ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 627 ต้นกำเนิดของเผ่าสัญจรมิติ
บทที่ 627 ต้นกำเนิดของเผ่าสัญจรมิติ
ทันทีที่นิ้วขององค์หมิงเหมยกดลง เสียงในห้วงเวลาก็ดังก้องขึ้นในตอนนี้ รัฐทายาททางนั้นก็เริ่มสำแดงอำนาจของเขาเช่นกัน ต่างไปจากหมิงเหมย อำนาจของรัฐทายาทคือการเปลี่ยนแปลงสัมผัสการรับรู้
ไม่ใช่แค่เปลี่ยนแปลงสัมผัสการรับรู้ของคนทั้งหลาย แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของกฎเกณฑ์ ยิ่งไปกว่านั้นคือเปลี่ยนแปลงความคิดของสรรพสิ่งในฟ้าดินได้ด้วย!
ผ่านจากการเปลี่ยนแปลงสรรพสิ่งทั้งหลาย ส่งผลกระทบต่อกฎเกณฑ์ฟ้าดิน จากนั้นก็ปกปิดผืนฟ้าข้ามผ่านมหาสมุทร ทำให้วิถีสวรรค์เมินเฉยในเสี้ยวขณะนี้ ทำให้เทพเจ้าสูญเสียครรลองไปในเสี้ยวขณะนี้เช่นกัน
ทำให้แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราแห่งนี้ ในเสี้ยวขณะนี้ ไม่อาจสัมผัสทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ได้
รวมไปถึงตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดเช่นกัน
อำนาจนี้น่าหวาดหวั่นนัก น่าเสียดายเพียงรัฐทายาทสำแดงได้ถึงระดับนี้ ต่อให้เขาเป็นระดับเตรียมสู่เทวะ อย่างมากก็ควบคุมได้เพียงสิบอึดใจเท่านั้น ที่จะอยู่ในสภาวะสุดยอด
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น สิบอึดใจนั้นไม่พอ
แต่นี่ไม่รวมหมิงเหมย
แม่น้ำแห่งกาลเวลาโหมบ่าจากปลายนิ้วของนาง ทุกอย่างในหมู่บ้านสลัวรางเลือนขึ้นมา
จะเห็นรางๆ ว่าในนั้นมีเด็ก มีผู้ใหญ่ มีคนแก่
และเขากวาดตามองไป เงาร่างมากมายทั้งหมู่บ้าน ก็เหมือนภาพในภาพบันทึกเงาเคลื่อนไหวแต่ละฉากๆ กำลังฉายไม่หยุด
กลอนเด็กก็เปิดในขณะนี้เช่นกันดังมาครั้งแล้วครั้งเล่า
ในความรู้สึก ทุกอย่างนี้ถูกลากให้ยาว น่าจะผ่านไปสิบอึดใจ แต่ในความเป็นจริง เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเสร็จสิ้นลงในสามอึดใจ
เหมือนว่ามีคนย่อข้อมูลทั้งหมด จากนั้นก็บังคับกำหนดในสามอึดใจ
การทำแบบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกพังทลายน่าหวาดกลัว หากมีคนยืนอยู่ที่ตำแหน่งสวี่ชิง ตัวไม่มีร่างเทพหรือพลังบำเพ็ญไม่พอ เช่นนั้นวิญญาณของเขาก็จะแตกสลายในเสี้ยวขณะนี้
นี่คือสิ่งที่ในบรรดาบุตรหญิงชายของเจ้าเหนือหัว ก่อนที่เจ้าเก้าจะเกิด องค์หญิงหมิงเหมยเป็นผู้ที่เก่งกาจยอดเยี่ยมที่สุด กระทั่งจักรพรรดิโบราณยังเอ่ยชม
สวี่ชิงเห็นก็ยังต้องหวั่นไหว
“เวลา…”
สายตาสวี่ชิงฉายประกายประหลาด ในพริบตาที่มองไปทางองค์หญิงหมิงเหมย เสียงพึมพำจากคนทั้งหลายและวิญญาณในอดีตในหมู่บ้าน บัดนี้คำรามก้อง เสียงกลอนเด็กของพวกเขา ภายใต้การสะท้อนก้องไม่หยุดนี้ก่อเป็นเงาร่างมายาร่างหนึ่งในฟ้าดิน
