ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 747 เซียนคิมหันต์องค์สุดท้ายของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
- Home
- ผู้กล้าเหนือกาลเวลา
- บทที่ 747 เซียนคิมหันต์องค์สุดท้ายของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
บทที่ 747 เซียนคิมหันต์องค์สุดท้ายของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
“ดาวดวงนี้เรียกว่าดาราจักรพรรดิโบราณ!
“มันไม่ใช่แค่วังหลวงของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวเมื่อกาลก่อนเท่านั้น ด้านในยังมีมรดกตกทอดจากจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวด้วย มีเพียงผู้ที่มีพลังจักรพรรดิเท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์สัมผัสรับรู้ แต่จนถึงตอนนี้ ราชวงศ์ในหน้าประวัติศาสตร์ยังไม่อาจสัมผัสรับรู้ได้”
ขณะที่ทุกคนมองดาราจักรพรรดิโบราณ เสียงขององค์หญิงอันไห่ยังดังก้อง นางแนะนำแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิให้กับพวกสวี่ชิงฟังตลอดเส้นทาง
“ส่วนรูปสลักจักรพรรดิโบราณยักษ์นั่งอยู่บนดาราจักรพรรดิโบราณ ข้าเคยอ่านคำอธิบายจากพวกบันทึกโบราณ เดิมทีมันไม่มีอยู่”
“หลังจากจักรพรรดิโบราณสิ้นไป ในรัชสมัยของจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋น จู่ๆ ก็โผล่ลงมาจากฟากฟ้าเบื้องบน ตกลงมาสู่ที่แห่งนี้พร้อมกับพระราชโองการ เป็นพระราชโองการมาจากแดนศักดิ์สิทธิ์
“เนื้อความข้างใน ในบันทึกโบราณไม่มีบันทึกเอาไว้ น้อยนักที่จะมีคนล่วงรู้
“อีกทั้งดาราจักรพรรดิโบราณทั้งหมดเป็นพื้นที่เดิมของเผ่ามนุษย์อย่างพวกเรา และเป็นแดนต้องห้าม พวกเราจะสัมผัสรับรู้ได้จากภายนอกก็ต่อเมื่อถึงช่วงเวลาพิเศษเท่านั้น”
พวกสวี่ชิงค่อยๆ เข้าใจแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิมากขึ้นเรื่อยๆ จากคำบอกเล่าขององค์หญิงอันไห่ แต่ในขณะที่คนอื่นๆ ฟังอย่างตั้งใจนั้น นายกองทางนั้นจ้องมองดาราจักรพรรดิโบราณด้วยความปรารถนาซ่อนลึกในดวงตา รู้สึกเสียดาย
‘ข้าจำได้ว่าเคยพยายามจะเข้าไปที่นี่ ชีวิตดับสิ้นไปหลายครา…แต่ก็ไม่สำเร็จ’
นายกองไม่สบอารมณ์ ดวงตาทอดมองหุบเหวไร้ก้น แล้วทอดถอนใจออกมาอีกครา
‘ข้าไม่เคยเข้าไปที่นั่นสำเร็จเลยสักครั้ง’
ขณะที่นายกองทอดถอนใจ เสียงแนะนำขององค์หญิงอันไห่ยังคงก้องกังวาน
