ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 614 ความลับของเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ!
บทที่ 614 ความลับของเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ!
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ดวงตาฉายประกาย ขณะที่นั่งขัดสมาธิจิตใจก็จมลงไปในวิหคทองของตัวเองทันที
ครั้งนี้เขาไม่ได้ไล่ค้นคว้าการเปลี่ยนแปลงของวิหคทอง และไม่ได้ขบคิดถึงที่มาของวิหคทอง ตลอดจนดวงอาทิตย์ในความทรงจำ ทุกอย่างนี้เขาล้วนตัดออกจากความคิดไปจนหมดสิ้น
ในสัมผัสรับรู้ของเขา ตอนนี้รอบๆ และทุกอย่างของตัวเองล้วนไม่มีอยู่ มีเพียงวิหคทองที่กะพริบเปลวเพลิงวูบวาบในดวงตาของเขา
ร่างสีดำ เปลวเพลิงเจิดจ้าพร่างพราย กลายเป็นเพียงสิ่งเดียวของเขา
‘หากพิจารณาอย่างละเอียด เปลวเพลิงนี้ก็เป็นมายา ไร้ซึ่งความหมาย!’
จากความคิดของสวี่ชิงที่เกิดขึ้น ทันใดนั้นวิหคทองในการสัมผัสรับรู้ของเขา เปลวเพลิงภายนอกหมองหม่นลงไปทันที แล้วมอดดับลงไปในพริบตา ไม่มีอยู่อีกต่อไป
และจากการหายไปของเปลวเพลิง ร่างสวี่ชิงสะท้านเฮือก วิหคทองมอดดับ เรื่องแบบนี้ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยทำก่อน ตอนนี้ทั่วทั้งร่างมีความเจ็บเลาๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง นั่นเป็นสัญญาณที่วิหคทองได้รับบาดเจ็บ ส่งผลกระทบมายังปราณจากเหตุนั้น
หากเป็นก่อนหน้านี้ สวี่ชิงมาถึงขั้นนี้ก็จะไม่ลองต่อแล้ว เพราะเขาสัมผัสได้ว่านี่เป็นอันตรายจากการกระทำนี้ของตัวเอง
แต่ตอนนี้มีการชี้แนะจากรัฐทายาท สวี่ชิงหลังจากขบคิดก็สะกดความอึดอัดไม่สบายตัว เขาเพ่งมองวิหคทองที่ดำเมื่อมเหมือนอีกา
วิหคทองสั่นสะท้าน มองมายังสวี่ชิงเช่นกัน
สวี่ชิงมองๆ ไปก็ขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าวิหคทองที่เป็นเช่นนี้ค่อนข้างไม่จำเป็น
ดังนั้นใจเพียงคิด วิหคทองทางนั้นก็สะท้านไปทั้งร่างทันที ขนทั้งหมดหายไปทันใด เหลือเพียงร่างโล้นเตียน
การสะท้อนพลังกลับจากขั้นตอนนี้ก็รุนแรงยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ ฝืนสะกดกลั้น ลางสังหรณ์ของเขาบอกตัวเองว่าทิศทางครั้งนี้ถูกต้อง จึงกัดฟัน มุ่งมั่นแน่วแน่
เสี้ยวขณะต่อมา วิหคทองส่งเสียงดังบึ้ม ระเบิดข้างหน้าสวี่ชิงทันที แปรเปลี่ยนเป็นเลือดเนื้อมายานับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปทั่ว สวี่ชิงกระอักเลือด แต่ประสาทสัมผัสเทพในเสี้ยวขณะนี้หลอมรวมกันอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ปกคลุมเลือดเนื้อกลุ่มนั้นทันที
ในสัมผัสรับรู้ของเขา เลือดเนื้อนี่ประกอบขึ้นจากเส้นสีต่างๆ พันกัน เหมือนกลุ่มด้ายยุ่งๆ เกิดเป็นภาพทุกอย่างนี้
เส้นทุกเส้นในนั้นแฝงไว้ด้วยระลอกคลื่นสติปัญญาบางอย่าง สวี่ชิงสัมผัสถึงปราณตัวเองได้จากข้างใน และเปลวเพลิงทะเลเพลิงสวรรค์ยังมีวิญญาณสรรพชีวิตนับร้อยพัน
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากการเติบโตของวิหคทองจนถึงตอนนี้ ที่มันได้กลืนกินและดูดซับสะสมมา
“นี่ก็คือน้ำชา!”
