ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 674 หนึ่งคลังสมบัติ หนึ่งโลก
บทที่ 674 หนึ่งคลังสมบัติ หนึ่งโลก
เวลาค่อยๆ หมุนไป นึกย้อนกลับไป
ตอนนั้นสวี่ชิงกับพวกนายกองเหยียบมาบนดินแดนแหล่งเพาะเลี้ยงวิญญาณแห่งนี้ จนถึงตอนนี้…ก็ผ่านไปสองปีแล้ว
เวลาสองปีเกิดเรื่องต่างๆ มากมาย สำหรับสวี่ชิงแล้วเป็นเช่นนี้ สำหรับดินแดนแห่งนี้ก็ยิ่งเป็นเช่นนี้
น้อยนักที่จะมีคนคาดเดาได้ว่า ผู้บำเพ็ญระดับปราณก่อกำเนิดคนนั้นที่ขึ้นฝั่งมาเมื่อสองปีก่อน จะสร้างพายุที่สุดยอดไร้เทียมทานเช่นนี้ในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา
และความจริงแล้ว การก่อตัวขึ้นแรกเริ่มของพายุลูกนี้ก็คือในทะเลเพลิงสวรรค์
ในพายุ รัฐต่างเผ่าในทะเลเพลิงสวรรค์สองเผ่าแตกสลาย จากนั้นพายุลูกนี้ก็กวาดโหมไปยังทางเหนือ ทุกที่ที่ผ่าน ท้องฟ้าและแผ่นดินล้วนเกิดการเปลี่ยนแปลง จากนั้นก็เป็นเทือกเขาวัวสวรรค์เขย่าฝันเทพเจ้า ทะเลทรายทนทุกข์สะท้านไปทั่วทุกสารทิศ
ระหว่างนั้นชื่อเสียงของปรมาจารย์ลูกกลอนเก้าแห่งตำหนักขบถจันทร์เลื่องระบือ แท่นประหารเทพเจ้ายิ่งจุดประกายไฟให้ลุกลาม
สุดท้าย ซึ่งก็คือตอนนี้ หลังจากผ่านการเตรียมตัวและความพยายามมาสองปี ลมพายุลูกนี้พัดออกมาจากในตำหนักโถงสูงสุดของตำหนักขบถจันทร์
ปะทุขึ้นทุกด้าน
แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราในเสี้ยวพริบตานี้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ขุนเขาสายธารสั่นสะเทือน แม่น้ำทะลักซัดโหม ลมเมฆหอบทะลัก
สัญญาณการฟื้นฟูพวยพุ่งขึ้นมาจากในใจของสรรพชีวิตทั้งหลาย
ประตูใหญ่ที่เปิดออก ทั้งอยู่ในฟ้าดินและอยู่ในผู้คนทั้งหลาย
เช่นเดียวกับหลักการที่ทำให้ภาพแท่นประหารเทพเจ้าปรากฏขึ้น ส่งผลกระทบต่อทุกคนในวันนั้น ประตูของตำหนักโถงสูงแห่งตำหนักขบถจันทร์ในตอนนี้ปรากฏขึ้นในสมองของคนทั้งหลายเช่นกัน
พริบตาที่เปิดออก แสงท่วมท้นสาดออกมาจากประตู ส่องไปในใจของทุกสรรพชีวิต ขับไล่ความสิ้นหวัง ทะลวงความว่างเปล่า ทำให้ความหวังกลับคืนมา ทำให้ประกายไฟลุกลามขึ้นอีกครั้ง
ทางตะวันออก นอกทะเลเพลิงสวรรค์
แดนศักดิ์สิทธิ์ที่สวี่ชิงช่วยเผ่ามนุษย์ช่วงชิงมาในตอนนั้น ตอนนี้กลายเป็นที่ร้าง และใต้ที่ร้างแห่งนี้มีอุโมงค์แห่งหนึ่ง ตวนมู่ฉางและประชาชนที่เหลือรอด ซ่อนอยู่ในนี้
ทั้งอุโมงค์เงียบสงัด ถูกความเฉยชาและความสิ้นหวังปกคลุม ตวนมู่ฉางยิ่งนอนหายใจรวยรินอยู่ตรงนั้น รอคอยการมาเยือนของความตาย กลิ่นอายคำสาปบนร่างของเขาเข้มข้นเป็นอย่างยิ่ง สามารถเห็นร่องรอยเน่าเปื่อยนับไม่ถ้วนได้ด้วยตาเปล่า
แต่ในตอนนี้เอง ดวงตาทั้งสองของเขาพลันเบิกกว้าง เผ่ามนุษย์ทุกคนในอุโมงค์ต่างสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก ยิ่งมีเสียงตื่นตกใจฮือฮาดังสะท้อน พวกเขา…ล้วนเห็นภาพในสมอง!
