ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 685 องค์ท่าน ออกมาแล้ว
บทที่ 685 องค์ท่าน ออกมาแล้ว
การลงมือของจักรพรรดิตำหนัก เคลื่อนฟ้าย้ายดินจับลมจับเงา รัศมีอำนาจทรงพลัง อานุภาพของเตรียมสู่เทวะสำแดงออกมา
การโต้กลับของนายกอง อวัยวะภายนอกและภายในของชาติที่แล้ว รูปลักษณ์แปลกประหลาดอย่างยิ่ง พลังอำนาจจากชาติก่อนสั่นคลอนจิตวิญญาณ
โดยเฉพาะฝ่ายพระจันทร์สีชาด พวกเขาแทบทุกคนล้วนเคยเห็นแขนขาและอวัยวะที่น่ากลัวเหล่านี้มาแล้ว รู้ว่าพวกมันปกติคอยแบกรับตำหนักเทพลอยไปมา เป็นอาวุธของตำหนักพระจันทร์สีชาดขณะออกสู่โลกภายนอก
ทุกชิ้นแฝงแรงกดดันที่น่าครั่นคร้ามเอาไว้
ในนี้ยังมีอวัยวะที่สวี่ชิงเคยเห็นขณะอยู่ที่ทะเลเพลิงสวรรค์ตอนนั้นด้วย
ที่ผ่านมา ผู้คนในแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราคาดเดาที่มาของอวัยวะและแขนขาเหล่านี้อยู่บ้าง แต่จะอย่างไร พวกเขาก็ไม่อาจจินตนาการได้ว่าอวัยวะเหล่านี้จะเป็นร่างชาติที่แล้วของผู้บำเพ็ญที่อยู่แค่ระดับปราณก่อกำเนิดผู้นั้น!
ถึงอย่างไร ช่วงเวลาที่นายกองอยู่ก็ห่างจากปัจจุบันเป็นยุคสมัย ซึ่งผ่านมานานแสนนาน ดังนั้นผู้คนในยุคสมัยนั้นของเขา ตอนนี้อาจจะยังมีชีวิตอยู่บ้างและหาได้ยากมากแน่นอน
ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงในแต่ละฉากนี้ ทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งสองฝ่ายตกตะลึง ใจสั่นสะท้านกันหมด
โดยเฉพาะยามนี้ จากความคุ้มคลั่งในดวงตาของเอ้อร์หนิว ปากขนาดใหญ่ที่เขาจำแลงออกมาบนท้องฟ้า ปกคลุมมาทางจักรพรรดิตำหนักราวกับจะกลืนกินปฐพีฉับพลัน
น้ำลายปริมาณมาก หลั่งไหลออกมาจากในปาก พร่างพรมลงมาราวกับสายฝน
น้ำลายเหนียวข้น ย้อยหยดลงมาบนพื้น ตัวมันแฝงฤทธิ์กัดกร่อนเข้มข้น ยิ่งมีความสามารถในการผนึก ก่อตัวเป็นม่านขึ้นมาเอง พุ่งเป้าไปที่ทุกสิ่ง
เมื่อจักรพรรดิตำหนักเห็นเช่นนี้ก็หน้าเปลี่ยนสี ในใจเขากระวนกระวายอย่างรุนแรง กำลังจะโต้กลับ ทว่าพริบตาต่อมาจู่ๆ เจ็บปวดรุนแรงก็แล่นมาที่ดวงตาทั้งคู่ของเขาอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
ขณะที่เจ็บปวดรุนแรง การร่ายเวทของเขาถูกขัดจังหวะ โลกเบื้องหน้าเปลี่ยนไป ขณะที่เลือนรางไปหมด ยังมีเงานับไม่ถ้วนจำแลงขึ้นในความขมุกขมัวแว้งกัดเขา
หน้าตาเงาเหล่านั้นคือนายกอง
เห็นสิ่งเหล่านี้ จักรพรรดิตำหนักก็สีหน้ามืดครึ้ม
“ดวงตาคู่นี้ ต่อให้เคยเป็นของผู้อื่นจริง ทว่ามันบัดนี้เป็นของข้า!”
