ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 646 เส้นผมครามเป็นเส้นทาง ประตูแห่งจันทราคิมหันต์
บทที่ 646 เส้นผมครามเป็นเส้นทาง ประตูแห่งจันทราคิมหันต์
ทะเลทรายครามสั่นไหวอย่างรุนแรง
คำพูดของนายกองคล้ายว่าเปิดพันธนาการต้องห้ามบางอย่าง ทำให้พลังน่ากลัวที่ซ่อนอยู่ในทะเลทรายแห่งนี้ พลันปะทุขึ้นในเสี้ยวขณะนี้
เม็ดทรายแต่ละเม็ดๆ ลอยขึ้นฟ้าเอง ลอยอยู่กลางฟ้าดิน
ทุกเม็ดล้วนสั่นไหว บนนั้นกระทั่งว่ายังมีใบหน้าเหี้ยมเกรียมปรากฏออกมา คำรามไปทางท้องฟ้า
เสียงคำรามกลายเป็นทัณฑ์สวรรค์ ขณะที่แลบแปลบปลาบก็ทำให้ท้องฟ้าดังกึกก้องตามมา
ยิ่งมีลมพัดมาจากทั่วสารทิศ หอบม้วนทุกสิ่ง
ท่ามกลางฟ้าดิน ในเสี้ยวพริบตานี้ก็กลายเป็นทะเลทราย
กวาดตามองไป เม็ดทรายนับไม่ถ้วนลอยขึ้นมาไม่หยุด เส้นขอบฟ้าของทะเลทรายต่ำลงเรื่อยๆ
เม็ดทรายที่ปลิวว่อนกลางอากาศเหล่านั้นถูกลมหอบม้วน ท่ามกลางเสียงครืนครันฟาดผ่าก็ปะทุไม่หยุด ต่างแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นธุลี เกิดเป็นพายุทะเลทรายพัดไปทั่วทั้งแปดทิศ
ใบหน้าแต่ละดวงในนั้นส่งเสียงคำรามอย่างเจ็บปวด สุดท้ายก็รวมเข้าด้วยกัน เกิดเป็นใบหน้าขนาดมหึมา เห็นรางๆ คล้ายว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง
องค์ท่านกำลังหัวเราะ และกำลังร้องไห้ ปกคลุมไปทั่วทั้งทะเลทรายคราม
ไอพลังประหลาดตลบอบอวล โลกรางเลือน
เทพเจ้าลงมาเยือน!
เพียงพริบตาทั้งทะเลทรายครามก็ฟ้าดินมืดมืด ประสาทสัมผัสเทพอยู่ที่นี่ไม่อาจแผ่ออกไปได้แม้แต่น้อย ตาเนื้อยิ่งไม่อาจมองเห็นข้างหน้าได้อย่างชัดเจน
มีเพียงเสียงคำรามไม่สิ้นสุดที่ปะทุท่วมฟ้าที่นี่ ส่วนผู้บำเพ็ญที่นี่ตอนนี้ต่างหลบไปในภูเขาของแต่ละคน มองทุกอย่างนี้อย่างหวาดกลัว
ก็ไม่รู้ว่าใครเป็นคนเริ่ม พวกเขาคุกเข่าหมอบคารวะใบหน้ามหึมาที่แปรเปลี่ยนจากทะเลทรายคราม
“ไป๋หมู่!”