สีหน้าจื่อเสวียนซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็มองดาราจักรพรรดิโบราณ ความคะนึงหาฉายชัดในแววตา นางจำดาวดวงนี้ได้ ที่นั่นเคยเป็นบ้านเก่าของนางในชาติก่อน
ส่วนหนิงเหยียน แม้จะไม่ได้รู้จักดาราจักรพรรดิโบราณมากไปกว่าองค์หญิงอันไห่ แต่เขาอาศัยอยู่ที่นี่ตั้งแต่เด็ก จึงคุ้นชินแล้ว จึงรับฟังพร้อมผงกหัวไปด้วยเป็นระยะๆ
อู๋เจี้ยนอูที่อยู่ถัดออกไปมีท่าทีตื่นเต้น เขารู้สึกว่าตนน่าจะทะลวงจุดคอขวดด้านบทกวีได้ที่นี่อย่างแน่นอน สมองถึงกับจินตนาการว่าบทกวีที่แท้จริงน่าจะหลงเหลืออยู่ในวังจักรพรรดิโบราณบนดาราจักรพรรดิโบราณแห่งนี้เป็นแน่
ส่วนสวี่ชิง ความสนใจของเขาไม่ได้มุ่งไปที่ดาราจักรพรรดิโบราณทั้งหมด
สายตาของเขาจดจ้องความว่างเปล่าระหว่างผืนแผ่นดินสองผืน มองหุบเหวเบื้องล่างแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ
จากคำบอกเล่าขององค์หญิงอันไห่ก่อนหน้านี้ มีตำนานว่าหุบเหวแห่งนี้จะนำพาไปสู่สถานที่ที่มีนามว่านภาจรัส คนอื่นๆ ไม่รู้ว่านภาจรัสคืออะไร แต่หลังจากผ่านเรื่องราวในแดนใหญ่เซ่นจันทรามา…สวี่ชิงจึงพอจะรู้จักนภาจรัสอยู่บ้าง
ที่นั่นเป็นบ้านเกิดของชื่อหมู่ และเป็นบ้านเกิดของหลี่จื้อฮว่า ยิ่งเป็นที่ต้องห้ามที่ถูกกำราบโดยแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์
ในขณะที่สวี่ชิงครุ่นคิด ถ้อยคำบางคำขององค์หญิงอันไห่เล็ดลอดเข้ามาในโสตประสาทของสวี่ชิงในระหว่างการแนะนำ กลายเป็นระลอกคลื่นขัดจังหวะความคิดของเขา
“นอกจากนี้ โหวนภา อ๋องสวรรค์ ตลอดจนจักรพรรดิในสมัยจักรพรรดิโบราณที่รบตายล้วนทิ้งมรดกตกทอดเอาไว้ที่ดวงดาวแห่งนี้ ก่อนที่จักรพรรดิโบราณเสวียนโยวจะจากไป โหวนภา อ๋องสวรรค์เผ่ามนุษย์ที่ติดตามท่านไปยังแดนศักดิ์สิทธิ์ ก็ทิ้งทรัพย์สมบัติเป็นมรดกไว้ที่ดาราจักรพรรดิโบราณแห่งนี้เช่นกัน
“คนสุดท้ายที่ทิ้งมรดกเอาไว้ คือจักรพรรดิครองกระบี่
“เขาเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่องค์สุดท้ายของเผ่ามนุษย์ ร่างเดิมถึงแก่ความตายในสนามรบเพื่อปกป้องเผ่ามนุษย์ ร่างอวตารยังอยู่ที่แดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ
“ส่วนมรดกที่จักรพรรดิครองกระบี่ทิ้งเอาไว้ ก็คือกระบี่จักรพรรดิของท่านเอง มันฝังลึกในดาราจักรพรรดิโบราณ ทอดกายเงียบงันมานานหลายปี…”
สวี่ชิงเงยหน้าขึ้น มองดาราจักรพรรดิโบราณ
จักรพรรดิครองกระบี่ คำนี้มีความหมายลึกซึ้งสำหรับเขา
