ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 706 ไยเจ้าจึงไม่เรียกให้ข้ามาเร็วกว่านี้
บทที่ 706 ไยเจ้าจึงไม่เรียกให้ข้ามาเร็วกว่านี้
บนท้องฟ้า การต่อสู้ระหว่างเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่าและชื่อหมู่ยังคงดำเนินไปด้วยวิธีเหมือนกับภาพนามธรรมในสัมผัสรับรู้ของคนทั้งหลายต่อไป แต่ในใจสวี่ชิงกำลังซัดโหมอย่างรุนแรง
‘เซียน…เจ้าเหนือหัว…พสุธาแดนดิน…นภาเจิดจรัส…อาณาจักรเทวะ…’
คำพูดของนายกองเหมือนสายฟ้าแต่ละทางที่แลบปลาบในทะเลความรู้สึกของสวี่ชิง เกิดเป็นระลอกคลื่นเป็นชั้นๆ หอบม้วนไปในสมองของเขา
เรื่องราวเหล่านี้ ก่อนหน้านี้สวี่ชิงไม่เคยได้ยินมาก่อน เขารู้แค่จากในตอนที่สัมผัสรับรู้แท่นประหารเซียนตอนนั้นว่า ชื่อหมู่และเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่าไม่ใช่คนของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ พวกเขามาจากโลกที่ถูกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์จัดอยู่ในต้องห้าม
ตรงนั้นมีชื่อว่านภาเจิดจรัสจริงๆ
และได้รู้เรื่องมากมายเช่นนี้จากนายกองทางนั้น ต่อให้เป็นสวี่ชิงที่คุ้นชินกับความลึกลับของนายกองแล้ว ตอนนี้ก็ยังต้องสูดลมหายใจลึก
“ศิษย์พี่ใหญ่ ไยท่านจึงรู้ความลับมากมายเช่นนี้”
นายกองคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
“ศิษย์น้องเล็ก ข้าบอกไปแล้วว่าเป็นตำนาน เจ้าคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องจริงหรอกกระมัง”
สวี่ชิงเงียบนิ่ง มองนายกองผาดหนึ่ง
“ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านอยู่มากี่ชาติแล้ว”
นายกองกะพริบตาปริบๆ เห็นสวี่ชิงเป็นเช่นนี้ ในใจของเขาเกิดความรู้สึกได้ใจอย่างอดไม่อยู่ แอบพูดในใจว่า ศิษย์น้องเล็กเอ๋ยศิษย์น้องเล็ก ตอนนี้รู้ถึงความร้ายกาจของศิษย์พี่ใหญ่ข้าคนนี้แล้วกระมัง
คิดถึงตรงนี้ นายกองก็กระแอมออกมาหนึ่งที เอ่ยขึ้นอย่างภาคภูมิ
“ในยามที่ไม่มีฟ้าก็มีข้าอยู่แล้ว ในยามที่ไม่มีดินข้าก็ถือกำเนิดขึ้นแล้ว”
“ศิษย์พี่ใหญ่ วันหน้าท่านอย่าคลุกคลีกับอู๋เจี้ยนอูให้มากเลย” สวี่ชิงดึงสายตากลับมา ไม่สนใจอีก ไม่ว่าเรื่องที่นายกองเล่าจะเป็นตำนานหรือไม่ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีชีวิตมากี่ชาติ นี่ความจริงแล้วล้วนไม่สำคัญ
ที่สำคัญคือตอนนี้
สวี่ชิงเงยหน้า จ้องมองศึกเทพเจ้าบนท้องฟ้า
ติดที่ความรู้ความเข้าใจและคุณสมบัติสายเลือด เขาไม่อาจมองสภาพที่แท้จริงของศึกเทพเจ้าครั้งนี้ได้อย่างชัดเจน แต่เขารู้ถึงความสำคัญและความหมายของศึกนี้
โดยเฉพาะอย่างหลัง นี่คือศึกระหว่างผู้บำเพ็ญกับเทพเจ้า สงครามเช่นนี้ ผู้บำเพ็ญมากมายตลอดทั้งชีวิตก็ไม่มีทางได้เห็น
ดังนั้นในใจสวี่ชิงจึงตัดสินใจเด็ดเดี่ยว ก่อนอื่นเขากระตุ้นผลึกวารีสีม่วงของตัวเอง ทำให้พลังฟื้นฟูแผ่ลามไปทั่วร่าง จากนั้นพิษต้องห้ามในร่างก็พวยพุ่งขึ้นทันที ปรากฏในดวงตาทั้งสอง
เพียงพริบตา ดวงตาทั้งสองของเขาก็ดำสนิท
ยังไม่จบแค่นั้น สวี่ชิงแผ่พลังอำนาจพระจันทร์สีชาดของตัวเอง เลือดมหาศาลไหลออกมาจากร่างของเขา วนล้อมรอบกายก่อเป็นคลื่นวนลูกหนึ่ง
ภายใต้ผลจากพลังเทพเจ้าทั้งสองประเภทนี้ สวี่ชิงตั้งสมาธิ มองไปยังท้องฟ้า
การมองไปครั้งนี้ ภาพบนท้องฟ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น!
