ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 615 วิสัยทัศน์ของรัฐทายาท!
บทที่ 615 วิสัยทัศน์ของรัฐทายาท!
รัฐทายาททอดถอนใจ หลังจากไปจากห้องด้านหลัง เขาต้องการเวลาสักหน่อยเพื่อไปทำความคุ้นชินกับการบรรลุอันน่าเหลือเชื่อของสวี่ชิง
จากการฟื้นตื่นของสวี่ชิง ฟ้าดินมืดมัวในเทือกเขาทนทุกข์ข้างนอก สายฟ้าหายไป ความกดดันเช่นนั้นก็ค่อยๆ สลายไปเช่นกัน
เรื่องนี้สร้างความปั่นป่วนแตกตื่นให้กับเทือกเขาทนทุกข์ไม่น้อย การคาดเดานับไม่ถ้วนก็เกิดขึ้นตามมา แต่นอกจากคนทั้งหลายในร้านยาแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนั้นมาจากสวี่ชิง
หลังจากนั้นถึงสวี่ชิงจะได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงนี้เหมือนกัน ขณะที่รู้สึกสะพรึงกลัว ความเคารพที่มีต่อรัฐทายาทก็ยิ่งล้ำลึกขึ้นไปอีก
‘ประโยคชี้แนะเพียงประโยคเดียวก็ทำให้ข้าบรรลุเรื่องพวกนี้ สมกับเป็นระดับเตรียมสู่เทวะจริงๆ…’
สวี่ชิงนอกจากจะทอดถอนใจแล้ว ในเวลาหลังจากนั้นก็ฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของตัวเองไปด้วย ทำความคุ้นชินกับไพ่ตายวิหคทองหลายๆ ครั้งไปด้วย
เวลาก็หมุนไปเช่นนี้เอง ผ่านพ้นไปครึ่งเดือน
เที่ยงตรงของวันนี้ นอกเมืองดินที่ร้านยาตั้งอยู่ ในหุบเขาแห่งหนึ่ง เงาร่างของสวี่ชิงมาถึงจากที่ไกลๆ อย่างรวดเร็ว หลังจากเข้ามาในหุบเขา เขาก็ประเมินรอบๆ ไปตามสัญชาตญาณ มั่นใจว่าปลอดภัยไม่มีปัญหา
หุบเขาแห่งนี้ห่างจากเมืองดินไม่ไกล
หลายวันมานี้สวี่ชิงมันจะทดลองไพ่ตายวิหคทองของตัวเองอยู่บ่อยๆ ทุกครั้งล้วนอยู่ในที่ต่างกัน ครั้งที่เลือกมาที่นี่
ไพ่ตายวิหคทองของเขาพลานุภาพน่าตื่นตะลึง เวลาสำแดงพลังท่วมท้น อีกทั้งหากควบคุมไม่ดีก็จะเหมือนม้าพยศหลุดจากบังเหียน ปะทุพลังขึ้นอย่างเฉียบพลันและรุนแรง พาให้วิหคทองหมองหม่นไปด้วย
กระทั่งว่ามีครั้งหนึ่งวิหคทองเกือบแห้งเหี่ยวแตกสลาย
สวี่ชิงจึงต้องปรับแต่งรายละเอียดครั้งแล้วครั้งเล่า ทดลองสำแดงไพ่ตายนี้ กำหนดเป้าหมายไว้ในขอบเขตแห่งหนึ่ง ให้พลานุภาพของมันอยู่ในระดับที่วิหคทองสามารถรับได้
‘ปรับมาสิบครั้งแล้ว ครั้งนี้น่าจะได้แล้ว’
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก ถอดเสื้อผ้าของตัวเองเก็บไว้ให้ดี เหลือเพียงกางเกงขาสั้นตัวหนึ่ง
มองร่างกายที่เปลือยเปล่า สวี่ชิงสีหน้าฉายแววจนปัญญา
‘ทุกครั้งล้วนเป็นเช่นนี้ วันหน้าต้องหาวิธีจัดการถึงจะดี…’
สวี่ชิงเก็บความคิดลงไป หลับตาครุ่นคิดครู่หนึ่ง หลังจากพิสูจน์ในสมองหลายครั้ง ดวงตาทั้งสองของเขาก็พลันลืมขึ้น ฉายประกายวาววับ มือขวายกขึ้นประสานปางมือ ทันใดนั้นกลิ่นอายน่าครั่นคร้ามกลุ่มหนึ่งก็พลันปะทุออกมาจากร่างของเขา