ส่วนบริเวณทางเข้าที่พวกสวี่ชิงมุ่งหน้าไป สมาชิกเผ่าคุ้มครองวายุเหล่านั้น ตอนนี้ยิ่งตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง สมาชิกเผ่าต่างคุกเข่าลง ปากก็ร่ายร้องบทเพลงโบราณออกมา
“ไป๋หมู่ฟื้นตื่น เสพสุขวาสนาแม่น้ำเพลิง
“บุตรเทวะเยือนโลกา ช่วยทั้งแปดดินแดนให้พ้นทุกข์
“คนทั้งหลายลุ่มหลงมัวเมา ฝังจิตใจไม่ใหลหลง
“ข้ายินดีเป็นธุลี หล่อเลี้ยงผืนนภา”
เสียงเพลงดังก้องไปในพายุทะเลทราย ถูกลมพัดกระจาย ลอยล่องไปทั่ว แม้พายุจะน่ากลัว แต่เหมือนว่าสำหรับผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่แล้วพายุทรายไม่ได้มีจิตคิดร้ายสักเท่าไร ดังนั้นพวกเขาทุกอย่างยังดีอยู่
แต่ว่า…ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่จับเป้าหมายทะเลทรายคราม ห้อตะบึงมุ่งหน้ามาจากทั่วทุกสารทิศ จะทำการจับกุมตัวต้นกำเนิดที่สร้างภาพแห่งห้วงบรรพกาล เงาร่างของพวกเขาในพายุทะเลทรายกลับต้องถอยหลังไป
พายุทะเลทรายลูกนี้เหมือนจะระบายจิตคิดร้ายทั้งหมดที่มีไปบนร่างของผู้มาเยือนจากข้างนอกเหล่านี้
เพียงพริบตา ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดจำนวนมหาศาลก็ถูกหอบม้วน ในขณะที่แต่ละคนสีหน้าหวาดหลัว ก็มีบางคนที่ถูกท่วมจมไปในพายุทะเลทราย ร่างถูกฉีกทึ้ง วิญญาณถูกแยก เสียงโหยหวนน่าเวทนาถูกกลบไปในเสียงครืนครันเลื่อนลั่น
ต่อให้เป็นจักรพรรดิตำหนักที่มาเยือนก็ยังหวั่นไหว สีหน้าเปลี่ยนไปมหาศาล
“ทุกคนถอยไปจากที่นี่!”
เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย ออกคำสั่งทันที ไม่นานนักผู้บำเพ็ญตำหนักเทพต่างหนีไปอย่างรวดเร็ว ถอยหนีไปเฝ้าอยู่นอกทะเลทราย ไม่กล้าเข้ามาอีกแม้แต่น้อย
ส่วนจักรพรรดิตำหนักและทูตเทวะระดับหวนสู่อนัตตาอีกจำนวนหนึ่งฝืนบุกเข้าไป ในพายุทะเลทรายนี้ พวกเขาเหมือนหอกยาวเป็นเล่มๆ ฉีกมิติขาดวิ่น พุ่งตรงไปยังบริเวณทางเข้าที่พวกสวี่ชิงอยู่
ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เพียงแต่บนเส้นทางที่พวกเขามุ่งหน้ามา เหตุการณ์ประหลาดในทะเลทรายผมครามก็ยังคงดำเนินต่อไป และเส้นขอบฟ้าของจากการลอยขึ้นของเม็ดทรายนับไม่ถ้วน จากใบหน้าที่แปลงมาจากทะเลทรายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ก็ยุบลงไปไม่หยุด
สิบจั้ง แปดสิบจั้ง ร้อยห้าสิบจั้ง…
จนกระทั่งสุดท้าย ทะเลทรายครามทั้งผืนก็ยุบลงไปพันจั้ง!