ภาพนามธรรมเหล่านั้น ไหลวนอยู่ในดวงตาสวี่ชิงไม่หยุด เหมือนดอกไม้บานสะพรั่งแบบนั้น หลังจากที่แผ่ลามออกไปอยู่ตลอด สีสองสีในนั้นก็เกิดการหลอมผสาน
การผสานนี้เหมือนดำเนินไปนานมาก แต่ก็เหมือนเป็นเพียงแต่เสี้ยวพริบตา
จากนั้นภาพในดวงตาสวี่ชิงก็รางเลือนไปหมด ท่ามกลางความรางเลือนเขามองเห็นเงาร่างหนึ่งได้รางๆ!
นั่นคือหลี่จื้อฮว่า
เขายังคงรูปร่างมนุษย์เอาไว้ กำลังต่อสู้กับชื่อหมู่ การลงมือทุกครั้งราวหยิบเอากฎเกณฑ์แต่ละข้อๆ ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มาโจมตีสังหารชื่อหมู่
วิถีสวรรค์เหมือนเตาหลอม มอบกำลังรบไม่ขาดสายมาให้หลี่จื้อฮว่า
อีกทั้งการต่อสู้ของพวกเขาไม่ได้เกิดอยู่บนท้องฟ้าเพียงแถบเดียว แต่อยู่ในผืนฟ้านับไม่ถ้วน การลงมือพร้อมกันก่อให้เกิดภาพที่เหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของพระจันทร์สีชาดที่อยู่ใต้สายตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าทุกประการ
ยิ่งมีอาวุธต้องห้ามเป็นเล่มๆ พุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วรอบๆ ทุกเล่มล้วนมาพร้อมด้วยพลังทำลายฟ้าดิน มาพร้อมด้วยจิตทำลายล้างสังหาร พุ่งตรงไปหาชื่อหมู่
ในยามที่สอดประสาน รูปร่างของอาวุธต้องห้ามเหล่านี้ก็เกิดการเปลี่ยนแปลง พวกมันไม่เป็นร่างอาวุธอีกต่อไป แต่กลายเป็นเงาร่างแต่ละร่างๆ ที่ลักษณะเทียบเคียงได้กับเทพเจ้า
เหมือนว่าพวกมันในอดีตก็คือเทพเจ้า
ตอนนี้ถูกผนึก ถูกควบคุมขับเคลื่อน!
