ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 603 อสูรสมุทรประจำตำแหน่ง
บทที่ 603 อสูรสมุทรประจำตำแหน่ง
ตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา รูปแบบของสิ่งก่อสร้างมีสีดำเป็นหลัก ในนั้นยังตั้งรูปสลักชื่อหมู่สูงตระหง่านยิ่งใหญ่เอาไว้มากมายด้วย
การจับคู่สีเช่นนี้ ใต้ท้องฟ้าที่มืดสลัวยิ่งดูอึมครึม ทำให้คนรู้สึกอึดอัดยากบรรยาย
และลมหวีดหวิวที่พัดมายังเทือกเขาปะทะมายังรูปสลักชื่อหมู่ พัดให้ต่างหูทรงจันทร์เสี้ยวสองคู่ที่เกาะเกี่ยวอยู่ตรงติ่งหูของชื่อหมู่กระทบกัน ส่งเสียงเคร้งออกมาปะปนกับเสียงของรัฐทายาท
สำหรับคำพูดของรัฐทายาท สวี่ชิงไม่ได้สนใจ ตอนนี้สมาธิทั้งหมดของเขาอยู่บนร่างของผู้บำเพ็ญระดับหล่อเลี้ยงมรรคาที่สายฟ้ามหาศาลปกคลุมเบื้องหน้าคนนี้
จิตใจของเขาสงบนิ่งเป็นที่สุด พลังบำเพ็ญปะทุออกมาอย่างเต็มที่ ปราณสิบสามปราณระดับสามทัณฑ์โคจรเต็มกำลัง ทั้งคนเปลี่ยนเป็นสายฟ้าสีดำ พุ่งเข้าไปในสระสายฟ้า ทรงพลังไม่อาจต้านทาน
รวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง เข้าไปใกล้ในพริบตา ยกมือขวาขึ้นสำแดงวิชาพรางมารยา เปลี่ยนมาโปร่งแสง ตรงไปยังผู้บำเพ็ญที่แปลงร่างเป็นมนุษย์ต้นไม้
คว้าไปเต็มแรง
“กฎของข้า ห้ามมิให้ต่อต้าน” มนุษย์ต้นไม้แค่นหัวเราะ ไม่ได้หลบหลีก สมบัติลับในร่างส่งเสียงดังเลื่อนลั่น มือขวาจุดเปลวไฟสีแดงเพลิงขึ้นมา นี่แปรเปลี่ยนมาจากศรัทธาพระจันทร์สีชาด
ยิ่งมีพลังกฎเกณฑ์ไร้รูปร่างเป็นระลอกๆ แผ่ออกมาจากในสมบัติลับของเขา ปกคลุมไปรอบๆ ทำให้ที่นี่แฝงไว้ด้วยกฎเกณฑ์ที่เขาเป็นคนกำหนด
ตอนนี้เขายกมือขวาขึ้น คว้าแขนสวี่ชิงมา
ทั้งสองฝ่ายปะทะกันทันที พลังบำเพ็ญและกำลังรบของสวี่ชิงมีระยะห่าง แต่เขามีพลังพระจันทร์สีม่วง สามารถหักล้างพลังเทพที่มาจากพระจันทร์สีชาดได้
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี ท่ามกลางเสียงระเบิดเลื่อนลั่น สวี่ชิงร่างสั่นสะท้าน พลังที่มาจากมือยักษ์มนุษย์ต้นไม้เหมือนคีมเหล็ก พันธนาการเขาเอาไว้ที่นี่อย่างแน่นหนา
ยิ่งมีระลอกคลื่นพลังน่ากลัวแผ่มาจากในร่างของมนุษย์ต้นไม้มาบดขยี้สวี่ชิง ขณะเดียวกัน ในปากของมนุษย์ต้นไม้ก็ส่งเสียงสวดคาถามา
ซับซ้อนยากเข้าใจ แต่กลับแฝงไว้ด้วยความแปลกประหลาด รอบๆ ลมเย็นเยือกเป็นระลอก เงาผีนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่า กระโจนมาหาสวี่ชิง
ช่วงเวลาวิกฤต ความเด็ดขาดและโหดเหี้ยมที่เป็นรูปแบบการสังการของสวี่ชิงก็เผยออกมาในเสี้ยวขณะนี้ เขาเมินเฉยแขนขวาที่ถูกคว้าเอาไว้ ร่างกระชากสุดแรง
เสียงกร๊อบดังขึ้น ข้อต่อไหล่ขวาหลุดทันที ใช้วิธีนี้แลกมาซึ่งการบิดม้วนอันน่าเหลือเชื่อของร่างกาย ยกเท้าขวาขึ้นกวาดไปยังมนุษย์ต้นไม้เต็มแรง
ร่างมารฟ้าข้างหลังปรากฏขึ้นพร้อมกัน จำนวนมีมากถึงหลายร้อย ปรากฏทั่วทุกทิศอย่างรวดเร็ว แล้วกรูกันกระโจนมา
