ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 701 เจ้าจินตนาการอดีตของข้าไม่ออกหรอก (1)
บทที่ 701 เจ้าจินตนาการอดีตของข้าไม่ออกหรอก (1)
พริบตาที่ความคิดผุดขึ้นมา เหนือทะเลแสงจันทร์ ฝ่ามือสีเลือดขนาดยักษ์ก็เชื่อมกับฟ้าดิน ฟาดหวีดหวิวมาหาทุกคน
รวดเร็วมาก หอบม้วนสรรพสิ่งในพริบตา ประชิดเบื้องหน้าเหล่ารัฐทายาท
ส่วนภรรยาชาติที่แล้วจากปากของนายกอง ยังคงไม่มา
สวี่ชิงมองด้านนอกประตู ความเด็ดขาดในดวงตาฉายวาบ เขาไม่รู้ว่าหลังจากภาพในผลึกวารีสีม่วงปรากฏออกมาจะเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้เหล่ารัฐทายาทคล้ายจะไร้กำลังต้านทาน เขาทำได้แค่ช่วยเหลือสุดกำลังเท่านั้น
ทว่าพริบตาที่ผลึกวารีสีม่วงในร่างกายสวี่ชิงเปล่งแสงวูบวาบ เหล่ารัฐทายาทต่างก็สำแดงไม้ตายของตัวเองออกมา กลิ่นอายบรรพกาลแต่ละวูบ พวยพุ่งออกมาร่างพวกเขา
“เสด็จพ่อ!” รัฐทายาทคำรามเสียงต่ำ เสียงแบบเดียวกันยังดังออกมาจากปากของพวกองค์หญิงหมิงเหมยด้วย
ทันใดนั้นรูปสลักเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่าใต้ดาวพระจันทร์สีชาดก็สั่นไหวทันที
เจตจำนงฟื้นคืนชีพรุนแรงยิ่งขึ้น กระทั่งเปลือกตาของรูปสลักก็สั่นสะเทือนในยามนี้ คล้ายจะลืมตาขึ้นมา
พ่นลมหายใจออกมาจากในปาก ปกคลุมดาวพระจันทร์สีชาดอย่างรวดเร็ว ทะลักเข้าไปในวังจันทรา เหมือนกำลังสนับสนุนลูกหลานของตน
ดังนั้นในวังจันทรา กาลเวลากะพริบวูบ กฎเกณฑ์มาเยือน แสงกระบี่น่าครั่นคร้าม พลังของเหล่ารัฐทายาทกันจนกลายเป็นเงาโลกหกใบ ปะทะกับฝ่ามือสีเลือดนั่น
เสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดิน พลันดังสนั่นด้วยพลังอำนาจถล่มฟ้าทลายพสุธา
โลกใบใหญ่ทั้งหก แต่ละใบแห้งเหี่ยว
รัฐทายาทกระอักเลือด เกราะสงครามนอกร่างองค์หญิงหมิงเหมยแตกสลาย ผู้อาวุโสแปดเลือดเนื้อเหวอะหวะไปทั้งตัว กระบี่ผู้อาวุโสเก้าแหลกสลายไปอีกครั้ง เลือดไหลรินออกมาจากมุมปากเช่นเดียวกัน
แต่เลือดของพวกเขาไม่ได้ซ่านกระเซ็นไปรอบๆ ทว่ารวมตัวกัน ผสานกับลมหายใจเจ้าเหนือหัวที่พวยพุ่งเข้ามาในที่แห่งนี้ กลายเป็นนิ้วมายาขนาดยักษ์นิ้วหนึ่ง
นิ้วนี้แผ่กลิ่นอายน่ากลัวออกมา ออกแรงกดไปที่ฝ่ามือเบื้องหน้า
พระจันทร์สีชาดสั่นสะเทือน วังจันทราสั่นไหว ฝ่ามือสีเลือดนั้นพลันหยุดชะงัก กระจกขบถจันทร์บนนั้นส่งเสียงปริแตกลอดออกมาทันที จากนั้นก็เสียงเพล้งสะท้อนก้อง กระจกขบถจันทร์แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นเศษกระจกมากมาย กระจายไปรอบทิศ