สวี่ชิงมาที่นี่เพื่อสักการะจักรพรรดิครองกระบี่ เป็นหนึ่งในจุดประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้ จู่ๆ เขาก็โพล่งขึ้นมา
“ฝ่าบาทอันไห่ ร่างอวตารของจักรพรรดิครองกระบี่อยู่ข้างนอกดาราจักรพรรดิโบราณแห่งนี้ หรือว่า…”
สวี่ชิงมององค์หญิงอันไห่
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเอ่ยปากนับตั้งแต่มาถึงแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ องค์หญิงอันไห่ได้ยินดังนั้นก็ตอบรับอย่างกระตือรือร้น
“รูปสลักร่างอวตารจักรพรรดิครองกระบี่ไม่ได้อยู่บนดาราจักรพรรดิโบราณ นี่เป็นสิ่งที่ท่านเลือกเมื่อครั้งยังมีชีวิต ท่านเลือกจะนำร่างอวตารของตนไปอยู่ข้างนอกดาราจักรพรรดิโบราณ เพื่อเป็นแนวป้องกันสุดท้ายของเผ่ามนุษย์และพื้นที่เดิม
“พวกเราส่งข้ามอีกไม่กี่ครั้ง เมื่อเราเข้าใกล้วงแหวนชั้นในของเมืองหลวงจักรพรรดิ เราก็จะเห็นท่าน”
สวี่ชิงพยักหน้า ทุกคนเดินหน้าต่อไป
เวลาไหลผ่านไป พวกสวี่ชิงก็มุ่งหน้าไปยังแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดิ เนื่องจากมีองค์หญิงอันไห่ร่วมทางจึงราบรื่นอย่างยิ่ง หลังจากส่งข้ามสามครั้ง ในที่สุดพวกเขาก็เห็นเมืองหลวงจักรพรรดิแห่งดาราจักรพรรดิโบราณในเช้ามืดวันถัดมา
สวี่ชิงก็ได้เห็น…จักรพรรดิครองกระบี่แล้ว!
วงแหวนชั้นในเป็นเมืองหลวงจักรพรรดิ ที่ขอบวงแหวนมีเจดีย์ทมิฬตั้งตระหง่าน และรูปสลักขนาดมหึมาหันหน้าเข้าหากัน
พวกมันโอบล้อมดาราจักรพรรดิโบราณเอาไว้เป็นวงกลม
รูปสลักภายในรูปร่างแตกต่างกัน ทว่าแต่ละตัวมีพลังต่างกันออกไป และทั้งหมดนั้นเป็นเผ่ามนุษย์ มีทั้งชายและหญิง ทั้งเด็กและแก่ สีหน้าท่าทางต่างกันออกไป รับรู้ถึงอารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ได้จากตัวรูปสลัก
“เจดีย์ทมิฬเป็นส่วนหนึ่งเมืองหลวงจักรพรรดิ และรูปสลักรอบเมืองหลวงจักรพรรดิ นอกจากจักรพรรดิครองกระบี่แล้ว รูปสลักอื่นๆ ล้วนแต่ถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยหลังๆ พวกเขาคืออริยะบุคคลผู้ล่วงลับและจากไปพร้อมกับจักรพรรดิโบราณ ในยุคสมัยของจักรพรรดิโบราณเผ่ามนุษย์ ตลอดจนในยุคจักรพรรดิมนุษย์ปัจจุบันนี้ด้วย
“มีโหวนภาที่เก่าแก่ที่สุดหนึ่งร้อยแปดองค์ ตลอดจนสามสิบสามอ๋องสวรรค์ในอดีต และยังมีจักรพรรดิเผ่ามนุษย์เก้าพระองค์
