ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 675 พิธีสำเร็จเทพ
บทที่ 675 พิธีสำเร็จเทพ
ในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ สวี่ชิงเงยหน้ามองไปข้างบน
สุดสายตาของเขาคือเมฆทัณฑ์ที่ก่อขึ้นในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ ขอบเขตของเมฆกลุ่มนี้ไม่ใหญ่มาก แม้จะมีสายฟ้าแต่ก็ไม่น่ากลัว และจากลางสังหรณ์ สวี่ชิงสัมผัสได้ว่าโลกภายนอกตอนนี้มีเมฆทัณฑ์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าปรากฏขึ้น
เมฆที่ปรากฏในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่นี้ ส่วนใหญ่แล้วล้วนเป็นภาพมายาของเมฆทัณฑ์โลกข้างนอกจากการเหนี่ยวนำของพลังบำเพ็ญสวี่ชิง
นายกองข้างๆ สีหน้าแปลกประหลาด
“ศิษย์น้องเล็ก ข้าอายุปูนนี้แล้วเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกับเหตุการณ์เช่นนี้
“เจ้าอยู่ในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ เช่นนั้นการพิพากษาของทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ คนที่ต้องผ่านทัณฑ์เป็นเจ้าหรือเป็นคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่กันแน่
“หากเป็นคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ เช่นนั้นทัณฑ์ที่ลงมาเยือนจะต้องน่ากลัวอย่างแน่นอน แต่ว่าคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ก็น่ากลัวเหมือนกัน
“หากเป็นเป็นเจ้า เช่นนั้นทัณฑ์ที่ลงมาเยือน ภายใต้การขวางกั้นจากคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ เจ้าจะปลอดภัยไร้เคราะห์ การปรากฏขึ้นของคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่จะรับทัณฑ์แทนเจ้า!
“น่าสนใจ ข้าไม่เคยเห็นเรื่องแบบนี้มาก่อน และเทพเจ้าที่มีคราบร่างก่อนเป็นเทพก็มีให้เห็นน้อยมาก โดยเฉพาะคราบร่างก่อนเป็นเทพที่ไร้สติสัมปชัญญะ มีแต่สัญชาตญาณแบบนี้”
สวี่ชิงดวงตาเปล่งประกายเช่นกัน คล้ายครุ่นคิด
ตอนนี้ม่านฟ้าข้างนอก เมฆหมอกตลบม้วน ต่อให้เป็นท้องฟ้าที่แดงฉานก็ไม่อาจขวางกั้นกฎเกณฑ์แห่งวิถีสวรรค์ได้ ดังนั้นไม่นานนักเมฆดำก็ปกคลุมเหนือศีรษะ แผ่ลามไปบนทะเลเลือด
ชั้นเมฆปะทะ ส่งเสียงฟ้าผ่าครืนครันสะท้อนก้อง ทุกเสียงล้วนดังสนั่นหวั่นไหว สะเทือนไปทั่ว คล้ายกำลังพิจารณา
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง การพิจารณาของทัณฑ์ชีวิตก็มีคำตอบ
เพียงพริบตา เมฆทัณฑ์บนท้องฟ้าปะทุ ท่ามกลางเสียงครืนครัน ทัณฑ์สวรรค์สายหนึ่งก็แลบแปลบปลาบออกมา แปรเปลี่ยนเป็นมังกรอัสนีตัวหนึ่ง พุ่งตรงไปยังคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่
ขณะเสียงดังกึกก้องเลื่อนลั่น สายฟ้าพังทลายบนคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ แปรเปลี่ยนเป็นแสงสายฟ้าวงรีนับไม่ถ้วนกระจายไปทั่ว คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ไม่เสียหายแม้แต่น้อย
ต่อให้สายฟ้ายังคงฟาดผ่า ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมาทางแล้วทางเล่า
แต่ผลสุดท้ายก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
นี่คือทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ที่ห้าของสวี่ชิง ไม่ใช่คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่!
ทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ของสวี่ชิงเนื่องจากเป็นชุดต่อเนื่องกัน แตกต่างจากคนอื่น ครั้งแรกคือพลังชะตาเขตปกครองผนึกสมุทรสลาย ครั้งที่สองคือกฎเกณฑ์ท่วมฟ้าสอดประสานฟาดลงมา ครั้งที่สามคือรัฐทายาทใช้ร่างตัวแทนทะเลทราย เรียกทัณฑ์มหาศาลมา
ครั้งที่สี่ยิ่งน่ากลัว ปะทุมาในแท่นประหารเทพเจ้า
แต่ละครั้งล้วนน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ
แต่เทียบกับครั้งก่อนหน้านี้ ครั้งที่ห้า…ก็ค่อนข้างจะธรรมดา
ครั้งนี้ไม่มีการช่วยเหลือจากรัฐทายาท ทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ไม่อาจเหมือนครั้งที่สามพิจารณาสวี่ชิงรวมไปกับทะเลทราย ฟาดทัณฑ์น่าครั่นคร้ามลงมา
และสวี่ชิงก็ไม่ได้สัมผัสรับรู้แท่นประหารเทพเจ้า ทำให้ทัณฑ์ลิขิตสวรรค์น่ากลัวขึ้นไปอีก
ดังนั้นครั้งนี้ในด้านการพิจารณา เขาแอบอยู่ในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ ไม่ได้เป็นหนึ่งเดียวกัน
และทัณฑ์อัสนีแค่นี้ คิดจะสั่นสะเทือนคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่นั้น เป็นไปไม่ได้เลย
ต่อให้เกิดทัณฑ์อัสนีเก้าสิบเก้าทางฟาดมาบนคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ก็เป็นเช่นนี้
คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่แสงสายฟ้าฉายแสงเจิดจ้าวูบวาบ และภายใต้แสงนั้น ภายนอกตลอดไปจนผิวของคราบร่างก่อนเป็นเทพไม่เสียหายเลยแม้แต่น้อย
ไม่นานนักทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ก็จบสิ้น เมฆหมอกบนท้องฟ้าสลายไป ฉายประกายแสงพร่างพราย นี่คือแสงของอายุขัยสวรรค์ หมายถึงว่าสวี่ชิงจบสิ้นการผ่านทัณฑ์แล้ว
ทุกอย่างราบรื่นดีมาก
แต่ในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ คิ้วของสวี่ชิงกลับขมวด สีหน้าฉายแววคร่ำเคร่ง
นายกองที่อยู่ข้างๆ ในดวงตาก็ฉายประกายวาววับเช่นกัน จ้องคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ที่อยู่ข้างบนเขม็ง
‘ไม่ค่อยชอบมาพากล!’
ไม่ชอบมาพากลจริงๆ ทั้งๆ ที่ทัณฑ์สวรรค์โลกภายนอกจบสิ้นแล้ว อายุขัยสวรรค์ก็สาดลงมาตามแสงพรายรุ้ง แต่ในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ เมฆทัณฑ์เบาบางที่ปรากฏออกมาก่อนหน้านี้กลับไม่สลายไป
และสวี่ชิงก็สัมผัสถึงความรู้สึกพวยพุ่งซัดโหมของพลังบำเพ็ญหลังจากที่ผ่านทัณฑ์เหมือนก่อนหน้านี้จากร่างตัวเองไม่ได้
เหมือนว่าเขายังไม่ได้ผ่านทัณฑ์
แต่ก่อนหน้านี้ทัณฑ์สวรรค์ฟาดลงมาแล้วจริงๆ…
“ถูกคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่กินเข้าไปแล้ว!” จู่ๆ นายกองก็เอ่ยขึ้นมา น้ำเสียงแฝงด้วยความตกใจสงสัย
“ศิษย์น้องเล็ก เรื่องนี้ไม่ถูกต้อง มีเรื่องผิดปกติ พวกเราถอยกลับไปในประตูใหญ่ก่อน!”
“สายไปแล้ว…” สวี่ชิงเอ่ยเสียงแหบแห้ง สีหน้าเคร่งเครียดจนถึงที่สุด เขาสัมผัสได้ว่าตัวเองถูกจับเป้าหมายไว้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ไม่อาจสกัดกั้นได้
การจับเป้าหมายเช่นนั้นทำให้สวี่ชิงมีความรู้สึกเหมือนเทพเจ้าจับจ้อง ตอนนี้ร่างสั่นสะท้าน พิษต้องห้ามซัดโหม ต้นกำเนิดพลังเทพพระจันทร์สีม่วงปะทุ นิ้วเทพเจ้าติงหนึ่งสามสองก็สั่นสะท้านเช่นกัน
“พลังที่เกี่ยวกับเทพเจ้าทั้งหมดในกายข้าล้วนถูกจับเป้าหมาย!”