กวาดสายตามองไป ฟ้าดินในทะเลทรายคราม ทะเลทรายคำราม ส่วนข้างล่าง…ว่างเปล่า
เผยให้เห็นหลุมลึกขนาดมหึมาราวหลุมสวรรค์และแผ่นดินโบราณที่เกิดขึ้นก่อนจะมีทะเลทราย
และยังมียอดเขาที่สูงไม่เท่ากันอีกมากมาย
ยอดเขาบางแห่งในอดีตได้ถูกฝังไปใต้ทะเลทรายแห่งนี้โดยสมบูรณ์ ตอนนี้หลังจากเวลาเนิ่นนานนับไม่ถ้วน ก็ปรากฏออกมาเป็นครั้งแรก
ยอดเขาบางแห่งบางส่วนที่อยู่ข้างนอก อย่างเช่นเทือกเขาทนทุกข์เช่นนั้น ที่ตอนนี้ก็เผยส่วนที่ถูกฝังออกมา
เทียบกับหลุมสวรรค์แล้ว เทือกเขาเหล่านี้เหมือนหนามแหลมมากมาย เห็นได้ถึงความน่ากลัวของหลุมแห่งนี้
ส่วนบนพื้นในนั้น ดินสีดำสนิทขณะที่ส่งกลิ่นเน่าเปื่อยออกมา ก็ยังมีหลุมและร่องน้ำอีกนับไม่ถ้วน เหมือนว่าที่นี่ในอดีตเกิดสงครามอันน่าครั่นคร้ามขึ้น
การเปลี่ยนแปลงของแผ่นดินเช่นนี้อยู่เหนือการจินตนาการของผู้บำเพ็ญ ผู้บำเพ็ญดั้งเดิมของทะเลทรายคราม ตอนนี้ล้วนหวาดกลัว ระลอกคลื่นอารมณ์ในใจท่วมฟ้า ท่าทางการหมอบคารวะไป๋หมู่ยิ่งเลื่อมใส
และทะเลทรายในฟ้าดิน ภายใต้การชนปะทะไม่หยุดนี้ ก็ทยอยแหลกละเอียด กลายเป็นฝุ่นธุลีไม่ขาดสาย ต่างถูกลมผสานเข้าด้วยกัน
ท่ามกลางความรางเลือนเหมือนว่าลักษณะจะเปลี่ยนไป…
คนที่เห็นทุกอย่างนี้กับตา ในหัวของพวกเขาก็ค่อยๆ เริ่มนึกถึงเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ว่ากันว่าทะเลทรายครามแห่งนี้เดิมเป็นหลุมสวรรค์แห่งหนึ่ง จนกระทั่งช่วงเวลาเนิ่นนานก่อนหน้านี้มีผมเส้นหนึ่งร่วงลงมาจากสวรรค์ แปรเปลี่ยนเป็นเม็ดทรายที่นี่ ถมหลุมสวรรค์จนเต็ม กลายเป็นทะเลทราย
และในวันนี้ เรื่องเล่าเรื่องนี้…ก็ได้รับการพิสูจน์แล้ว
เพราะทะเลทรายไร้ขอบเขตสิ้นสุดกลางอากาศ ภายใต้การเปลี่ยนแปลงของลักษณะไปไม่หยุด สุดท้ายก็รวมเข้าด้วยกัน ประกอบเป็น…เส้นผมสีครามเส้นหนึ่ง!
เส้นผมเส้นนี้เพียงปรากฏขึ้น พวกจักรพรรดิตำหนักจากตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดก็ต่างใจสั่นสะท้าน เหม่อลอยเพราะมัน
ส่วนทะเลทรายครามทั้งผืน ในเสี้ยวขณะนี้ก็เหมือนเวลาถูกหยุดนิ่ง กฎเกณฑ์ถูกหยุด กฎระเบียบถูกแช่แข็ง ทุกสิ่งทุกอย่างเงียบสงัด
ลมไม่พัดแล้ว เวลาไม่เดินอีกต่อไป สิ่งมีชีวิตทั้งหมดตลอดจนทุกสรรพสิ่งนิ่งไม่ไหวติง
อำนาจเทพลงมาเยือน
ทะเลทรายผมครามถูกสกัดกั้นทันที คล้ายว่าแยกออกจากแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา แอบซ่อนไปในร่องมิติ
และผมสีครามเส้นนั้น ตอนนี้ก็หดเล็กลงอย่างรวดเร็ว จวบจนแปรเปลี่ยนมาเท่ากับเส้นผมคนปกติ ก็หายไปจากฟ้าดิน ในยามที่ปรากฏขึ้น…ก็มาอยู่ในดินแดนผนึก ข้างหน้านายกอง
ลอยละล่องลงมาที่ฝ่ามือนายกอง
