ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 677 ฟื้นคืนชีพและผงาดขึ้นมา
บทที่ 677 ฟื้นคืนชีพและผงาดขึ้นมา
จากเสียงของสวี่ชิงและนายกองที่สะท้อนก้อง พวกเขาก็เดินเข้าไปยังทะเลสาบที่สะท้อนอยู่ในกระจกบนฟากฟ้า จนถึงโถงตำหนักสูงสุดของตำหนักขบถจันทร์ มองลงมาเบื้องล่างราวกับเทพเจ้า
ทั้งภูเขาตำหนักขบถจันทร์สั่นสะเทือนทันใด
อำนาจผนึกของรองเจ้าตำหนักหนึ่งและรองเจ้าตำหนักห้าหลังจากที่ทรยศ ก็ถูกสวี่ชิงกับนายกองลบไปในตอนนี้
พวกเขาต่างหากที่เป็นเจ้าตำหนักขบถจันทร์ที่แท้จริง
ด้วยอำนาจสูงสุดของสวี่ชิงและนายกอง อำนาจของรองเจ้าตำหนักทั้งหมดถูกสะกดอย่างง่ายดาย
เวลานี้ภูเขาในกระจกครืนครัน ศาลเจ้าแต่ละหลังด้านในกะพริบวูบ ชั่วพริบตาศาลเจ้านับแสนก็ส่องแสงเรืองรอง พร่างพรายอย่างยิ่ง
ราวกับดวงดารานับแสนดวง กลายเป็นทะเลดวงดาว ระเบิดโถมฟ้า
รัศมีอำนาจดั่งสายรุ้ง สั่นไหวภูเขา สะเทือนฟ้าดิน
ยิ่งมีกลิ่นอายที่น่าตกตะลึงอีกหลายระลอก ปะทุขึ้นมาจากในศาลเจ้านับแสนนี้ กลายเป็นระลอกคลื่นที่น่าครั่นคร้าม สะท้อนก้องอยู่บนผิวกระจก ขณะที่โหมระลอกคลื่นก็ส่งผลกระทบกับโลกภายนอก
ฟ้าดินที่แปรมาจากคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ส่งเสียงครืนครันในยามนี้ ยากจะหดตัวลงไปเรื่อยๆ และไม่อาจกลืนกินต่อได้อีก ถูกพลังของตำหนักขบถจันทร์ขัดขวาง!
นี่คือพลานุภาพพลังรากฐานของตำหนักขบถจันทร์
คำกล่าวของสวี่ชิงกับนายกอง ไม่เพียงแต่สะท้อนก้องในฟ้าดินคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่เท่านั้น แต่ยังมีทะเลเลือดในโลกด้านนอก รวมไปถึงท้องฟ้าทั่วสารทิศ กำลังสะท้อนก้องในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา
รูปสลักทั้งหลายคือผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์
กลับสู่ตำแหน่งคือกลับมายังตำหนักขบถจันทร์
ชั่วพริบตา ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ในกองทัพต่อต้าน ในใจต่างราวกับสายอัสนีฟาดผ่า ร่างกายพวกเขาไม่อาจควบคุม พร่าเลือนลงอย่างรวดเร็ว เปลี่ยนเป็นภาพมายา
ราวกับพลังสูงสุดวูบหนึ่งลงมาประทับบนร่างผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ทุกคน กลายเป็นแรงดึงดูด ดึงพวกเขากลับมาโดยไม่สนสถานที่หรือพลังบำเพ็ญของพวกเขา
ร่างผู้บำเพ็ญหายไปจากในภาพมายานั้นทีละคน ตอนปรากฏตัวก็มาอยู่ในตำหนักขบถจันทร์ อยู่ในศาลเจ้าของตัวเอง ผสานเข้าไปในรูปสลักศาลเจ้า ลืมตาทั้งสอง รัศมีพร่างพราย
ในนี้ยังมีรองเจ้าตำหนักสี่ของตำหนักขบถจันทร์ด้วย ร่างของเขาก็ถูกดึงดูดมาเช่นกัน ปรากฏขึ้นในศาลเจ้ารองเจ้าตำหนักกลางอากาศ
โลกภายนอกก็เป็นเช่นนี้