เจ้าเงาที่อยู่ใต้ร่างของเขาก็แผ่ออกไปในช่วงจังหวะนี้เช่นกัน ยิ่งมีบรรพจารย์สำนักวัชระพุ่งออกมาจากข้างๆ เก็บซ่อนประกายคม แทงไปจากด้านข้าง
ทุกอย่างนี้พูดแล้วเหมือนยาวนาน แต่ความจริงล้วนเกิดขึ้นในชั่วเสี้ยวพริบตา ร่างมารฟ้าและเงาผีเหล่านั้นปะทะกันทันที บรรพจารย์สำนักวัชระก็แทงเข้าไปในร่างของมนุษย์ต้นไม้ เท้าขวาของสวี่ชิงเตะไปที่ศีรษะของมนุษย์ต้นไม้เช่นกัน
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สวี่ชิงสีหน้าเครียดเคร่ง เท้าที่กวาดไปของเขาทะลุผ่านไป บรรพจารย์สำนักวัชระทางนั้นก็เช่นกัน
“นี่ไม่ใช่ร่างจริง!”
ขณะเดียวกัน ห่างออกไปจากข้างหลังสวี่ชิงหลายสิบจั้ง ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพที่แปลงเป็นมนุษย์ต้นไม้คนนั้น เงาร่างที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นมาถึงจะเป็นร่างจริง
“น่าเสียดาย เจ้าไม่เข้าใจว่ารอบกายผู้บำเพ็ญระดับหล่อเลี้ยงมรรคามีการกำหนดกฎเกณฑ์ที่เจ้าไม่เข้าใจ” มุมปากของเขาฉายรอยยิ้มเย็น ยกมือขวาขึ้น แล้วพลันกดไปทางสวี่ชิงที่อยู่ไกลๆ ทันที
สายฟ้านับไม่ถ้วนที่อยู่รอบๆ แปรเปลี่ยนเป็นงูสายฟ้ามากมายทันใด พุ่งตรงไปหาสวี่ชิงจากทั่วทุกสารทิศ ไม่ให้โอกาสเขาได้หลบหลีกแม้แต่น้อย ปกคลุมเขาเอาไว้ทันที
โดยเฉพาะแขนมหึมานั่นที่จับมือขวาของสวี่ชิงเอาไว้ ตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงสภาพเช่นกัน เปลี่ยนเป็นหนอนตัวมหึมา แล้วพลันระเบิด
เสียงตูมๆ ดังท่วมฟ้า ร่างจริงของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพคนนั้น ตอนนี้เพียงไหววูบก็พุ่งมาอย่างรวดเร็ว มือขวาเพียงสะบัด ทันใดนั้น กิ่งไม้มหาศาลก็ปลิวว่อน กลายเป็นขวานศึกขนาดมหึมาเล่มหนึ่ง ตรงดิ่งไปหาสวี่ชิง
สวี่ชิงถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังไม่อาจหนีไปจากสระสายฟ้าและบริเวณที่เป็นเศษพลังของการระเบิดจากหนอนได้ แต่ว่าสวี่ชิงมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน ตอนนี้แสงประกายอรุณเจ็ดสีกะพริบถี่ทั่วทั้งร่าง
ขณะเดียวกันมือขวาก็กดพื้น ร่างบิดสุดแรง เสียงกร๊อบดังขึ้น เมินความเจ็บปวด ทำให้ข้อต่อกลับสู่ที่เดิม
จากนั้นแสงประกายอรุณปะทุ กวาดออกไปข้างนอกพร้อมกัน หลังจากสลายสายฟ้าส่วนมากไปได้ เจ้าเงาก็ยืดขึ้นสกัดกั้นรอบกายเขา ก่อเป็นโลงปกคลุมเขาเอาไว้
ใช้วิธีนี้หลบหลีกเศษพลังที่เหลือ ท่ามกลางเสียงเลื่อนลั่นที่แผ่ออกไป โลงเจ้าเงาตีลังกากลับหลังออกไปหลายสิบจั้ง ในพริบตาที่กระแทกมาบนพื้น เจ้าเงาก็สลายตัว เงาร่างสวี่ชิงปรากฏขึ้น
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ทันทีที่ปรากฏตัวก็เงยหน้าทอดสายตามองผู้บำเพ็ญมนุษย์ต้นไม้ที่ประชิดมาหาตน นับเวลาในใจ พลังตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดห้าดวงในร่างปะทุขึ้นมาทันที
เวลาหมุนย้อน!
