ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 710 เพลงเด็กในห้วงกาลเวลา
บทที่ 710 เพลงเด็กในห้วงกาลเวลา
บนแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา เสียงของหลี่จื้อฮว่าดังก้อง ทุกที่ที่ผ่าน มิติคำรามลั่น สายฟ้าไร้ขอบเขต
แต่เสี้ยวหน้าเทพเจ้าไม่สนใจ แม้ตอนนี้จะพุ่งตรงมาที่นี่ แต่ก็ไม่ได้ลืมตา
ส่วนบริเวณทั้งเจ็ดพื้นที่ที่ผู้บำเพ็ญตำหนักเทพพระจันทร์สีชาดที่รวมตัวกันบนพื้นตอนนี้ส่งเสียงร้องครวญครางโหยหวน
เสียงของหลี่จื้อฮว่าสำหรับพวกเขาแล้วแฝงพลังทำลายล้างเอาไว้ เพียงพริบตา ผู้บำเพ็ญพระจันทร์สีชาดและขั้วอำนาจที่สวามิภักดิ์เหล่านี้ ทุกคนทุกเผ่าพันธุ์ที่อยู่ในนั้นเริ่มเนื้อตัวสั่นสะท้าน
ผิวของพวกเขาเริ่มปริเอง เผยให้เห็นเนื้อชุ่มเลือด และเนื้อชุ่มเลือดในตอนนี้ก็สั่นสะท้าน หลุดร่อนจากกระดูกเป็นชิ้นๆ กองอยู่บนพื้นราวกับภูเขาลูกเล็กๆ
สิ่งสุดท้ายที่หลุดร่วงก็คือศีรษะที่สูญเสียเลือดเนื้อไปของพวกเขา
กวาดตามองไป ทั้งเจ็ดพื้นที่นี้ ภูเขาลูกเล็กๆ เช่นนี้เรียงรายลูกแล้วลูกเล่า นับแทบไม่ถ้วน
และภูเขาเลือดเนื้อสุดลูกหูลูกตานี้ก็จับกลุ่มเป็นภูเขาเลือดเนื้อลูกมหึมา
ทั้งหมดเจ็ดลูก สะท้านฟ้าสะเทือนดิน กลิ่นคาวเลือดยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นวัตถุจริง ลอยขึ้นฟ้าประดุจควันไฟ คล้ายรอยน้ำตาของผืนฟ้า
เสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้าก็ยังคงนิ่งไม่สนใจเช่นเดิม
จวบจนกระทั่ง…ร่างของหลี่จื้อฮว่าเริ่มปริแตก
เขาในตอนนี้คือเทพเจ้า
ร่างกายที่ปริแตกขององค์ท่านทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมเมฆหอบทะลัก และจากการหลุดร่วงของเลือดเนื้อองค์ท่าน แผ่นดินข้างล่างองค์ท่าน ภูเขาเลือดเนื้อลูกที่แปดก็ผุดขึ้นจากพื้น
สูงขึ้นเรื่อยๆ
เลือดเนื้อนับไม่ถ้วนกองรวมเป็นยอดเขาสูงเสียดฟ้า
ความสูงของมันเสมอเท่ากับดาวพระจันทร์สีชาด จวบจนกระทั่งสุดท้าย…ศีรษะของหลี่จื้อฮว่าก็สูญเสียเลือดเนื้อทั้งหมดไป ลอยล่องอยู่เหนือภูเขา
นับจากต้นจนจบ สีหน้าขององค์ท่านล้วนเย็นชา ไม่มีระลอกคลื่นอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น และทันทีที่ศีรษะสัมผัสกับภูเขาเลือดเนื้อ องค์ท่านแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาคู่หนึ่งที่ว่างเปล่า มองไปทางท้องฟ้า
เสี้ยวหน้าเทพเจ้าบนท้องฟ้าในเสี้ยวขณะนี้เองก็ค่อยๆ…ลืมตาขึ้นมา!