จักรพรรดิตำหนักแค่นเสียงขึ้นจมูก ถอยหลัง ไม่สนใจความเจ็บปวดรุนแรงของดวงตา กระตุ้นพลังบำเพ็ญ สั่นสะสะท้านด้านนอกอย่างรุนแรง แสงสีทองเปล่งออกมาจากตัวเขาทันที แผ่ขยายครืนครันออกไป กลายเป็นตราประทับนับไม่ถ้วน ผสานรวมกันอย่างรวดเร็ว
และในระหว่างนี้ เลือดก็ไหลออกมาจากดวงตาทั้งสองของเขา ขณะเดียวกันในตาดำ ก็ปรากฏใบหน้าหนึ่งขึ้นมา
ใบหน้านี้เป็นของนายกองนั่นเอง
เขากำลังยิ้มด้วยรอยยิ้มแปลกประหลาด และในตาดำของใบหน้านี้ ก็ยังมีใบหน้าทับซ้อนกันอยู่มากมายนับไม่ถ้วน เห็นเพียงว่าใบหน้าทั้งหมด เหมือนกำลังแย้มรอยยิ้มแปลกประหลาดออกมา
และการปรากฏของใบหน้าเหล่านี้ ทำให้จักรพรรดิตำหนักครืนครันไปทั้งร่าง พลังวิเศษถูกขัดจังหวะ กระทั่งร่างกายยังเกิดการหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง
แต่เขาถึงอย่างไรก็เป็นจักรพรรดิตำหนัก แม้จะไม่ทราบที่มาที่ไป อีกทั้งพลังบำเพ็ญกับร่างกายก็ประกอบกันขึ้น ทว่าในเสี้ยวขณะนี้ ปากของเขายังคงเปล่งคำสาปออกมา
“นิมิตมงคลของเทพเจ้า หุบเหวการลงทัณฑ์ ภูตผีปีศาจ จงกลับสู่ยมโลก!”
ขณะที่พูด แสงสีทองทั่วร่างจักรพรรดิตำหนักก็ยิ่งเจิดจ้า ยามนี้ตราประทับที่กระจายอยู่ด้านนอกเหล่านั้นรวมตัวกันเสร็จแล้ว กลายเป็นแรดสีทองขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
แหงนหน้าคำราม ขณะที่ฟ้าดินครืนครัน แรดสีทองตัวนี้ก็พลันพุ่งไปยังปากขนาดใหญ่บนฟากฟ้า
เสียงบึ้มดังขึ้น ปากขนาดใหญ่กัดลงมาที่ตัวแรด ในเสียงกร๊อบที่ดังออกมา ร่างกายแรดตัวนี้แข็งแกร่ง ปากขนาดใหญ่ชาติที่แล้วของนายกองจึงกัดต่อไปไม่ได้
ถือโอกาสนี้ แสงสีทองทั่วร่างจักรพรรดิตำหนักเจิดจ้าขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้รวมกันที่ตาทั้งสอง ทำให้ใบหน้าที่ปรากฏในดวงตาทั้งสองนั้นบิดเบี้ยวทันที
ใบหน้าเหล่านั้นเหมือนสู้ไม่ไหว สลายไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางแสงสีทอง และกลิ่นอายของจักรพรรดิตำหนักก็ยิ่งบริสุทธิ์ขึ้นจากการที่ดวงตาทั้งสองค่อยๆ ชำระล้าง สถานการณ์ใกล้จะพลิกกลับ
นายกองแค่นหัวเราะ
“เป็นแค่โจรซุ่มซ่อนที่ประกอบขึ้นมาแท้ๆ!”
เขายกสองมือขึ้นพลันโบกลงมา ปากก็ส่งเสียงคำราม
“ร่างกายชาติก่อน ก่อร่างตราประทับ รวมกับยังร่างนี้ ผนึกชีวีสะกดวิญญาณ!”
“ศีรษะ ใบหน้า แขนขา ลำตัว อวัยวะภายใน…จงไป!”
