ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 671 อำนาจพระจันทร์สีชาด มีนายได้เพียงหนึ่ง!
บทที่ 671 อำนาจพระจันทร์สีชาด มีนายได้เพียงหนึ่ง!
ชื่อหมู่ก่อนที่จะเป็นเทพ ได้ถูกเจ้าเหนือหัวของแผ่นดินใหญ่แห่งนี้ใช้แท่นประหารเทพเจ้าตัดศีรษะ วันนั้นศีรษะกลายเป็นผุยผง ผสานไปในฟ้าดิน เหลือเพียงแค่ซากร่างซากนี้ จมสู่แม่น้ำแห่งกาลเวลา
ภายหลังไม่รู้ว่าชื่อหมู่สำเร็จเป็นเทพได้อย่างไร กลับมาอีกครั้ง สะกดฟ้าดิน ยิ่งสำแดงวิชาเทพ งมซากร่างก่อนเป็นเทพจากกาลเวลาขึ้นมา เก็บไว้ที่นี่ เป็นพลังรากฐานของตำหนักเทพพระพระจันทร์สีชาด
วัตถุชิ้นนี้ไม่ธรรมดา เดิมมีเพียงบุตรเทวะเท่านั้นที่ใช้ได้
แต่ตอนนี้กลับมาปรากฏที่นี่ ถูกจักรพรรดิตำหนักอัญเชิญออกมา ในนี้แฝงไว้ด้วยความนัยลึกซึ้ง
การปรากฏตัวขององค์ท่านสั่นสะเทือนทะเลทราย จากการลอยต่ำลงมา ทะเลทรายยุบลงไปร้อยจั้งพันจั้ง…พื้นดินคำรามลั่น ยุบลงไปลึก ท้องฟ้าเปลี่ยนสี เกิดรอยร้าว
ฝนเลือดมหาศาลโปรยปราย เติมหลุมจนเต็ม ไม่นานนักก็กลายเป็นทะเลสาบมหาสมุทรสีเลือดผืนหนึ่ง
คลื่นในทะเลซัดถาโถม เสียงดังก้องไปทั่ว
กวาดตามองไป มองไม่เห็นทะเลทรายแล้ว มีเพียงทะเลเลือดซัดโหม รัศมีอำนาจท่วมท้น
ภาพนี้ผันเปลี่ยนฟ้าดิน เปลี่ยนทะเลทรายเป็นมหาสมุทร สั่นคลอนทุกสิ่ง เทือกเขาทนทุกข์กลายเป็นเกาะเดียวดายบนทะเลผืนนี้ไปแล้ว
ลมสีเทาถูกทำลายอยู่ตลอด ทำได้แค่พอปกคลุมเทือกเขาทนทุกข์ แต่ใครๆ ต่างรับรู้ได้ว่าลมสีเทาพร้อมจะสลายไปได้ทุกเวลา
นอกลม เหนือทะเลสีเลือดล้วนเป็นผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดทั้งสิ้น พวกเขามีจำนวนมากมายมหาศาล สีหน้าคลั่งไคล้กำลังพึมพำ
บนท้องฟ้า จักรพรรดิตำหนักหมอบคารวะ ซากร่างก่อนเป็นเทพไร้ศีรษะนั่นปะทุพลังที่ควบคุมทุกอย่างออกมา
ส่งอิทธิพลเป็นวงกว้าง แผ่ระลอกคลื่นไปทั่วทั้งแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา
ตอนนี้ สรรพชีวิตตัวสั่นงันงก สรรพสิ่งโยกคลอน พื้นที่มากมายในแผ่นดินใหญ่ล้วนส่งเสียงสะเทือนเลื่อนลั่น
พลังอำนาจเช่นนี้ มีเพียงเทพเจ้าเท่านั้นที่มี
และในเทือกเขาทนทุกข์ จะเป็นรองเจ้าตำหนักสี่ก็ดี หรือจะเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาก็ดี ทั้งยังมีผู้บำเพ็ญท้องถิ่น ตอนนี้ต่างหวาดกลัวสุดขีด ฉายสีหน้าสิ้นหวังออกมา
ไม่อาจต่อต้าน ไม่อาจขวางกั้น
คนทั้งหลายในร้านยาก็เช่นกัน หนิงเหยียนตัวสั่นงันงก มองไปทางทะเลเลือด มองไปทางซากร่างก่อนเป็นเทพบนท้องฟ้า สมองขาวโพลน
อู๋เจี้ยนอูก็ไม่ร่ายกลอนแล้ว เขาตอนนี้ลนลานเป็นอย่างยิ่ง ในใจเกิดคลื่นคลั่งหมื่นจั้ง
เหล่าลูกเจี๊ยบลานด้านหลังกระจุกอยู่ที่มุมตั้งนานแล้ว ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