การต่อสู้เช่นนี้ดูเหมือนง่าย แต่สวี่ชิงสามารถสัมผัสได้ว่านี่เป็นขีดจำกัดสูงสุดด้านความรู้ความเข้าใจของตัวเองในตอนนี้แล้ว บางที นี่อาจจะไม่ใช่การต่อสู้ที่แท้จริง การต่อสู้ที่แท้จริง ด้วยความสามารถในการทนรับของเขาในตอนนี้ ต่อให้เห็นเพียงแค่เสี้ยวขณะกายและวิญญาณก็จะแตกสลาย
แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่เห็นเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่าลงมือด้วยตาตัวเอง ระลอกคลื่นอารมณ์มหาศาลที่นำมาให้สวี่ชิงก็เรียกได้ว่าเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจของเขาไปโดยสิ้นเชิง
‘ที่แท้กฎเกณฑ์วิถีสวรรค์ควบคุมขับเคลื่อนเช่นนี้ได้ด้วย นี่ก็สอดคล้องว่าในสมบัติลับของผู้บำเพ็ญระดับสมบัติวิญญาณทำไมวิถีสวรรค์จึงเหมือนกับเตาหลอม ความจริงแล้ว…ในมือของผู้บำเพ็ญระดับขั้นที่สูงขึ้นไป วิถีสวรรค์บรรพกาลของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ก็เป็นเตาหลอมเช่นเดียวกัน
‘ก่อนหน้านี้นายกองบอกว่าวิถีสวรรค์ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์เป็นคนกลุ่มนั้นในแรกเริ่มสร้างขึ้น…เช่นนั้นวิถีสวรรค์ความจริงแล้วก็เป็นของวิเศษล้ำค่าที่ผู้บำเพ็ญสร้างขึ้น!
‘ผู้บำเพ็ญจะสร้างวิถีสวรรค์ขึ้นในที่ที่ตัวเองอยู่ก่อน!
‘เช่นนั้นก็จะเข้าใจได้หรือไม่ว่าเมื่อฝึกบำเพ็ญไปจนถึงระดับหนึ่ง ก็จะต้องส่งวิถีสวรรค์ของตัวเองเข้าไปในวงโคจรของโลก…เหมือนบุตรเทวะพระจันทร์สีชาดจุดไฟเทวะแบบนั้น’
สวี่ชิงสูดลมหายใจลึก สมบัติลับข้างหลังคำรามลั่น จากความเข้าใจของเขา สมบัติลับก็ทำการปรับไปด้วย
อสูรสมุทรบรรพกาลในสมบัติลับไม่ใช่แค่เตาหลอม แต่กลายเป็นอาวุธในสมบัติลับ
และผลเก็บเกี่ยวของสวี่ชิงยังมีอย่างอื่นด้วย
‘ที่แท้อาวุธต้องห้ามมีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นด้วย รูปร่างของอาวุธต้องห้ามเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น ยังไม่ใช่แก่นที่แท้จริง!
‘แก่นแท้ของมัน…ไยจึงมีรูปลักษณ์เหมือนเทพเจ้าเหล่านั้น หรือว่า อาวุธที่ผนึกไว้ในเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิความจริงแล้วคือเทพเจ้าที่พ่ายแพ้ในสงครามเทพเจ้าครั้งนั้นในตำนานเล่าที่นายกองเล่าให้ฟัง’
ในสมองสวี่ชิงมีความรู้สึกเหมือนถูกฉีกทึ้งแผ่มา สายตาที่มองเห็น ความคิดที่รับรู้ ทุกอย่างค่อยๆ ทำให้ความสามารถในการทนรับของเขาถึงขีดจำกัด ดังนั้นทุกอย่างในดวงตา จากความรางเลือนก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นภาพนามธรรม
เสี้ยวพริบตาสุดท้ายนั่น สวี่ชิงมองไปทางชื่อหมู่ที่สู้อยู่กับหลี่จื้อฮว่า
ชื่อหมู่ไม่งดงามเลิศล้ำอย่างในอดีตอีกต่อไป
ร่างขององค์ท่านยากที่จะพรรณนา พูดง่ายๆ องค์ท่านทำให้สวี่ชิงรู้สึกเหมือนว่าเป็นร่างประกอบของรูปร่างมนุษย์กับขนนกเนื้อชุ่มเลือด
สอดประสานอยู่ด้วยกัน แปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
ยิ่งมีหนอนสีแดงเป็นตัวๆ วนล้อมอยู่รอบๆ องค์ท่าน หนอนพวกนั้นรูปลักษณ์โหดเหี้ยม กลิ่นอายน่าหวาดกลัว แผ่พลังพระจันทร์สีชาดเข้มข้น
เหมือนว่าพวกมันก็คือสัญลักษณ์ของอำนาจพระจันทร์สีชาด
บางทีอาจจะใช้คำว่าเหมือนว่าไม่ได้ ต้องใช้คำว่าอย่างแน่นอน!