ทั่วร่างนายกองเปล่งแสงสีน้ำเงินพร่างพราย กลายเป็นทะเลแสงสีน้ำเงิน ยกมือขวาขึ้นทำปางมือ ชี้ไปที่จักรพรรดิตำหนัก
ร่างกายรวมถึงอวัยวะชาติที่แล้วทั้งหมดของเขาพลันครืนครันขึ้นมาในเสี้ยวนี้ พุ่งไปหาจักรพรรดิตำหนักอย่างรวดเร็ว ประชิดในพริบตาด้วยแรงกดดันน่าครั่นคร้าม รัศมีอำนาจประดุจสายรุ้ง
ส่วนจักรพรรดิตำหนักยามนี้ที่กำลังต่อต้านกับดวงตาทั้งคู่ของตน ใจสั่นสะเทือนกับภาพนี้ วิกฤตเป็นตายปรากฏขึ้นในใจอีกครั้ง ในช่วงวิกฤตสำคัญ ร่างกายของเขาระเบิดแตกสลาย กลายเป็นแสงสีทอง พลันม้วนกลับเหมือนคิดหนี
ทว่าพริบตาต่อมา หลี่เซียวซานที่ไม่รู้ว่าหลุดจากการพัวพันกับองครักษ์เลือดตั้งแต่เมื่อไร ก้าวมาที่นี่ เงื้อดาบยาวในมือ จิตสังหารในดวงตารุนแรง ฟาดดาบลงมา
ดาบนี้ตัดสะบั้นความว่างเปล่ากลายเป็นรอยแตกร้าว และราวกับแม่น้ำดาราปรากฏขึ้นพลัน ฟันสะกดไป
ฟ้าดินครืนครัน
สะบั้นลงไปบนแสงสีทอง
หลี่เซียวซานกระอักเลือด ดาบนี้เขาทุ่มกำลังทั้งหมดลงไป จึงถูกสะท้อนกลับอย่างรุนแรง ร่างกายแหลกเละ เลือดเนื้อเหวอะหวะไปทั้งร่าง ขณะที่ถอยหลังก็หายใจรวยริน ล้มลงกับพื้น
แต่ดาบนี้ของเขามีประโยชน์ไม่น้อย แสงสีทองถูกสะบั้นขาด ด้านในมีเสียงกรีดร้องดังออกมา แสงสีทองผืนนั้นก็ชะงักค้างกลางอากาศ
และพริบตาที่ชะงักค้างนี้ อวัยวะของนายกองก็ผสานกันอย่างรวดเร็ว สิ่งแรกที่มาถึงก่อนคือแขนขา
แขนขาทั้งสี่ของนายกองชาติที่แล้วเลือนรางลงในพริบตา ผสานเข้าไปในร่างจักรพรรดิตำหนัก จากนั้นก็เป็นอวัยวะภายใน ลำคอ ลำตัว ศีรษะ หู จมูก…
สุดท้ายคือปากขนาดใหญ่บนฟากฟ้า ตอนนี้กัดเกราะคุ้มกันสีทองจนฉีกขาด กลืนจักรพรรดิตำหนักลงไป ผสานรวมกับเขา
ทุกอย่างกล้วแล้วเหมือนยาวนาน แต่ที่จริงเกิดขึ้นในชั่วสะเก็ดไฟเท่านั้น เพียงพริบตา ร่างกายชาติที่แล้วทุกส่วนของนายกองก็หายไป ทั้งหมด…ผสานอยู่ในร่างกายจักรพรรดิตำหนักเรียบร้อย
ตอนนี้ ลำตัว แขนขา อวัยวะภายในรวมถึงศีรษะแลเใบหน้าของจักรพรรดิตำหนัก ทั้งหมดทั้งมวลเป็นร่างกายชาติที่แล้วของนายกอง
ดวงตาของเขาก็เช่นกัน แสงสีน้ำเงินพลันเจิดจ้าขึ้น ครืนครันไปทั่วสารทิศ ทำให้ฟ้าดินพร่างพรายด้วยแสงสีน้ำเงิน
ที่น่าตกตะลึงที่สุดคือรูปร่างหน้าตาของเขา จากการถูกแทนที่ด้วยร่างนายกองชาติที่แล้วในตอนนี้ รูปร่างหน้าตาเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง สุดท้ายก็กลายเป็นหน้าตาเหมือนกับนายกองไม่ผิดเพี้ยน
ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมโหมเมฆทะลัก ภาพนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดรอบๆ ทั้งหมดเกิดความพรั่นพรึงและความไม่อยากเชื่อ
ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วนที่จดจ้องมา จักรพรรดิตำหนักที่ถูกร่างชาติที่แล้วของนายกองแทนที่ กลิ่นอายของเขาจึงผันผวน ไม่มั่นคงอย่างยิ่ง เหมือนกำลังดิ้นรน แต่ร่างกายกลับทำได้เพียงยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อน
“ดวงตาของข้า จะถูกควบคุมง่ายๆ เช่นนั้นได้อย่างไร
“บอกความจริงกับเจ้าหน่อยแล้วกัน ตอนที่ข้าเกิดในทุกชาติภพก็ลงผนึกต้องห้ามให้กับร่างกายตนทุกวัน บางครั้งก็หลอมร่างกายตัวเองเล่น ผนึกต้องห้ามกับการหลอมเหล่านี้สะสมกันนานวันเข้า เมื่อถึงช่วงหลังขนาดตัวข้าเองก็ยังหวาดกลัว
“และร่างกาย ก็คืออาวุธเวทที่แข็งแกร่งที่สุดของข้า!