สวี่ชิงพึมพำ
“เช่นนั้นต่อจากนี้ก็จะแยกส่วนประกอบทุกอย่างออกจากกัน!”
สวี่ชิงเพียงเกิดความคิด เลือดเนื้อก็เล็กลงอย่างรวดเร็ว เส้นแต่ละเส้นๆ ถูกแยกออกมาด้านหนึ่ง เสียงร้องโหยหวนของวิหคทองก็ดังตามมา
สวี่ชิงกระอักเลือด แต่สายตามุ่งมั่น กัดฟันทำต่อไป
จากเวลาที่ผ่านพ้นไป เขาทั้งคนเหมือนธาตุไฟเข้าแทรก ลืมทุกอย่างของโลกภายนอก ในสายตามีเพียงวิหคทองที่เล็กลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหลายวันผ่านไป เส้นด้ายยุ่งเหยิงที่ประกอบเป็นวิหคทองก็น้อยลงถึงเก้าส่วน
ที่หลงเหลืออยู่มีเพียงแค่สามเส้นเท่านั้น
เส้นหนึ่งเป็นสีดำ เส้นหนึ่งเป็นสีแดง และอีกเส้นหนึ่งเป็นสีม่วง!
‘น้ำชาถูกแยกออกมาโดยสมบูรณ์แล้ว!’
สวี่ชิงรู้สึกพลุ่งพล่าน เขาสัมผัสได้ว่าสีม่วงก็คือปราณของเขา สีแดงแทนเปลวเพลิง ส่วนสีดำคือแก่นวิญญาณของวิหคทอง ซึ่งก็คือแปลงมาจากแก่นแท้ของเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ
‘รัฐทายาทชี้แนะข้าว่า ต่อให้ใบไม้แยกออกมาแต่ต้นกำเนิดนั้นเหมือนกัน ก็ยังคงเป็นหนึ่งเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าจะแยกออกมาอย่างไร ความจริงแล้วก็สามารถฟื้นคืนสภาพเดิมได้’
จุดนี้แม้จะเป็นการชี้แนะจากรัฐทายาท แต่สวี่ชิงในขั้นตอนการแยกก็สัมผัสได้ เขาสัมผัสได้ว่าเส้นที่ตนแยกออกมาเหล่านั้นไม่ได้หายไป พวกมันยังคงอยู่
เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับตนอย่างแนบแน่น ดังนั้นเพียงแค่เขาคิด พวกมันก็กลับมาอย่างรวดเร็ว
นี่ยิ่งเป็นการพิสูจน์ถึงความจริงจากการชี้แนะของรัฐทายาท
“เช่นนั้นแยกไฟออกไปก่อน!”
สวี่ชิงกัดฟัน ประสามสัมผัสเทพหลอมรวม ค่อยๆ แยกเส้นสีแดงเส้นนั้นออกไปทีละนิดๆ ขั้นตอนนี้ทำให้สวี่ชิงเจ็บปวดอย่างมหันต์ ทุกชุ่นล้วนทำให้เขาสั่นสะท้านไปทั้งร่าง
แต่สวี่ชิงก็ไม่ยอมแพ้ ยังคงทำต่อไป
หลายวันผ่านไป เขาที่จมอยู่ในการฝึกบำเพ็ญ ไม่รู้ว่าร้านยาในเจ็ดแปดวันนี้ จากการฝึกฝนของเขาก็เกิดระลอกคลื่นไม่น้อย
ห้องด้านหลังที่เขาอยู่ตลบอวลไปด้วยคลื่นพลังวิญญาณที่รุนแรงบ้าคลั่งเป็นอย่างยิ่ง แปรเปลี่ยนเป็นเส้นไร้รูปร่างมากมาย ปลิวสะบัดไม่หยุดไปทั่วทุกทิศ ทุกที่ที่ผ่านล้วนมีเสียงระเบิดดังรัวเป็นชุด
ร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด!
