ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 701-2 อดีตของข้าเจ้าจินตนาการไม่ออกหรอก (2)
บทที่ 701-2 อดีตของข้าเจ้าจินตนาการไม่ออกหรอก (2)
ดวงตาของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลเลือนรางลงทันที องค์ท่านถึงอย่างไรก็เคยเป็นตัวตนที่รวบรวมแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ให้เป็นหนึ่ง เผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้ องค์ท่านไม่มีอาการลนลานเลยแม้แต่น้อย หลังจากมองจางซืออวิ้นลึกๆ ผาดหนึ่ง ตนเองก็พังทลายลงเสียงดังตูม แปรเป็นเลือดเนื้อ
และจังหวะที่พังทลาย ร่างของจางซืออวิ้นก็ปรากฎการเปลี่ยนแปลงขึ้นมา
แผลบนคอที่เดิมทีฟื้นฟูมาแล้วฉีกขาดออกมา ขณะที่ลามไปครึ่งตัว บาดแผลบนแขนขวาขององค์ท่านที่เข้าสกัดกระบี่ผู้อาวุโสเก้าก่อนหน้านี้ ก็ระเบิดตามมาเช่นกัน ลามกว้างไปยังครึ่งตัวที่เหลือ
พอเป็นเช่นนี้ จางซืออวิ้นทั้งเนื้อตัวจึงอาบไปด้วยเลือดสด อาการบาดเจ็บของเขาราวกับบาดเจ็บหนัก ดูเหมือนแขนขามีแววจะหลุดขาดออกจากกันด้วย
นี่คือพลังอำนาจของจักรพรรดิวิญญาณบรรพกาล!
ภายใต้สายตานี้ การบาดเจ็บเล็กน้อยจะกลายเป็นบาดเจ็บหนัก การเจ็บหนักทั้งหมดจะกลายเป็นความตาย
ส่วนพลังของเขาเองก็สูงเพียงพอ ดังนั้นต่อให้เป็นจางซืออวิ้นพอมาเจอกันที่นี่ ชั่วขณะหนึ่งก็ไม่อาจะสะกดไว้ได้เช่นกัน
มองไกลๆ จางซืออวิ้นตอนนี้ดูซมซานอย่างที่สุด อาการบาดเจ็บก็หนักหนาสาหัส แต่ในปากเขายังคงมีน้ำลายหยดย้อย มองตรงไปยังความว่างเปล่าผืนหนึ่ง หัวเราะขึ้นมา
“เจ้าจะต้องอร่อยมากแน่ๆ”
ขณะที่พูด จางซืออวิ้นที่ยับเยิน จู่ๆ ก็หันหน้ามองไปทางองค์หญิงหมิงเหมย
ด้านหลังองค์หญิงหมิงเหมย ความว่างเปล่าบิดเบี้ยว แม่น้ำกาลเวลาถูกฝืนให้ปรากฏออกมา และเห็นร่างขององค์หญิงห้าอยู่ด้านใน พร้อมกับผู้อาวุโสแปดที่ตายแล้ว ตอนนี้ภายใต้การประทานพรขององค์หญิงห้า กำลังฟื้นคืนชีพอยู่
“ที่แท้ นางก็ถูกเจ้าซ่อนไว้ที่นี่นี่เอง”
“ไม่เป็นไร ตอนนี้พวกเจ้าถือว่าอยู่กันพร้อมหน้าแล้ว”
ขณะที่จางซืออวิ้นพูดก็เก็บสายตาลง ร่างกายยับเยินลอยขึ้นอากาศ แขนที่เหวอะหวะไปครึ่งหนึ่งของเขายกขึ้น นิ้วมือกดลงไปบนหน้าผากตนเอง
ภาพเหล่านี้ คืออดีตของเขา!
ไม่ใช่ชื่อหมู่ แต่เป็นของตัวจางซืออวิ้นเอง
ช่วงแรกของภาพ คือการกำเนิดของเขา กระทั่งในนี้สวี่ชิงยังเห็นเหยาอวิ๋นฮุ่ยด้วย
นี่คือชีวิตของจางซืออวิ้น
และจุดสิ้นสุดของภาพก็ไม่ใช่ตอนนี้ แต่เป็น…เหนือท้องฟ้าแดนต้องห้ามเซียนในเขตปกครองผนึกสมุทร จังหวะที่ชื่อหมู่จุติลงมาจากท้องฟ้าสีแดงฉาน!