ทั่วทั้งแผ่นหลังของเขาพลันมีภาพสัญลักษณ์วิหคทองปรากฏขึ้น ขยับเคลื่อนไม่หยุด แผ่ลามไปยังร่างกายครึ่งท่อนบนของสวี่ชิง
วิหคทองในภาพสัญลักษณ์มีความปราดเปรียว ตอนนี้ในยามแผ่ขยายออกไป กลิ่นอายน่ากลัวเป็นระลอกๆ ก็พุ่งเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
กลิ่นอายนี้แปรเปลี่ยนเป็นพายุเปลวเพลิงกวาดโหมไปทั่วทิศ ทำให้พื้นดินมอดไหม้ไปเป็นแถบ ก้อนหิน ภูเขาล้วนหลอมละลาย แผ่ระลอกไปเป็นบริเวณถึงพันจั้ง
ภายในพันจั้งนี้ พื้นดินเกิดทะเลเพลิงลอยขึ้นมา แม้แต่ลมรอบๆ ก็ยังไม่อาจทำอะไรทะเลเพลิงนี้ได้เลย เหมือนว่าการดำรงอยู่ของเปลวไฟเป็นอิสระอยู่เหนือกฎเกณฑ์ฟ้าดิน
และใจกลางของทะเลเพลิง สวี่ชิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นตอนนี้ร่างสั่นสะท้านเล็กน้อย เขาตั้งสมาธิจดจ่อ ควบคุมภาพสัญลักษณ์ที่แปลงมาจากปราณวิหคทองของตัวเองให้เปลี่ยนแปลงรูปร่าง
นี่เป็นวิธีการควบคุมในช่วงนี้ของเขา หากรูปร่างเปลี่ยนแปลงข้างนอก เช่นนั้นจะไม่สามารถควบคุมพลานุภาพได้ แต่หากเปลี่ยนแปลงบนร่างของตัวเอง ทุกอย่างก็ดีขึ้นไม่น้อย
ดังนั้น ภายใต้การควบคุมของเขา ภาพสัญลักษณ์ของเขาขยับเคลื่อนเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนมาถึงสภาวะที่เกือบจะมองเห็นได้ไม่ชัด เห็นเป็นเพียงแต่เงาทวนยาวสีดำรางๆ เล่มหนึ่ง กำลังก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้จะยังรางเลือน เห็นได้เพียงคร่าวๆ แต่ในพริบตาที่เงาทวนยาวสีดำปรากฏ กลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวครั่นคร้ามกว่าก่อนหน้านี้ก็พวยพุ่งท่วมฟ้ามาจากร่างสวี่ชิง
ในเสี้ยวขณะนี้สวี่ชิงไม่ได้ใช้พลังใดๆ ทั้งสิ้นนอกจากพลังวิหคทอง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นจากปราณวิหคทอง แต่ความน่าครั่นคร้ามที่แสดงออกมาน่ากลัวกว่าตอนที่สวี่ชิงทุ่มสุดกำลังทั้งสิบสามปราณก่อนหน้านี้เสียอีก
พูดได้ว่าทวนเล่มนี้ก็ทำให้ระดับหล่อเลี้ยงมรรคาต้องตื่นตะลึง
จะเห็นได้ว่าไพ่ตายของปราณวิหคทองน่าครั่นคร้ามเป็นอย่างยิ่ง
แต่เรื่องพวกนี้ก็เป็นพลังเพียงเสี้ยวเดียวของกองทัพต้องห้ามในวิหคทองที่สวี่ชิงสำแดงออกมาข้างนอกเท่านั้น แน่นอนว่าก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดในตอนนี้ของเขาเช่นกัน แต่ก็จินตนาการได้ว่าจากการยกระดับของพลังบำเพ็ญสวี่ชิง สืบค้นสำรวจต่อไป ในอนาคตจะต้องปลดปล่อยพลังออกมาได้มากขึ้นอย่างแน่นอน
นึกถึงตรงนี้ สวี่ชิงก็พลันเงยหน้า ยกมือขวาขึ้นกดไปที่หน้าอก ตรงตำแหน่งนั้นเป็นจุดที่ด้ามทวนยาวสีดำปรากฏขึ้น
ทำท่าจับแล้วกำ!