ฝั่งตะวันออกแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา ตวนมู่ฉางที่หายใจรวยริน สองตาเบิกโพลงขึ้นทันที สีหน้าฉายแววไม่อยากเชื่อ สมองเขาได้ยินประโยคนั้นในพริบตานี้
ร่างของเขาเลือนรางทันใด หายวับไปชั่วพริบตา ตอนปรากฏตัวก็กลับมาอยู่ในตำหนักขบถจันทร์
ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ที่กระจัดกระจายตามพื้นที่ต่างๆ แบบตวนมู่ฉาง ไม่ว่าจะซ่อนอยู่ยังสถานที่ใด บาดเจ็บอย่างไร ขอแค่ยังไม่ตาย ร่างของพวกเขาก็ถูกดึงดูดเข้าไปทั้งหมด
โดยเฉพาะทางเหนือแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา รองเจ้าตำหนักสามรวมถึงผู้บำเพ็ญใต้บังคับบัญชานับแสนที่ถูกพระจันทร์สีชาดปิดล้อม ตอนนี้ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ทั้งหมดสีหน้าเปลี่ยนไป
พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ได้ยินเสียงทรงพลานุภาพที่ดังขึ้นในสมอง
ด้วยเสียงนี้ ผู้บำเพ็ญขบถจันทร์ส่วนใหญ่ที่รวมถึงรองเจ้าตำหนักสามก็หายไปทุกคน
ตอนปรากฏตัว ล้วนกลับมาอยู่ในศาลเจ้าของตัวเองในตำหนักขบถจันทร์
ทั้งหมดนี้กล่าวเหมือนนาน แต่อันที่จริงเกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น ภูเขาที่สะท้อนอยู่ในกระจก ประตูใหญ่ของศาลเจ้าด้านใน ทยอยเปิดออกครืนครัน
รูปสลักนับหมื่นรูป ตอนนี้ล้วนเดินลงมาจากแท่นบูชาของตัวเอง ผลักประตูศาลเจ้า ก้าวออกมา
รูปสลักเหล่านี้รูปร่างแตกต่างกัน ทุกรูปล้วนมีรัศมีประดุจสายรุ้ง น่าตกตะลึงอย่างยิ่ง ในใจโหมซัด
บ้างก็สั่นสะเทือน บ้างก็มึนงง บ้างก็ตกตะลึง บ้างก็ตื่นเต้น
บนท้องฟ้า ศาลเจ้ารองเจ้าตำหนักทั้งเก้าก็เป็นเช่นกัน
ศาลเจ้ารองเจ้าตำหนักสี่เปิดออก รูปสลักสง่าผ่าเผยที่แปรจากตัวเขา เดินออกมาจากศาลเจ้าที่ตนเองอยู่พร้อมแสงพร่างพราย ศาลเจ้ารองเจ้าตำหนักสามที่อยู่ข้างๆ เวลานี้ก็เปิดออกตามมา รูปสลักเหมือนวัชระที่ดวงตากราดเกรี้ยวรูปหนึ่ง เดินออกมาจากศาลเจ้าพร้อมกับแรงกดดันที่น่าครั่นคร้าม
เพียงแต่เมื่อเทียบกับรองเจ้าตำหนักสี่ สีหน้าของเจ้าตำหนักสามสั่นสะท้านรุนแรงยิ่งกว่า
กระทั่งรองเจ้าตำหนักหนึ่งและรองเจ้าตำหนักห้าที่ทรยศ ผู้บำเพ็ญขบถจันทร์ส่วนหนึ่งที่เลือกกบฏเพื่อติดตามพวกเขาก็ไม่อาจหลีกเลี่ยง ถูกดึงกลับมาในตำหนักขบถจันทร์เช่นกัน
จากการเปิดออกของศาลเจ้าเวลานี้ รองเจ้าตำหนักที่ทรยศทั้งสองคนพุ่งตัวออกมา พวกเขาสีหน้าเปลี่ยนไป ในใจเกิดความพรั่นพรึง ทั้งหมดทั้งมวลนี้สำหรับพวกเขานั้นเหนือความคาดหมาย กะทันหันเกินไปจริงๆ
และการปรากฏตัวของพวกเขา ทำให้มีสายตากราดเกรี้ยวและจิตสังหารจากผู้อื่นทันที
แต่ตอนนี้ ไม่มีใครระบายจิตสังหารนี้แต่อย่างใด เพราะเทียบกับการทรยศของรองเจ้าตำหนักทั้งสองแล้ว สิ่งที่ดึงดูดใจผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ทั้งหมดในตอนนี้ คือโถงตำหนักสูงสุดบนฟ้านั่น!