“แต่ด้วยดวงชะตาเผ่ามนุษย์ที่เสื่อมถอยลง ยุคหลังๆ ในสมัยจักรพรรดิมนุษย์ตงเซิ่งมีอ๋องสวรรค์ยี่สิบเจ็ดองค์เท่านั้นที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจะตั้งไว้ที่นี่ ทว่าหลังจากการเปลี่ยนแปลงนภาคิมหันต์ ดวงชะตาของเผ่ามนุษย์ก็ยิ่งเสื่อมถอย สมัยจักรพรรดิเซิ่งเทียนมีเพียงอ๋องสวรรค์ห้าองค์เท่านั้นที่มีคุณสมบัติ มาถึงยุคสมัยของจักรพรรดิมนุษย์จิ้งอวิ๋นเกิดการระเบิดขึ้น แต่ก็ยังมีผู้ที่คุณสมบัติเพียงหกคนเท่านั้น
“ส่วนยุคสมัยของจักรพรรดิเต้าซื่อ นอกจากตัวจักรพรรดิมนุษย์พระองค์เดียวแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก บัดนี้กาลศักราชเสวียนจั้นก็เช่นกัน”
องค์หญิงอันไห่ถอนใจแผ่วเบา ข่งเสียงหลงที่เงียบมาตลอดทางได้ฟังเรื่องราวแล้วก็อดกล่าวขึ้นไม่ได้
“คุณสมบัติที่ว่า คือพลังบำเพ็ญอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าเหนือหัว”
“สมัยจักรพรรดิโบราณ มีเพียงเจ้าเหนือหัวเท่านั้นที่จะถูกแต่งตั้งเป็นโหวนภา ซึ่งโหวนภาที่ว่านี้เป็นดั่งเจ้าผู้ครองฟากฟ้า สามารถปกครองได้หนึ่งดินแดน
“เจ้าเหนือหัวขั้นสูงสุดเพียงหนึ่งเดียว จะถูกยกย่องให้เป็นอ๋องสวรรค์ อ๋องสวรรค์สามารถปกครองได้หลายดินแดน หรือจะปกครองแค่ดินแดนเดียวก็ได้ ตามแต่ความประสงค์ แต่คำสั่งของอ๋องต้องอยู่ภายใต้จักรพรรดิ”
พูดมาถึงตรงนี้องค์หญิงอันไห่ก็มองสวี่ชิงผาดหนึ่ง
“อดีตเจ้าเหนือหัวหลี่จื้อฮว่าแห่งแดนใหญ่เซ่นจันทราก็เคยเป็นหนึ่งในอ๋องสวรรค์ภายใต้จักรพรรดิโบราณ รูปสลักของท่านก็อยู่ที่นี่”
“แล้วมหาจักรพรรดิเล่าพ่ะย่ะค่ะ” สวี่ชิงเอ่ยช้าๆ
“ยุคสมัยจักรพรรดิโบราณเสวียนโยว แต่ละเผ่าพันธุ์ล้วนมีมหาจักรพรรดิ ทว่ามีจำนวนน้อยนิด มีเพียงเผ่ามนุษย์เท่านั้นที่มีดวงชะตาต้องประสงค์ มีมหาจักรพรรดิถือกำเนิดขึ้นถึงเก้าพระองค์ พลังบำเพ็ญของแต่ละพระองค์เหนือกว่าเจ้าเหนือหัวทั้งสิ้น ได้รับสมญานามว่า…กึ่งเซียน
“หลังจากยุคจักรพรรดิโบราณจนถึงบัดนี้ ก็ไม่มีมหาจักรพรรดิปรากฏในเผ่าพันธุ์ต่างๆ อีกเลย”
“กึ่งเซียน…” สวี่ชิงเอ่ยพึมพำ ดวงตาล้ำลึก มองไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิที่วงแหวนชั้นในเบื้องหน้า
เขาเห็นรูปสลักแต่ละองค์ และมองเห็นรูปสลักที่อยู่ตรงหน้าของเขาพอดี ซึ่งมีสีหน้าท่าทางแปลกประหลาดกว่ารูปสลักองค์อื่นๆ
รูปสลักดังกล่าวเป็นรูปสลักของชายวัยกลางคน มองภายนอกแวบแรกดูสง่างาม แต่หากสังเกตอย่างละเอียดจะเห็นความเคร่งขรึมเจือความน่าเกรงขามในดวงตา ราวกับกำลังโกรธแค้น พสุธาพังทลายลงต่อหน้า นภาถูกแผดเผาในดวงตาเขา
ต่อให้เป็นเทพเจ้า ราวกับในสายตาของเขาก็สังหารได้เช่นกัน