ไม่เหมือนกับภาพที่ปรากฏขึ้นในผลึกวารีสีม่วงของสวี่ชิง ครั้งนี้เป็นเสี้ยวหน้าเทพเจ้าลืมตาขึ้นของจริง จากการลืมตาขึ้นของดวงตาเสี้ยวหน้า ในม่านตาสีทองฉายแววสงบนิ่ง
และจากการจ้องมาของสายตา แผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราบิดเบี้ยว รางเลือนไปทั้งแถบ
ฝนเลือดร่วงหล่นลงบนภูเขาเลือดเนื้อของหลี่จื้อฮว่า วันสิ้นโลกมาเยือนยังที่ราบสำนึกบาป ที่แห่งนี้…กำลังถูกเปลี่ยนไป
การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่อาจขัดขืน
ไอพลังประหลาดที่เหนือกว่าเทพเจ้าทั้งหมดพวยพุ่งขึ้นในที่ราบสำนึกบาป เปลี่ยนแปลงผืนดิน เปลี่ยนแปลงสรรพสิ่ง เปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่อยู่ที่นี่
ทั้งที่ราบสำนึกบาปกำลังเปลี่ยนแปลงเป็นพื้นที่ต้องห้ามแห่งใหม่ ร่างสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาดบางประเภทกำลังกำเนิดขึ้นมาในนั้น
ภูเขาเลือดเนื้อลูกนั้นก็กลายเป็นเจ้าแห่งพื้นที่ต้องห้ามอย่างรวดเร็ว มีชีวิตใหม่ มีความรู้สึกนึกคิดใหม่
ในเสี้ยวขณะนี้สรรพชีวิตหมื่นเผ่าทั้งหลายในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ต่างตัวสั่นงันงก พวกเขาไม่ว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งใดล้วนสามารถเห็นเสี้ยวหน้าเทพเจ้าได้ ล้วนมองเห็นการลืมตาขึ้นขององค์ท่านทั้งนั้น
หวาดกลัว แตกตื่น ลนลาน อารมณ์ด้านลบต่างๆ นับไม่ถ้วนปะทุขึ้นมาในแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
ยิ่งมีเงาร่างวิถีสวรรค์แต่ละร่างๆ ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าเหนือแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ คล้ายจะต่อต้าน คล้ายจะขัดขวาง
แต่กลับไร้ประโยชน์ ทำได้เพียงครวญครางไร้เสียง ในนั้นมีจำนวนหนึ่งที่กำลังแตกดับ
พวกนี้ล้วนเป็นแสนวิถีสวรรค์ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
พวกมันต่างจากวิถีสวรรค์บรรพกาลทั้งเก้าสิบเก้าตน และการลืมตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ทุกครั้งสำหรับพวกมันแล้วล้วนเป็นการทำลายล้างทั้งสิ้น
และสิ่งที่ได้รับอิทธิพลไปด้วยเหมือนกันยังมีดาวพระจันทร์สีชาด
มันอยู่บนท้องฟ้าเหนือที่ราบสำนึกบาป ซึ่งก็อยู่ในระยะสายตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าด้วยเช่นกัน
ตอนนี้มันกำลังสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ภาพตอนที่ผลึกวารีสีม่วงของสวี่ชิงปลุกเสี้ยวหน้าเทพเจ้า ปรากฏขึ้นอีกครั้งในเสี้ยวขณะนี้
บริเวณที่สายตาเทพเจ้ามองไปครั้งแรกจะหลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม
ครั้งที่สองเป็นแดนต้องห้าม
ครั้งที่สามเป็นแผ่นดินเทวะ
สำหรับครั้งที่สี่…จะมีชื่อว่าอาณาจักรเทวะ!
พระจันทร์สีชาดเริ่มขยับบนเส้นแห่งกาลเวลาเส้นนี้ กะพริบอย่างไร้ลำดับ จากนั้นในกาลอวกาศนับไม่ถ้วนก็มีดาวพระจันทร์สีชาดมากมายมหาศาลปรากฏขึ้น
พวกมันสอดประสานกัน ทับซ้อนกัน และหลังจากที่ดำเนินไปนับครั้งไม่ถ้วน ภาพที่สวี่ชิงมองไม่ชัดในตอนนั้นก็ปรากฏขึ้นแล้ว!