ทุกคนเงยหน้าขึ้นพร้อมกันตามสัญชาตญาณ มองไปบนท้องฟ้า
โถงตำหนักสูงสุด ประตูใหญ่เปิดออกแล้ว แสงสว่างไร้ที่สิ้นสุดเปล่งออกมาจากด้านใน ส่องสว่างไปทั่วสารทิศ ราวกับกลายเป็นดวงอาทิตย์
และในดวงอาทิตย์นั้น ร่างเงาสองร่างคล้ายค้ำยันฟ้าดิน ทำให้ทุกคนเกิดความศรัทธาในใจ
สายตาพวกเขาจับจ้องลงมา กวาดผ่านรูปสลักผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ทั้งหมด และผู้บำเพ็ญทั้งหมดในที่แห่งนี้สมองอื้ออึง ก้มหน้าลงด้วยสัญชาตญาณ เปล่งเสียงออกมา
“คารวะเจ้าตำหนักขบถจันทร์!”
นายกองได้ใจ เงยหน้าขึ้นอย่างหยิ่งผยอง
“เทพเจ้าหาใช่สิ่งนิจนิรันดร์ ความคาดหวังนั้นคงอยู่ตลอดกาล!”
“วันนี้พระจันทร์สีชาดเข้ารุกราน เป็นช่วงเวลาที่ภารกิจขบถจันทร์ของเราผงาดขึ้นมา!”
เสียงของนายกองดังก้อง ยกมือขวาขึ้นโบก ภูเขาตำหนักขบถจันทร์ก็พลันครืนครัน นูนขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ส่วนเทือกเขาทนทุกข์ที่มันจุติอยู่ก็เช่นกัน
บนท้องฟ้า จากภูเขาบนผิวกระจกที่ขยายใหญ่ขึ้น กระจกก็นูนขึ้นไปต่อเนื่องท่ามกลางเสียงครืนครัน สัมผัสกับคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ที่แปรเป็นม่านฟ้าปกคลุมที่แห่งนี้
พริบตาที่สัมผัสกัน ต่างต่อต้านกันทันที
เสียงราวทัณฑ์สวรรค์ ราวกับโลกสองใบชนกัน
ฟ้าดินสั่นไหว ความว่างเปล่าพังทลาย
คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ คือร่างก่อนที่ชื่อหมู่จะกลายเป็นเทพเจ้า แฝงไว้ด้วยความยึดติด แปลกประหลาดไม่ธรรมดา
ส่วนตำหนักขบถจันทร์คือสมบัติล้ำค่าที่สุดของเจ้าเหนือหัว ยิ่งเป็นสมบัติแดนสงครม อีกทั้งยังแฝงเจตจำนงก่อนตายของเจ้าเหนือหัว พลานุภาพไร้เทียมทาน
ระลอกคลื่นที่เกิดขึ้นจากการปะทะกันของพวกมัน แผ่ขยายไปทั้งแผ่นดินราวกับลมพายุโดยมีที่นี่เป็นศูนย์กลาง ทำให้ท้องฟ้าปั่นป่วน แผ่นดินสั่นสะเทือน
ด้านนอกคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดหน้าเปลี่ยนสี จักรพรรดิตำหนักบนท้องฟ้าสีหน้าก็ยิ่งเคร่งขรึม เขาอยากสนับสนุนคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ แต่กลับไม่มีวิธี
สิ่งนี้ มีเพียงบุตรเทวะที่สามารถควบคุมได้อย่างแท้จริง ปลดผนึกมัน สำแดงสภาวะสุดท้ายออกมา
ส่วนเขาที่เป็นจักรพรรดิตำหนัก อาศัยความศรัทธาของตนเอง รวมกับวิชาพิเศษบางอย่างส่งผลกระทบกับคราบร่างก่อนเป็นเทพ แต่ก็ทำได้แค่ปล่อยออกไปเฉยๆ เท่านั้น ไม่มีคุณสมบัติในการปลดผนึก
เดิมที ไม่จำเป็นต้องปลดผนึกเพื่อสำแดงสภาวะสุดท้าย ก็ทำให้แผนการครั้งนี้สำเร็จลุล่วงได้
แต่ต่อให้เป็นจักรพรรดิตำหนัก เขาก็คิดไม่ถึงว่าแผนการของตนจะเรียกรัฐทายาทออกมาไม่ได้ แต่กลับกำเนิดเจ้าตำหนักขบถจันทร์ขึ้นมาแทน!
