ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 672 อยู่ในลำดับที่เจ็ด
บทที่ 672 อยู่ในลำดับที่เจ็ด
ตำหนักขบถจันทร์ ส่งเสียงครืนครันขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
โถงตำหนักสูงสุดกลางอากาศ ตำแหน่งประตูใหญ่มีแสงสีแดงเจิดจ้าพร่างพรายกะพริบวูบ ส่องสว่างไปทั้งเขาตำหนักขบถจันทร์ มองไกลๆ เหมือนกับโลกใบนี้ห่อหุ้มด้วยชุดสีเลือดชั้นหนึ่ง
และแสงสีแดงของประตูใหญ่ ทั้งๆ ที่มีอยู่แค่สีเดียว แต่หากมีผู้ปรากฏตัวขึ้นที่นี่แล้วได้เห็นกับตา จะต้องตาฝาดเห็นเหมือนเป็นสองสีแน่นอน
นั่นเป็นเพราะ…เจตจำนงสองอย่าง กำลังช่วงชิงอำนาจเดียวกัน!
อำนาจพระจันทร์สีชาด
พระจันทร์สีชาด ในฐานะที่พระจันทร์เป็นหนึ่งในสามสิบเจ็ดดวงของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ตัวมันมีความลึกลับ ตั้งแต่โบราณมามีตำนานเล่าขานนับไม่ถ้วน แม้ว่าการมาเยือนของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า พระจันทร์ของต้องประสงค์จะแตกดับไปถึงยี่สิบห้าดวง ปัจจุบันเหลืออยู่เพียงสิบสองดวง
แต่พระจันทร์สีชาด ก็เป็นหนึ่งในสิบสองดวงนั้น!
อยู่ในลำดับที่เจ็ด!
ตอนที่องค์ท่านอยู่ในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ มีชื่อเรียกมากมาย พระจันทร์หิ่งห้อย พระจันทร์สีเลือด….ตอนนี้ถูกเรียกว่าพระจันทร์สีชาด
ชื่อหมู่เป็นกาฝากบนพระจันทร์สีชาด คอยกลืนกินอำนาจพระจันทร์สีชาดตลอดเวลา อยากจะแทนที่ นับจากนี้จะไม่ใช่พระจันทร์สีชาดชื่อหมู่อีกต่อไป แต่จะกลายเป็นชื่อหมู่พระจันทร์สีชาด
ชื่อหมู่อยู่ด้านหน้า พระจันทร์สีชาดอยู่ด้านหลัง
แสงสีแดงที่ประตูส่องสว่างไปทั่วฟ้า เจตจำนงของสวี่ชิงถูกความเป็นเทพเข้าแทรกแซง เขาในยามนี้ ความเป็นมนุษย์รางเลือนลง มีเพียงสัญชาตญาณสัตว์ป่าที่อยู่ภายใต้การสนับสนุนของความเป็นเทพ ใช้สภาวะที่เหนือกว่ากัดกินเงาชื่อหมู่
นายกองทางนั้นแตกต่างกับสวี่ชิง สภาพของเขาแปลกประหลาดอย่างมาก ขณะที่แสงสีน้ำเงินกะพริบวูบวาบ เหมือนไม่มีความเป็นเทพ และไม่มีความเป็นมนุษย์ กระทั่งสัญชาตญาณสัตว์ป่าก็หมองหม่น
สภาวะเทพเจ้า มนุษย์และสัตว์ป่าทั้งสามอย่างผสมปนเปกันในเจตจำนงของเขา ผสานกันจนยากจะแยกออกจากกัน จึงกลายเป็นสภาวะพิเศษ
ระหว่างที่พวกเขากลืนกิน เงาชื่อหมู่แดงก่ำ แสงวูบวาบรุนแรง เหมือนจะลดมือทั้งสองที่ปิดตาไว้ลง ร่างยิ่งเกิดเป็นภาพซ้อน
ทุกชั้นที่ซ้อนทับ แสงสีเลือดก็เจิดจ้าขึ้นหนึ่งส่วน สำหรับสวี่ชิงรวมถึงนายกอง แรงกดดันก็ยิ่งมากขึ้น
แต่จะอย่างไร ชื่อหมู่ที่อยู่ในห้วงนิทรา ในเงานี้เป็นเพียงแค่จิตเทพสายหนึ่ง คล้ายคลึงกับตราประทับที่เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะตอนนั้นในทางทฤษฎี
เพียงแต่ตราประทับในตอนนั้นมาจากอัครสาวกขององค์ท่าน ทว่าตอนนี้มาจากตัวองค์ท่านเอง ดังนั้นพลานุภาพจึงมากกว่า
หากผู้บำเพ็ญบริสุทธิ์มาพบเข้าก็ยากที่จะต่อต้าน ต้องมีพลังบำเพ็ญที่สูงส่ง ถึงจะอาศัยปริมาณสยบได้
แต่สวี่ชิงกับนายกอง ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญบริสุทธิ์ นับตั้งแต่ที่สัมผัสกับเทพเจ้า สวี่ชิงก็กลายเป็นผู้บำเพ็ญเทพเจ้าไปแล้ว!