ตวนมู่ฉางลมหายใจหอบถี่ เขาเองก็เป็นผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์อยู่แล้ว ดังนั้นการปรากฏขึ้นของประตูสัมฤทธิ์ เขาก็เข้าใจถึงความหมายของมันทันที เดิมนี่ก็ทำให้เขาตื่นตะลึงสุดขีดอยู่แล้ว และสิ่งที่ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อก็คือเมื่อประตูที่ปรากฏขึ้นในสมองเปิดออก เงาร่างสองร่างที่ปรากฏตัวออกมาจากในนั้น
หนึ่งในนั้นทำให้เขารู้สึกคุ้นเป็นอย่างยิ่ง
‘สวี่ชิง!’
ในขณะเดียวกัน ภาคเหนือของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา บนธารน้ำแข็งสุดลูกหูลูกตา ค่ายกลทรงพลังค่ายกลหนึ่งกำลังปกคลุมที่แห่งนี้ บริเวณกว้างใหญ่ไพศาล
ค่ายกลนี้มีการพันธนาการเป็นหลัก นอกค่ายกลมีผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดนับไม่ถ้วนล้อมรอบอยู่ พวกเขากำลังเพิ่มความแข็งแกร่งให้ค่ายกล ผนึกทุกสิ่ง
และในค่ายกล…มีกองทัพต่อต้านจำนวนหลายแสนนายอยู่ ผู้เป็นผู้นำก็คือรองเจ้าตำหนักสามแห่งตำหนักขบถจันทร์ที่มีฐานะตำแหน่งเช่นเดียวกับรองเจ้าตำหนักสี่!
หลังจากที่รองเจ้าตำหนักหนึ่งและรองเจ้าตำหนักห้าทรยศ กองทัพต่อต้านที่ยังยืนหยัดในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา นอกจากเทือกเขาทนทุกข์ก็คือที่นี่
กองทัพต่อต้านหลายแสนที่นี่แสงเทียนมอดดับแล้ว จากการที่ตำหนักขบถจันทร์ถูกปิดผนึกก็ยิ่งทำให้พวกเขาไม่มีทางติดต่อกับโลกภายนอกและไร้ทางหนี ทำได้เพียงถูกล้อมอยู่ที่นี่ รอคอยการมาเยือนของดาวพระจันทร์สีชาด
เดิมทีพวกเขาใกล้จะสูญเสียจิตต่อสู้ไปแล้ว ความเหนื่อยล้าอยู่เหนือความคิดที่อยากมีชีวิต จวบจนกระทั่งขณะนี้ จากการปรากฏขึ้นมาของภาพในสมอง กองทัพต่อต้านหลายแสนที่นี่ในใจต่างมีสายฟ้าฟาดผ่า ส่งเสียงฮือฮา
รองเจ้าตำหนักสามเป็นชายกลางคน เขาพลันผุดลุกยืนขึ้น ลมหายใจถี่กระชั้น ตกใจร้องเสียงหลง
“ประตูตำหนักขบถจันทร์!!”