อาภรณ์ไหม้ไปแล้ว ภาพสัญลักษณ์วิหคทองบนร่างกำลังครวญคราง ลายเส้นของภาพทุกเส้นอาบไปด้วยเลือด
พวกนี้ล้วนไม่นับเป็นอะไร กลิ่นอายของเขาในหลายวันนี้ยิ่งเกินสมควร ประเดี๋ยวก็ปะทุคลื่นพลังน่ากลัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ประเดี๋ยวพลังชีวิตก็หายไปในพริบตา
ท่ามกลางความคลุมเครือ ในร่างของเขาเหมือนมีพลังที่น่าครั่นคร้ามเป็นอย่างยิ่งกลุ่มหนึ่งกำลังฟื้นตื่นขึ้น
พลังนี้เหมือนวิถีสวรรค์ปฏิเสธ แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ไม่ยอมรับ
ดังนั้นนอกร้านยา บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาทนทุกข์ ในเจ็ดแปดวันนี้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบม้วน เสียงฟ้าผ่าราวเสียงคำรามดังก้องอยู่ตลอด
ผู้บำเพ็ญทั้งหลายทั่วทั้งเทือกเขาทนทุกข์ต่างตื่นตะลึง ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และฟังสายฟ้าบนท้องฟ้าแล้วก็เหมือนว่าเปล่งวาจาที่คนนอกฟังไม่เข้าใจบางอย่างมา
คนที่ฟังเข้าใจแทบจะไม่มี
แต่รัฐทายาทนั้นฟังเข้าใจ และเป็นเพราะความเข้าใจนี้ทำให้เขายิ่งตกใจในตัวสวี่ชิงนัก
ในร้านยา หลิงเอ๋อร์เป็นกังวล ใจไม่สู้ดี
นายกองตกใจ ค่อนข้างตื่นตะลึง
หนิงเหยียนหวาดหวั่น เต็มไปด้วยความตื่นกลัว
อู๋เจี้ยนอูงงงัน ทำอะไรไม่ถูก
รัฐทายาท…มายังห้องด้านหลัง ขัดสมาธินั่งลงข้างหน้าสวี่ชิง จ้องตาไม่กะพริบ
สีหน้าของเขาฉายแววซับซ้อนออกมาหลายครั้ง มือขวายกขึ้นคิดจะหยุดการสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงอยู่หลายครั้ง แต่สุดท้ายก็สะกดกลั้นเอาไว้
‘เจ้าเด็กคนนี้กำลังสัมผัสรับรู้ต้องห้ามที่ห้ามเอ่ยห้ามพูดของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์!
‘ข้า…ข้าไม่ได้พูดอะไรนี่นา’ รัฐทายาทลังเลเล็กน้อย ย้อนนึกอย่างละเอียดก่อนจะถอนหายใจ เขาสัมผัสได้เป็นครั้งแรกว่าเจ้าเด็กข้างหน้าคนนี้ค่อนข้างประหลาด!
ตอนนี้สายอัสนีข้างนอกลั่นครืนครัน ดังอยู่ในหูของรัฐทายาท นั่นคือคำเตือนที่ทรงอำนาจน่าเกรงขามและรุนแรงจากวิถีสวรรค์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
‘เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิทุกวิชาความจริงแล้วล้วนแฝงไว้ด้วยผนึกวิถีสวรรค์แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์…
‘แต่วันนั้นสิ่งที่ข้าชี้แนะคือการอยู่ร่วมกันและปล่อยวางแท้ๆ…’
รัฐทายาทถอนหายใจ สะบัดมือผนึกกลิ่นอายทั้งหมดของสวี่ชิงที่นี่เอาไว้ ทำการคุ้มกันให้เขาด้วยตัวเอง
ส่วนสวี่ชิงในตอนนี้ก็ยังคงจมอยู่ในการรับรู้ของตัวเองเช่นเดิม ภายใต้ความพยายามและความยึดมั่นของเขา ในที่สุดก็ดึงเส้นสีแดงออกมาได้ทีละน้อยจนหมด
ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของวิหคทองข้างหน้าเขาหายไปโดยสมบูรณ์แล้ว เหลือเพียงเส้นสองเส้นที่พันรัดอยู่ด้วยกัน เส้นหนึ่งสีดำ เส้นหนึ่งสีม่วง
‘ต่อไปก็คือสีม่วงของข้า’
สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ดึงสีม่วงของตัวเองทันที ความเจ็บปวดในขั้นตอนนี้เหมือนเลาะเอ็นของตัวเอง สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าวิญญาณของตัวเองกำลังสั่นสะท้าน
แต่ลางสังหรณ์ของเขาแรงกล้ามาก คำตอบ หลังจากที่ดึงเส้นสีม่วงของตัวเองออกมาก็จะมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา
‘ออกมา!’