ส่วนนายกอง ในร่างแฝงสิ่งประหลาดไว้ ย่อมไม่ใช่ผู้บำเพ็ญบริสุทธิ์
ดังนั้นชั่วพริบตา เจตจำนงของทั้งสองคนก็โจมตีเงาชื่อหมู่ ทะเลเลือดที่แปรมาจากสวี่ชิง มาพร้อมกับความละโมบและหิวโหย กลืนกินและผสมกลมกลืนกับอำนาจพระจันทร์สีชาดอย่างรวดเร็ว
ส่วนนายกองก็กลายเป็นหนอนสีน้ำเงินตัวหนึ่งท่ามกลางแสงสีน้ำเงิน เลื้อยขึ้นไปที่หน้าผากเงาชื่อหมู่ อ้าปากกว้าง ฉีกทึ้งอย่างรุนแรง
แต่จะอย่างไรชื่อหมู่ก็เป็นเทพเจ้า การซ้อนทับบนร่างปะทุขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็ซ้อนทับกันนับร้อยนับพันชั้น สิ่งนี้ทำให้เงากลายเป็นความจริงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ขณะเดียวกันการซ้อนทับเช่นนี้ ก็มาพร้อมกับการปะทุของวิชาเทพ ทะเลเลือดของสวี่ชิงแตกซ่านตลบม้วน นายกองที่แปลงหนอนก็แตกสลายเป็นชิ้นๆ เช่นกัน แต่ชั่วพริบตา ทะเลเลือดที่แตกซ่านก็ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง กลายเป็นดวงหน้าสวี่ชิงที่ไร้สีหน้า กลืนกินต่อไป
ทุกครั้งที่กลืนกิร อำนาจพระจันทร์สีชาดของเขาก็แกร่งขึ้นหนึ่งส่วน
ต้นกำเนิดของทั้งสองฝ่าย ทำให้สวี่ชิงไม่สนใจการแตกสลาย ทว่าการกลืนกินเช่นนี้เป็นการกลืนกินซึ่งกันและกัน เขาก็ถูกชื่อหมู่ทางนั้นผสมกลมกลืน
หากครั้งนี้มีแค่สวี่ชิงคนเดียว เกรงว่าเขาคงไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้
แต่มีเอ้อร์หนิวอยู่ด้วย!