ภาพเช่นเดียวกัน ภาคตะวันตกและภาคใต้ของแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา และยังมีพื้นที่อีกหลายแห่งล้วนกำลังดำเนินไป
ผู้บำเพ็ญมากมายที่หลบซ่อนหรือไม่ก็กองทัพที่ถูกตีแตก เสี้ยวขณะนี้ในใจล้วนเกิดคลื่นซัดโหม
จำนวนของพวกเขามากกว่ากองทัพต่อต้านที่รวมตัวอยู่ที่เทือกเขาทนทุกข์และธารน้ำแข็ง
แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรากว้างใหญ่มาก อีกทั้งผู้บำเพ็ญที่หนีกระจัดกระจายหลบซ่อนตัวเหล่านี้ ขบคิดในเรื่องเครื่องเซ่นสังเวย ตำหนักเทพพระพระจันทร์สีชาดจึงไม่ได้ไล่ล่าสังหาร
ผู้บำเพ็ญเหล่านี้มีทุกเผ่าพันธุ์ ในนี้ยังมีผู้บำเพ็ญบางคนที่พวกสวี่ชิงเคยพบเจอ ยกตัวอย่างเช่นอวิ๋นเสียจื่อที่อู๋เจี้ยนอูชื่นชมคนนั้น
แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์หรือไม่ ในเสี้ยวขณะนี้ต่างจิตใจมีสายฟ้าฟาดผ่าทั้งสิ้น
เพราะนี่เป็นเป็นครั้งแรกในรอบศักราชนี้ที่ประตูตำหนักโถงสูงสุดของตำหนักขบถจันทร์เปิดออกมา!
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดนี้ การเปิดออกของมันราวกับแสงอาทิตย์สาดส่องทะลุชั้นเมฆมืดมิด แสงสว่างสาดส่องมายังดินแดนมืดมน!
พลิกฟ้าพลิกแผ่นดิน
ตอนนี้เทือกเขาทนทุกข์ ในหนังคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ ประกายแสงเจิดจ้าพร่างพราย กะพริบสาดส่องทั่วทิศ ผู้บำเพ็ญที่นี่ต่างจิตใจสั่นสะท้าน โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ ยิ่งคุกเข่าหมอบคารวะไปตามสัญชาตญาณ
ต่อให้เป็นรองเจ้าตำหนักสี่ตอนนี้ก็ลมหายใจหอบถี่ มองไปยังประตูสัมฤทธิ์ ในใจเกิดระลอกคลื่นยักษ์หมื่นจั้ง
แต่ว่าคนที่ตื่นตะลึงกว่าพวกเขาคือหนิงเหยียนและอู๋เจี้ยนอู ทั้งยังมีหลี่โหยวเฝ่ยและบรรพจารย์โม่กุย พวกเขามองเงาร่างทั้งสองที่ปรากฏออกมาจากในประตูสัมฤทธิ์ เหม่อลอยไปเล็กน้อย
ส่วนโยวจิงกลับขมวดคิ้ว สายตาที่มองไปทางเอ้อร์หนิวแฝงด้วยความเกลียดชัง ช่วงนี้นางไม่เห็นอีกฝ่าย จิตใจสงบนิ่งมาโดยตลอด มีเพียงตอนนี้ที่เกิดหงุดหงิดขึ้น
และสิ่งที่ทำให้นางยิ่งหงุดหงิดไปมากกว่าเดิมคือเสียงจากเอ้อร์หนิวที่ดังมาจากในประตู
“ฮ่าๆ ข้าเจ้าตำหนักคนนี้นับว่ามาได้ทันเวลา”
ประตูสัมฤทธิ์บนท้องฟ้าตอนนี้เปิดออกโดยสมบูรณ์ ในประกายแสงนี้ สวี่ชิงและนายกองก้าวออกมา และทันทีที่ก้าวออกมา คำพูดของนายกองเพิ่งดังสะท้อนออกไป สวี่ชิงกลับสีหน้าเปลี่ยนไป
ในขณะที่พลังสนับสนุนนี้มาจากตำหนักขบถจันทร์ ก็ยิ่งมีพลังที่น่าตื่นตะลึงกลุ่มหนึ่งแผ่ออกมาจากในตำหนักขบถจันทร์อย่างรางเลือน นับจากผลักประตูบานนี้ก็ทะลักเข้ามาในร่างของตน หล่อเลี้ยงไปทั่วกาย
พลังกลุ่มนี้ทรงพลังยิ่งใหญ่นัก คล้ายว่าสะสมวันเวลานับไม่ถ้วนเอาไว้ ในนั้นยังมีพลังแห่งศรัทธา มีผลกรรมเวร
เพียงพริบตา สวี่ชิงก็กระจ่างแจ้ง
นี่คือคือการตอบแทนจากตำหนักขบถจันทร์ เป็นถ่ายทอดพลังครั้งแรกของการเป็นนายแห่งขบถจันทร์!