ทวนยาวสีดำรางเลือนเล่มหนึ่งถูกสวี่ชิงดึงออกมาจากภาพสัญลักษณ์บนร่าง
ในเสี้ยวพริบตาที่ปรากฏ ฟ้าดินเปลี่ยนสี สายฟ้าครืนครันเลื่อนลั่นส่งเสียงคำรามดังก้อง สวี่ชิงไม่สนใจ ขณะที่สะบัดมือขวา เงาทวนสีดำเหมือนมังกรดำทำลายล้างโลกตัวหนึ่งก็ปะทุขึ้นจากร่างของเขา กวาดโหมวนรอบแล้วพุ่งไป
พื้นดินสั่นสะเทือน ภูเขาหินถล่มทลาย ขณะที่หุบเขาสั่นไหว ทวนยาวก็พุ่งขึ้นฟ้า
ดูเหมือนทวนยาว ทั้งเหมือนวิหคทอง เปลวไฟรอบๆ พวยพุ่งขึ้นจากฟ้าติดตามไป บริเวณปลายทวนยิ่งมีประกายคมเป็นทางที่สอง
นั่นคือกระบี่จักรพรรดิ!
กระบี่จักรพรรดิที่วิหคทองกลืนกินลงไป!
ในการปรับของของสวี่ชิงก็แฝงอยู่ในไพ่ตายด้วยเช่นกัน
ท้องฟ้าคำรามก้อง เกิดระลอกคลื่นวงแหวนขนาดมหึมา ปะทุไปรอบๆ ไม่หยุด และสวี่ชิงในตอนนี้หายใจหอบถี่ เซเล็กน้อย แต่ยังคงสดใส
เขาตรวจดูครู่หนึ่ง มั่นใจว่าวิหคทองรับไหว การเสียหายของตัวเองก็รับได้ ในดวงตาฉายแววตื่นเต้น กำลังจะจากไป
แต่ตอนนี้เอง บนฟ้าพลันมีเสียงสงบนิ่งดังมา
“ไม่เลว!”
จากเสียงสะท้อนของคำพูด เงาร่างของรัฐทายาทก็ปรากฏขึ้นในระลอกคลื่นพลังที่ทวนยาวสีดำฉีกผืนฟ้า เมินเฉยซึ่งทุกสิ่ง ก้าวเดินมา
จากการเข้ามาใกล้ ระลอกคลื่นพลังทุกอย่างที่นี่สลายไป ไม่มีใครสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของที่นี่
“ผู้อาวุโส!”
สวี่ชิงสีหน้าเคารพนอบน้อม รีบคารวะทำความเคารพทันที
สำหรับการชี้แนะของรัฐทายาท ตอนนี้สวี่ชิงยอมรับจากใจจริง ไม่ว่าจะเป็นสามทัณฑ์ที่ไม่เคยมีมาก่อนในตอนแรก หรือจะเป็นการเพิ่มพลังของพลังวิญญาณหลังจากที่สู้สังหารเป็นตายที่ตำหนักเทพในภายหลัง หรือจะเป็นแก่นแท้ของเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิวิหคทอง
ทุกอย่างนี้ล้วนบ่งบอกว่าการฝึกฝนของรัฐทายาทที่ฝึกฝนให้เขาได้ผลเป็นอย่างยิ่ง
“ข้าเห็นอาการบาดเจ็บของเจ้าฟื้นฟูได้พอสมควรแล้ว เช่นนั้นตอนนี้พวกเราจะฝึกขั้นต่อไป!”