หนอนที่แตกสลายไปของเอ้อร์หนิว…เลือดเนื้อทุกก้อนแปรเป็นร่างกายอย่างรวดเร็ว กลายเป็นหนอนตัวใหม่นับร้อยตัว ส่งเสียงกรีดร้อง แล้วพุ่งไปอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง
การกัดกระชากของเอ้อร์หนิว ทำให้แสงสีน้ำเงินผสานเข้าไปในเงาชื่อหมู่ รบกวนชื่อหมู่ที่ผสมกลมกลืนสวี่ชิง สิ่งนี้ทำให้สวี่ชิงกลืนกินได้ราบรื่นยิ่งขึ้น และการกลืนกินของเขา ก็สลายพลังเงาชื่อหมู่ ทำให้นายกองทางนั้นยิ่งราบรื่น
ทั้งสองคนเข้าขากัน ขาดคนใดคนหนึ่งไป ก็ยากที่จะสมบูรณ์แบบเช่นนี้
เงาซ้อนทับของชื่อหมู่จึงสลายลงอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ สภาวะของร่างกายก็ค่อยๆ เลือนราง อีกไม่นานก็จะถูกสวี่ชิงกับเอ้อร์หนิวลบทิ้งไป
และตอนนี้เอง เงาของชื่อหมู่ก็ปะทุคลื่นพลังที่รุนแรงออกมา นาง ลดมือที่ปิดตาทั้งสองลง…เป็นครั้งแรก
เสี้ยวขณะที่ลดมือลง เวลาเหมือนหยุดนิ่ง มิติเหมือนแปรเปลี่ยน ดาวเคลื่อนดาราคล้อย อำนาจเทพแผ่ไปรอบด้าน
ใบหน้างดงามดวงหนึ่ง สะท้อนเข้ามาในสัมผัสของพวกสวี่ชิงทั้งสอง เพียงแต่ใบหน้านี้ไม่มีดวงตา มีเพียงเบ้าตางเปล่าที่เลือดกำลังไหลออกมาสองเบ้าเท่านั้น
องค์ท่าน มองมาทางสวี่ชิง
ทะเลเลือดที่แปรมาจากสวี่ชิงเดือดพล่านทันที พลังดึงดูดมหาศาลวูบหนึ่งแผ่ออกจากเบ้าตาทั้งสอง ทะเลเลือดที่แตกซ่านของสวี่ชิงถูกดูดเข้าไปอย่างไม่อาจควบคุม
ชั่วพริบตา ก็ถูกดูดเข้าไปในเบ้าตา สลายหายไปไม่เหลือ ราวกับถูกกลืนกิน
ส่วนนายกองที่แปรเป็นหนอน ก็เลื้อยกลับอย่างรวดเร็ว แต่เงาชื่อหมู่ก็ยกมือขวาขึ้นคว้าร่างไว้ หนอนตัวหนึ่งถูกนางจับไว้แล้วบีบอย่างแรง
เสียงโพละดังขึ้น หนอนตัวนั้นแหลกเละ ด้วยพลังของผลกรรม ก็ส่งผลกระทบกับหนอนตัวอื่นเช่นกัน ชั่วพริบตาหนอนทั้งหมดก็แตกสลายไป
ทุกอย่าง เหมือนจะจบสิ้น
ผลคือด้านหลังของสวี่ชิงกับเอ้อร์หนิว เงาชื่อหมู่นี้ก็ยกสองมือขึ้นมาปิดตาอย่างช้าๆ อีกครั้ง แต่พริบตาต่อมา ก็พลันเกิดเปลี่ยนแปลงขึ้น
จู่ๆ ร่างขององค์ท่านก็มีเลือดสดพวยพุ่งออกมามหาศาล และใบหน้าขององค์ท่านก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ปรากฏเป็นใบหน้าสวี่ชิง อำนาจของสวี่ชิงย่อมไม่อาจต้านทานร่างเดิมของชื่อหมู่หรือร่างแยกได้ แต่หากเป็นเพียงจิตเทพสายหนึ่ง เขารับมือได้
นายกองทางนั้นก็เช่นกัน แม้หนอนทุกตัวจะถูกบดขยี้ แต่เลือดเนื้อเหล่านั้นก็ไม่ได้หายไป ตอนนี้ทุกชิ้นรวมตัวกัน กลายเป็นมือข้างหนึ่ง
มือนี้แห้งเหี่ยวฉายให้เห็นความเสื่อมโทรม บนนั้นยังมีแถบผ้าผนึกพันไว้ ราวกับยื่นออกมาจากยมโลก เมื่อมองอย่างละเอียด ยังเห็นวิญญาณนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นมือผี ลอยวนอยู่ที่มือนี้ กำลังฉุดดึง เหมือนไม่อยากให้มันปรากฏตัวออกมา จะลากมันกลับไป