นับตั้งแต่นั้น โชคชะตาของจางซืออวิ้นก็เปลี่ยนไป เขาไม่ใช่ตัวเองอีกแล้ว
สัมผัสถึงอดีตของตนเอง จางซืออวิ้นสีหน้ายังคงเดิม องค์ท่านยกมือขึ้น บีบจับภาพสุดท้ายในความทรงจำ แล้วดึงมันมาวางไว้ตรงหน้า
ในภาพนั้น ท้องฟ้าสีแดงฉาน นิ้วของชื่อหมู่ดูขนพองสยองเกล้า
มองเหล่านี้ แขนของจางซืออวิ้นโบกเบาๆ ฉับพลันภาพนี้ก็สั่นสะเทือน ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาก็แผ่กว้างออกสุดภายใต้เสียงครืนครันนี้
เข้าแทนที่ท้องฟ้า แผ่ลามไปยังทะเล ปกคลุมโลกใบนี้!
ท้องฟ้า กลายเป็นสีแดงไร้ที่สิ้นสุด แผ่นดิน…กลายเป็นซากปรักหักพัง
ราวกับว่าพวกเขากลับมายังแดนต้องห้ามเซียนเขตปกครองผนึกสมุทร
กระทั่งสวี่ชิงกับนายกองที่อยู่นอกประตู ก็ยังถูกปกคลุมไว้ด้านในด้วย จิตใจพวกเขาทั้งสองคนปั่นป่วน มองรอบๆ ที่คุ้นเคยนี้ ต่างฝ่ายต่างสีหน้าเปลี่ยนไป
สวี่ชิงไม่มีทางลืม ที่นี่คือสถานที่ที่เขาเจอชื่อหมู่เป็นครั้งแรก
ตอนนั้นจางซืออวิ้นที่ถูกชื่อหมู่สิงร่าง ต่อสู้กับเทพเจ้ากระดูกปลาของแดนต้องห้ามเซียน หรือพูดให้ถูกก็คือ นั่นไม่ใช่การต่อสู้ แต่เป็นการกินอาหาร
ตอนที่ใกล้จะจบ เทพเจ้ากระดูกปลาอัญเชิญเจ้านายขององค์ท่าน เทพชั้นสูงจิ่วโยวตนนั้น
และต่อมา…ร่างเดิมของชื่อหมู่ก็จุติ
ปัจจุบัน ฉากนี้กำลังก่อตัวขึ้นใหม่อีกครั้ง ความผันผวนบนท้องฟ้า ขณะที่สีชาดแผ่กระจายยังเห็นได้ว่ามีรอยแยกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากผสานเข้าด้วยกัน ก็กลายเป็นอักขระนับไม่ถ้วนกำลังส่องสว่าง
ทั้งท้องฟ้าในจังหวะนี้ กลายเป็นสีแดงเข้ม หมุนวนขึ้นมาเอง เร็วขึ้นเรื่อยๆ ท้ายสุดจึงแปรเป็นกระแสวนสีเลือดวงหนึ่ง
พระจันทร์ดวงหนึ่ง ลอยวับแวมอยู่ด้านในกระแสวน
นั่นคือพระจันทร์สีชาด!
ฉากนี้แปลกประหลาดขีดสุด พวกของสวี่ชิงอยู่บนพระจันทร์สีชาดแท้ๆ แต่ตอนนี้พอเงยหน้า กระแสวนที่สายตาเห็น ก็ยังมีพระจันทร์สีชาดอยู่เช่นกัน
เหนือพระจันทร์สีชาด มีรูปปั้นในท่าคุกเข่าปิดตาทั้งสองรูปหนึ่งตั้งตระหง่าน
บัดนี้ สองมือของรูปปั้นนั้นค่อยๆ วางลงมา
มุมปากของมันยกขึ้น เผยความตะกละตะกรามออกมา
นี่คือร่างเดิมของชื่อหมู่!