จะรับก็ได้จะปฏิเสธก็ได้
แต่หากรับ ก็จะต้องแบกรับผลกรรมเวรที่มาจากตำหนักขบถจันทร์ แบกรับชะตาของมัน แบกรับความรับผิดชอบในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา
หลังจากสัมผัสพลังพวกนี้ ฝีเท้าของสวี่ชิงก็หยุดชะงัก นายกองทางนั้นก็สัมผัสได้ในทันทีเช่นกัน ดวงตาฉายประกาย ฝีเท้าหยุดลงเช่นกัน
ทั้งสองมองหน้ากัน
“รับหรือไม่” ดวงตานายกองฉายประกายวาววับ
“รับ!” สวี่ชิงพยักหน้า
นายกองหัวเราะร่าร่วมกับสวี่ชิง ในเสี้ยวขณะนี้ แบกรับผลกรรมเวรยิ่งใหญ่นี้
เสี้ยวพริบตาที่เจตจำนงส่งถึง พลังหล่อเลี้ยงก็ทะลักมาในร่างของทั้งสองทันที
สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก ในร่างร้อนขึ้นมาทันที การเพิ่มพลังจากการสะสมของวันเวลาตำหนักขบถจันทร์ทะลักไปในปราณวิหคทองของเขา
เพียงพริบตา วิหคทองปรากฏออกมา ส่งเสียงคำรามก้อง หางข้างหลังเพิ่มขึ้นมามากมาย สุดท้ายก็ถึงหนึ่งพันหาง ทะลวงจากขั้นสี่ทัณฑ์จนถึงห้าทัณฑ์สุดยอด ปราณนี้บริบูรณ์
ทวนสีดำปรากฏในร่างของเขา แผ่พลังน่าครั่นคร้าม มาพร้อมพลังทำลายล้างโลก ประดุจดวงอาทิตย์ร้อนแรง เผาไหม้ทุกสิ่ง
กลิ่นอายทั่วทั้งร่างสวี่ชิงพลันยกระดับขึ้น แข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
และการทะลวงขั้นของเขายังไม่จบ เสี้ยวพริบตาต่อมา ภูเขาจักรพรรดิภูตปรากฏขึ้น ภูเขาลูกนี้ใหญ่มหึมา สูงถึงพันจั้ง ตั้งตระหง่านอยู่กลางอากาศ ดวงตาทั้งสองพลันลืมขึ้น แผ่ระลอกคลื่นพลังระดับปราณก่อกำเนิดบริบูรณ์ออกมา ยิ่งมีความหนักแน่นของแผ่นดิน แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
จากนั้นก็เป็นติงหนึ่งสามสอง ภายใต้การเพิ่มพลังจากตำหนักขบถจันทร์ในเสี้ยวขณะนี้ ก็ทะลวงขั้นเช่นกัน พลังผนึกในนั้นน่าหวาดกลัว ในขณะที่เขตแดนจิตลืมเลือนยิ่งชัดเจน นักโทษในติงหนึ่งสามสองก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
พวกมันพูดได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเพียงหนึ่งเดียวในปราณทั้งหมดของสวี่ชิง มีพลังชีวิต
กำลังรบของสวี่ชิงพุ่งทะยานขึ้นอย่างรวดเร็ว
จากนั้น เสียงคำรามเสียงหนึ่งก็ดังออกมา อสูรสมุทรบรรพกาลพุ่งออกมาจากในร่างสวี่ชิง แหวกว่ายไปในท้องฟ้า ร่ายรำร่วมกับวิหคทอง วิถีสวรรค์แผ่ระลอก ทำให้ทั่วทุกสารทิศสั่นคลอน