เล็บสีดำสนิท แตะลงไปบนหน้าผากชื่อหมู่
เสียงตูมดังขึ้น ชื่อหมู่สั่นเทิ้มไปทั้งตัว เริ่มเน่าเปื่อย องค์ท่านอยากจะสลัด แต่ตอนนี้ ในร่างกายสวี่ชิงก็ปะทุขึ้นอีกครั้ง กลืนกินครอบครองจากด้านใน
เงาชื่อหมู่กระสับกระส่ายอย่างรุนแรง ด้วยการสะกดทั้งภายนอกและภายใน องค์ท่านเหมือนจะมาถึงขีดจำกัดที่รับไหวแล้ว ไม่กี่อึดใจต่อมา ร่างของนางก็รางเลือน สุดท้ายก็ระเบิด แตกสลายพังทลาย
เงาชื่อหมู่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กลายเป็นเลือดสีทอง เริ่มสลายไป
ทะเลเลือดที่แปรมาจากสวี่ชิง แยกตัวออกมาจากด้านในอย่างรวดเร็ว รวมตัวเป็นใบหน้าของตน พลังอำนาจพระจันทร์สีชาดโหมซัด มาพร้อมความไม่เสถียรอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าปะทุออกมามากเกินกว่าที่ความสามารถสวี่ชิงจะควบคุมได้
มือแห้งเหี่ยวของเอ้อร์หนิวทางนั้น ตอนนี้ก็สลายไป เหลือแค่แสงสีน้ำเงินรวมตัวกันกลายเป็นหนอน ลำตัวผุดใบหน้าบ้าคลั่งอย่างแรงกล้าขึ้นมา
ส่วนชื่อหมู่หลังจากแตกสลายกลายเป็นเลือด ขณะที่กำลังสลายไปก็รวมตัวกันเป็นดวงตาสีเลือดข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว พลนัลืมตาขึ้น จิตเทพสะท้อนก้อง
“คำสาปสีชาด กระดาษสาปแช่ง ดวงวิญญาณ ผสานชีวิต”
พริบตาที่ประโยคนี้ดังออกมา ดวงตาก็ปิดลงแล้วสลายไป
พริบตานี้ประตูใหญ่โถงตำหนักสูงสุด ก็ไม่มีสัญลักษณ์ชื่อหมู่อีก
สวี่ชิงกับเอ้อร์หนิว ทำสำเร็จแล้ว
แต่…สายลมเยือกเย็นวูบหนึ่งก็โหมขึ้นมาจากความว่างเปล่า มาพร้อมพลังผลกรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้บางอย่าง ประทับลงมาในสัมผัสรับรู้ของสวี่ชิงและนายกองที่ประตูใหญ่
เจตจำนงของสวี่ชิงสะท้านเฮือก ทะเลเลือดแตกซ่าน เจตจำนงถูกพลังประหลาดนี้กระแทกจนกระเด็นออกไปจากประตูใหญ่ หลังจากกลับเข้าไปในร่างเขาก็กระอักเลือดออกมาคำโต
ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีแดงในพริบตา ครั้นยังกลายเป็นกระดาษ เลือดเนื้อก็เช่นกัน ร่างกายของเขา…กำลังกลายเป็นมนุษย์กระดาษอย่างเห็นได้ด้วยตาเนื้อ
ต่อให้เป็นจิตวิญญาณ ก็ไม่อาจหลบเลี่ยง ดวงชะตาก็ถูกเปลี่ยนแปลง
ส่วนร่างหนอนของนายกองทางนั้นก็เช่นกัน แตกสลายอย่างต่อเนื่องด้วยพลังประหลาดนี้ สุดท้ายก็กลายเป็นสัญลักษณ์ขนาดเล็ก กลายเป็นกระดาษอย่างรวดเร็ว ใบหน้าด้านในฉายแววเคร่งขรึม
“ศิษย์น้องเล็ก นี่เป็นคำสาปเทวะ การสาปแช่งของเทพเจ้า!
“เจ้ายืนหยัดไว้หน่อย ข้าจะลองหาวิธีปลดมัน แล้วจะไปช่วยเจ้า เจ้านี่เซ้าซี้มาก ดุร้ายยิ่งนัก!”