ในส่วนลึกของดาวพระจันทร์สีชาดนับไม่ถ้วนเกิดความรางเลือนกลุ่มหนึ่งขึ้นมา ความรางเลือนนี้แผ่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว สุดท้ายก็ปกคลุมไปอย่างไร้ขอบเขต หุ้มดาวพระจันทร์สีชาดนับไม่ถ้วนไว้ในนั้น
มันกลายเป็นใบหน้ายิ่งใหญ่มหึมาดวงหนึ่ง!
หน้าตาของใบหน้าดวงนี้ก็คือชื่อหมู่ และดาวพระจันทร์สีชาดนับไม่ถ้วนที่จับกลุ่มเป็นใบหน้าดวงนี้ การสอดประสานและซ้อนทับในทุกครั้งของพวกมันล้วนก่อเป็นสีหน้าเลือนรางของใบหน้าดวงนี้
สีหน้าแต่ละอย่างเหล่านี้ทำให้ใบหน้าดวงนี้เหมือนว่ามีชีวิต สมจริงมีชีวิตชีวา!
เหมือนว่าทุกสีหน้าของใบหน้าดวงนี้ล้วนแทนการเปลี่ยนของความคิด จากนั้นก็จะมีกาลอวกาศที่เกิดจากความคิดนี้เป็นพื้นฐานปรากฏขึ้น
วิเคราะห์ย้อนกลับไป นี่ก็เป็นเหตุผลที่กาลอวกาศมากมายเกิดดาวพระจันทร์สีชาดขึ้นมา
และความคิดที่แตกต่างกันไปก็ทำให้กาลอวกาศปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนว่าคัดเลือก คล้ายว่าสำหรับใบหน้าดวงนี้ ทุกครั้งที่เลือกก็จะเกิดกาลอวกาศที่แตกต่างกันไปปรากฏขึ้นเพราะเหตุนี้ จากการคัดเลือกไปวิวัฒนาการโลกใบใหม่ออกมา
นี่ก็คืออาณาจักรเทวะ
ในเสี้ยวขณะนี้ ที่ราบสำนึกบาปกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม ดาวพระจันทร์สีชาดบนนั้นกลายเป็นอาณาจักรเทวะ!
จวบจนถึงตอนนี้ ดวงตาของเสี้ยวหน้าเทพเจ้าก็ค่อยๆ ปิดลง
และในดาวพระจันทร์สีชาด ชื่อหมู่กำลังตัวสั่นงันงก หลี่จื้อฮว่าที่ถูกองค์ท่านกลืนกินสีหน้ายังคงอ่อนโยนเช่นเดิม หลังจากจ้องมองชื่อหมู่ที่เจ็บปวดผาดหนึ่ง เขาก็สะบัดมือ
เสี้ยวขณะต่อมา สวี่ชิงและนายกอง ทั้งยังมีพวกรัฐทายาท เงาร่างของพวกเขาก็หายไปจากดาวพระจันทร์สีชาดทันที ในตอนที่ปรากฏตัวขึ้นก็มาอยู่นอกที่ราบสำนึกบาปแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราแล้ว
แทบจะในพริบตาที่พวกเขาจากไป เสียงโหยหวนอย่างเจ็บปวดของชื่อหมู่กลายเป็นลมพายุ กวาดโหมไปทั่วทุกทิศ ทุกที่ที่ผ่าน วังจันทราถล่มทลาย
ร่างของชื่อหมู่แตกสลายตามไปด้วย!
ใบหน้าอาณาจักรเทวะก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ไม่เป็นชื่อหมู่อีกต่อไป แต่ไร้ซึ่งเครื่องหน้าทั้งห้า กลายเป็นใบหน้าว่างเปล่า
ดาวพระจันทร์สีชาดถูกเสี้ยวหน้าเทพเจ้าเปลี่ยนให้เป็นอาณาจักรเทวะ แต่เห็นได้ชัดว่าชื่อหมู่ไม่สามารถทนรับกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ได้ เหมือนของบำรุงชั้นยอด หากเกินกว่าปริมาณในระดับหนึ่งแล้วก็จะกลายเป็นพิษร้าย
อะไรที่เกินพอดีล้วนเป็นโทษทั้งสิ้น!