ที่มือด้านหลังของเขาแผ่ปราณกระบี่ออกมามหาศาล เปล่งแสงสีขาวเจิดจ้าและสมจริงในคราวเดียวออกมาทั้งร่าง ราวกับว่าร่างจริงของเขายืนอยู่ตรงนั้น สั่นสะเทือนทั่วทุกสารทิศ
เขา คือมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่องค์สุดท้ายของเผ่ามนุษย์ เป็นมหาจักรพรรดิองค์เดียวที่ไม่ตามจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวไป คอยปกปักษ์รักษาเผ่ามนุษย์ ต่อสู้เพื่อเผ่ามนุษย์จนตัวตาย จักรพรรดิครองกระบี่นั่นเอง
ขณะที่จ้องมองรูปสลักของมหาจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ สวี่ชิงสูดหายใจเข้าลึกๆ ค้อมศรีษะลงเล็กน้อยด้วยความเคารพ จากนั้นจึงหันไปถามคำถามที่เขาหาคำตอบไม่ได้มาเนิ่นนานกับองค์หญิงอันไห่
“พลังบำเพ็ญของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวคืออะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อสวี่ชิงกล่าวออกมา ฝูงชนรอบข้างต่างหูผึ่ง นายกองก็แสดงท่าทีสงสัยออกมาเช่นกัน มีเพียงจื่อเสวียนเท่านั้นที่ยังจดจ้องดาราจักรพรรดิโบราณจนถึงบัดนี้
อันไห่เงียบไปนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ
“พลังบำเพ็ญของจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวเป็นปริศนา แต่มีบันทึกในบันทึกรัชสมัยจักรพรรดิโบราณ
“ในตอนท้ายของบันทึกโบราณ จักรพรรดิเสด็จมาจากทักษิณทิศ เหยียบย่ำรับเสร็จราชัน ผืนแผ่นดินสั่นสะเทือน วิถีสวรรค์ประทานพรจากฟากฟ้า ยกย่องให้พระองค์เป็นกึ่งเซียน อีกสามพันปีหลังจากนั้น เผ่ามนุษย์ทรงอำนาจ หมื่นเผ่าต้องยอมศิโรราบ มหาจักรพรรดิยังต้องโค้งคำนับ ยกย่องให้เป็นเซียนคิมหันต์”
“เซียนคิมหันต์!” ดวงตาสวี่ชิงหรี่ลง จื่อเสวียนที่อยู่ข้างๆ โพล่งขึ้นมาฉับพลัน
“ท่านคือเซียนคิมหันต์องค์สุดท้าย…ของหมื่นเผ่ามานับหลายปี”
คำพูดของจื่อเสวียน ทำให้ทุกคนต่างหันไปมอง องค์หญิงอันไห่ก็ตกตะลึง จ้องมองไปทางจื่อเสวียน
จื่อเสวียนหลับตาลงไม่กล่าวอะไรอีก
ทุกคนต่างเงียบงัน
สวี่ชิงสังเกตเห็นสีหน้าคะนึงหาบนใบหน้าของจื่อเสวียนตั้งนานแล้ว จึงเดินมุ่งหน้าไปที่เมืองหลวงจักรพรรดิโดยไม่เอ่ยถามต่อ
เมื่อกลุ่มคนเข้าใกล้ รูปสลักของจักรพรรดิครองกระบี่เบื้องหน้าก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ
เจดีย์ทมิฬที่กั้นระหว่างรูปสลักเหล่านี้ก็ส่องแสงหม่นออกมา ค่ายกลไร้รูปแบบและผนึกต้องห้ามแผ่ซ่านออกมาจากเจดีย์ทมิฬทุกองค์ ประสานเข้าหากัน ครอบคลุมวงแหวนชั้นในทั้งหมดของเมืองหลวงจักรพรรดิ