“วันนี้ใช้ร่างชาติที่แล้วร่างเดียวรับมือกับเจ้าก็พอ แต่ถ้าเจ้ายังดิ้นรน เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะอัญเชิญร่างในชาติก่อนๆ ทั้งหมดมาบี้เจ้าให้ตายได้!”
น้ำเสียงนายกองเย่อหยิ่ง มองจักรพรรดิตำหนักที่ถูกร่างกายชาติที่แล้วของตนแทนที่ และคำพูดของเขาก็ดึงดูดความสนใจของสวี่ชิง สำหรับความสำเร็จของศิษย์พี่ใหญ่แล้ว เขาไม่รู้สึกเกินคาดแต่อย่างใด
ถึงอย่างไรนายกองก็เตรียมการมานานมากๆ เพื่อวันนี้
แต่ที่ทำให้สวี่ชิงรู้สึกแปลกใจก็คือนายกองเคยชินกับหลอมร่างกายลงผนึกต้องห้าม…
สวี่ชิงจึงกวาดตามองร่างกายชาตินี้ของนายกอง
“ผนึกต้องห้ามของชาตินี้ยังน้อยไปหน่อย ถึงอย่างไรทุกครั้งที่ทำการใหญ่ก็มักจะแขนขาขาด ตอนนี้จึงหลอมเสร็จแค่ศีรษะ” เมื่อเห็นสายตาสวี่ชิง นายกองก็เดาความคิดสวี่ชิงออก กระแอมออกมา
สวี่ชิงทำสีหน้าแปลกประหลาด พยักหน้าให้ จากนั้นก็มองจักรพรรดิตำหนักที่ไม่ขยับเขยื้อน
“ตรงนั้น…”
“ไม่ต้องสนใจ วิญญาณของเจ้าโจรซุ่มซ่อนนี้ไม่ธรรมดา แต่ก็เลิกคิดเรื่องที่จะหนีจากการผนึกของร่างข้าในชาติที่แล้วได้เลย รอให้ร่างชาติที่แล้วของข้าค่อยๆ หลอม ถึงตอนนั้นก็จะถูกข้าควบคุม!”