หลี่โหยวเฝ่ยยิ่งหนักกว่านั้น ต่อให้เป็นโยวจิงก็ยากจะรักษาความสงบนิ่งเอาไว้ได้
มีแค่หลิงเอ๋อร์เท่านั้น ความเชื่อมั่นที่นางมีต่อสวี่ชิงมาถึงขั้นมืดบอดแล้ว นางเชื่อว่าปัญหาอุปสรรคทุกอย่าง ขอเพียงมีพี่สวี่ชิงอยู่ เช่นนั้นทุกอย่างล้วนคลี่คลายได้
แต่สถานการณ์มาถึงระดับที่อันตรายเป็นอย่างมาก
จากการที่จักรพรรดิตำหนักกลางท้องฟ้าเงยหน้าขึ้น เขามองไปทางเกาะในทะเลเลือด ยกมือขวาขึ้นกดไปข้างหน้า ทันใดนั้นซากร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ที่ลอยต่ำลงมาก็หายไปในทันที ในยามที่ปรากฏขึ้นก็มาอยู่บนท้องฟ้าเหนือเทือกเขาทนทุกข์แล้ว
หนังผืนนี้ค่อยๆ ขยายออก ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายก็กลายเป็นม่านฟ้าที่แฝงไว้ด้วยเทือกเขา ดวงดาวและเสียงกรีดร้องของสรรพชีวิตทั้งหลาย ปกคลุมพื้นที่ทั้งหมดของเทือกเขาทนทุกข์ ห่อหุ้มอย่างช้าๆ
“ขอเชิญนายแห่งข้าเสวยเสพสุขด้วยเทอญ!”
เสียงจักรพรรดิตำหนักแฝงความเลื่อมใสศรัทธา ดังก้องไปทั่วทิศ
ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดทั้งหมดบนทะเลสีเลือดในตอนนี้ก็ต่างเอ่ยเสียงดัง พูดประโยคเดียวกันออกมา
จากนั้น ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดทั้งหมดต่างก้มหน้า พึมพำต่อไป
เทพเจ้าเสวย มิอาจจ้องมองตรงๆ ได้
และนอกจากสายตาของพวกเขา หนังที่แปรเปลี่ยนมาจากซากร่างก่อนเป็นเทพร่างนั้นก็แผ่ความชั่วร้ายมหาศาลออกมา ยิ่งแผ่ความหิวโหยอันรุนแรงปกคลุมเทือกเขาทนทุกข์ไปโดยสมบูรณ์ ขยุกขยิกพลางหดเล็กไปด้วย
องค์ท่านจะกลืนกินทุกอย่างในเทือกเขาแห่งนี้ลงไปให้หมด
ลมพายุสีเทาส่งการดิ้นรนอย่างรุนแรงออกมา ส่วนผู้บำเพ็ญเทือกเขาทนทุกข์ ตอนนี้ภายใต้ความสิ้นหวังก็ต่างบ้าคลั่ง รองเจ้าตำหนักสี่ส่งเสียงต่ำทุ้ม พลังบำเพ็ญปะทุขึ้น นำลูกน้องใต้บังคับบัญชา ไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ ทั้งสิ้น ลงมือพร้อมกัน
ต่อให้นี่จะเป็นเพียงการใช้ไม้ซีกงัดไม้ซุง แต่จิตวิญญาณของตำหนักขบถจันทร์ก็คือการต่อต้าน
ระลอกคลื่นทะเลสีเลือดหอบม้วนคลื่นยักษ์ เสียงพึมพำของผู้บำเพ็ญตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดบนผิวทะเล ในเสี้ยวขณะนี้ก็เปลี่ยนมาฮึกเหิมขึ้น
มีเพียงจักรพรรดิตำหนักผู้นั้น เขาเงยหน้าเล็กน้อย จ้องมองซาลาเปาเนื้อขนาดมหึมาที่ปรากฏขึ้นหลังจากที่หนังที่แปลงมาจากซากร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ปกคลุมไปทั่วทั้งเทือกเขาทนทุกข์
“การต่อต้านทุกอย่างที่นี่ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น อาหารก็เป็นอาหารไปตลอดกาล”
จักรพรรดิตำหนักเอ่ยเสียงราบเรียบ หันไปมองดาวพระจันทร์สีชาดที่ปลายขอบฟ้า สีหน้าเลื่อมใสนับถือเป็นอย่างยิ่ง