นี่เกินกว่าที่เขาคาดการณ์เอาไว้
ดังนั้น คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่จึงถูกยันออกไปเรื่อยๆ หลังจากที่อาณาเขตใหญ่ขึ้น ก็หดม้วนกลับมาอย่างรวดเร็ว เผยให้เห็นเทือกเขาทนทุกข์ที่ถูกกลืนกินไปแล้วกว่าครึ่ง!
สรรพชีวิตแห่งเทือกเขาทนทุกข์ ได้เห็นเดือนเห็นตะวันอีกครั้ง
ส่วนกระจกขบถจันทร์ เมื่อไม่มีการจำกัดของคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ ก็พลันปะทุขึ้น ปกคลุมท้องฟ้ารัศมีหมื่นจั้งทันที บังม่านฟ้าสีชาด ปกคลุมทะเลเลือด
กระจกด้านในนั้นปั่นป่วน ภูเขาตำหนักขบถจันทร์เปล่งแสงวูบวาบ
ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดที่อยู่ระหว่างฟ้าดินจ้องมองทุกอย่างนี้ ต่างใจสั่นสะท้าน ส่วนจักรพรรดิตำหนักทางนั้น ดวงตามีจิตสังหารกระพริบวูบ
“สังหารผู้บำเพ็ญขบถจันทร์ให้หมด!”
เมื่อเสียงเปล่งออกมา ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดเหนือทะเลเลือดทุกคนก็ระเบิดพลังบำเพ็ญและจิตสังหารออกมา พุ่งไปที่กระจกบนฟากฟ้าจะสังหาร
จากสถานการณ์ ต่อให้คราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ถูกบีบให้ล่าถอย แต่พลังของทั้งสองฝ่ายก็ยังแตกต่างกันมาก
ยามนี้ด้านนอกประตูใหญ่โถงตำหนักสูงสุดตำหนักขบถจันทร์ สวี่ชิงที่ยืนอยู่ข้างนายกอง สีหน้าราบเรียบ ไม่ลนลาน เขาหลับตาลงสัมผัสข้อมูลที่ปรากฏขึ้นในสมองหลังจากที่กลายเป็นเจ้าตำหนักขบถจันทร์
ชั่วอึดใจ สวี่ชิงก็ลืมตาขึ้น ส่งเสียงราบเรียบออกมา
“ด้วยชื่อของตำหนักขบถจันทร์ ขอช่วงชิงอำนาจรองเจ้าตำหนักหนึ่งและรองเจ้าตำหนักห้า
“ลงโทษผู้ทรยศ
“และพรรคพวก ผนึกในทะเลสาบกระจก”
เมื่อสวี่ชิงเปล่งเสียงออกไป ร่างของรองเจ้าตำหนักหนึ่งและรองเจ้าตำหนักห้าก็สั่นเทิ้ม แสงจกรูปสลักหม่นหมองลงอย่างรวดเร็ว กลิ่นอายก็พลันเบาบางลง
ราวกับถูกพลังไร้รูปร่างวูบหนึ่ง ทำให้ทุกอย่างเบางบางเจือจางทันที
ราวกับคำกล่าวสวี่ชิงเป็นประกาศิต คำกล่าวของเขาตัดสินได้ทุกสิ่ง
รองเจ้าตำหนักหวนสู่อนัตตาทั้งสองก็ตื่นตะลึงและโกรธแค้น ขณะที่ตกใจก็มีความไม่ยินยอม จึงคำรามออกมา ต่างพุ่งออกไปหาสวี่ชิงและนายกอง คิดจะร่วมมือกับด้านนอกสยบสังหารสวี่ชิง
แต่พริบตาที่พวกเขาพุ่งออกมา ร่างกายของพวกเขาก็ถูกผนึกอย่างรวดเร็ว กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งสองรูปในพริบตา ความว่างเปล่าใต้เท้าปรากฏผิวน้ำเป็นระลอกๆ ท่วมกลืนพวกเขาจนหายไป
และที่กลายเป็นรูปสลักน้ำแข็งจมหายไปด้วยกัน ยังมีผู้บำเพ็ญที่เป็นพรรคพวกของพวกเขาด้วย
เห็นทุกอย่างกับตา ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ต่างเกิดความเคารพศรัทธาในใจ พาก้มหน้าลง
สวี่ชิงกวาดตามอง เสียงสะท้อนก้องต่อ
“ด้วยชื่อของตำหนักขบถจันทร์ สะกดอาการบาดเจ็บ สะกดคำสาปทั้งหมด ขยายพลังชีวิต เปลี่ยนเคราะห์ความตาย!”