นายกองมือไพล่หลัง สีหน้าภาคภูมิใจเสียเต็มประดา
และทั้งสองฝ่ายบนสนามรบ ยามนี้สถานการณ์ก็กลับตาลปัตร การพ่ายแพ้ของจักรพรรดิตำหนักทำให้ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดพากันใจสลาย มีไม่น้อยที่เริ่มถอยหนี ไม่ยอมเข้าร่วมสงครามต่อ
กลับกันทางด้านผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ รัศมีอำนาจประดุจสายรุ้ง ทุ่มกันสุดกำลังเพื่อความหวัง อิสรภาพและอนาคต
เมื่อเห็นว่าทุกอย่างพัฒนาไปในทางที่ดี ทว่าตอนนี้เอง การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นกะทันหัน
เสียงอึกทึกที่ดังกว่าทัณฑ์สวรรค์เสียงหนึ่ง ดังออกมาจากในรอยแยกคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ เสียงอึกทึกนี้ ราวกับจะเบิกฟ้า เสี้ยวขณะที่ดังออกมาก็กลายเป็นคลื่นเสียงคุ้มคลั่ง
ทุกที่ที่พาดผ่าน ผู้บำเพ็ญตำหนักขบถจันทร์ล้วนกระอักเลือดกันหมด มีไม่น้อยที่กายเนื้อแตกสลายลงทันที
ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดก็เช่นกัน ร่างแตกสลายไปภายใต้คลื่นเสียงนี้ แตกดับทั้งร่างกายจิตวิญญาณ
ทั้งสองฝ่ายถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ออกห่างจากคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่
สวี่ชิงเองก็หน้าเปลี่ยนสี พลันหันหน้าไปมองคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ที่ดังขึ้นพร้อมๆ กับนายกอง
รอยแตกหลายทาง แผ่ลามไปตามพื้นผิวคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่อย่างรวดเร็ว แสงสีเลือดหลายสาย พุ่งออกมาจากรอยแตกสาดส่องไปทั่วทิศ ขณะเดียกันคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ก็แตกสลาย
ท่ามกลางเสียงครืนครัน คราบร่างก่อนเป็นเทพแตกกระจายเป็นชิ้นๆ ร่างห้าร่างด้านในถอยหนีออกมา พวกรัฐทายาทนั่นเอง
สีหน้าของพวกเขาเคร่งขรึมถึงที่สุด แต่ละคนบาดเจ็บ โดยเฉพาะองค์หญิงห้ากับผู้อาวุโสแปด มุมปากยังมีเลือดซึมออกมา ขณะที่จิตสังหารในดวงตาแผ่ซ่านออกมาก็มีการสั่นสะท้าน
ส่วนรัฐทายาท หน้าอกของเขายุบลงไป บริเวณหัวใจมีรูขนาดใหญ่ บาดแผลไม่อาจสมานคืนได้ เพราะด้านใน…ไม่มีหัวใจอยู่แล้ว
องค์หญิงหมิงเหมยสีหน้าปั้นยาก อาการบาดเจ็บของนางก็ไม่เบา
มีเพียงผู้อาวุโสเก้าที่ยังดูดี เจตจำนงต่อสู้ในดวงตาร้อนแรง คอยคุ้มครองพวกพี่น้องของตนอยู่ด้านหลัง
“ถอยออกไป องค์ท่านจะออกมาแล้ว!”
ขณะที่ถอย ออกมา จู่ๆ ผู้อาวุโสเก้าก็เอ่ยขึ้น
พริบตาที่เสียงของเขาดังออกมา ในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ที่แตกสลายไป จู่ๆ เลือดมหาศาลด้านในก็โหมซัด คล้ายว่าด้านในเชื่อมกับทะเลือด และตอนนี้ทะเลเลือดก็ทะลักออกมาจากด้านใน หลั่งไหลลงบนรูปปั้นเจ้าเหนือหัว ลงสู่พื้น กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
กลิ่นอายที่น่าครั่นคร้ามยิ่งกว่าพวยพุ่งออกมาจากด้านใน
นั่นไม่ใช่กลิ่นอายของผู้บำเพ็ญ แต่เป็นคลื่นพลังของเทพเจ้า ม่านฟ้ากลายเป็นสีเลือดอีกครั้ง แผ่นดินก็เช่นกัน
จากนั้น ท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วนที่จับจ้อง ร่างเงานี้ก็ชัดเจนขึ้นในคราบร่างก่อนเป็นเทพของชื่อหมู่ เดินเหยียบกระแสเลือดออกมาด้านนอกทีละก้าวอย่างไม่รีบไม่ร้อน
จากการเดินมา แรงกดดันที่ทรงพลังอย่างยิ่งระเบิดออกมา ทำลายโลกภายนอกพินาศย่อยยับ สั่นสะเทือนฟ้าดิน ทุกสารทิศพร่าเลือน เกิดไอพลังประหลาด
สิ่งนี้คือ การจุติของเทพเจ้า!