โลกลั่นครืนครัน ในภาพความทรงจำของจางซืออวิ้น ชื่อหมู่ในอดีต เวลานี้ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เดินออกมาจากในกระแสวนนั้น
จากการเดินออกมาขององค์ท่าน เลือดสดมากมายมหาศาลสาดออกมาจากในกระแสวน ห่างชั้นเกินกว่าพลานุภาพเทพของจางซืออวิ้นไปไกลโข ยิ่งใหญ่ขีดสุด จุติลงมาจากฟ้า
ต่อหน้าองค์ท่าน กระทั่งมหาขั้นเตรียมสู่เทวะก็ยังไม่มีคุณสมบัติจะลงมือ
เหล่ารัฐทายาท ร่างกายลั่นครืนครัน เพียงแค่การสัมผัสของกลิ่นอาย ต่างฝ่ายต่างก็ถอยกลับออกมา
จังหวะนี้ ความตายปกคลุมสรรพสิ่ง
ความห่อเหี่ยวกลายเป็นนิรันดร์
การเน่าเปื่อยไม่อาจหวนกลับ
มิอาจต่อต้าน ไม่อาจต้านทาน
ในช่วงสำคัญ นายกองจู่ๆ ก็ยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนี้ดูโหดเหี้ยม ในดวงตาคุ้มคลั่ง
“ในเมื่อพึ่งพาอดีตภรรยาไม่ได้ เช่นนั้นก็ต้องพึ่งพาตัวเองแล้ว!”
ขณะที่พูด นายกองก็เปล่งแสงสีน้ำเงินทั้งตัว ใบหน้าในดวงตาซ้อนทับกันเข้ามา บนตัวก็ปรากฏปากจำนวนมหาศาลในพริบตา ทั่วร่างดูแปลกประหลาดอย่างที่สุด ขณะเดียวกันตัวของเขาก็ลอยขึ้น
สองแขนกางออก ทานรับพลานุภาพเทพที่มาจากชื่อหมู่ ร่างกายเน่าสลายลงต่อเนื่อง
และพอยิ่งเจ็บปวด ยิ่งเน่าสลาย ความคุ้มคลั่งในตานายกองก็ยิ่งรุนแรงขึ้น เวลานี้อ้าปากทั้งหมดออก เปล่งเสียงคำรามออกมา
“อดีตชาติ!”
เสียงเขาสะท้อนก้อง ก่อตัวเป็นอัสนีสวรรค์ แสงน้ำเงินระเบิด กลายเป็นทะเลแสงเจิดจ้าขึ้นในพริบตา ซากศพร่างหนึ่ง เดินออกมาจากในแสงน้ำเงิน
นี่เป็นร่างของจักรพรรดิตำหนัก ถูกร่างอดีตชาติของนายกองปกคลุมผสานจนก่อร่างออกมาในที่สุด
จังหวะที่ปรากฏ นายกองสีหน้าเหี้ยมเกรียม คำรามเสียงต่ำ
“ศิษย์น้องเล็ก ข้าสู้ตายแล้ว!”