แทบจะในทันทีที่คำพูดของเขาดังออกมา คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งเทือกเขาทนทุกข์ก็พลันสั่นคลอน ม่านฟ้าที่แปลงมาจากมันขณะที่เดือดพล่าน เมฆทัณฑ์ก่อนหน้านี้ก็ปะทุตามมา
ยิ่งมีอำนาจเทพฟาดลงมาจากฟ้า ผสานไปในเมฆทัณฑ์ และเมฆทัณฑ์นั่นภายใต้อำนาจเทพก็ระเบิดทันที แตกกระจายไปทั่วสารทิศ ศิลาจารึกว่างเปล่าสีทองขนาดมหึมาหลักหนึ่งปรากฏออกมาจากในเมฆทัณฑ์แหลกสลายนี้
ศิลาจารึกนี้มีขนาดร้อยจั้ง ลอยลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหวมาทางสวี่ชิงทางนี้
จากการลอยลงมา กลิ่นอายเทพเจ้าพวยพุ่งท่วมฟ้า สิ่งมีชีวิตทั้งหลายาบนพื้นต่างหวาดกลัว ในใจเกิดสายฟ้าฟาดผ่า
สวี่ชิงหน้าเปลี่ยนสี นายกองดวงตาเบิกกว้าง ตื่นตะลึงสุดขีด
“นี่คือจารึกเทพ ใช้โลหิตเทพเขียนชื่อเอาไว้บนนั้น ผ่านความตายทั้งห้าธาตุ จุดเพลิงเทวะขึ้น แล้ววางจารึกเทพไปในร่างเทพโบราณ ก็จะสามารถชิงคุณสมบัติเทพเจ้ามาได้ เกิดเป็นตำแหน่งเทพเจ้าของตัวเอง!
“นี่คือหนึ่งในพิธีทัณฑ์เทพเจ้า ชื่อว่าอาสัญสู่เทวา!”
นายกองลมหายใจหอบถี่ ใช้ความรู้ของเขาบอกสาระสำคัญออกมาในทันที
“ไม่ถูก พลังอำนาจไม่เหมือนกัน น้อยลงมากเหลือเกิน
“ข้ารู้แล้ว นี่คือสัญชาตญาณของคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่!
“ชื่อหมู่ตอนที่ยังไม่ได้เป็นเทพ ความยึดมั่นก็คือจะเป็นเทพ เพื่อรับประกันความสำเร็จ จะต้องใช้วิธีจำลองทำการฝึกซ้อมพิธีอยู่หลายครั้งเป็นแน่
“ดังนั้นจิตยึดมั่นนี้จึงผสานลึกไปในคราบร่างก่อนเป็นเทพ และภายหลังถูกประหาร แม้ชื่อหมู่จะจุดเพลิงเทวะในนภาจรัสสำเร็จเป็นเทพ แต่จิตยึดมั่นในคราบร่างก่อนเป็นเทพยังคงอยู่
“หากเป็นคนอื่นผ่านทัณฑ์ที่นี่จะไม่เป็นอย่างนี้ ไม่เหมือนกับเจ้า!
“เจ้ามีพลังพระจันทร์สีม่วง มีต้นกำเนิดพลังเดียวกับชื่อหมู่ ทั้งยังอยู่ในคราบร่างก่อนเป็นเทพ…ดังนั้นการเหนี่ยวนำทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ของเจ้าทำให้คราบร่างก่อนเป็นเทพฝึกซ้อมพิธีทัณฑ์เทพเจ้าไปตามสัญชาตญาณ!
“โอกาสนี้แม้จะไม่ใช่ทัณฑ์เทพเจ้าของจริง จะไม่มีขั้นตอนการจุดเพลิงเทวะ แต่สำหรับเจ้าแล้ว นี่เป็นวาสนาที่ไม่อาจคาดเดาได้!
“ศิษย์น้องเล็ก นี่เป็นทัณฑ์ที่ห้าของเจ้าต่างหาก!”