รัฐทายาทเดินมาข้างหน้าสวี่ชิง ประเมินครู่หนึ่ง สายตาเข้มงวด แต่ในใจกลับชื่นชมเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหนูข้างหน้าคนนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีความสามารถในการเรียนรู้สูงที่สุดที่เขาเคยได้พบมาในชีวิตนี้
หยกดิบเช่นนี้ ยามเขาได้ขัดเกลาก็ช่างน่าสนใจนัก
แต่ว่าคิดถึงปัญหาที่เกิดขึ้นจากประโยคเดียวของตนก่อนหน้านี้ รัฐทายาทก็รู้สึกว่าตัวเองหลังจากนี้เวลาพูดก็ต้องระวังไว้สักนิดถึงจะดี แต่ในใจของเขาช่วงนี้จากความตื่นตะลึงในการซึมซับก่อนหน้านี้ก็ภาคภูมิใจ
‘อาจารย์ของเจ้าเด็กคนนี้ทุกครั้งที่ชี้แนะจะต้องปวดหัวมากแน่ๆ แต่นี่ขึ้นอยู่กับระดับของเขาด้วย ข้าไม่เหมือนกัน ลูกศิษย์แบบนี้ก็มีเพียงข้าเท่านั้นที่ชี้แนะสั่งสอนได้ อาจารย์ของเขาทำไม่ได้’
รัฐทายาทมองสวี่ชิง เอ่ยเสียงราบเรียบว่า
“สวี่ชิง ก่อนหน้านี้เจ้าเข้าใจการชี้แนะของข้าได้ดีมาก เลือกที่จะไม่ยอมแพ้ไม่ละทิ้ง นี่ดีมากๆ
“พวกเราผู้บำเพ็ญ สิ่งที่ต้องมีก็คือเผชิญกับความยากลำบากและก้าวไปข้างหน้า ก้าวไปไม่หยุดยั้งเช่นนี้ ถึงจะฝึกฝนพลังน่าเกรงขามออกมา ก่อเป็นพลังอำนาจที่กล้าสู้กับฟ้าดินได้!
“เช่นนั้นตอนนี้ ปราณวิหคทองมีไพ่ตายแล้ว จากนี้เจ้าจะต้องค้นคว้าศึกษาปราณพิษต้องห้ามของเจ้าในระดับที่ลึกลงไป!”
รัฐทายาทพูดถึงตรงนี้ ดวงตาก็ฉายประกายวาววาบ ความจริงไม่จำเป็นต้องให้รัฐทายาทกำหนด หลังจากได้ลิ้มรสความหวานชื่นจากวิหคทองแล้ว สวี่ชิงช่วงนี้ก็ขบคิดถึงปราณอื่นๆ ของตัวเอง
น่าเสียดาย ปราณของเขาทุกดวงล้วนเป็นอิสระต่อกัน ล้วนโดดเด่นไม่เหมือนใคร ประสบการณ์ของวิหคทองยากจะนำมาใช้กับปราณอื่น นี่ก็เป็นจุดที่สวี่ชิงขบคิด
ตอนนี้ได้ยินคำพูดของรัฐทายาท สวี่ชิงรีบเอ่ยขึ้นอย่างเคารพนอบน้อมทันที
“ขอผู้อาวุโสโปรดชี้แนะ!”
ในดวงตาสวี่ชิงฉายความวาดหวังออกมา มองไปยังรัฐทายาท
เห็นสายตาของสวี่ชิง รัฐทายาทหัวเราะขึ้นมา
“สวี่ชิง พิษของเจ้า ข้าสัมผัสได้ว่านั่นเป็นพลังเทพเจ้าอย่างหนึ่ง”
“พิษนี้น่าหวาดหวั่นนัก ศักยภาพมหาศาล แต่น่าจะไม่ใช่พลังที่อยู่ในยุคข้า น่าจะปรากฏขึ้นในวันเวลาที่ข้าถูกผนึก ข้าจึงไม่เคยพบเห็นมาก่อน”
รัฐทายาทสายตาล้ำลึก มองสวี่ชิง
“แต่ข้าเคยเห็นพิษที่รุนแรงร้ายกาจกว่าพิษของเจ้า พูดได้กระทั่งว่าเป็นพิษที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่ข้าเคยเห็น!
“บางทีเจ้าก็อาจจะเคยเห็นเช่นกัน”
คำพูดของรัฐทายาทแฝงได้ความหมายลึกซึ้ง
สวี่ชิงฟังถึงตรงนี้ร่างก็สะท้านเฮือก ในสมองมีความคิดมากมายผุดขึ้น แต่ก็ยังคงรางเลือน เหมือนคำตอบอยู่ตรงหน้าแต่กลับถูกหมอกคลุมเครือบดบัง ไม่อาจจับต้องได้
สัมผัสได้ถึงความคิดของสวี่ชิง รัฐทายาทในใจภูมิใจนัก เอ่ยเสียงราบเรียบ
“สวี่ชิง เงยหน้าขึ้นมองไปยังท้องฟ้า เจ้ามองไปนอกท้องฟ้าที่มืดมิดนั่น สิ่งที่ลอยสูงอยู่ตรงนั้นประหนึ่งชั่วนิรันดร์…เสี้ยวหน้าเทพเจ้า!”