สวี่ชิงในใจเกิดคลื่นซัดโถม ทุ่มสุดกำลัง ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเพียงใด เส้นสีม่วงของเขาก็ถูกดึงออกมาอย่างสมบูรณ์ และทันทีที่สีม่วงหลุดออกไป วิหคทองข้างหน้าเขาก็เหลือเพียงแค่เส้นสีดำเพียงเส้นเดียว!
ขณะที่เส้นนี้สั่นไหวก็แผ่ระลอกคลื่นพลังที่ทำให้สวี่ชิงรู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งกลุ่มหนึ่งออกมา
‘นี่มัน…’ สวี่ชิงวิญญาณสะท้านเฮือก ความรู้สึกหลอมรวม ขยายเส้นสีดำเส้นนี้ในดวงตาไม่หยุด ขยายใหญ่ขึ้น ขยายใหญ่ขึ้นอีก!
จนกระทั่งสุดท้ายแล้ว ในยามที่เส้นสีดำขยายใหญ่ไร้ขอบเขต เหมือนโลกใบหนึ่งสะท้อนมาในสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิง ในใจของเขาก็เหมือนมีสายฟ้าฟาดผ่าเปรี้ยงลงมา เขาเห็นแล้ว!
เส้นสีดำเส้นนั้นไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน!
มันประกอบขึ้นจากเศษชิ้นส่วนสีดำนับไม่ถ้วน ชิ้นส่วนมากมายนับไม่ถ้วนรวมเข้าด้วยกัน และระหว่างเศษชิ้นส่วนทุกชิ้นล้วนมีสายฟ้ารูปวงรีอยู่
สายฟ้าเหล่านี้เหมือนเชือก ร้อยเศษชิ้นส่วนสีดำมากมายนับไม่ถ้วนเหล่านี้เอาไว้ ทำให้หลังจากที่มันหดเล็กลงอย่างมาก ก็ดูเหมือนเส้นสีดำเส้นหนึ่ง
รูปร่างของเศษชิ้นส่วนเหล่านี้ไม่เป็นระเบียบ แต่หากต่อมันเข้าด้วยกัน…
นั่นคือทวนยาวสีดำเล่มหนึ่ง!
เขาสัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ในสมองก็พลันเกิดความเข้าใจขึ้นมาทันที
“กองทัพต้องห้าม!”
กองทัพนี้สามารถบดขยี้ท้องฟ้า สามารถถล่มปฐพี สามารถทำลายมรรคา สามารถสังหารเทพ!
ภาพนี้เปลี่ยนความคิดของสวี่ชิงไปโดยสิ้นเชิง ฟาดผ่าลงมายังวิญญาณของเขา ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง ในพลังดั้งเดิมของวิหคทอง จะมี…อาวุธน่าครั่นคร้ามที่แหลกละเอียดเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนเล่มหนึ่ง!
‘นี่ก็คือแก่นแท้ของเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ
‘นี่ก็คือพลังดั้งเดิมของวิหคทองหรือ
‘เช่นนั้นเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิทุกวิชาความจริงล้วนเป็นเช่นนี้ใช่หรือไม่ ล้วนผนึกกองทัพที่น่ากลัวเช่นนี้เอาไว้!
‘แล้วใครเป็นผู้ผนึก วิถีสวรรค์อย่างนั้นหรือ
‘ทำไมต้องผนึก กองทัพต้องห้ามเหล่านี้…เจ้านายคือใคร
‘ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยจึงให้คนฝึกฝนเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ หรือว่า…เคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิ แก่นแท้ของมันคือให้คนฟื้นฟูกองทัพต้องห้ามทีละขั้นๆ จนกระทั่งสุดท้ายแล้วควบคุมมันได้!!