ดังนั้น องค์ท่านจึงกำลังแตกสลาย องค์ท่านกำลังแหลกเป็นเสี่ยงๆ องค์ท่านกำลังแตกดับ ครวญครางน่าเวทนา
และดาวพระจันทร์สีชาดในตอนนี้ก็กำลังหายไป
ในขณะนี้เอง จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลที่อยู่ในวังจันทรา ในดวงตาองค์ท่านฉายความละโมบออกมา พุ่งไปอย่างบ้าคลั่ง ร่างแปรเปลี่ยนเป็นดวงตานับไม่ถ้วน ทุกดวงล้วนมีปากมหึมาเหี้ยมโหดน่าขนลุกปรากฏขึ้น ตรงไปยังชื่อหมู่ที่แตกสลาย กลืนลงไปอย่างโหดเหี้ยม
เสี้ยวขณะต่อมา เสียงน่าสังเวชดังออกมา ดวงตามากมายระเบิด แต่ก็ยังมีบางส่วนที่หลังจากฉีกทึ้งเลือดเนื้อของชื่อหมู่แล้วก็อำพรางไปอย่างรวดเร็ว หายไปจากวังจันทรา
มองภาพรวมแล้ว เลือดเนื้อที่จักรพรรดิวิญญาณบรรพกาลกลืนกินลงไป เป็นหนึ่งส่วนของทั้งร่างชื่อหมู่
องค์ท่านไม่ใช่ว่าไม่อยากกลืนกินต่อ แต่ทำต่อไปไม่ได้แล้ว
ขณะเดียวกัน เยวี่ยเหยียนและซิงเหยียนก็ไม่สนใจอะไรมาก ประชิดเข้าไปในทันที ลงมือฉีกเลือดเนื้อ ต่างเอาไปได้หนึ่งส่วนกว่าๆ มีใจอยากจะลงมือต่อ แต่ดาวพระจันทร์สีชาดที่อยู่ในสภาวะเลือนหายนำความอันตรายอย่างมหาศาลมาให้กับเหล่าองค์ท่าน
สิ่งที่ทำให้เหล่าองค์ท่านตัดสินใจว่าจะลงมือต่อไปไม่ได้แล้วคือเสียงอันอ่อนระโหยของหลี่จื้อฮว่า
“อย่าละโมบ”
เยวี่ยเหยียนและซิงเหยียนสายตาฉายประกายวูบ ไม่ลังเลใดๆ ทั้งสิ้น หายไปในทันที
ในพริบตาที่องค์ท่านทั้งสองจากไป บนท้องฟ้าดาวพระจันทร์สีชาดก็เปลี่ยนจากรางเลือนเป็นจางหายไปโดยสมบูรณ์ เหมือนถูกลบออกไป หายไปจากท้องฟ้า
และในเสี้ยวขณะที่ดาวพระจันทร์สีชาดหายไป นอกที่ราบสำนึกบาปแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทรา นายกองที่ถูกหลี่จื้อฮว่าส่งออกไป ตอนนี้ร่างที่งอกออกมาของเขาก็พลันสะท้านเฮือก แล้วแตกสลายทันที
จากนั้นก็รวมตัวก่อเป็นร่างอีกครั้งอย่างรวดเร็ว ในดวงตาแฝงด้วยความตื่นเต้น ขยิบตาให้สวี่ชิงที่อยู่ข้างๆ หน้าตาเคร่งเครียดอย่างรวดเร็วสามครั้ง
สวี่ชิงกวาดสายตาไป เข้าใจในทันที นายกองคือส่งตัวเลขสามตัวเลขนี้ให้กับตน
แต่เขารู้ว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่จะถาม บนท้องฟ้า ดาวพระจันทร์สีชาดหายไป ไม่ใช่แค่หายไปจากแผ่นดินใหญ่เซ่นจันทราเท่านั้น แต่หายไปจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ด้วยเช่นกัน