ขณะพูด ร่างของเขาไหววูบ ตัวของเขาผสานเข้าไปในร่างอดีตชาติ
พริบตาต่อมา ร่างอดีตชาติของเขาสองตาเบิกโพลง พลังบำเพ็ญมหาขั้นเตรียมสู่เทวะระเบิดโถมฟ้า และยังมีความผันผวนที่น่ากลัวปะทุขึ้นภายใน ขณะที่เลือนรางด้านหลังเขาก็ปรากฏเงามายาของยุงขนาดยักษ์ตัวหนึ่ง
ยุงตัวนี้แผ่ความชั่วร้าย สองตาก็เป็นสีน้ำเงิน ยิ่งแผ่ความตะกละตะกรามออกมา
หลังจากก่อตัว อดีตชาตินายกองก็โยกตัวฉับพลัน พุ่งไปยังชื่อหมู่ที่เดินออกมาจากกระแสวน
ทุกจุดที่แล่นผ่าน ปราณเย็นเยียบสั่นฟ้าสะเทือนดิน น้ำแข็งเข้ามารวมปกคลุมทั้งตัวรวมถึงเงามายาด้านหลังเขา ดังนั้นชั่วพริบตานี้ รูปปั้นน้ำแข็งยุงตัวหนึ่งจึงก่อตัวขึ้นกลางอากาศ พุ่งเข้าไปในกระแสวน ตรงไปยังชื่อหมู่
ฉากนี้ เหล่ารัฐทายาทที่เห็นก็ทยอยกันเปลี่ยนสีหน้า
เพียงแต่…อดีตชาติของนายกองขณะที่ต้านทานกับชื่อหมู่นั้นล้มเหลว ต่อให้เป็นการระเบิดเช่นนี้ก็ยังห่างชั้นอยู่ไม่น้อย ดังนั้นพริบตาต่อมา จากสายตาของชื่อหมู่ที่กดลง รูปปั้นน้ำแข็งยุงที่แปรจากอดีตชาตินายกอง ก็พังทลายลงในพริบตา
แต่ร่างอดีตชาตินายกองที่อยู่ภายใน ภายใต้การควบคุมของชาติปัจจุบัน แน่นอนว่ายังต้องมีวิธีการอื่นอยู่อีก ชั่วพริบตา ร่างอดีตชาตินายกองจึงแยกชิ้นส่วนออกจากกัน
กลายเป็นหนอนสีน้ำเงินจำนวนนับไม่ถ้วน
หนอนเหล่านี้แต่ละตัวมีปีกของยุงงอกออกมา ไม่เพียงมีแค่ปากของยุง แต่ยังมีปากที่ดุร้ายขนาดใหญ่อีกด้วย พุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่งจากกลางอากาศที่ชื่อหมู่อยู่
และมีหนอนส่วนหนึ่งพ่นใยออกมาอย่างรวดเร็ว หลังจากก่อตัวเป็นผมเส้นหนึ่ง พวกมันก็กระจายไปบนผมเส้นนี้แล้วรวมตัวเป็นรูปร่างโครงประตู
ประตูไม้บรรพกาลบานหนึ่ง ถูกฝืนจำแลงออกมา
จากนั้นหนอนเหล่านี้ก็กัดฉีกทึ้งอย่างแรงที่บานประตู
ประตูไม้ปรากฏการพังทลายลงในชั่วพริบตา ด้านในมีเสียงคำรามต่ำลอดออกมา
ทั้งหมดนี้พูดแล้วเหมือนยาวนาน แต่อันที่จริงเกิดขึ้นเพียงชั่วจังหวะสะเก็ดไฟเท่านั้น
หนอนสีน้ำเงิน ส่วนหนึ่งพุ่งไปทางชื่อหมู่ อีกส่วนหนึ่งรวมตัวเป็นประตูไม้ อีกส่วนหนึ่งกัดกินมัน
ทั้งหมดนี้ ในที่สุดก็ทำให้ชื่อหมู่ในภาพอดีตเท้าชะงัก
แต่ก็แค่ชะงักเท่านั้น จากนั้นก็พอก้าวอีกครั้งฟ้าดินก็เปลี่ยนสี ทั้งหมดทั้งมวล ล้วนกำลังสลายหายท่ามกลางการจุติขององค์ท่าน!
หนอนสีน้ำเงินที่เข้าไปใกล้ ส่งเสียงกรีดร้องแหลม สลายเป็นฝุ่นควันหมด
หนอนที่รวมเป็นประตูไม้ก็เช่นกัน แต่ตัวประตูไม้ยังคงอยู่ เสียงคำรามต่ำด้านใน กลายเป็นเสียงอัสนีบาตใหม่ของโลกผืนนี้ ระเบิดครืนครัน
ทว่าตัวตนในประตูยังไม่ปรากฏ ท่ามกลางการต่อต้าน องค์ท่านกลับเลือกอำพรางตัว ประตูไม้ทั้งบานเลือนรางลงอย่างรวดเร็วเหมือนจะจากไป
และตอนนี้เอง ท้องฟ้าสะเทือนเลือนลั่น เพียงพอที่จะทำให้เทพเจ้าทั้งหมดสั่นสะท้าน การเปลี่ยนแปลงครืนครันของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ กำลังควบรวมอยู่ในใจสวี่ชิง!