เงาร่างนี้เหมือนเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง นางแบกคนทั้งหลาย ก้มหน้า เหมือนว่ากำลังร้องไห้
บนร่างของนางจะเห็นวิญญาณนับไม่ถ้วนกำลังกัดกิน ขณะที่เลือดเนื้อแหลกเละ ก็มีโซ่สีแดงเส้นหนึ่งพันธนาการนางเอาไว้
เงาร่างของนางนั้นรางเลือน โซ่ก็เช่นกัน ไม่อยู่ในโลก มีตัวตนเพียงอยู่ในกลอนเด็กเท่านั้น
ตอนนี้ถึงจะปรากฏออกมาแต่ก็บิดเบี้ยวอยู่ตลอด หายไปอยู่ตลอด คล้ายว่าอยู่ได้ไม่นานเท่าไร
“สวี่ชิง”
เสียงขององค์หญิงหมิงเหมยดังไปในจิตใจของสวี่ชิง สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ปะทุพลังพระจันทร์สีม่วงในร่างขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้ พลังอำนาจพระจันทร์สีชาดก็พวยพุ่งขึ้นเช่นกัน
แสงสีเลือดแผ่ออกมาจากทั่วร่างของเขา เลือดสดๆ นับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นฟ้า ภายใต้การสะบัดมือขององค์หญิงหมิงเหมย เลือดสดๆ พวกนี้ก็พุ่งตรงไปยังกลอนเด็กที่เกิดขึ้น
เพียงพริบตา สีเลือดปกคลุมความรางเลือน อาบย้อมทุกสิ่ง แช่แข็งเงาร่างที่ร้องไห้จากในสภาวะมายาให้อยู่ในความเป็นจริง
ในเสี้ยวขณะนี้ ภาพมายาและความเป็นจริงเหมือนเกิดการทับซ้อนกัน
และระลอกคลื่นที่เกิดจากการทับซ้อนรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง ภาพทั้งหมดล้วนสั่นสะเทือน โซ่สีเลือดเหล่านั้นก็เริ่มแกว่งอย่างรุนแรง สุดท้ายภายใต้เสียงเคร้งๆ แต่ละเส้นก็เกิดรอยหักร้าว
สุดท้าย องค์หญิงหมิงเหมยก้าวไปเพียงก้าวเดียว นางเดินจากโลกความเป็นจริงเข้าไปในภาพมายา เดินไปยังข้างกายเงาร่างที่ร่ำไห้ร่างนั้น กอดนางไว้ในอ้อมแขน
“น้องหญิงห้า ไม่ต้องร้อง พี่สาวพาเจ้ากลับบ้าน”
เงาร่างร้องไห้สั่นสะท้านรุนแรง โซ่เหล็กที่เกิดรอยร้าวรอบๆ นาง ในเสี้ยวขณะนี้ก็พลันแตกร้าว
วิญญาณทั้งหมดต่างโหยหวน ดับสลายกลายเป็นเถ้าธุลี
อึดใจที่สิบมาถึง
เงาร่างรัฐทายาทหายไป เงาร่างสวี่ชิงสลายไป ภาพมายาในฟ้าดินหายไปไร้ร่องรอยเช่นกัน
แม่น้ำแห่งกาลเวลาเหมือนไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน วิญญาณในอดีตเหล่านั้นก็เช่นกัน ทุกอย่างฟื้นฟูเป็นปกติ จนกระทั่งประชาชนเหล่านั้นที่เดินออกมาจากในหมู่บ้าน แม้สีหน้าแต่ละคนจะงุนงงเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็กลับไปเฉยชาเช่นเดิม
สิ่งเดียวที่แตกต่างออกไปคือกลอนเด็กของเด็กน้อยเหล่านั้นเปลี่ยนไปแล้ว
“ตุ๊กตาผ้า ตุ๊กตาผ้า ตาโตๆ ผมสีดำ ข้าจะอุ้มเจ้ากลับบ้าน
“ตุ๊กตาผ้า ตุ๊กตาผ้า สายฟ้าบนท้องฟ้าไม่ต้องกลัว จงมีความสุข หัวเราะเบิกบานชั่วนิรันดร์”
……
เผ่าสัญจรมิติ เป็นเผ่าที่พิเศษมากในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา
เผ่านี้ไม่มีดินแดนเป็นของตัวเอง คนในเผ่าบรรลุนิติภาวะแล้วหรือไม่ ตัดสินที่พวกเขาหาประตูที่เป็นของตัวเองเจอในสุสานประตู
ทันทีที่หาเจอ พวกเขาก็จะพเนจรไปทั่ว เดินทางอยู่ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราอยู่ตลอด
จนกระทั่งเดินไปทั่วทุกที่ ไปทุกแห่งหนที่ไปได้
นี่ก็คือธรรมเนียมของพวกเขา และเป็นวิธีดำรงชีวิตของพวกเขา ยิ่งเป็นวิธีการฝึกฝนของพวกเขา
ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเผ่าสัญจรมิติจึงเป็นเช่นนี้ ต่อให้เป็นตัวเผ่าสัญจรมิติเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน นี่เป็นสัญชาตญาณของพวกเขา
และความพิเศษของเผ่านี้ยังมีอีกหนึ่งอย่าง นั่นก็คือ…ทุกครั้งที่ชื่อหมู่มาเยือนร่างของพวกเขาจะตายไป แต่ประตูที่แบกอยู่ไม่หายไป
อีกทั้งทุกครั้งที่ชื่อหมู่มาเยือน เผ่านี้ล้วนสุขุมกว่าเผ่าอื่นเป็นอย่างยิ่ง สมาชิกในเผ่าจะทยอยเดินทางจากทั่วสารทิศกลับมายังสถานที่เดียวกัน วางประตูของพวกเขาไว้ที่นั่น
สถานที่แห่งนี้คนในเผ่าเรียกว่าสุสานประตู
สุสานประตูเป็นหุบเขาใหญ่ในภาคตะวันออกของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา คนนอกเรียกที่นั่นว่าหุบเหวปฐพี เพราะหุบเขาแห่งนี้ไม่ได้กว้างจนน่าตื่นตะลึงเท่านั้น แต่ความลึกก็ไม่รู้เช่นกัน
ในหุบเขาแห่งนี้ ในหุบเหวลึกแห่งนี้มีประตูมากมาย เล็กๆ ใหญ่ๆ รูปแบบต่างๆ นานา รูปร่างมากมาย วัสดุนานาชนิด
ความเปื่อยพุพังแผ่ลามอยู่ที่นี่ไม่สลายไป
และผู้บำเพ็ญก็ไม่อยากมาที่นี่ เพราะในและนอกหุบเขาแห่งนี้มีเรื่องราวลึกลับมากมายนัก คดีหายตัวไปก็เกิดขึ้นทั่วทุกที่
แต่ตอนนี้ บนผนังหินของหุบเขากลับมีเงาร่างสี่ร่างปรากฏขึ้น
ท่านย่าสองคน ท่านปู่หนึ่งคน ส่วนคนที่สี่…คือสวี่ชิง
วันนี้เป็นวันที่สี่ที่พวกเขาไปจากเขาตะขาบดำ
ท่านย่าที่เพิ่มขึ้นมาคนนั้นเทียบกับองค์หญิงหมิงเหมยแล้วผอมกว่ามาก นางสวมชุดคลุมยาวสีดำ โหนกแก้มสูงมาก ทั้งคนดูแล้วไม่ได้ใจดีมีเมตตา แต่กลับฉายความไร้จิตใจออกมา
มาพร้อมด้วยความอึมครึมเข้มข้นไม่สลายไป
ทุกครั้งที่มองไปทางรัฐทายาท ความอึมครึมนี้ก็ยิ่งหนักขึ้น มีเพียงที่อยู่กับองค์หญิงหมิงเหมยเท่านั้นในสีหน้าของท่านย่าชุดดำคนนี้ถึงจะฉายความอบอุ่นของความรักพี่น้องออกมาบ้าง
และยังมีที่ปฏิบัติกับสวี่ชิงทางนี้ ความอึมครึมของนางจะลดลงไปมาก สิ่งที่แทนที่คือความอ่อนโยนเมตตาที่ผู้อาวุโสมองผู้เยาว์
สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าท่านย่าชุดดำคนนี้เหมือนไม่ถนัดในการแสดงความเป็นมิตร ความอ่อนโยนนี้ก็นับว่าตั้งใจมากแล้ว
“น้องแปดถูกผนึกอยู่ที่นี่”
“เขาถูกผนึกเอาไว้ในประตูโบราณบานหนึ่ง ประตูบานนั้นถูกทำลายกลายเป็นเศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วน จึงมีเผ่าสัญจรในโลกขึ้นมา