เมื่อเขากล่าวออกมา ภูเขาตำหนักขบถจันทร์ก็สั่นไหวอีกครั้ง เหมือนเป็นการตอบแทนบุญคุณเขาและนายกองก่อนหน้านี้ พลังที่ตำหนักขบถจันทร์สะสมมานับไม่ถ้วนหลายปี ระเบิดออกทันใด ทะลักเข้าไปในร่างกายผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ทุกคน
ท่ามกลางเสียงครืนครัน อาการบาดเจ็บทั้งหมดของผู้บำเพ็ญขบถจันทร์นับหมื่นคนในตอนนี้ถูกสะกดทันที คำสาปที่ปะทุขึ้นมาทั้งหมดก็ถูกสะกดลงไปเช่นกัน
“ปลดผนึกขบถจันทร์ ปลดปล่อยพลังต่อสู้บรรพกาล หากตายก็จะถือกำเนิดใหม่ในตำหนักขบถจันทร์ ไม่ตายไม่แตกสลาย!”
สวี่ชิงดวงตาเปล่งประกาย คำกล่าวที่สะท้อนก้องนี้ ทำให้ทั้งตำหนักขบถจันทร์ครืนครัน รูปสลักทั้งหมดเริ่มระเบิดพลังออกมา ได้รับการสนับสนุนจากตำหนักขบถจันทร์!
ร่างของรูปสลักที่เหมือนเป็นการจำแลงร่างนอกร่างกาย และเป็นดั่งชุดเกราะ กล่าวจากแก่นแท้ ทุกรูปสลักเป็นความคุ้มครองของตำหนักขบถจันทร์ส่วนหนึ่ง แฝงพลังที่น่าครั่นคร้ามของตำหนักขบถจันทร์เอาไว้
ยามนี้ขณะที่สวี่ชิงปลดผนึกขบถจันทร์ หลังจากปลดปล่อยพลังนี้แล้ว รูปสลักแต่ละรูปในที่แห่งนี้ก็ระเบิดพลังต่อสู้ที่น่าครั่นคร้ามออกมาฉับพลัน กลิ่นอายสั่นสะเทือนลมเมฆ
“สังหาร!”
สวี่ชิงคำรามเสียงต่ำ รูปสลักเหล่านี้แผ่กลิ่นอายบรรพกาลออกมา มาพร้อมกับเจตจำนงขบถจันทร์ของตัวเอง มาพร้อมความเคียดแค้นทั้งหมดพุ่งออกไปที่กระจก ประหัตประหารผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดที่เข้ามา
มหาสงครามใหญ่ ปะทุขึ้นแล้ว
ส่วนวิญญาณศัสตราที่แปรมาจากตำหนักขบถจันทร์ก็เดินออกมา พุ่งไปที่จักรพรรดิตำหนัก
ชั่วขณะหนึ่ง เกิดการสังหารที่น่าตื่นตกใจ เสียงวิชากึกก้องแสบหู
สวี่ชิงเงยหน้า มองสนามรบโลกภายนอก เอ่ยขึ้นช้าๆ
“อภัยโทษผู้บำเพ็ญที่ล้มเหลวในยุคนี้เป็นกรณีพิเศษ!”
เมื่อเขากล่าวออกไป เบื้องหน้าก็ปรากฏระลอกคลื่น รูปสลักน้ำแข็งเผ่าต่างๆ ปรากฏออกมา ในนี้มีร่างจริงของนายกองอยู่ด้วย
ด้วยการอภัยโทษของสวี่ชิง รูปสลักน้ำแข็งเหล่านี้แตกร้าวทันที กลิ่นอายน่าครั่นคร้ามอย่างยิ่งระเบิดออกมา