การแตกสลายของมัน ส่งผลกระทบกับฝ่ามือพระจันทร์สีชาด
ฝ่ามือยักษ์นี้แตกเป็นชิ้นๆ เช่นกัน นิ้วทั้งห้าถูกชิ้นกระจกบาดจนขาด ร่วงลงพื้นทีละชิ้น ส่งเสียงครืนครันออกมา กลายเป็นทะเลเลือดอีกครั้ง
ฝ่ามือก็เป็นเช่นนี้ ชั่วพริบตาก็ถูกแยกส่วน เสี้ยวขณะที่ทยอยร่วงลงไป โลกในวังจันทราก็แทนที่ด้วยเศษกระจกนับไม่ถ้วน
พวกมันล่องลอยอยู่ทั่วสารทิศ น่าสยดสยองอย่างยิ่ง
ส่วนเหล่ารัฐทายาท แต่ละคนก็คล้ายไฟตะเกียงใกล้มอดดับ หน้าซีดขาว ส่วนจางซืออวิ้นที่อยู่ไกลออกไป ยามนี้สองนิ้วที่เขาล้วงเข้าไปในคอ ก็คว้าเส้นใยเส้นสุดท้ายได้แล้ว กำลังดึงออกมาช้าๆ
เห็นเป็นเช่นนี้ ผู้อาวุโสเก้าก็สูดลมหายใจลึก ดวงตาเขาคมปลาบในพริบตา กลิ่นอายเย็นเยียบปะทุขึ้น ยืนตัวตรงราวกับกระบี่คมเล่มหนึ่งที่ชักออกมาจากฝัก
สายตาของเขาจับจ้องที่จางซืออวิ้น ยกมือขวาขึ้นช้าๆ เศษกระจกขบถจันทร์รอบๆ ถูกเขาควบคุมจนหมุนวนระหว่างฟ้าดิน และพุ่งออกมาจากร่างเงาผู้อาวุโสเก้าทั่วทุกมุม
ทันใดนั้น บนเศษกระจกนับไม่ถ้วนในแสงจันทร์นี้ ล้วนสะท้อนร่างของผู้อาวุโสเก้าเอาไว้
บัดนี้ผู้อาวุโสเก้านับไม่ถ้วนยกมือขวาขึ้น ดวงตะวันจันทราดวงดาราผุดขึ้นมา เส้นใยกฎเกณฑ์ผุดขึ้นมาเป็นทางๆ ส่วนบนบ่าเขาพริบตานี้ก็มีแสงกะพริบวูบวาบ ก่อโลกใบใหญ่สองใบขึ้นมา
โลกที่แบกอยู่บนบ่า พริบตาที่ปรากฏ ก็เริ่มลุกไหม้
ขณะที่เปลวเพลิงไร้ที่สิ้นสุดลุกลามออกไป ก็เห็นสรรพชีวิตทั้งหมดในโลกใบใหญ่ทั้งสองใบล้วนยกมือขวาขึ้น ในมือปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งออกมาได้
ปราณกระบี่ของเขาควบรวมกัน ท่วมท้นโลก และเอ่อล้นไปทั้งร่างผู้อาวุโสเก้า สุดท้ายก็รวมกันบนมือขวาของเขา และก่อตัวเป็น…กระบี่เล่มหนึ่งตรงนั้น!
เมื่อกระบี่ปรากฏขึ้น ฟ้าดินก็เปลี่ยนสี
และไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสเก้าที่นี่ที่เดียว ในเศษกระจกขบถจันทร์นับไม่ถ้วนนั้น ทุกชิ้นสะท้อนร่างที่ถือกระบี่ของเขาไว้ ตอนนี้ทั้งหมดชูกระบี่ขึ้น หันไปมองจางซืออวิ้น
นิ้วของจางซืออวิ้นที่ล้วงเข้าไปในคอชะงัก เงยหน้าขึ้น สีหน้าฉายแววเคร่งขรึม มองไปทางผู้อาวุโสเก้า
พริบตาที่สายตาทั้งคู่ประสานกัน จางซืออวิ้นก็โบกมือซ้าย ทะเลแสงจันทร์โหมกระหน่ำขึ้นอีกครั้ง ฝ่ามือสีเลือดที่ก่อตัวขึ้นใหม่ ซัดไปทางผู้อาวุโสเก้า
ส่วนผู้อาวุโสเก้าตอนนี้ก็เอ่ยเสียงขรึม
“ฟาดฟัน!”