ในขณะเดียวกัน ในหนังของซากร่าง ผู้บำเพ็ญเทือกเขาทนทุกข์ ท้องฟ้าของพวกเขาถูกปกคลุม ทั่วทุกทิศถูกล้อม มีเพียงฝนเลือดที่ไหลทะลักในซากร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่เท่านั้นที่โปรยปรายอยู่ที่นี่ สะสมอยู่ตลอด มากขึ้นเรื่อยๆ
ไอพลังประหลาดปะทุขึ้นในเสี้ยวพริบตานี้ เสียงครวญครางดังเป็นระลอกทันที ภูเขาเริ่มถล่มทลาย เมืองดินแต่ละแห่งๆ เริ่มทรุดตัว
รูปสลักของปรมาจารย์ลูกกลอนเก้าก็เริ่มพังทลายเช่นกัน ผู้ติดตามของเขาตอนนี้ต่างขมขื่น ทำอะไรไม่ถูก ผู้หญิงที่องอาจห้าวหาญคนนั้น ก็ไม่มีความองอาจอย่างแต่ก่อนอีกแล้ว เปลี่ยนมาเงียบนิ่ง
พื้นที่รอบๆ เทือกเขาทั้งหมดยิ่งเมื่ออยู่ภายใต้การขยุกขยิกของหนังมนุษย์ผืนนั้นก็เล็กลงเรื่อยๆ ชายขอบหายไปเป็นกระบิๆ ผู้คนจำต้องหลีกหนีอย่างรวดเร็ว
ที่หายไปเหล่านั้นล้วนถูกกลืนกิน กลายเป็นส่วนหนึ่งของหนังมนุษย์
จินตนาการได้ว่าเทือกเขาและสรรพชีวิตทั้งหลายที่ปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ รวมถึงตะวันจันทราดวงดารา ล้วนถูกประทับขึ้นไปเช่นนี้
เพียงแต่ความเร็วที่หายไปไม่ได้เร็วขนาดนั้น ลมพายุที่แปรเปลี่ยนมาจากเส้นผมของเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียน แม้จะถูกควบคุมพลังไปกว่าครึ่ง แต่ตอนนี้ก็ยังคงปะทุพลังอยู่
ทว่าสุดท้ายแล้วก็แค่ยืดเวลาออกไปเท่านั้น หากไม่มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้น เช่นนั้นอีกไม่นานหลังจากนี้ พายุก็จะหายไป หลังจากที่หนังมนุษย์กลืนกินทุกอย่างจนหมด เทือกเขาทนทุกข์ก็จะหายไป มาปรากฏบนหนังมนุษย์นั่น กลายเป็นหนึ่งในภาพสัญลักษณ์
และในยามที่ผู้บำเพ็ญเทือกเขาทนทุกข์ต้องเผชิญเคราะห์ ทำการต่อต้านอันไร้ประโยชน์อยู่ตลอด ในตำหนักขบถจันทร์ ตำหนักโถงสูงสุดกลางท้องฟ้านั่นก็ส่งเสียงที่ยิ่งสะท้านสะเทือนกึกก้องออกมา
การสั่นสะเทือนของประตูรุนแรงกว่าครั้งก่อนๆ มาก เสียงครืนครันประดุจทัณฑ์สวรรค์ฟาดผ่าไปทั่วทิศ
ในตำหนักก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
ภายใต้ความพยายามร่วมแรงร่วมใจของสวี่ชิงกับนายกอง ภายใต้การลุกไหม้ของเลือดบุตรเทวะที่มากพอ สัญลักษณ์บนประตูก็หมองหม่นลงเรื่อยๆ เหลืออีกไม่ถึงหนึ่งส่วนเท่านั้น
เพียงแต่หนึ่งส่วนสุดท้ายนี้เป็นแก่นต้นกำเนิดพลัง แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง ต่อให้เป็นการแผดเผาจากเลือดบุตรเทวะก็ไม่สามารถเจือจางและทำให้มันเบาบางลงได้
นายกองไม่ยอมจำนน สัญลักษณ์เล็กๆ ที่แปลงมาพุ่งไปกัดอย่างเต็มแรง
เสียงกร๊อบดังก้อง นายกองถอยหลังไป แก่นพลังหนึ่งส่วนสุดท้ายนั่นไม่ขยับแม้แต่น้อย
เห็นเป็นเช่นนี้ นายกองถอนหายใจ
‘ไอ้ของบ้านี่แทะยากเกินไปแล้ว อาชิงน้อย พวกเราอาจจะต้องการเวลาอีกนิด’