มันก็ทะลวงขั้นเช่นกัน กฎเกณฑ์กฎระเบียบปรากฏออกมานอกกาย
พลังหล่อเลี้ยงจากการสะสมของวันเวลานับไม่ถ้วน มาจนถึงตอนนี้ก็ยังคงทรงพลังเป็นอย่างยิ่ง ปะทุในร่างของสวี่ชิง แม้แต่ปราณพิษต้องห้ามก็ได้รับการหล่อเลี้ยงเช่นกัน
ดังนั้นไม่นานนัก ดวงตาทั้งสองของสวี่ชิงก็ดำสนิท พลังปราณพิษต้องห้ามแผ่กระจาย ทะลวงสี่ทัณฑ์ ก้าวสู่ห้าทัณฑ์บริบูรณ์ กลายเป็นม่านสีดำ ปกคลุมเหนือศีรษะของสี่ชิง แผ่ลามมา ราวกับท้องฟ้า
ปราณที่แปรเปลี่ยนจากแสงประกายอรุณก็ตามมาติดๆ การเปลี่ยนแปลงของมันไม่สิ้นสุด คล้ายว่าหมื่นสรรพสิ่งหมื่นปรากฏการณ์ล้วนกำลังไหลวนในทันที
และยังมีแม่น้ำกาลเวลามายาสายหนึ่ง วนล้อมรอบสวี่ชิง ต่างทะลวงขั้น
และนาฬิกาแดดของสวี่ชิงก็ปรากฏขึ้นในเสี้ยวขณะนี้เช่นกัน เข็มนาฬิกาบนนั้นขยับหมุน เพิ่มพลังให้ กลิ่นอายบริบูรณ์สะท้านฟ้าสะเทือนดิน
สุดท้ายเป็นพระจันทร์สีม่วงของเขา แปรเปลี่ยนเป็นทะเลเลือด ในนั้นมีพระจันทร์สีชาดดวงหนึ่งจมๆ ลอยๆ ยิ่งดูสมจริงมากขึ้น
ทุกอย่างนี้ทำให้กลิ่นอายของสวี่ชิงพุ่งเพิ่มอย่างมหาศาล มาถึงในระดับที่น่าตื่นตะลึง รวมกับการเพิ่มพลังของตำหนักขบถจันทร์ ก็ทำให้คนทั้งหลายที่นี่ต่างเกิดความรู้สึกที่ไม่กล้าจ้องมองตรงๆ
ที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นคือข้างหลังสวี่ชิงมีเงาสมบัติลับที่เป็นภาพมายาคลังหนึ่งค่อยๆ ปรากฏออกมา!
และสมบัติลับนี้ก็เป็นส่วนที่ดูดซับการเพิ่มพลังมากที่สุด ราวกับคลื่นวนยักษ์ กำลังหมุนวนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว
กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากในนั้นเหนือกว่าทุกสิ่ง น่ากลัวสุดขีด แม้มันจะรางเลือน แต่คุณสมบัติในนั้นมากพอจะให้ผู้คนตกตะลึง เรียกได้กระทั่งว่าไร้เทียมทาน
ในนั้นวิหคทองอยู่บนท้องฟ้าเป็นดวงอาทิตย์ พระจันทร์สีม่วงลอยขึ้นเป็นดวงจันทร์
พิษต้องห้ามแปรเปลี่ยนเป็นม่านฟ้าเมฆหมอก เขาจักรพรรดิภูตเป็นแผ่นดิน
แม่น้ำกาลเวลาแปรเปลี่ยนเป็นน้ำ อสูรสมุทรมรรคสวรรค์พ่นกฎเกณฑ์
ในแสงประกายอรุณสาดส่องหมื่นสรรพสิ่งออกมา ติงหนึ่งสามสองเป็นผู้คนทั้งหลาย
ยิ่งมีเข็มนาฬิกาแดดขยับหมุน ทำให้ทุกอย่างในคลังสมบัติลับขยับเดิน เกิดเป็นภาพดวงอาทิตย์ดวงจันทร์สับเปลี่ยน ลมเมฆหมุนเปลี่ยน ผ่านห้วงเวลาการเปลี่ยนแปลง!