“เผ่าสัญจรมิติไม่มีดินแดน แต่ประตูมี
“พูดให้ถูกคือสมาชิกเผ่าสัญจรมิติไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเหล่านั้น แต่เป็นประตูพวกนี้
“ที่นี่ก็คือดินแดนของประตู
“ประตูทุกบานล้วนเป็นส่วนหนึ่งของน้องแปด และการส่งข้ามทุกครั้งของคนล้วนเป็นการผลาญวิญญาณของน้องแปด
“การผลาญพลังเช่นนี้จะเกิดเป็นผลกรรมเวรไร้รูปร่าง กรรมเวรประเภทนี้จะคอยทรมานน้องแปดอยู่ตลอด”
บนผนังหิน รัฐทายาทเอ่ยเสียงเบา
สายตาขององค์หญิงหมิงเหมยจ้องไปข้างล่างหุบเขา ท่านย่าห้าที่อยู่ข้างๆ แค่นเสียงหึขึ้นจมูกอย่างอึมครึม ไม่สนใจรัฐทายาท
ระหว่างทั้งสองคนเห็นได้ชัดว่าเคยมีความขัดแย้งบางอย่าง สวี่ชิงไม่รู้เหตุผล แต่มองออกว่าในสีหน้าของรัฐทายาทมีแววติดค้างอยู่อย่างเห็นได้ชัด
ขณะเดียวกัน ฟังจากคำพูดของรัฐทายาท นึกถึงเรื่องที่ตัวเองในอดีตอีกเพียงก้าวเดียวก็อาศัยเผ่าสัญจรมิติส่งข้ามขึ้นได้
ตอนนี้นึกย้อน เหมือนว่าตอนนั้น…รัฐทายาทจะจงใจขัดขวาง ให้ตนไม่ได้ก้าวเข้าไป
“ดังนั้น หากอยากปลดผนึกน้องแปด อาศัยแค่พลังของข้ากับพี่สาม สุดท้ายก็ยากจะทำให้สำเร็จได้สมบูรณ์ น้องเล็ก นี่ต้องการพลังอำนาจของเจ้า…” รัฐทายาทมองไปทางน้องหญิงห้าของตัวเอง น้ำเสียงอ่อนโยนลงเล็กน้อย
ท่านย่าชุดดำมองไปทางรัฐทายาทอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไร
องค์หญิงหมิงเหมยที่อยู่ข้างๆ ลอบถอนใจ จับมือน้องหญิงห้าเอาไว้
ท่านย่าชุดดำเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้า
รัฐทายาทถอนหายใจในใจ แต่ก็ดึงอารมณ์กลับมา เขาทำเหมือนกับครั้งก่อนๆ รับผิดชอบปกปิดคลื่นพลังทุกอย่าง ส่วนองค์หญิงหมิงเหมยเข้าไปในหุบเขา เอาประตูโบราณบานนั้นที่ผนึกน้องแปดออกมา
“เด็กน้อย เอาเลือดพระจันทร์สีม่วงของเจ้าให้ข้าหยดหนึ่ง”
ก่อนไป องค์หญิงหมิงเหมยมองไปทางสวี่ชิง
สวี่ชิงไม่ลังเลแม้แต่น้อย แผ่พลังพระจันทร์สีม่วงออกมา แปรเปลี่ยนเป็นทะเลเลือด ให้ไปเป็นจำนวนมาก
วิธีนี้ทำให้องค์หญิงหมิงเหมยหัวเราะ ท่านย่าชุดดำก็แอบพยักหน้า ในยามที่มองไปทางสวี่ชิง ความอ่อนโยนเมตตาย่อมมากขึ้นอีกเล็กน้อย
ถือเลือดพระจันทร์สีม่วงของสวี่ชิงเอาไว้ องค์หญิงหมิงเหมยก้าวไปยังหุบเขาข้างล่าง และการจากไปของนาง ในกำแพงหินแห่งนี้เงียบเหงาเย็นเยือกลงไปทันที
ท่านย่าชุดดำไม่พูดอะไร รัฐทายาทก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี จึงมองไปทางสวี่ชิง
“เจ้าหนู หลายวันนี้เจ้าค่อนข้างจะสบายไปแล้ว ทางกลับอย่าใช้พลังพระจันทร์สีม่วง อาศัยตัวเองเดินกลับไป”
“ผายลม!” ท่านย่าชุดดำแค่นเสียงขึ้นจมูก
รัฐทายาทได้ยินก็ยิ้มขื่น มองไปทางน้องหญิงห้าของตน
“น้องเล็ก…”
“หุบปาก!”