ระหว่างที่นายกองพูด ศิลาจารึกสีทองนั่นก็ส่งเสียงครืนครัน พุ่งลงมาข้างหน้าสวี่ชิง แสงสีทองปะทุ แปรเปลี่ยนเป็นทะเลแสง สาดส่องทุกสิ่ง
‘ไม่ว่าจะเป็นวาสนาอะไร ทัณฑ์นี้จะต้องผ่านให้ได้’
สวี่ชิงมองศิลาจารึก ดวงตาฉายแววเด็ดเดี่ยว
คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่กลืนกินทัณฑ์ลิขิตสวรรค์ของเขา ตอนนี้พลังบำเพ็ญของเขาไม่เพิ่มขึ้นไม่ลดลง ไม่สมบูรณ์ เช่นนี้แล้ว ไม่ว่าจะอย่างไร ทัณฑ์นี้เขาต้องผ่านให้ได้!
“ทัณฑ์นี้พิเศษมาก ศิษย์น้องเล็ก เจ้าฟังขั้นตอนจากข้า ขั้นแรก ใช้เลือดเทพเจ้าของเจ้าเขียนชื่อลงไปบนศิลาจารึก!”
นายกองเคร่งขรึม เอ่ยอย่างรวดเร็ว
สวี่ชิงพยักหน้า ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของผู้คนทั้งหลายที่นี่ ร่างของเขาเพียงไหววูบก็พุ่งตรงไปที่หลักศิลา หลังจากเข้ามาใกล้ก็ยกมือขึ้น เลือดสดๆ มหาศาลไหลตามออกมา
“ใช้ฝ่ามือต่างพู่กัน ใช้เลือดต่างหมึก แล้วขีดไปขีดหนึ่งบนหลักศิลาร้อยจั้งทันที เขียนเส้นขีดแรกของชื่อตัวเอง”
เส้นขีดนี้วาดลงไป หลักศิลาส่งเสียงคำรามลั่น สวี่ชิงร่างสะท้านเฮือก ในขณะที่เลือดทะลักไปอย่างควบคุมไม่ได้ เขาลมหายใจหอบถี่ พลังบำเพ็ญโคจร เขียนต่อไป
หลังจากขีดที่สาม สวี่ชิงสั่นสะท้านไปทั้งร่าง เขารู้สึกว่าพลังชีวิตของตัวเองกำลังร่วงโรย ความรู้สึกอ่อนแรงแผ่ลามไปทั่วร่าง ยิ่งมีหยดน้ำมากมายปรากฏขึ้นจากความว่างเปล่ามาบนร่าง ปกคลุมไปทั้งร่างกาย ไหลไม่หยุด
หยดน้ำนั่นมาพร้อมด้วยกลิ่นเหม็นเน่า ราวน้ำเหลืองจากศพ และสวี่ชิง…กำลังละลาย
“นี่คือทัณฑ์ห้าธาตุ ศิษย์น้องเล็ก จำเอาไว้อย่าสับสนในตัวเอง เดินออกมา!” นายกองเอ่ยอย่างร้อนใจ
สวี่ชิงกำลังจะตอบรับ เสี้ยวขณะต่อมาร่างก็ล้มลงทันที กลายเป็นศพที่เปียกโชกไปทั้งร่าง เน่าเปื่อยรุนแรงมาก แม้แต่หน้าตาก็ยังมองไม่ชัด
มีเพียงน้ำเหลืองจากศพหยดลงมาไม่หยุด ลอยกลางอากาศ รักษาหน้าตาสวี่ชิงในตอนมีชีวิตเอาไว้ในภาพสะท้อนจากผิวน้ำ
นี่คือศพจมน้ำจากห้าธาตุ
“ศิษย์น้องเล็ก เดินจากความตายมาสู่ชีวิต เดินออกมา!” นายกองเอ่ยเสียงต่ำทุ้ม
คนทั้งหลายบนพื้นต่างสีหน้าเปลี่ยนไป หลิงเอ๋อร์ยิ่งร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่พวกเขาไม่สามารถช่วยได้ ทุกอย่างต้องอาศัยตัวสวี่ชิงเอง
ดีที่ไม่นานนัก สวี่ชิงในภาพสะท้อนก็ลืมตาขึ้น เป็นความสับสนงุนงงก่อน จากนั้นก็กระจ่างแจ้ง
ในความรู้สึกของเขา เวลาเหมือนผ่านไปเนิ่นนาน ตัวเองจมน้ำตายทุกชาติทุกภพนับครั้งไม่ถ้วน และเหตุการณ์ความตายสมจริงเป็นอย่างยิ่ง เขาดิ้นรนครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้การตระหนักรับรู้ของตัวเองไม่สลายไป ในที่สุดก็ฟื้นตื่นขึ้นมา