แม้ทุกอย่างจะเป็นเพียงภาพมายา แต่คุณสมบัติของสมบัติลับนี้ใหญ่มากนัก ราวกับโลกใบหนึ่ง
นี่ก็คือสมบัติลับคลังแรกที่สวี่ชิงเตรียมไว้เพื่อตัวเอง และเป็นสมบัติลับแก่นวิญญาณของเขาเช่นกัน!
ตอนนี้แม้เป็นเค้าร่างเลือนราง แต่จินตนาการได้ว่าหากสำเร็จจะต้องสั่นคลอนหมื่นเผ่าอย่างแน่นอน
และสมบัติลับเช่นนี้สารอาหารหล่อเลี้ยงที่ต้องการย่อมน่าหวาดหวั่นแน่นอน
คนที่ปะทุพลังไม่ได้มีเพียงสวี่ชิงเท่านั้น ยังมีนายกอง การเพิ่มพลังบนร่างของเขาก็ชัดเจนเช่นกัน อาศัยพลังของตำหนักขบถจันทร์ ขณะนายกองหัวเราะร่าก็ฉีกผนึกออกสองทาง กลิ่นอายของเขาพุ่งไปถึงระดับปราณก่อกำเนิดบริบูรณ์ทันที
กระทั่งว่าผนึกที่สามก็ถูกเขาฉีกออกไปครึ่งหนึ่ง ระลอกคลื่นพลังระดับหวนสู่อนัตตาปะทุรางๆ มาบนร่างของเขา
มาถึงตอนนี้ การเพิ่มพลังสิ้นสุด!
ไม่ใช่ตำหนักขบถจันทร์สะสมไม่พอ แต่พลังรากฐานของทั้งคู่ลึกเกินไป สารอาหารหล่อเลี้ยงที่ต้องการมากกว่าคนอื่น อีกทั้งยังซ้ำๆ ไม่ได้ มิเช่นนั้นสมบัติลับของสวี่ชิงยากจะก่อเป็นรูปร่างได้ ผนึกของนายกองก็ไม่สามารถฉีกต่อได้เช่นกัน
พวกเขาต้องการพลังที่แตกต่างกัน ดังนั้นการดูดซับตำหนักขบถจันทร์ดูดซับมากเกินไปก็ไร้ประโยชน์
จากนั้น ภายใต้การจับตามองของคนทั้งหลาย เมฆทัณฑ์กลุ่มหนึ่งก็ก่อขึ้นในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ สายฟ้าครืนครันดังก้องไปทั่ว
กระทั่งว่าโลกข้างนอก ม่านฟ้าก็เป็นเช่นนี้ เกิดเมฆทัณฑ์กลุ่มใหญ่เช่นกัน
ทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ทัณฑ์สุดท้ายของระดับปราณก่อกำเนิดปรากฏขึ้นแล้ว
หากผ่านทัณฑ์ไปได้ สวี่ชิงก็จะยืนหยัดอย่างมั่นคงในระดับปราณก่อกำเนิดบริบูรณ์ ยิ่งเพราะการปรากฏขึ้นของสมบัติลับมายา เขาก้าวข้ามหล่อเลี้ยงมรรคาขั้นนี้ ก้าวเข้าสู่ระดับสมบัติวิญญาณหนึ่งคลังทันที!