แค่คำเดียว พริบตาที่เปล่งออกมา กระบี่ในมือเขาก็วาดลง ในโลกใหญ่ที่แบกอยู่บนบ่า กระบี่ของสรรพชีวิตก็วาดลงมา เงาในกระจกขบถจันทร์ทั้งหมดฟาดฟันพร้อมกัน
หนึ่งกระบี่สะท้านฟ้า หมื่นกระบี่สะเทือนเทพเจ้า
ในเศษกระจกขบถจันทร์ทุกชิ้นเปล่งแสงกระบี่ออกมาในพริบตานี้ หลังจากที่รวมกัน ก็ก่อกระบี่ขนาดยักษ์ที่สั่นสะเทือนฟ้าดินเล่มหนึ่งออกมา
แสงกระบี่นี้เจิดจ้าพร่างพราย แฝงพลังไร้เทียมทานเอาไว ฟาดฟันไปทางจางซืออวิ้นฉับพลัน
สายลมโหมเมฆหลั่งทะลัก โลกครืนครัน มิติพังทลาย
นี่เป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุดของผู้อาวุโสเก้า ประกอบกับการสนับสนุนของเศษกระจกขบถจันทร์ พลังอำนาจของมันก็ระเบิดตามมา ขณะที่หวีดหวิวก็ปะทะกับฝ่ามือสีเลือดตรงๆ
ฝ่ามือครืนครัน ขณะที่สั่นสะท้านอย่างรุนแรง นิ้วทั้งห้าก็งองุ้ม คล้ายจะกำกระบี่ยักษ์เอาไว้
แต่พริบตาต่อมา ฝ่ามือเขาก็ทานรับไม่ไหว สลายไปกลายเป็นฝนเลือด นิ้วมือทั้งห้าที่ร่วงลงมาก็โดนคลื่นซัด แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ แต่ละชิ้นส่งเสียงอื้ออึง แปรเป็นหมอกเลือดหอบม้วนไปรอบทิศอย่างแรง
ส่วนพลังของกระบี่นี้ยังไม่สลายหายไป หลังจากทำลายฝ่ามือ รัศมีอำนาจประดุจสายรุ้งก็ประชิดเบื้องหน้าจางซืออวิ้นด้วยพลังทำลายล้าง ยามที่วาดลงมา ร่างของจางซืออวิ้นเซถอย ดอกพลับพลึงใต้เท้าแบ่งบานอย่างรวดเร็ว สกัดกั้นเบื้องหน้า
เสียงครืนครันดังสนั่นจากวังจันทราออกไปถึงดาวพระจันทร์สีชาด
ดอกพลับพลึงสีเลือดแปลกประหลาดนั้นยังไม่อาจต้านทานพลังกระบี่ได้ หลังจากปะทะก็สลายไป ถูกแสงกระบี่สะบั้นเป็นชิ้นๆ
แต่สุดท้ายมันก็ยังลดทอนลพังส่วนหนึ่งของกระบี่ ขณะที่กระจายออกไปรอบด้าน แสงกระบี่ก็ฟาดลงมาเบื้องหน้าจางซืออวิ้น จางซืออวิ้นยกมือซ้ายขึ้นดันไปด้านหน้า
ขณะที่ดันไปด้านหน้านี้ เขาสั่นสะท้านไปทั้งตัว เสื้อผ้าฉีกขาดรุ่งริ่ง ผมปลิวกระเซอะกระเซิง ความว่างเปล่าด้านหลังพังทลาย ร่างเซถอยหลังไปต่อเนื่อง กระทั่งฝ่ามือยังเกิดรอยร้าวขึ้น เลือดสีทองกระฉูดออกมา
จนถอยหลังไปห้าก้าว จางซืออวิ้นก็หยุดลง เงยหน้าขึ้นมอง
“กระบี่นี้ น่าทึ่งจริงๆ”
ขณะที่เขาเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว แสงกระบี่เบื้องหน้าฝ่ามือเขาก็หม่นหมองลง ค่อยๆ สลายหายไปท่ามกลางสายตาของทุกคน
ทุกคนเงียบนิ่ง สายตาก็หมองหม่นพร้อมแสงกระบี่