นับจากนี้ ดวงจันทร์ของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์หายไปดวงหนึ่งตลอดกาล
‘มันยังอยู่…’ สวี่ชิงเงยหน้า มองไปทางท้องฟ้า
เขามีอำนาจจันทร์สีชาดส่วนหนึ่ง ดังนั้นคนอื่นๆ สัมผัสไม่ได้ แต่สวี่ชิงสามารถรับรู้ได้รางๆ…พระจันทร์สีชาดที่กลายเป็นอาณาจักรเทวะ อยู่ ณ ที่แห่งหนึ่งที่ไกลจากแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์มากมายอีกโข
นอกแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ ในส่วนลึกของห้วงท้องฟ้าดารา มิติที่ไร้ขอบเขตสิ้นสุด…
ที่นี่มีคลื่นวนนับไม่ถ้วน มีใหญ่มีเล็ก สีสันต่างกันไป ต่างพร่างพรายเจิดจ้า กำลังหมุนวนอย่างช้าๆ
ไม่มีใครรู้ว่าที่นี่คือที่ไหน และแทบจะไม่มีผู้บำเพ็ญเคยเหยียบย่างมาที่นี่
และในตอนนี้ ท่ามกลางคลื่นวนนับไม่ถ้วน ท่ามกลางความเงียบงันไร้สุ้มเสียง ก็มีคลื่นวนเพิ่มขึ้นมาอีกลูกหนึ่ง
เทียบกับคลื่นวนลูกอื่นๆ มันเล็กมาก เป็นสีแดง
ในคลื่นวนลูกนี้เป็นใบหน้าสีขาวดวงหนึ่งที่ก่อขึ้นจากดาวพระจันทร์สีชาดนับไม่ถ้วน ที่หว่างคิ้วของใบหน้าดวงนี้มีกาลอวกาศผืนหนึ่ง บนดาวสีชาดในนั้นลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงสีทอง
นี่คือเพลิงเทวะ ไม่ได้มาจากชื่อหมู่ และไม่ได้มาจากหลี่จื้อฮว่าด้วยเช่นกัน ดูจากกลิ่นอายของมัน เปลวเพลิงนี้เป็นของบุตรเทวะพระจันทร์สีชาด ซึ่งก็คือบุตรชายคนที่สี่ของเจ้าเหนือหัวที่ตายไป
ในเปลวเพลิงยังมีวัตถุอีกชิ้นหนึ่ง เป็นแกนกลางของเพลิงเทวะกองนี้
นั่นคือดวงตา
ดวงตาที่สวี่ชิงเคยเห็นในสมบัติลับของบุตรเทวะ
มันคือ…ตาซ้ายของชื่อหมู่
ตอนนี้ ในดวงตาข้างนี้ เงาร่างของชื่อหมู่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นมาจากในนั้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายหลังจากที่กินพื้นที่ทั้งหมดของดวงตาก็มีเลือดเนื้องอกออกมานอกดวงตา
เลือดเนื้อกองสะสม จวบจนกระทั่งร่างของชื่อหมู่ก่อขึ้นโดยสมบูรณ์
ชื่อหมู่ลืมตาขึ้น
ดวงตาที่เคยว่างเปล่าขององค์ท่าน ตอนนี้ในตาข้างซ้ายมีลูกตาปรากฏ
พลังมหาศาลท่วมท้นกลุ่มหนึ่งปะทุจากร่างขององค์ท่าน แผ่ลามไปในกาลอวกาศแห่งนี้ และแผ่ระลอกไปยังกาลอวกาศอื่นๆ ลองเปลี่ยนทุกอย่าง
แต่เสี้ยวขณะต่อมา เสียงน่าเวทนาก็ดังมาจากปากองค์ท่าน การแผ่ออกไปถูกขัดจังหวะ!