เพราะทันทีที่สวี่ชิงเห็นหนอนเหล่านั้น เขาไม่เพียงแต่รู้สึกสนิทสนมคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่งเท่านั้น ยิ่งรู้สึกว่าหนอนพวกนี้เหมือนว่าในเสี้ยวขณะนี้ก็พุ่งมาหาเขาเหมือนกัน
ทันทีที่ประสานสายตา ในสมองสวี่ชิงก็มีสายฟ้าฟาด เขาเลือดไหลทั้งเจ็ดทวาร ร่างถอยหลังโซซัดโซเซ เลือดสดๆ กระอักออกมาคำแล้วคำเล่า ร่างเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว เลือดเนื้อร่วงเป็นก้อนๆ
ม่านฟ้าในสายตาของเขากลับคืนเป็นภาพนามธรรม แต่แผ่นดินที่เห็นกลับบิดเบี้ยวในทันใด
แม้แผ่นดินจะฟื้นกลับเป็นปกติ แต่ในพริบตานั้นที่เห็นทำให้สมองของสวี่ชิงมีความเจ็บปวดเหมือนถูกฉีกทึ้งอีกครั้ง ในดวงตาของเขามีเส้นเลือดนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น
‘พระจันทร์สีชาด…’
สวี่ชิงหายใจหอบถี่ มองไปยังพื้นดินใต้เท้า เขาไม่อาจลืมภาพที่เห็นเมื่อครู่ได้
ในภาพนั้น สิ่งที่ประกอบเป็นพระจันทร์สีชาดไม่ใช่ดินกับก้อนหิน แต่เป็นหนอนสีแดงนับไม่ถ้วน!
ในพริบตานั้น ดาวพระจันทร์สีชาดเป็นเหมือนรังหนอนแห่งหนึ่ง ในขณะที่หนอนสีแดงนับไม่ถ้วนก่อเป็นพระจันทร์สีชาด ในส่วนลึกของพระจันทร์สีชาดก็เหมือนมีสายตาทางหนึ่ง
สายตานั้นเย็นชา แต่ในความรู้สึกของสวี่ชิงมันมีความสนิทสนมคุ้นเคยกับตน
ส่วนรายละเอียด จากการสลายไปของความบิดเบี้ยวในเสี้ยวพริบตา จากการที่ทุกอย่างฟื้นฟู สวี่ชิงไม่อาจสังเกตได้อีก
เขาในตอนนี้โคจรผลึกวารีสีม่วง กระอักเลือดพลางฟื้นฟูไปด้วย ในยามที่พอจะฝืนให้อยู่ในระดับสมดุล การต่อสู้บนท้องฟ้าก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
คล้ายว่าตัดสินใจแล้ว คล้ายว่าได้โอกาส ประตูไม้โบราณที่เทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนอยู่จากไปแล้วกลับมาอีกครั้ง มาปรากฏบนท้องฟ้า
อีกทั้งขนาดยังใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ เหมือนติดกรอบให้กับผืนฟ้า ใช้ม่านฟ้าเป็นประตู
ตอนนี้ ผืนฟ้าปริร้าว ประตูเปิดออก!