สวี่ชิงสีหน้าอ่อนล้า แม้เขาจะอยู่นอกประตู แต่คอยควบคุมเลือดบุตรเทวะให้ลุกไหม้อยู่ตลอด ทำให้ศิษย์พี่ใหญ่ทางนั้นแทะได้สะดวกขึ้น ขั้นตอนนี้สวี่ชิงทุ่มแรงกายใจไปไม่น้อย
“ไม่ทันแล้ว”
สวี่ชิงเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม แม้เขาจะไม่ได้กลับร้านยา แต่ผ่านจากความสัมพันธ์กับหลิงเอ๋อร์ เขารู้เรื่องข้างนอกดีทุกอย่าง
“ตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดมาเยือนแล้ว อีกทั้งส่งซากร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่มาเยือนด้วย ทุกอย่างอันตรายเป็นอย่างยิ่ง”
สวี่ชิงมองไปทางนายกอง
นายกองได้ยินก็ตกใจ
‘ซากร่างก่อนเป็นเทพหรือ นี่เป็นพลังรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดเชียวนะ พวกเขานี่คงร้อนใจแล้ว ทำไมถึงใช้เร็วแบบนี้!’
“ไม่ว่าจะอย่างไรก็ลงมาเยือนแล้ว”
สวี่ชิงเอ่ยเนิบนาบ ในดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าเตรียมสำแดงพลังพระจันทร์สีม่วงของตัวเองกลืนกินสัญลักษณ์สุดท้ายนี่ ท่านช่วยข้าด้วย”
นายกองดวงตาประกาย รู้ดีถึงความหนักหนาสาหัสของเรื่องในตอนนี้
‘หากเจ้ากลืนกินมัน ตัวเจ้าเองไม่อาจทนรับได้’
“เป็นเจ้าตำหนักขบถจันทร์ สามารถยืมพลังตำหนักขบถจันทร์คอยควบคุมให้ข้าตลอดเวลา” สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก นี่เป็นวิธีที่สามารถเร่งรัดเพียงวิธีเดียวในตอนนี้
นายกองเงียบนิ่ง หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
‘ก็ได้ พวกเราลองสักตั้ง!’
สวี่ชิงไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น สองมือประสานปางมือ กดไปที่ประตูตำหนักข้างหน้า พลังพระจันทร์สีม่วงในร่างปะทุขึ้นทันที เพียงพริบตาเลือดสดๆ แต่ละหยดๆ ก็ทะลักออกมาจากทั่วทั้งร่างสวี่ชิง
ไม่นานนักรอบๆ เขาก็เกิดเป็นทะเลสาบสีเลือด ขณะที่ซัดโหม ในนั้นก็จะเห็นสมบัติเทพมายาคลังหนึ่งลอยขึ้นๆ ลงๆ แผ่กลิ่นอายอำนาจแห่งโลหิตอย่างเข้มข้น
เสี้ยวขณะต่อมา ทะเลสาบเลือดผืนนี้ก็หอบม้วนพุ่งตรงไปที่ประตู ส่วนนายกองตอนนี้ก็ทุ่มสุดกำลัง สัญลักษณ์ขนาดเล็กของตัวเองหมุนวนอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นคลื่นวน รับเลือดสดๆ ของสวี่ชิง
เพียงพริบตา จากการสัมผัสกันทะเลสาบเลือดที่แปรเปลี่ยนออกมาจากสวี่ชิงก็ไปตามคลื่นวน ซัดไปในประตูบานใหญ่ กวาดโหมทั่วทุกทิศ โหมบ่าไปสัญลักษณ์แก่นพลังสุดท้ายของชื่อหมู่
แก่นพลังสัญลักษณ์ในความรู้สึกของสวี่ชิงเป็นตราประทับสีเลือดตราหนึ่ง
ตราประทับนี้กะพริบแสงเลือด แผ่พลังอำนาจเทพออกมา ผู้ที่คุณสมบัติเลือดต่ำกว่าทุกคน ไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้เพียงเล็กน้อย
แต่อำนาจสวี่ชิงทางนี้มาจากพระจันทร์สีชาด เป็นต้นกำเนิดเดียวกับชื่อหมู่ ตอนนี้ประชิดเข้าไปในพริบตา กระแทกเข้าเต็มแรง