‘แผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ซ่อนความลับเอาไว้มากมายเพียงใดกัน!’
สวี่ชิงร่างสั่นสะท้านบ้าคลั่ง ประสาทสัมผัสรับรู้ตลบม้วนกลับมา จากการดึงสัมผัสรับรู้กลับมา เส้นสีม่วงหลอมเข้าไปทันที จากนั้นก็เป็นเส้นเพลิงสีแดง สุดท้ายก็เป็นเส้นที่ถูกเขาทยอยแยกออกมาเส้นอื่นๆ
เพียงพริบตา กลุ่มด้ายยุ่งเหยิงก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลังจากปิดซ่อนฝังกลบทุกอย่างเอาไว้ข้างใน เลือดเนื้อของวิหคทองก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง หลังจากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นเค้าร่างวิหคทอง ขนขึ้นกลับคืนมา เปลวเพลิงพวยพุ่ง
คลื่นความร้อนปะทะหน้า ร่างของสวี่ชิงผงะไปข้างหลังตามสัญชาตญาณ ดวงตาทั้งสองพลันลืมขึ้น กระอักเลือดออกมา
ลมหายใจของเขาหอบถี่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทันทีที่ดวงตาลืมขึ้น สิ่งที่เขาเห็นในพริบตาแรกก็คือรัฐทายาทที่ไม่รู้ปรากฏตัวขึ้นตั้งแต่เมื่อไรข้างหน้า!
ไม่ทันที่สวี่ชิงจะได้เอ่ยปาก รัฐทายาทก็พลันเอ่ยดังมา
“อย่าพูด อย่าถาม!”
สวี่ชิงหวาดหวั่น ในดวงตาฉายประกายวูบ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาสงบจิตใจลงเล็กน้อย มองไปรอบๆ สัมผัสระลอกคลื่นที่นี่ และสัมผัสกับเสียงครืนครันสะเทือนเลื่อนลั่นข้างนอก
สุดท้าย เขามองไปทางรัฐทายาท พยักหน้าเล็กน้อย เอาไข่มุกของจอมคนเนตรดำออกมา แล้วยื่นไป
“ผู้อาวุโส ของชิ้นนี้ข้าไม่ต้องการแล้ว ข้าสู้จอมคนเนตรดำไม่ได้ และไม่อยากให้วิหคทองถูกกลืนกิน ที่สำคัญที่สุดคือข้าหาวิถีของวิหคทองได้แล้วขอรับ!”
“เจ้าก็ไม่ต้องการมันจริงๆ แล้วนั่นแหละ…” รัฐทายาทรับมาเงียบๆ มองสวี่ชิงด้วยสายตาซับซ้อน
เขาในตอนนี้สัมผัสวิหคทองในร่างสวี่ชิงได้อย่างชัดเจนว่ามีความเฉียบคมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเพิ่มขึ้นมา ในความรางเลือน รูปร่างของมันคล้ายว่ามีการเปลี่ยนแปลง เหมือนแปรเปลี่ยนเป็นทวนยาวเล่มหนึ่ง
นี่ก็คือไพ่ตายปราณวิหคทองของสวี่ชิง!
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะขอรับ ทำให้ข้าบรรลุได้อย่างละเอียดลึกซึ้ง” สวี่ชิงสูดลมหายใจ ฝืนลุกขึ้นยืน โค้งคารวะรัฐทายาท
เขาซาบซึ้งนัก หากไม่ใช่คำพูดของรัฐทายาทในตอนนั้น เขาไม่มีทางบรรลุได้อย่างลึกซึ้งเช่นนี้
จู่ๆ รัฐทายาทก็เอ่ยขึ้นมา
“แต่ก่อนอาจารย์เจ้าก็ชี้แนะเจ้าอย่างนี้เช่นกันหรือ”
“ใช่ขอรับ” สวี่ชิงแปลกใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไยจึงพูดเช่นนี้ แต่ก็พยักหน้า
รัฐทายาทเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถอนหายใจ
“อาจารย์ของเจ้าเหนื่อยน่าดูเลย”