เงาร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งก้าวออกมาจากในนั้น
เงาร่างนี้มองไปผาดแรกเหมือนคนทั่วไป แต่ผาดที่สองกลับใหญ่อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้คนเกิดความรู้สึกเหมือนภาพลวงตาขึ้นอย่างอดไม่ได้ แยกแยะขนาดขององค์ท่านไม่ออก
เห็นเพียงเศียรขององค์ท่านมีเขาเหมือนกวาง อีกทั้งยังไม่ใช่แค่เขาเดียว แต่แผ่ลามออกไปจนนับไม่ถ้วน เหมือนง่ามไม้แบบนั้น แผ่ไปยังท้องฟ้า
ที่กลางเขากวางมีดาวสีเทาดวงหนึ่ง แผ่กลิ่นอายทำลายล้าง มาพร้อมด้วยกลิ่นไอความตาย
ส่วนศีรษะมองไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิง มองออกเพียงว่าเป็นกระดูกสีเทาขนาดมหึมา บนนั้นมีถ้ำสองถ้ำ แผ่แสงเปลวไฟสีเทา ส่วนบริเวณเป็นรอยแยกกระดูกบิดๆ เบี้ยวๆ
ส่วนรูปร่างขององค์ท่านเป็นรูปร่างมนุษย์ มือทั้งสองอาบย้อมด้วยเลือดสดๆ กำลังหยดติ๋งๆ เหมือนว่าสวมถุงมือสีแดงเอาไว้
ทั่วทั้งร่างมีขนสีเทากำลังพะเยิบพะยาบ เหมือนเสื้อคลุมอยู่ทั้งร่าง มีเพียงบริเวณท้องเท่านั้นที่โผล่ออกมา นั่นเป็นถ้ำมืดถ้ำหนึ่ง ในนั้นกะพริบวิบวับด้วยแสงดาว ราวมีจักรวาลหนึ่งอยู่ในนั้น
นี่ก็คือเทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียน
เหมือนกับชื่อหมู่ รูปร่างขององค์ท่านทันทีที่ปรากฏในสายตาของพวกสวี่ชิงก็ถูกความรู้ความเข้าใจของพวกเขาเปลี่ยนไปเอง ไม่ใช่รูปร่างที่อัปลักษณ์อย่างก่อนหน้านี้อีกต่อไป แต่กลายเป็นหญิงกลางคนที่สวมชุดคลุมยาวสีเทาคนหนึ่ง
ผู้หญิงคนนี้โหนกแก้มสูง สีหน้าเย็นชา ท่าทางไร้จิตใจ แต่ต้องพูดว่ารูปโฉมเป็นเอกลักษณ์นัก บางทีในสายตาของคนบางคนองค์ท่านไม่ได้งามเลิศล้ำ แต่ในสายตาของคนอีกจำนวนหนึ่งองค์ท่านอาจจะยิ่งดูมีรสชาติ
ตอนนี้หลังจากที่ปรากฏตัว เทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนเพียงก้าวมา ก็เข้าไปในภาพนามธรรมบนท้องฟ้าทันที ในพริบตาที่ผสานเข้าไปในนั้น ภาพนามธรรมก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
สีของคลื่นวนเพิ่มขึ้นมาอีกสี นั่นก็คือสีเทา สอดประสานกับสีขาวและสีแดง ในขณะที่ต่างหมุนอย่างรวดเร็ว เงาที่ปรากฏในภาพก็เป็นสามเงา