ครู่หนึ่ง สวี่ชิงยืนขึ้น เดินออกมาจากเงาสะท้อนในน้ำ เดินออกมาทีละก้าวๆ จนกระทั่งออกมาจากผิวน้ำ และข้างๆ ก็คือโครงกระดูกของเขา
ยืนอยู่ใต้ศิลาจารึก สวี่ชิงมองไปทางคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่บนฟ้า แล้วมองไปยังโครงกระดูกของตัวเอง พลันเกิดความเข้าใจอะไรบางอย่าง
‘นี่คือคราบร่างก่อนเป็นเทพของข้าอย่างนั้นหรือ พิธีนี้ทำให้มนุษย์สร้างคราบร่างก่อนเป็นเทพได้หรือ’
เงียบนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง สวี่ชิงดึงสายตากลับมา ยกมือขึ้น เขียนชื่อไปบนศิลาจารึกต่อไป
ขีดที่สี่ ขีดที่ห้า ขีดที่หก
ทันทีที่ขีดที่หกวาดลงมา สวี่ชิงกระอักเลือด ท้องของเขาเกิดแผลทางหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย คล้ายว่ามีมือไร้รูปร่างคู่หนึ่งกรีดลงมาทั้งอย่างนั้น
เผยให้เห็นช่องท้อง
อวัยวะภายในนั้นกำลังหายไป คล้ายว่าถูกล้วงออกไป ไม่นานก็หายไปทั้งหมด ความเจ็บปวดรุนแรงมหาศาลที่เกิดตามมาทำให้สวี่ชิงร่างสั่นเทา จำต้องนั่งลง เจ็บจนตัวงอ ราวกำลังหมอบคารวะ
นี่คือศพคว้านท้องแห่งห้าธาตุ
ไม่นานนัก เงามายาทางหนึ่ง ก็ปรากฏขึ้นบนศพคว้านท้อง เดินออกมา ปรากฏเป็นสวี่ชิงอีกครั้ง เขาเผชิญกับความตายเช่นนี้นับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้สติค่อนข้างรางเลือน แต่ก็คงยกมือที่ยังคงสั่นเทาขึ้น เขียนต่อไป
ขีดที่เจ็ด ขีดที่แปด ขีดที่เก้า…
เถาวัลย์สีแดงเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย รัดคอสวี่ชิงเอาไว้ จากนั้นก็รัดไปทั่วทั้งร่าง บนเถาวัลย์พวกนั้นล้วนเต็มไปด้วยหนาม แทงลึกไปในร่างของสวี่ชิง
ค่อยๆ ออกแรง ค่อยๆ รัดแน่น จนกระทั่งสวี่ชิงล้มลง แน่นิ่งไม่ขยับ
นี่คือศพแขวนคอแห่งห้าธาตุ
จากการก้มหน้าของศพแขวนคอ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง บนนั้นก็เกิดเงาทับซ้อน สวี่ชิงเดินออกมาราวกับวิญญาณ ละจากร่างที่ตายไปแล้ว มายืนอยู่ข้างหน้าศิลาจารึก
สวี่ชิงสีหน้าสับสนงุนงงอีกครั้ง นานหลังจากนั้น เขาหันไปมองศพจมน้ำ ศพคว้านท้องและศพรัดคอที่อยู่ข้างๆ
เขาจำได้ว่าในส่วนลึกของอุโมงค์ภูตใต้เสามรรคาสวรรค์พ้นพันธะในตอนนั้น มีบ้านที่แขวนอยู่แห่งหนึ่ง
ในหอมีผู้หญิงคนร้องเพลง และที่มุมทั้งห้าของบ้าน ต่างมีโครงกระดูกห้าโครงนั่งขัดสมาธิอยู่
‘ที่แท้ ในขณะที่นางควบคุมเทพเจ้า ก็ลองสำเร็จเป็นเทพด้วยเช่นกัน…’