เสียงระเบิดดังขึ้น ประตูสั่นสะท้านรุนแรง นายกองในเสี้ยวขณะนี้ก็พุ่งตัวออกไป อ้าปากกว้าง กัดเต็มแรง
เสียงดังยิ่งกว่าเดิม เสียงระเบิดดังก้องไปทั่วทั้งตำหนักขบถจันทร์ ทะเลสาบเลือดที่แปรเปลี่ยนจากสวี่ชิงพังทลายซัดตลบกลับมา นายกองก็ร้องเสียงโหยหวนออกมาเช่นกัน แต่ไม่นานนัก ทะเลสาบก็จับตัวกันใหม่ แล้วซัดไปอีกครั้ง
นายกองก็บ้าคลั่ง สัญลักษณ์กะพริบแสงสีฟ้า หมายมั่นเต็มที่ พุ่งไปเช่นกัน
ยิ่งมีเลือดบุตรเทวะเผาไหม้อยู่บนตราสัญลักษณ์ กัดกินไม่หยุด ร่วมกับการทุ่มสุดพลังของสวี่ชิงและนายกอง ในเวลาที่หมุนไปเช่นนี้ หลายชั่วยามผ่านไป หลังจากผ่านการปะทะกันหลายครั้ง ในที่สุดตราประทับนั่นก็ทนไม่ไหว เกิดรอยร้าว
สวี่ชิงอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง เสียงครวญครางของนายกองก็ยิ่งอ่อนแรง
แต่เห็นรอยร้าวปรากฏขึ้น พวกเขาก็พุ่งไปอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ปะทุขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน ในที่สุดตราประทับนี้ก็แหลกสลาย แตกเป็นเสี่ยงๆ
เงาร่างนั้นเห็นเลาๆ ว่าเป็นผู้หญิง ร่างสวมชุดคลุมยาวเก่าโทรม สองมือปิดตา เลือดสดๆ ไหลอยู่ข้างใน ทั่วร่างเปล่งประกายแสงสีทอง ดูแล้วศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง
เป็นชื่อหมู่นั่นเอง
เสียงพึมพำ ความรู้สึกบิดม้วน ความรางเลือนของไอพลังประหลาด ในเสี้ยวขณะนี้ปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง กลายเป็นพลังอำนาจเทพปกคลุมสวี่ชิงและนายกอง
ทะเลสาบเลือดของสวี่ชิงเดือดพล่านทันที หายไปอย่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า ส่วนนายกองทางนั้นก็เช่นกัน รางเลือนอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าถูกลบไป
แต่ความบ้าคลั่งของเขาก็ปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์ในเสี้ยวขณะนี้เช่นกัน
‘อาชิงน้อย พวกเราไปกลืนกินมัน ถือเสียว่าเป็นการฝึกฝนก่อนล่วงหน้า!’
ทะเลสาบเลือดหลอมรวมอีกครั้ง แปรเปลี่ยนเป็นเงาร่างของสวี่ชิง เขาจ้องเงามายาของชื่อหมู่ ความปรารถนารุนแรงกลุ่มหนึ่ง ไม่อาจสะกดกลั้นไว้ได้พวยพุ่งขึ้นในใจ กลายเป็นสัญชาตญาณ
ยิ่งมีความหิวโหยอย่างมหันต์ปะทุขึ้นมาในเสี้ยวขณะนี้
ในเสี้ยวพริบตานี้ ความเป็นมนุษย์กำลังจะหายไป ความเป็นเทพลุกลาม สมดุลของสวี่ชิงถูกทำลาย
และเขาก็ไม่ได้ขัดขวาง ปล่อยให้ความเป็นเทพเกิดขึ้น เข้าแทนสติการรับรู้ ส่งเสียงเย็นชาดังออกมา
“อำนาจแห่งพระจันทร์สีชาดมีนายได้เพียงหนึ่ง!!”
ระหว่างพูด ทั่วทั้งร่างของสวี่ชิงแผ่แสงสีเลือดท่วมฟ้า ปกคลุมประตูตำหนักโถง พุ่งไปยังเงามายาของชื่อหมู่ มาพร้อมด้วยความละโมบ ความหิว ความสงบนิ่ง กลืนกินไปทันที
นายกองหัวเราะร่า ในดวงตาฉายแววบ้าคลั่ง อ้าปากกว้าง กลืนกินไปเช่นกัน!