สังหารเทพ ราวกับเป็นเรื่องน่าขบขันเรื่องหนึ่งจริงๆ
หลังจากจางซืออวิ้นกล่าวจบ เขาก็ค่อยๆ ดึงมือขวาออกมาจากในคอ เส้นใยเส้นหนึ่งถูกสองนิ้วคีบออกมา
นี่คือเส้นใยเส้นสุดท้ายในร่างองค์ท่าน เมื่อโดนดึงออกมา สองนิ้วนั้นก็บีบเบาๆ และเส้นใยเส้นนี้ก็สลายไปทันที กลายเป็นฝุ่นผง
มองทุกคน สีหน้าจางซื้ออวิ้นกลับมาสงบลงอีกครั้ง ขณะที่โบกมือดอกพลับพลึงแดงที่กระจายเป็นชิ้นๆ ก็กลับคืนมาอยู่บนชุดของเขา กลายเป็นภาพสัญลักษณ์เหมือนการปักดิ้น
จากนั้นเขาก็ก้าวออกมาก้าวหนึ่ง
เมื่อเหยียบย่าง ไม่มีผู้ใดขวางไว้ได้ แม้แต่เหล่ารัฐทายาทก็ถอยหลังไปอย่างเร็วรี่ แต่ยังยากจะหลบเลี่ยง ชั่วพริบตา จางซืออวิ้นก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าองค์หญิงห้า
แตะนิ้วลงไป
องค์หญิงห้าเจ็บปวดรวดร้าว ตอนนี้เองผู้อาวุโสแปดที่บาดเจ็บสาหัสก็หัวเราอย่างน่าสังเวท อารมณ์ทั้งร่างสลายไป เจ็ดอารมณ์หกปรารถนาปะทุขึ้นมาบนร่างกลายเป็นแสงห้าสี สำแดงวิชาประหลาดออกมา
พริบตาที่นิ้วของจางซืออวิ้นแตะลงมา ร่างของตนกับน้องหญิงห้าก็สลับตำแหน่งกัน
องค์หญิงห้าหายไปในชั่วพริบตา ร่างของผู้อาวุโสแปดปรากฏขึ้นตรงนั้น ขณะที่จ้องมองจางซืออวิ้นอย่างโกรธแค้น นิ้วของจากซืออวิ้นก็แตะลงที่หน้าผากผู้อาวุโสแปด
สัมผัสเบาๆ
ความตายของผู้อาวุโสแปด ทำให้เหล่ารัฐทายาทโกรธเกรี้ยว อยากจะขวาง แต่จางซืออวิ้นในยามนี้ไม่มีทางได้รับผลกระทบ ร่างขององค์ท่านไหววูบ ขณะที่ก้าวเท้าก็มองข้ามสรรพสิ่งทั้งหมด ปรากฏตัวเบื้องหน้าองค์หญิงห้าอีกครั้ง
“เพราะอนาคตถูกปิดผนึกเทพเจ้าเอาไว้ จึงตายที่นี่ไม่ได้ แต่ว่า…ข้าก็เป็นเทพเจ้าเช่นกัน”
จางซืออวิ้นเอ่ยเสียงแผ่วเบา จะแตะนิ้วลงไปอีกครั้ง
รัฐทายาทคำรามโหยไห้ สีหน้าองค์หญิงหมิงเหมยโศกเศร้า ผู้อาวุโสเก้าแตะไปที่หน้าผากกระชากเอากระบี่เล่มสุดท้ายในชีวิตเขาออกมา ทั้งสามคนพุ่งตัวเข้าหาจางซืออวิ้น
จางซืออวิ้นสีหน้าเรียบเฉย จู่ๆ ก็หมุนคอหันหน้าไปครึ่งรอบ มองสามคนที่ตรงเข้ามาอย่างเฉยชา เปล่งออกมาเบาๆ
“หนึ่ง สอง สาม”
เมื่อเสียงดังออกมา พลังพันธนาการมหาศาลวูบหนึ่ง ปกคลุมมาอย่างไร้รูปร่าง
ร่างของรัฐทายาททั้งสามต่างชะงักไป เคลื่อนไหวไม่ได้
มีเพียงผู้อาวุโสเก้าที่เลือดไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ยังฝืนพุ่งออกมา แต่นิ้วของจางซืออวิ้น ตอนนี้สัมผัสไปบนหน้าผากองค์หญิงห้าแล้ว