เขาในตอนนี้อยู่บนพื้นดิน อยู่ในมุมหนึ่งที่ไม่สะดุดตา ไม่คู่ควรให้เอ่ยถึง
แต่ในใจเขา ลมพายุกำลังก่อตัว!
จังหวะที่ศิษย์พี่ใหญ่บอกจะสู้ตาย สวี่ชิงนำประสาทสัมผัสเทพของตนเองจมดิ่งลงไปในผลึกวารีสีม่วง ผสานเข้าไปในภาพแรกสุด
ในภาพนั้น คือการลืมตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า
เขาไม่รู้ว่าถ้าสำแดงมันออกมาจะเกิดอะไรขึ้น แต่ตอนนี้ สวี่ชิงตัดสินใจเด็ดขาด และจากการผสานประสาทสัมผัสเทพของเขา จากการควบคุมของผลึกวารีสีม่วง ภาพนั้นก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆ
และภาพก็ค่อยๆ คลุมทั้งหมดของผลึกวารีสีม่วง ขยายไปในร่างกายสวี่ชิง จนกระทั่ง…ปรากฏออกมาด้านนอกร่างกายเขา!
จังหวะที่ปรากฏ มีสายลมวูบหนึ่งพัดขึ้นที่นี่
เสียงเหมือนระฆังลม พัดไหวขึ้นมาในโลกที่พังทลายนี้
มิติที่ถูกภาพความทรงจำของจางซืออวิ้นปกคลุม สั่นไหวอย่างรุนแรงขึ้นมาภายใต้สายลม พื้นดินเปลี่ยนแปลงไปในพริบตา
ซากปรักหักพังแดนต้องห้ามเซียน ก็ราวกับเป็นกระดาษที่เผาไหม้ พอถูกลมพัดก็กลายเป็นแดนรกร้างผืนหนึ่ง
ที่นี่ไม่ใช่แดนต้องห้ามเซียนอีกต่อไป แต่กลายเป็นเมืองเล็กที่เปล่าเปลี่ยว มีแต่ความตาย เงียบงันเมืองหนึ่ง
ท้องฟ้าก็เปลี่ยนไปตามสายลมเช่นกัน น้ำฝนสีแดงร่วงหล่นลงมาทีละหยดๆ แต่กลับไม่เกี่ยวข้องกับอำนาจพระจันทร์สีชาดแต่อย่างใด โลกทั้งใบเลือนราง บิดเบี้ยว
สรรพสิ่งดูเหี่ยวเฉา
เท้าของชื่อหมู่ชะงัก องค์ท่านกำลังสั่นเทา
ประตูใหญ่ที่คิดจะหนีไป ตอนนี้ก็แข็งทื่อ เสียงคำรามด้านในหายไปแล้ว องค์ท่านเองก็กำลังสั่นเทาเช่นกัน
บนพื้นดิน เหล่ารัฐทายาทก็สั่นเทาด้วย
และมีเสียงสั่นพร่าเสียงหนึ่งสะท้อนก้องขึ้นในความว่างเปล่า
เสียงนี้ มาจากจางซืออวิ้น
และการสั่นเทาทั้งหมดนี้ ต้นกำเนิดของมัน…อยู่บนฟากฟ้า
ที่นั่น ตัวตนสูงสุดผู้สะกดแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ที่กระทั่งเทพเจ้าก็ยังต้องนอบน้อม
นั่นเป็นเสี้ยวหน้าหนึ่ง
ปกคลุมทั้งโลก ใบหน้ามนุษย์อันยิ่งใหญ่ที่ปกคลุมสรรพชีวิต
เสี้ยวหน้าปิดดวงตาที่เย็นชา สูงส่ง มีเพียงเส้นผมที่เหี่ยวเฉาบางส่วนห้อยลงมา
ราวกับว่าด้านล่างขององค์ท่าน สรรพชีวิตล้วนเป็นแค่มดปลวก และยิ่งดูเหมือนสัตว์ที่ตื่นจากจำศีล ปรากฏการณ์การเติบโตของสรรพสิ่ง ล้วนถูกมันส่งผลกระทบจนต้องเปลี่ยนแปลง
และตอนนี้ องค์ท่าน…ลืมตาขึ้นมาแล้ว