“ภรรยาเก่าข้าเป็นพวกชอบกิน ข้าเดาไว้ว่านางจะต้องมาแน่นอน แล้วข้าก็เดาถูกจริงๆ”
นายกองถอยหลังไปสามสี่ก้าว นั่งยองๆ ข้างสวี่ชิง มองภาพบนม่านฟ้า เอ่ยอย่างได้ใจ
“เป็นอย่างไร ภรรยาเก้าของข้านับว่าสวยดีใช่ไหมเล่า”
สวี่ชิงกวาดตามองภาพ แล้วมองไปทางนายกอง ไม่พูดอะไร
ส่วนพวกรัฐทายาทที่อยู่ข้างๆ พวกเขาสีหน้าคร่ำเคร่ง ล้วนจับตามองสนามรบอยู่ตลอด และไม่สนใจเอ้อร์หนิวเช่นกัน
มีเพียงผู้อาวุโสแปดที่องค์หญิงห้าสำแดงคำอวยพรในแม่น้ำแห่งกาลเวลา ฟื้นคืนชีพออกมาอีกครั้งเท่านั้น ตอนนี้อยู่ในแม่น้ำขององค์หญิงหมิงเหมย ต่อให้อ่อนแรง แต่ก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา
“พวกเราตาไม่บอดสักหน่อย มองเห็นหน้าตาของสัตว์ประหลาดแก่นั่น เอ้อร์หนิว…เมื่อก่อนข้าไม่เคยรู้เลยว่า รสนิยมของเจ้ามันช่างแปลกเสียจริง
“สภาพแบบนี้ เจ้ายังรับได้…
“แต่ว่าข้าสงสัยเหลือเกิน โพรงถ้ำที่ท้องขององค์ท่านเป็นฝีมือเจ้าใช่หรือไม่”
ปากของผู้อาวุโสแปดไม่เคยลดความร้ายกาจลงเพราะอาการบาดเจ็บ ตอนนี้คำพูดดังออกมาดังในหูนายกอง ใบหน้าของเขากระตุกเล็กน้อย
“ท่านปู่แปด…”
นายกองมองไปทางผู้อาวุโสแปด
ผู้อาวุโสแปดคล้ายครุ่นคิด พยักหน้า
“ท่าทางจะเป็นฝีมือเจ้าจริง มิน่าเล่าก่อนหน้านี้องค์ท่านถึงได้เกลียดเจ้าขนาดนั้น เมื่อครู่ตอนที่มาก็ไม่มองเจ้าแม้เพียงผาดเดียว เอ้อร์หนิว เจ้ากระซิบบอกพวกเราหน่อยว่าเจ้ายังทำเรื่องที่ผิดต่อนางอีกใช่หรือไม่
“หากว่าส่งเจ้าไป ภรรยาเก่าเจ้าจะยิ่งดีใจ จากนั้นก็ยิ่งมีกำลังใจลงมือหรือไม่”
คำพูดของผู้อาวุโสแปดดังออกมา องค์หญิงห้าและองค์หญิงหมิงเหมยก็จ้องมองมายังนายกองทันที คล้ายว่ากำลังครุ่นคิด
นายกองสะดุ้ง รีบร้อนเอ่ยปาก
“ไม่มีๆ ความจริงข้าล้อเล่น เทพชั้นสูงเยวี่ยเหยียนไม่ใช่ภรรยาเก่าข้า ข้าก็แค่พูดไปตามปากก็เท่านั้น…”
เพื่อให้พวกผู้อาวุโสแปดเชื่อ นายกองรีบหยิบลูกท้อออกมาลูกหนึ่งแล้วกัด
“ข้าชอบลูกท้อ เถาเถาของข้ายังรอข้าอยู่ที่เขตปกครองผนึกสมุทรขอรับ”
ผู้อาวุโสแปดทำสีหน้าสงสัย รัฐทายาทที่อยู่ข้างๆ กวาดสายตามาบนร่างนายกอง
“ข้อเสนอของน้องแปดเอามาพิจารณาดูได้”
นายกองสูดลมหายใจลึก กำลังจะอธิบายต่อ ผู้อาวุโสเก้าทางนั้นก็พลันเอ่ยขึ้น
“มาอีกองค์แล้ว!”