ในขณะเดียวกันจิตเทพแต่ละทาง สายตาแต่ละคู่ก็จับจ้องกลุ่มของสวี่ชิงจากที่ต่างๆ ของวงแหวนชั้นในเมืองหลวงจักรพรรดิและขั้วอำนาจต่างๆ
จิตเทพและสายตาเหล่านี้แฝงความระแวดระวัง บ้างแฝงความซับซ้อน บ้างเต็มไปด้วยความสงสัย บ้างฉายแววเป็นปฏิปักษ์ และบ้างกำลังพินิจพิเคราะห์…
แม้สวี่ชิงจะไม่เคยมาเยือนเมืองหลวงจักรพรรดิ แต่ชื่อของเขาก็ขจรขจายไปทั่วแดนใหญ่เมืองหลวงจักรพรรดินานแล้ว
เจ้าแห่งแดนใหญ่ เบื้องหลังมีเตรียมสู่เทวะมากมาย เป็นหัวหน้านักบวชเผ่าฟ้าทมิฬ เข้าร่วมการสังหารเทพเจ้า แม้แต่อ๋องเทียนหลันยังดับสูญเพราะคนผู้นี้…
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้เขากลายเป็นบุคคลสำคัญ ทำให้บรรดาองค์หญิงองค์ชายกระทั่งผู้มีอำนาจต่างๆ ในวังวนเมืองหลวงจักรพรรดินี้ยากจะหมางเมิน ดังนั้นตั้งแต่เสี้ยวขณะที่สวี่ชิงเข้าสู่ค่ายกลส่งข้าม ข้อมูลและอดีตที่มาของเขาก็ถูกศึกษาโดยละเอียด
จนกระทั่งบัดนี้ เขามาถึงแล้ว
เบื้องหน้าวงแหวนชั้นในเมืองหลวงจักรพรรดิ ย่างก้าวของพวกสวี่ชิงค่อยๆ หยุดลง เหนือความว่างเปล่า
สวี่ชิงยืนอยู่กับที่ มองเมืองหลวงจักรพรรดิเบื้องหน้า สัมผัสได้ถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่เล็ดลอดออกมาจากค่ายกลใหญ่ของเมืองหลวงจักรพรรดิ ซึ่งแฝงด้วยอำนาจคุกคาม ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกสอดส่องบางอย่าง
ขอเพียงก้าวเข้าไปในค่ายกลนั้น ความลับทุกอย่างหรือแม้แต่สิ่งของในถุงเก็บของ จะต้องถูกค่ายกลเปิดเผย
ปกติแล้ว การตรวจตรามักจะไม่เข้มงวด เว้นแต่ในสถานการณ์พิเศษ อย่างไรก็มีผู้คนมากมายเดินทางเข้าออกเมืองหลวงจักรพรรดิ และแต่ละคนต่างมีความลับ
สวี่ชิงขมวดคิ้ว มองอันไห่ที่อยู่ข้างกาย
องค์หญิงอันไห่ก็ขมวดคิ้วเช่นกัน นางหยิบแผ่นหยกออกมา ส่งสื่อเสียงด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“หลายวันก่อนมีสายลับต่างเผ่าปรากฏตัวขึ้น กระตุ้นค่ายกลเมืองหลวงจักรพรรดิ ทำให้ค่ายกลที่ทำงานจากสถานะปกติเป็นสถานะเฝ้าระวัง…
“แสดงว่ามีคนใช้หลักการของค่ายกลของเมืองหลวงจักรพรรดิตรวจสอบพวกเราด้วยวิธีการที่หาจุดบกพร่องไม่เจอ น่าสนใจยิ่งนัก คนเมืองหลวงจักรพรรดิช่างเฉลียวฉลาดราวกับลิง วิธีการแยบยลนัก”
นายกองร่างไหววูบ เดินมาหาสวี่ชิงพร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้ม