เพียงพริบตา ตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดฉายประกายรางเลือน เวลาในนั้นก่อเป็นลมพายุ ขณะเดียวกับที่ท่วมจมร่างของสวี่ชิง ก็ลบตำแหน่งที่เงาร่างของเขาอยู่ในเสี้ยวขณะนี้ ในตอนที่ปรากฏตัว ก็พลันมาอยู่ตำแหน่งเมื่อเจ็ดชั่วอึดใจก่อน
ตำแหน่งนี้เป็นข้างหลังของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพคนนั้นนั่นเอง!
“กฎเกณฑ์เวลาหรือ นี่เป็นไปไม่ได้!” ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพอึ้งตะลึง รูม่านตาหดเล็ก
การเปลี่ยนแปลงของภาพนี้อยู่เหนือการคาดหมายของเขาเป็นครั้งแรก แม้กำลังรบของตัวเองจะอยู่เหนือสวี่ชิง แต่การประมือง่ายๆ เมื่อครู่ เขาก็สัมผัสได้แล้วว่าอีกฝ่ายมีฝีมือไม่น้อยเลย อีกทั้งประสบการณ์การต่อสู้โชกโชน ห่างกับตนไม่ได้มากสักเท่าไร
เหตุที่ถูกตนบดขยี้ ส่วนใหญ่เป็นเพราะอีกฝ่ายยังไม่ค่อยคุ้นชินการต่อสู้กับผู้บำเพ็ญหล่อเลี้ยงมรรคา
และสำแดงวิชาเช่นนี้อย่างกะทันหันในเหตุการณ์เช่นนี้ จะต้องเป็นไพ่ตายอย่างแน่นอน ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพตั้งสติขึ้นได้ ไม่ได้ลงมือต่อ แต่สำแดงพลังกฎเกณฑ์ที่แฝงอยู่ในสมบัติลับของตน จะหนีไปจากที่นี่
แต่ก็ยังช้าไปแล้ว
สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย พลังหยุดเวลาในตะเกียงแห่งชีวิตนาฬิกาแดดในร่างพลันสำแดงออกมา นาฬิกาแดดทั้งห้าเรือนปะทุพลังทั้งหมด กลายเป็นพลังแช่แข็งสูงสุด สาดไปที่ร่างของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพคนนี้
หยุดเวลาของเขา แช่แข็งทุกสิ่งของเขา
ขณะเดียวกันก็ยกมือขวาขึ้น กริชเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ ปาดไปที่คอของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพที่อยู่ข้างหน้าอย่างโหดเหี้ยม
ในพริบตาที่เสียงคุ้นเคยดังมา เพื่อสามารถสังหารได้ในครั้งเดียว พลังพิษต้องห้ามจึงปะทุตาม ทำลายพลังชีวิต
เข็มนาฬิกาในร่างของเขาก็พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน แปรเปลี่ยนเป็นสายรุ้งยาวพุ่งไปยังร่างของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพ แล้วทะลุออกไปอย่างรวดเร็ว
เสียงตูมๆ ดังก้อง สวี่ชิงทุ่มสุดพลัง
เสี้ยวขณะต่อมา ศีรษะของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพขาดกระเด็น ร่างภายใต้การพุ่งทะลุเข้ามาจากเข็มนาฬิกาทั้งห้า แข็งแกร่งทรงพลัง พลันแหลกละเอียด กระจายเป็นชิ้นๆ
ทำเรื่องเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงหายใจหอบถี่ มองไปยังซากร่างที่อยู่บนพื้น แล้วเงยหน้ามองไปทางรัฐทายาทที่อยู่กลางอากาศ
รัฐทายาทในใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์เช่นกัน แต่ภายนอกกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เอ่ยขึ้นราบเรียบ
“เหลืออีกสามสิบอึดใจ”
สวี่ชิงได้ยิน ดวงตาพลันจ้องเพ่ง หันขวับไปมองซากร่างบนพื้น เพียงสะบัดมือก็แผ่เปลวเพลิงออก ในขณะที่ปกคลุมพื้นดินทำการเผาไหม้ ร่างของเขาก็ถอยไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว
แต่ในพริบตาที่เขาถอยหลัง คลื่นวนสีแดงชาดเก้ากลุ่ม ก็กะพริบวูบออกมาจากบริเวณซากร่างกระจัดกระจายของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพ พุ่งตรงมาหาสวี่ชิง
ไม่ว่าสวี่ชิงจะหลบหลีกอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ เพียงพริบตาก็ถูกปกคลุมไปในนั้น
คลื่นวนทั้งเก้าวนล้อมกะพริบวูบวาบ ยิ่งมีเสียงระเบิดดังก้อง ก่อเป็นสมบัติลับหนึ่งคลังในทันที
มองไกลๆ สวี่ชิงคืออยู่ในสมบัติลับนี้!
“หลอมสมบัติลับรวมเป็นหนึ่ง!”
เสียงของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพดังออกมาจากในสมบัติลับมายานี้ พลังมหาศาลกลุ่มหนึ่งปะทุขึ้นมาทันที แปรเปลี่ยนเป็นกฎเกณฑ์นับไม่ถ้วน ก่อเป็นดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ดวงดาว น้ำแข็งเปลวเพลิงสายฟ้า แปรเปลี่ยนเป็นกรงขัง หลอมสวี่ชิง
ดวงอาทิตย์ดวงจันทร์กำหนดจิต น้ำแข็งเปลวเพลิงหลอมร่าง สายฟ้าอัสนีบาตร่วมช่วย สายลมสวรรค์เป็นพลัง
ร่างและวิญญาณสวี่ชิงสั่นสะท้านรุนแรง ในความรู้สึกของเขา ตัวเองในตอนนี้ทั้งๆ ที่ยังอยู่ที่เดิม แต่กลับมีความรู้สึกเหมือนเป็นอีกมิติหนึ่ง
ความรู้สึกกดดันและการหลอมที่มาจากรอบๆ แบบนั้นคล้ายจะบดขยี้วิญญาณของตนให้แหลกละเอียด เผาไหม้เลือดเนื้อทั้งหมด
ยิ่งมีความเจ็บปวดเกิดขึ้นตามมา เลือดเนื้อทุกชุ่นล้วนกำลังถูกฉีกทึ้ง
กลางท้องฟ้า รัฐทายาทมองทุกอย่าง ในดวงตามีความล้ำลึกบางอย่างเพิ่มขึ้น เอ่ยราบเรียบ
“ผู้บำเพ็ญที่เจ้าเผชิญหน้าด้วยตอนนี้ถึงจะเป็นระดับหล่อเลี้ยงมรรคาที่แท้จริง หากเจ้าไม่สามารถสลัดได้หลุด ก็จะต้องเผชิญกับการแตกดับจากการถูกสยบหลอม”
จากเสียงของรัฐทายาทที่ดังก้อง สัญญาณการหลอมปะทุขึ้น เป็นร่างของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพที่แปลงมาจากสมบัติลับมายา
ช่วงเวลาวิกฤต ในดวงตาสวี่ชิงประกายวาววับฉายวาบ
“ที่แท้นี่ก็คือสมบัติลับที่ไม่มีวิถีสวรรค์
“ในเมื่อไม่มีวิถีสวรรค์ เช่นนั้นข้าให้เจ้าสักหนึ่งวิถีดีหรือไม่!
“อสูรสมุทรบรรพกาล!”