“หลี่จื้อฮว่า…”
เสียงของชื่อหมู่ขื่นขม ทันทีที่คำพูดดังออกมา ในดวงตาซ้ายขององค์ท่านก็มีเงาร่างของหลี่จื้อฮว่าปรากฏขึ้นมา ยึดครองพื้นที่ดวงตาทั้งหมดอย่างรวดเร็ว แผ่ลามไปยังร่างของชื่อหมู่
ชื่อหมู่สั่นสะท้าน คิดอยากจะต่อต้าน แต่ก็ไร้ประโยชน์ รูปร่างหน้าตาขององค์ท่านค่อยๆ เปลี่ยนไป ร่างขององค์ท่านเปลี่ยนจากผู้หญิงเป็นผู้ชาย จนสุดท้ายก็กลายเป็นหน้าตาของหลี่จื้อฮว่า
ในระหว่างขั้นตอนนี้ เสียงของชื่อหมู่ยิ่งขมขื่น ดังก้องไปในวังจันทรา
“ที่แท้นี่ก็เป็นแผนการของเจ้า…
“ก่อนหน้านี้เจ้ารู้แผนการของข้ามานานมากแล้ว เจ้าจึงเสียสละลูกชายคนที่สี่ของเจ้า ซ่อนแผนการนี้เอาไว้
“หลี่จื้อฮว่า ใช่ว่าเจ้าไม่อยากเป็นเทพ แต่เจ้าไม่อยากแบกรับกรรมเวรหลังจากที่เป็นเทพ ดังนั้นแม้เจ้าจะฟันคราบร่างก่อนเป็นเทพของข้า แต่กลับไม่ได้ฆ่าข้าจริงๆ ผลักดันให้ข้าเป็นเทพ หลังจากที่ข้าแบกรับกรรมเวรแล้ว เจ้าก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาบนร่างข้า”
เสียงของชื่อหมู่ยิ่งอ่อนแรง สุดท้ายหลังจากที่รูปร่างหน้าตากลายเป็นหลี่จื้อฮว่า องค์ท่านก็หลับตา เสียงแปรเปลี่ยนเป็นแว่วเสียง มีความไม่ยอมจำนน มีความอาฆาตแค้น มีความสับสน จนกระทั่งสุดท้ายมีรอยสะท้อนใจ
“พี่ชาย ข้ายอมให้ท่านสมปรารถนาแล้ว…”
ชื่อหมู่ แตกดับ
นานหลังจากนั้น ดวงตาขององค์ท่านก็ค่อยๆ ลืมตื่นขึ้น
หลี่จื้อฮว่ากลับคืนมา
“น้องหญิงสี่ เส้นทางของนภาเจิดจรัสนั้นผิด…เส้นทางของพสุธาแดนดินก็ผิดเช่นกัน
“เซียนกับเทพความจริงแล้ว…สามารถผสานกันได้
“ดังนั้นข้าจึงบอกว่าภารกิจยังคงอยู่
หลี่จื้อฮว่าพึมพำเสียงเบา เงยหน้าทอดสายตามองไปทางแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขายกมือคว้า อาณาจักรเทวะพระจันทร์สีชาดก็หดเล็กต่อหน้าเขา สุดท้ายก็กลายเป็นดวงตาข้างหนึ่ง เขาถือมันไว้ในมือแล้วกดลงไปที่ตาขวา
จากนั้นองค์ท่านก็หันหลัง เดินไปยังในจุดลึกของมิติอย่างสงบนิ่ง
ไกลออกไปเรื่อยๆ
มีเพียงเสียงเพลงเด็กที่ดังออกมาจากปากขององค์ท่าน มาพร้อมด้วยท่วงทำนองแปลกประหลาด ดังก้องในมิติ
“กาลครั้งหนึ่งมีตุ๊กตาตัวใหญ่ ตั้งแถวเรียงรายข้างหลังคือตุ๊กตาตัวเล็ก ตุ๊กตาสิบตัวหก เจ็ด แปด ตาแดงๆ ผมสีเทา เช้าจรดค่ำนิ่งเงียบไม่พูดจา เด็กตัวใหญ่เห็นแล้วเรียกอาเจีย เด็กน้อยเห็นแล้วอย่าได้กลัว…
“จวบจนอยู่มาวันหนึ่ง ตุ๊กตาตัวใหญ่ป่วย ตุ๊กตาตัวที่สองมาดู ตัวที่สามซื้อยา ตัวที่ห้าต้ม ตัวที่หกตาย ตัวที่เจ็ดหัวเราะ ตัวที่แปดขุดหลุม ตัวที่เก้ากระโดด ตัวที่สิบร้องไห้อยู่บนพื้น ข้าถามว่ามันร้องไห้ทำไม…
“ตุ๊กตาตัวที่สี่หายไปไม่กลับมา!”
ในเพลงเด็กที่เคยร่ายร้องเพลงนี้ ตุ๊กตาตัวที่สี่ที่พูดถึง บางทีอาจจะไม่ใช่บุตรชายคนที่สี่ของเจ้าเหนือหัว เป็นไปได้ว่าเหมือนกันว่าอาจจะเป็นน้องหญิงคนที่สี่ของเจ้าเหนือหัว…