ปลายผมทั้งสองฝั่งแผ่ระลอกเบาๆ ทิ้งตัวลงมาช้าๆ
นายกองหันมามองสวี่ชิง สีหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“อาชิงน้อย ตกใจหรือไม่”
สวี่ชิงมองเส้นผม เรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นข้างนอกก่อนหน้านี้ ในพริบที่สายตาของเขาจับต้องไปที่เส้นผม ก็ทะลักเข้ามาในหัวเขาทันที
เขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของโลกภายนอก เป็นการปรากฏขึ้นของหลุมสวรรค์
ภาพนี้ทำให้สวี่ชิงจิตใจเกิดระลอกคลื่นรุนแรง
เขารู้ว่าการใหญ่ทุกครั้งของนายกองล้วนลุ้นระทึกเป็นอย่างยิ่ง แต่ก็ยังต้องตื่นตะลึงไปกับฝีมือของภาพนี้
“ศิษย์พี่ใหญ่ นี่คือเส้นผมเทพชั้นสูงตนนั้นที่ก่อนหน้านี้ศิษย์พี่บอกว่าร่วมมือกับท่านเมื่อชาติที่แล้วหรือขอรับ”
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก เอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
เห็นสวี่ชิงเป็นเช่นนี้ นายกองพออกพอใจนัก ขณะนี้เขารู้สึกว่าจังหวะกลับมาอยู่ในมือของเขาอีกครั้ง ขบคิดว่านี่ถึงจะเป็นจังหวะที่เหมาะกับการเดินทางมาทำการใหญ่
“ใช่แล้ว แม้ท่านนี้นิสัยไม่ค่อยดี แต่ตำแหน่งคุณสมบัติเลือดสูงมาก”
นายกองพอใจ สะบัดเส้นผมในมือเบาๆ
“ไม่ว่าจะเป็นที่ซ่อนร่างชาติที่แล้วของข้า หรือจะเป็นผนึกที่นี่ ล้วนสำเร็จได้จากการช่วยเหลือขององค์ท่าน ส่วนทะเลทรายผมครามก็แปลงมาจากผมขององค์ท่านนั่นแหละ
“ขณะเดียวกันนี่ก็เป็นของแทนตัวที่ทิ้งไว้ให้ข้า
“วันหนึ่ง เมื่อจังหวะสุกงอม ข้าก็จะยืมพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นของคนทั้งหลาย แปรเปลี่ยนทะเลทรายผมครามเป็นเส้นผมอีกครั้ง ใช้มัน…เชื่อมต่อกับประตูขององค์ท่าน”
นายกองพูดพลางมองไปยังพวกรัฐทายาท สำหรับความเคร่งเครียดบนสีหน้าของพวกท่านปู่ชรา ในใจนายกองก็เบิกบานเช่นกัน
สายตาของรัฐทายาทล้ำลึก มองเส้นผมในมือเอ้อร์หนิว พลันเอ่ยขึ้น
“ผู้ที่ร่วมมือกับเจ้าคือเทพชั้นสูงจันทราคิมหันต์ในสามเทพตะวัน จันทรา ดารา แห่งเผ่าจันทร์คิมหันต์ฟ้าทมิฬ!”
นายกองหัวเราะฮี่ๆ พยักหน้าอย่างภาคภูมิ
“เดิมทีเทพชั้นสูงทั้งสามเผ่าจันทร์คิมหันต์ฟ้าทมิฬล้วนไว้หน้าข้า แต่สุดท้ายข้านึกถึงว่าเผ่าของพวกองค์ท่านเป็นศัตรูคู่อาฆาตกับเผ่ามนุษย์ ข้าจึงปฏิเสธพวกองค์ท่านไป
“สุดท้ายพระจันทร์น้อยดวงนี้ตื๊อจะช่วยให้ได้ ข้าเองก็จนปัญญา จึงตกลงไปอย่างนั้น
“เห็นแก่ที่องค์ท่านทุ่มเทถึงเพียงนี้ ข้าจึงรับปากว่าถึงตอนนั้นจะให้องค์ท่านได้กินเนื้อชื่อหมู่หลายคำหน่อย”
รัฐทายาทใบหน้าไร้อารมณ์ สำหรับคำพูดเพ้อเจ้อไร้สาระของเอ้อร์หนิว เขาทำเป็นไม่ได้ยิน ส่วนองค์หญิงหมิงเหมยแค่นเสียงหัวเราะขึ้นมาทีหนึ่ง ไม่สนใจเช่นกัน