สวี่ชิงกะพริบตาปริบๆ ขยับไปใกล้ท่านย่าชุดดำอีกเล็กน้อย และในเสี้ยวขณะนี้ ในหุบเขาก็มีเสียงระเบิดดังขึ้น พื้นดินสั่นสะเทือนขุนเขาสั่นไหว รัฐทายาทเก็บจิตใจ สะบัดมือส่งผลกระทบต่อฟ้าดิน ในยามที่แปรเปลี่ยนเป็นพลังปกปิด เสียงที่ใต้หุบเขาก็ยิ่งสะท้านสะเทือนกึกก้อง
แว่วๆ ว่ายังมีเสียงร้องครวญครางนับไม่ถ้วนดังก้องด้วย ยิ่งมีระลอกคลื่นพลังน่ากลัวแผ่ซ่านมา
ความแข็งแกร่งของระลอกคลื่นพลังนี้ไม่เพียงแต่ทำให้หุบเหวสั่นไหว หินที่อยู่ข้างล่างยิ่งมีรอยแตกร้าวมหาศาล ท่ามกลางการแหลกทลายอย่างต่อเนื่อง ก็กลายเป็นเศษหินร่วงลงไป
สวี่ชิงทำได้เพียงสัมผัสเล็กน้อยทั่วร่างก็เกิดความรู้สึกอันตรายอย่างมหาศาล เขาจินตนาการได้ว่าในหุบเขาจะต้องมีตัวตนที่น่ากลัวสุดขีดอยู่อย่างแน่นอน
แต่เห็นได้ชัดว่าสำหรับองค์หญิงหมิงเหมย เรื่องพวกนี้ไม่นับเป็นเรื่องอะไร
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ระลอกคลื่นพลังหยุดลง เงาร่างขององค์หญิงหมิงเหมยมาปรากฏอยู่บนผนังหินอย่างเงียบงัน ทั่วทั้งร่างผ่อนคลายสบายๆ มองไม่เห็นถึงร่องรอยที่ลงมือแม้แต่น้อย
ในมือของนางถือเศษไม้ขนาดเท่าฝ่ามือชิ้นหนึ่งเอาไว้ สะบัดมือลอยมันไว้กลางอากาศ
“ประตูโบราณที่ผนึกน้องแปดบานนั้นแหลกละเอียดไปแล้ว ยากจะเป็นสื่อกลางได้ นี่เป็นสิ่งที่ข้าค้นหารวบรวมเถ้าธุลีข้างล่าง ใช้แม่น้ำกาลเวลาสร้างขึ้นมา แต่ก็เป็นรูปร่างได้แค่นี้แล้ว”
ความเก่าแก่โบราณผ่านห้วงเวลาเนิ่นนาน แผ่ออกมาจากในเศษไม้นี้ไม่หยุด
สวี่ชิงสัมผัสครู่หนึ่ง ก็มองไปทางท่านย่าชุดดำไปตามสัญชาตญาณ
เขาอยากรู้ อำนาจของอีกฝ่ายคืออะไร
ท่านย่าชุดดำจ้องเพ่งเศษไม้ชิ้นนั้น ยกนิ้วชี้ขวาแห้งเหี่ยวที่เหมือนว่าไม่อาจฟื้นฟูได้เอง แตะไปบนนั้นเบาๆ
เพียงแค่แตะลงไป ร่างของนางก็แก่ลงไปอย่างเห็นได้ชัด แต่เศษไม้ชิ้นนั้นกลับสั่นไหวอย่างรุนแรง เริ่มฟื้นคืนสภาพอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
มันเติบโตขึ้นไม่หยุด แผ่ลามออกไปไม่หยุด เวลาสั้นๆ เพียงห้าอึดใจก็ก่อเป็นประตูใหญ่โบราณบานหนึ่ง ตั้งตระหง่านในฟ้าดิน
กรอบประตูสีดำ ประตูสีขาว สลักลายเถาวัลย์ซับซ้อน โดยเฉพาะที่บนประตู เถาวัลย์พันล้อมที่สลักเอาไว้พวกนี้มีดอกเชียนหนิว สีเทาดอกหนึ่ง
ดอกไม้นี้แปลกประหลาด สั่นสะท้านวิญญาณได้
ห้วงเวลาเก่าแก่โบราณที่ไหลผ่านไปเป็นระลอกๆ แผ่ไปทั่วทิศ เกิดเป็นพลังกดดันไร้รูปร่างที่บดทำลายรอบๆ
ยิ่งในเสี้ยวขณะที่ประตูไม้บานนี้ปรากฏขึ้น ในนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงดังออกมา
ปังๆ ปังๆ!
ราวสายฟ้าฟาดผ่ารัว
“อำนาจของข้าไม่ได้ได้มาจากการฝึกฝน แต่มีโดยกำเนิด สามารถทำให้สรรพสิ่งฟื้นคืนสภาพได้ มีเพียงตัวข้าที่ไม่อาจฝืนได้”
ท่านย่าชุดดำหันไปมองสวี่ชิง เอ่ยเสียงแหบแห้ง