วคราวของมู่เต้าจื่อในเวลาสั้นๆ
พุ่งไปอย่างบ้าคลั่งตลอดทาง ตรงไปยังบ้านที่มีกลิ่นอายของศิษย์ตนอยู่
และในบ้าน มู่เต้าจื่อกำลังคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าชายชราชุดคลุมดำอย่างนอบน้อม ก้มหน้าฟังคำชี้แนะเรื่องพลังบำเพ็ญจากอาจารย์คนใหม่
“มู่เต้าจื่อ พลังบำเพ็ญของเจ้าพอใช้ได้ แต่วิชาของเจ้าขัดแย้งกันเล็กน้อย คิดจะฝึกบำเพ็ญวิชาของข้า เจ้าต้องนำสิ่งที่เจ้าเคยเรียนมาอย่างสะเปะสะปะทำลายทิ้งไปให้หมดเสียก่อน
ชายชราชุดคลุมดำเอ่ยเสียงราบเรียบ ดวงตาฉายประกายละโมบที่สังเกตไม่เห็นแม้แต่น้อยพาดผ่าน เขารับมู่เต้าจื่อผู้นี้มา เพราะมีจุดประสงค์อื่น เสี้ยวขณะที่กำลังจะเอ่ยต่อ แต่ใจกระตุกจนต้องเงยหน้าขึ้นมองไปด้านนอก ขมวดคิ้วเล็กน้อย
มู่เต้าจื่อได้ยินก็ยิ่งรู้สึกศรัทธา เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
“เป็นศิษย์ที่ก่อนหน้านี้โง่เขลา เฮ้อ ไม่รู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า จึงคารวะผิดคน…” เขาเพิ่งกล่าวออกไป จู่ๆ ด้านนอกก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมา
“มู่เต้าจื่อ ยังไม่รีบไสหัวออกมาพบอาจารย์อีก!”
มู่เต้าจื่อดวงตาเบิกกว้าง อึ้งตะลึงไปเล็กน้อย เสี้ยวนาทีที่หันหน้าไป ประตูใหญ่บ้านที่เขาอยู่ก็มีเสียงดังปัง ถูกคนผลักเขามาอย่างแรงจากด้านนอก หลี่โหยวเฝ่ยปรากฏตัวขึ้นตรงนั้น
พริบตาที่เห็นหลี่โหยวเฝ่ย แม้หน้าตาอีกฝ่ายจะแปลกไป แต่สายตารวมถึงเสียง อีกทั้งคลื่นพลังจากร่าง ทำให้มู่เต้าจื่อจำอีกฝ่ายได้ทันทีว่านี่คืออาจารย์ลึกลับของตนคนนั้น
นี่ทำให้เขามึนงง กำลังจะเอ่ยปาก แต่หลี่โหยวเฝ่ยก็ไม่มีกะจิตกะใจและความคิดพิจารณาเรื่องราว หลังจากเห็นมู่เต้าจื่อ เขาก็ก้าวไปด้านหน้าคว้าตัวเขาไว้ แล้วจะพาเขาไปทันที
“เจ้ามันศิษย์ชั่ว รีบตามข้ามา ไปขออภัยกับท่านปรมาจารย์เสีย เช่นนี้ไม่แน่เจ้าอาจจะมีโอกาสรอด”
มู่เต้าจื่อไม่อาจขัดขืน เวลานี้ในใจยังคงโหมซัด ขณะที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เสียงเย็นชาเสียงหนึ่งก็ดังออกมาจากชายชราชุดคลุมดำ
“บังอาจ!”
พลังบำเพ็ญสมบัติวิญญาณ ส่งเสียงออกมาราวกับสายอัสนี หลี่โหยวเฝ่ยชะงัก ถอยหลังไปสองสามก้าว เลือดสดไหลออกมาจากมุมปาก เงยหน้าขึ้นมองผู้บำเพ็ญชุดคลุมดำขึ้นทันที
“จอมคนเนตรดำ!”