ต่อให้พวกหนิงเหยียนจิตใจเกิดระลอกคลื่นอารมณ์อยู่ตลอด แต่ฟังถึงตรงนี้ ปฏิกิริยาแรกคือเอ้อร์หนิวขี้โม้ ปลอมเกินไป
สวี่ชิงชินแล้ว เมินไปทันที
เห็นคนทั้งหลายไม่เชื่อ นายกองถอนหายใจ
“ช่างเถิดๆ ที่ข้าพูดล้วนเป็นเรื่องจริง สักวันหนึ่งพวกเจ้าก็จะได้รู้ว่าคำพูดที่ข้าเฉินเอ้อร์หนิวพูดไม่มีเรื่องโกหกสักประโยค เป็นพวกองค์ท่านมาขอร้องข้าจริงๆ”
นายกองกระแอม ทำสีหน้าจนปัญญา ส่ายหน้า ท่าทางเหมือนไม่มีใครเข้าใจ จากนั้นก็ยกมือขึ้น สะบัดเส้นผมในมือไปยังคลื่นวนที่ผันเปลี่ยนมาจากพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นข้างหน้า
ผมเส้นนี้ปลิวละล่อง ทันทีที่ร่วงไปในนั้น การหมุนวนของคลื่นวนพลังแห่งเจตจำนงตั้งมั่นก็พลันหยุดชะงัก
ผมในนั้นยาวขึ้น ยืดออกไปไม่หยุด ขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นถนนเส้นหนึ่ง
ถนนเส้นนี้คดเคี้ยว ลึกเข้าไปในมิติ
และสุดปลายทางมิติ จะเห็นประตูบานหนึ่งรางๆ
นี่เป็นประตูไม้โบราณผ่านห้วงเวลาที่ผันเปลี่ยน แฝงด้วยความอัปมงคล
กลิ่นเน่าเปื่อยกลุ่มหนึ่งลอยออกมาจากเลือดสีดำนี้ ความรู้สึกเยือกเย็นชวนขนหัวลุกก็แปรเปลี่ยนเป็นทุกอย่าง
ยิ่งมีกลิ่นอายเทพเจ้าเดือดพล่านอยู่ในนั้น พวกหนิงเหยียนแค่มองก็ต่างครวญคราง ไอพลังประหลาดในร่างปะทุ
สวี่ชิงเองข้างหน้าก็รางเลือนไปเหมือนกัน จิตใจสั่นสะเทือนรุนแรง
พวกรัฐทายาททั้งสีหน้าเคร่งขรึม จ้องประตูไม้สีดำ ราวศัตรูคู่อาฆาตมาเยือน
มีเพียงนายกอง สีหน้าสบายๆ เดินออกไปก้าวเข้าไปในคลื่นวน เหยียบไปบนถนนที่แปรเปลี่ยนมาจากเส้นผม หันกลับมามองสวี่ชิงผาดหนึ่ง ยิ้มขึ้นมา
“อาชิงน้อย ไปดูกับข้าสักหน่อยหรือไม่”
สวี่ชิงกำลังจะตอบ แต่เสี้ยวขณะต่อมา เลือดที่ไหลออกมาจากร่องประตูไม้สีดำก็พลันข้นขึ้น ยิ่งมีเสียงทุบประตูถี่รัวเป็นชุดดังออกมาจากในประตูสีดำบานนั้น
ปังๆๆๆ!
เสียงรุนแรง ดังกึกก้อง สะท้านสะเทือน สั่นคลอนวิญญาณ
เหมือนว่าตัวตนบางอย่างสัมผัสได้ว่าข้างนอกมีคนมา จึงทุบด้วยพลังทั้งหมด คิดจะทำลายประตูบานนี้ กระทั่งว่าเนื่องจากออกแรงหนักมาก ประตูไม้บานนี้สั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยข่วนบนนั้นก็ปรากฏเพิ่มมากขึ้น
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันก็ทำให้นายกองสะดุ้งไปเช่นกัน เขากะพริบตาปริบๆ พยายามรักษาความสุขุมของตัวเองเอาไว้ ถอนหายใจออกมา
“จริงๆ เลย ทำไมถึงถูกขังเอาเสียได้ ชอบทุบประตูรุนแรงเสียจริง”
ผู้อาวุโสแปดที่อยู่ข้างรัฐทายาทถลึงตาใส่นายกอง พลันเอ่ยขึ้นมา
“องค์ท่านกำลังด่าเจ้า”