สวี่ชิงในสมองมีสายฟ้าฟาดผ่าทันที เงยหน้าไปตามสัญชาตญาณ ทอดสายตามองไปยังม่านฟ้า
ม่านฟ้าแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราแม้จะมืดมิด ไม่เหมือนนอกแผ่นดินใหญ่ที่มองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่ก็ยังมองเห็นได้อย่างรางๆ ถึงเค้าร่างมหึมาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าในม่านฟ้านั่น
“เจ้าดูเสี้ยวหน้านั่น ทำไมทุกครั้งที่องค์ท่านลืมตาสิ่งที่เห็นในสายตา สรรพชีวิตก็ต้องคร่ำครวญ บริเวณที่มองไปจะเปลี่ยนเป็นพื้นที่ต้องห้าม เพราะสายตาขององค์ท่านมีพิษ!
“เช่นนั้นไยเจ้าจึงไม่เลียนแบบดู
“พิษของเจ้าทำไมแผ่ออกมาได้ง่ายๆ แค่นั้น ทั้งยังต้องอาศัยลม ยังต้องอาศัยวิชา พวกนี้ล้วนเป็นการกระทำของมนุษย์ ไม่ใช่เทพเจ้า!
“เจ้าใช้ความคิดของมนุษย์สำแดงพิษของเทพเจ้า ย่อมไม่ได้อยู่แล้ว
“เจ้าต้องเลียนแบบองค์ท่าน ผสานพิษไปในสายตาของเจ้า หากเจ้าทำได้ ต่อให้เป็นเพียงแค่เศษเสี้ยว เช่นนั้นพลังพิษต้องห้ามของเจ้าก็จะเหมือนวิหคทอง ก็จะยกระดับขึ้นอย่างมหาศาลสะท้านสะเทือนฟ้าดิน!”
สวี่ชิงลมหายใจหอบถี่ คำพูดของรัฐทายาทช่างน่าตื่นตะลึงนัก เท่ากับเป็นการเปิดแนวความคิดของเขา ตอนนี้สายฟ้าทางหนึ่งฟาดผ่ามาในสมองของเขา ฉีกทึ้งความคิดแบบเดิมที่มีมาทั้งหมด
สวี่ชิงหัวใจเต้นระรัว รู้สึกเพียงความคิดในเสี้ยวขณะนี้ขยายไปไม่หยุด หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขามองไปทางรัฐทายาท สายตาฉายแววความเคารพบูชาที่แรงกล้าเป็นที่สุด
วิสัยทัศน์ของอีกฝ่าย ทัศนคติในการมองเรื่องราวของอีกฝ่ายเป็นตัวกำหนดความรู้ความเข้าใจ
นี่เป็นสิ่งที่ก่อนหน้านี้สวี่ชิงไม่มี ต่อให้นายท่านเจ็ดพัฒนาเขามาแล้ว ก็ยังไม่สูงถึงระดับนี้
“ขอบพระคุณผู้อาวุโสมากขอรับ!”
สวี่ชิงซาบซึ้ง โค้งตัวคารวะ
มองสีหน้าท่าทางของสวี่ชิง สัมผัสถึงจิตใจของสวี่ชิง รัฐทายาทก็ยิ้ม ความภาคภูมิใจผุดขึ้นมาอีกครั้ง พูดในใจว่าอาจารย์ของเจ้าเด็กคนนั้นก็งั้นๆ หากจะขัดเกลาหยกดิบเช่นนี้ มีเพียงตนเท่านั้นที่ทำได้จริงๆ
“เช่นนั้นต่อจากนี้เจ้าก็จงตั้งใจสัมผัสรับรู้จุดนี้ให้ดี ที่นี่นับว่าเหมาะสม เจ้าสัมผัสรับรู้อยู่ที่นี่สามวัน หากยังไม่ได้ค่อยมาหาข้า”
รัฐทายาทพูดจบก็กางพันธนาการต้องห้ามไว้ที่นี่สามวัน จากนั้นก็มือไพล่หลัง จากไปอย่างสบายอารมณ์
สวี่ชิงยืนอยู่ที่เดิม เงียบนิ่งไปนาน หลังจากนั่งลงขัดสมาธิก็หลับตาขบคิด
‘ทำอย่างไรให้สายตาผสานไปกับพลังพิษต้องห้ามได้…’
สวี่ชิงพึมพำ พลังพิษต้องห้ามในกายปะทุ โหมทะลักไปในดวงตาทั้งสองข้าง