“หลี่โหยวเฝ่ย ที่แท้มู่เต้าจื่อก็เคยเป็นศิษย์ของเจ้านี่เอง แต่ช่วงนี้ข้ารับเขาเป็นศิษย์แล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้าอีก” จอมคนเนตรดำเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
หลี่โหยวเฝ่ยมองออกว่าศิษย์ของตนย้ายสำนักไปแล้ว ได้ยินก็พยักหน้า มองไปทางมู่เต้าจื่อ
“เจ้าว่าอย่างไร”
มู่เต้าจื่อลังเล ประสานหมัดไปทางหลี่โหยวเฝ่ย
“ได้ ข้ารู้แล้ว” หลี่โหยวเฝ่ยตัดบทมู่เต้าจื่อ หากเป็นเมื่อ เขาคงจะเดือดดาลเพราะเรื่องนี้ แต่ตอนนี้กลับถอนหายใจโล่งอก
“ได้ เจ้าพูดแล้วนะว่าไม่เกี่ยวข้องกับข้า นับจากนี้เจ้าไม่ใช่ศิษย์ของข้า แต่ว่ามู่เต้าจื่อ เห็นแก่ที่เราเคยเป็นศิษย์อาจารย์กันมา ข้าขอเตือนเจ้าประโยคหนึ่ง…เจ้าไปยุ่งกับมหันตภัยเข้าแล้ว”
หลี่โหยวเฝ่ยส่ายหน้า เพิ่งพูดจบ ด้านนอกก็มีเสียงฝีเท้าดังมา ยิ่งมีเสียงโอดครวญสะท้อนก้องเป็นระลอก ร่างเงาของพวกสวี่ชิงก็เดินมาถึงที่นี่ มายังบ้านหลังนี้
ทำให้มู่เต้าจื่อที่เห็นภาพนี้ก็ตกตะลึง จอมคนเนตรดำข้างๆ ก็กวาดสายตามองไปด้านนอก หลังจากผ่านร่างพวกสวี่ชิง สีหน้าก็ยังเรียบเฉย เอ่ยขึ้นช้าๆ
“แค่ปราณก่อกำเนิดไม่กี่คน มาวางท่าเช่นนี้ได้เมื่อไรกัน
“มู่เต้าจื่อ วิชาก่อนหน้านี้ที่อาจารย์สอน เจ้าจงดูว่าจะใช้ในการต่อสู้จริงจากนี้อย่างไรให้ดี”
พูดพลาง จอมคนเนตรดำก็ลุกขึ้น สีหน้าเรียบสงบ มือไพล่หลังเดินออกมาด้านนอก เมื่อก้าวออกจากบ้าน พลังบำเพ็ญสมบัติวิญญาณก็ปะทุขึ้นทันที เหนือศีรษะเขามีสมบัติลับปรากฏขึ้นมาชิ้นคลัง
ในสมบัติลับนั้นมีตัวภูเขาไฟอยู่ พ่นทะเลเพลิงน่าครั่นคร้ามออกมา ยังมีเสียงของวิถีสวรรค์คำรามอยู่ด้านในเลาๆ ทำให้กฎเกณฑ์รอบด้านเกิดการเปลี่ยนแปลง มีเงามายาปรากฏขึ้นรอบๆ
เงามายาเหล่านั้นเหี้ยมเกรียม พากันคำราม
ชั่วขณะหนึ่ง พลังอำนาจดั่งสายรุ้ง ลมเมฆเปลี่ยนสี
จากนั้น เขาก็ก้าวเดินก้าวที่สอ มาอยู่เบื้องหน้าพวกสวี่ชิง สมบัติลับด้านหลังสร้างแรงกดดันน่าตื่นตะลึง แผ่พลังบำเพ็ญออกมา ฟ้าดินครืนครันเลื่อนลั่นแผ่ออกไป ยิ่งก่อร่างเป็นตราประทับอักขระสีดำอันหนึ่งขึ้นมา
สุดท้ายตราประทับนี้ก็มีขนาดพันจั้ง หลังจากจำแลงออกมาบนฟากฟ้า พลานุภาพแข็งแกร่งแผ่ขยายออกไป ทำให้พื้นดินภูเขาหินถล่มทลาย แรงกดดันน่าตกตะลึง
“ศิษย์เอ๋ย จงดูให้ดี นี่คือสิ่งที่ข้าเพิ่งถ่ายทอดให้เจ้า ตราประทับมารร้าย!”
จอมคนเนตรดำเอ่ยเสียงเรียบ ยกมือขึ้นโบกส่งๆ คิดจะสะกดพวกปลาซิวปลาสร้อยเบื้องหน้าเหล่านี้
และตอนนี้ ในดวงตานายกองก็ฉายแววแปลกประหลาด หนิงเหยียนแสยะยิ้ม อู๋เจี้ยนอูเชิดหน้าขึ้นอย่างจองหอง สวี่ชิงไม่แสดงสีหน้าใด
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้ พวกเขามองข้ามไป ทุกคนหันกายไปคารวะรัฐทายาทข้างๆ อย่างพร้อมเพรียง
“ท่านปู่”
รัฐทายาทที่กำลังเล่นกับเจ้านกแก้ว ได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองจอมคนเนตรดำผาดหนึ่ง
แค่ผาดเดียวเท่านั้น
จอมคนเนตรดำจิตใจได้รับผลกระทบอย่างแรง ชาไปทันที ล้มลงไปเสียงดังตุบ ตราประทับสีดำบนท้องฟ้าสลายไป สมบัติลับแตกซ่าน ทั้งหมดทั้งมวลกระจายหายไป
มีเพียงเลือดสดที่กระอักออกมาจากปาก พุ่งออกมาทั่วร่าง กลายเป็นน้ำพุสีเลือด
เห็นได้ชัดว่าเลือดของเขามีไม่มากเท่านายกอง ดังนั้นท่าทางกระอักเลือดออกมาจึงยังสู้ไม่ได้
รอบด้านเงียบสงบในทันใด