นายกองว่าพลาง สัญลักษณ์เปล่งแสงสีน้ำเงินวูบวาบ กลายเป็นคลื่นวนต่อต้านสุดกำลัง ยิ่งมีเสียงภูตผีครวญครางดังออมามาจากในคลื่นวน ราวกับมีตัวตนนับไม่ถ้วนกำลังคำรามอยู่ด้านใน
และทุกเสียงคำราม ล้วนสั่นสะเทือนจิตใจ แฝงพลังที่น่ากลัวเอาไว้
สวี่ชิงดวงตาเปล่งประกายเยือกเย็น คำสาปนี้ดุร้ายยิ่งนัก แค่ไม่กี่อึดใจนี้ เขาก็กลายเป็นกระดาษไปครึ่งตัวแล้ว กระดาษสีเลือดนั่นก็ประหลาดอย่างยิ่ง ไม่สนใจอำนาจพระจันทร์สีชาดของสวี่ชิงเลย
กระทั่งสวี่ชิงสำแดงพิษต้องห้ามออกมาก็ยังไม่ช่วยอะไร
คล้ายว่าคำสาปนี้ ไม่ได้อาศัยกายทิพย์ แต่เป็นกฎแห่งกรรมบางอย่าง ที่สัมผัสแล้วต้องตาย
แต่ก็ส่งผลดีกับสวี่ชิงเล็กน้อย นั่นก็คือคลื่นพลังความเป็นเทพของเขากำลังถูกสะกดลงด้วยคำสาปนี้ ความเป็นมนุษย์เริ่มกลับมา เริ่มสมดุลอีกครั้ง
เพียงแต่การกลับมาของความเป็นมนุษย์ ก็ยังไม่อาจหยุดการแพร่กระจายของพลังคำสาป
สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าร่างกายกำลังถูกเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน จิตวิญญาณก็หมองหม่น ความเยือกเย็นมืดมนไร้ที่สิ้นสุดปกคลุมทั่วทั้งร่าง ความรู้สึกแห่งความตายอย่างหนึ่ง แผ่ปกคลุมสัมผัสรับรู้อย่างไม่อาจควบคุม
จากความเป็นไปได้นี้ สวี่ชิงรู้ว่าไม่ถึงร้อยอึดใจ ตนก็จะกลายเป็นกระดาษโดยสมบูรณ์ กลายเป็นมนุษย์กระดาษสีแดง
‘คำสาปนี้…อาจจะทำลายไม่ได้’
ในช่วงวิกฤตสำคัญ สวี่ชิงหลับตาลง ติงหนึ่งสามสองในร่างกายปะทุขึ้น เขตแดนจิตลืมเลือนที่เขาสัมผัสรับรู้ แผ่ซ่านมาในตอนนี้ ปกคลุมร่างกายตน และปกคลุมไปทั้งโถงตำหนักสูงสุดนี้ ปกคลุมไปที่สัญลักษณ์นายกองที่ประตูใหญ่
“เอ๊ะ” นายกองที่กำลังพยายามปลดคำสาปอย่างสุดกำลัง อึ้งตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นสีหน้าก็ฉายแววสับสน
การลืมเลือน สามารถตัดกรรมทั้งหมดได้
คำสาปนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งของกรรมเช่นกัน
ดังนั้นขอแค่ลบความทรงจำที่ถูกคำสาปนี้จากร่างกายและจิตวิญญาณตลอดกาล ก็สามารถตัดบ่วงกรรมทั้งหมดได้
นี่คือการต่อต้านวิชาเทพเจ้าของเขตแดนจิต!
ส่วนเขตแดนจิต ก็เชื่อว่าเป็นรูปแบบการต่อต้านเทพเจ้าในยุคจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
เวลาไหลผ่านไป
สองชั่วก้านธูปต่อมา สวี่ชิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างประตูใหญ่ก็ลืมตาขึ้น ฉายแววสับสน
“เมื่อครู่ เกิดอะไรขึ้น”
บนประตูใหญ่ ในสัญลักษณ์ของเอ้อร์หนิว ใบหน้าก็ฉายแววสับสนเช่นกัน มองมาทางสวี่ชิง
“จริงด้วย เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น แปลกจัง ข้าเหมือนจะลืมเรื่องอะไรไป ไม่ได้แล้ว ข้าต้องพยายามนึกให้ออก…”