ทว่าตอนนี้เอง จางซืออวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ดึงมือขวากลับมาทันที ถอยออกไปทันควัน
เสี้ยวขณะที่เขาถอยหลัง ร่างขององค์หญิงห้าก็เลือนราง กลายเป็นผ้าคลุมสีดำผืนหนึ่ง
จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่ซ่อนตัวอยู่นั่นเอง
องค์ท่านหวาดกลัวชื่อหมู่มาก ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงไม่ได้ลงมือมาตลอด ต่อให้จางซืออวิ้นจะบาดเจ็บด้วยกระบี่นั้นของผู้อาวุโสเก้าก็ตาม องค์ท่านก็ยังระมัดระวังไม่ยอมปรากฏตัว
ทว่าตอนนี้ องค์ท่านลงมือแล้ว
เพราะองค์ท่านเห็นประโยชน์ขององค์หญิงห้า และรู้ว่าจางซืออวิ้นจะสังหารองค์หญิงห้าไปทำไม
องค์ท่านจึงไม่ยอมให้เขาทำต่อ
นี่ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือพวกรัฐทายาท แต่เพื่อกินชื่อหมู่ได้อย่างแท้จริง
ดังนั้นหลังจากปรากฏตัว ในดวงตาบนนั้น ก็มีปากขนาดยักษ์อ้าไปทางจางซืออวิ้นที่ถอยหนีอย่างโหดเหี้ยม
เสียงกึกดังขึ้น ปากยักษ์กัดพลาด
แต่ยังไม่จบ ผ้าคลุมสีดำนี้พุ่งออกไปในพริบตา ไม่สนใจอำนาจเทพและพลังของจางซืออวิ้น ห่อหุ้มร่างของเขาไว้ด้านในทันที
ขณะเดียวกัน เหล่ารัฐทายาทที่จางซืออวิ้นละสายตาไป จึงหลุดจากพันธนาการ ร่วมมือกับผู้อาวุโสเก้า พุ่งไปทางจางซืออวิ้นเพื่อสังหาร
แต่ไม่นานนัก รัฐทายาทและองค์หญิงหมิงเหมยก็ถอยกลับมา กระบี่ผู้อาวุโสเก้าที่เต็มไปด้วยเลือดก็เกิดรอยร้าว ถอยกลับมาเช่นกัน ส่วนจางซืออวิ้น…
องค์ท่านที่ถูกผ้าคลุมสีดำคลุมไว้ แสงสีเลือดกะพริบวูบวาบออกมาจากทั่วร่างติดต่อกันเก้าครั้ง เสียงกรีดร้องดังออกมาจากผ้าคลุมสีดำ ผ้าคลุมนี้กลายเป็นสีเลือดอย่างเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
ดวงตาด้านใน ลอยขึ้นไปอย่างรวดเร็วคิดจะหลบหนี แต่จากเสียงกลืนน้ำลายที่ดังออกมา จางซืออวิ้นก็เปลี่ยนระดับเสียง ดังก้องไปทั่วสารทิศ
“เมื่อครู่ได้กลิ่นหอมของเจ้า คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะซ่อนตัวได้นานเพียงนี้ ตอนนี้ถึงได้เพิ่งออกมา”
ดวงตาของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลแข็งค้าง พริบตาต่อมา กวานหนามปรากฏขึ้นบนศีรษะ ใบหน้าในนั้นลืมตาขึ้นพร้อมกัน สีหน้าฉายแววทุกข์ทรมานและคาดหวัง มองไปทางดวงตาจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล
แล้วสะกด