ทันทีที่คำพูดของเขาดังออกมา ท้องฟ้าก็พลันเปลี่ยนสี เหมือนว่ามีม่านเพิ่มขึ้นมาชั้นหนึ่ง ปกคลุมมันเอาไว้
และบนม่านผืนนั้นก็มีภาพปรากฏขึ้นอีกภาพ
ไม่เหมือนกับความมืดมนก่อนหน้านี้ ภาพนี้แผ่แสงอ่อนโยนออกมา ภาพบนนั้นวาดเป็นทะเลฟ้าคราม จะเห็นว่ากลางท้องฟ้าเหนือทะเล มีปลา กุ้งนับไม่ถ้วนลอยอยู่ ทั้งยังมีวาฬลอยผ่าน งดงามเป็นอย่างยิ่ง
ในทะเลข้างล่างมีนกรับไม่ถ้วนแหวกว่าย เกิดเป็นทิวทัศน์ที่งดงามตระการตา
ส่วนระหว่างฟ้ากับทะเลมีรูปสลักเทพเจ้าองค์หนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่
รูปสลักเทพเจ้าเป็นจิ้งจอกดินเหนียวองค์หนึ่ง สวมชุดคลุมยาวสีแดง แผ่แสงสีทองสาดส่องผืนสมุทร แผ่ลามไปยังท้องฟ้า ฉายความศักดิ์สิทธิ์
เหมือนว่านายแห่งโลกใบนี้ทำให้คนเมื่อได้พบเห็นก็เกิดความเคารพนับถือ
ตอนนี้ขนตาองค์ท่านไหวสั่นแผ่วเบา ลืมตาทั้งสองอย่างช้าๆ ลุกขึ้นเยื้องย่าง มาพร้อมด้วยความงดงามและเสน่ห์อย่างมหาศาล เดินทีละก้าวๆ มาจากในภาพ
ทันทีที่ก้าวออกมา หน้าตาของท่านก็เปลี่ยนตามไปด้วย กลายเป็นหญิงสาวงดงามอรชรคนหนึ่ง
ชุดคลุมยาวสีแดงโปร่งบางปกคลุมบนเรือนร่างอรชรขาวเนียน แผ่เสน่ห์ออกมา
อกนูนสูง ขาเรียวยาว ทั้งยังมีหางที่พริ้วไหวเวลาเดิน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความงดงามชวนหลงใหล
โดยเฉพาะยามเรียวขางดงามขยับแยกอย่างแผ่วเบา วับแวมแฝงด้วยเสน่ห์เย้ายวนให้คนจิตใจคันยุบยิบ
ยิ่งรวมกับเส้นโค้งของสะโพกอันเย้ายวน บวกกับความงดงามทรงเสน่ห์เย้ายวน ทำให้คนเมื่อเห็นก็มีความทรงจำลึกซึ้ง
นี่คือผู้หญิงที่แผ่เสน่ห์ความงดงามออกมาจากในกระดูก คล้ายว่ายั่วยวนผู้ชายอยู่ทุกชั่วขณะ เหนี่ยวนำจิตใจของบุรุษ
ตอนนี้องค์ท่านเยื้องย่างออกมาจากรูปภาพ เดินเข้ามาในวังจันทรา ปรากฏตัวในฟ้าดิน และปรากฏอยู่เบื้องหน้าคนทั้งหลาย เนตรงามเพียงกวาด ไม่ได้มองไปที่ศึกเทพเจ้าเป็นอันดับแรก แต่จับจ้องมาที่ร่างของสวี่ชิง
หัวเราะเบาๆ อย่างเต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน
“น้องชายตัวแสบ นับจากที่เจ้าจากไป ชีวิตข้าก็เหลืออยู่เพียงแค่สองเรื่อง คิดถึงเจ้ากับรอเจ้า
“ไยเจ้าจึงไม่เรียกให้ข้ามาเร็วกว่านี้ ข้าเฝ้ารออยู่ตลอดเลย”
ระหว่างพูด ในดวงตาของหญิงสาวโฉมงามเลิศล้ำก็แฝงไว้ด้วยรอยยิ้ม แฝงไว้ด้วยความงดงาม แฝงไว้ด้วยเสน่ห์ยั่วเย้า ความงดงามเย้ายวนแผ่ระลอก มุมปากยกยิ้มเล็กน้อย คล้ายจะเชื้อเชิญให้เข้ามาสัมผัสถึงความสมบูรณ์งดงาม
สวี่ชิงเงียบนิ่ง
ในใจของนายกองเกิดระลอกคลื่นอารมณ์ เขามองสีเทาในภาพ แล้วมองไปทางหญิงสาวงดงามทรงเสน่ห์ที่ในสายตามีแต่สวี่ชิง ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรไปในทันที
พวกรัฐทายาทตอนนี้ต่างมองไปทางนายกอง โดยเฉพาะผู้อาวุโสแปด ถอนหายใจใส่นายกอง
“แตกต่างกันค่อนข้างมากนะ”