ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 801 การมาเยือนของแผ่นดินเทวะ
บทที่ 801 การมาเยือนของแผ่นดินเทวะ
จักรพรรดิแผดเสียงคำรามดุจฟ้าร้องกึกก้องไปทั่วฟากฟ้า
น่าตะลึงพรึงเพริดราวกับสวรรค์และแผ่นดินต่างสั่นสะเทือนไปพร้อมกัน
เสียงนี้เหนือกว่าพระราชโองการ เหนือกว่าพลังวิเศษ เหนือกว่าเจตจำนงใดๆ ทั้งปวง
นั่นคือวาจาสิทธิ์แห่งจักรพรรดิ แสดงถึงมรดก อารยธรรมและจิตสำนึกของเผ่ามนุษย์
เสียงนั้นทรงพลัง ถ้อยวจีสะเทือนสวรรค์
เมืองหลวงจักรพรรดิสั่นสะเทือนในทันที ราวกับพายุพัดถล่มทุกทิศทาง อาคารบ้านเรือนสั่นไหวอย่างรุนแรง ผู้คนต่างอกสั่นขวัญแขวนอย่างไม่อาจเลี่ยง
เมื่อเสียงนั้นเดินทางมาถึงวังศึกษา มันทะลุผ่านชั้นฟ้าเหนือพื้นที่บริเวณนี้ ดุจระฆังใหญ่แผดเสียงก้องกังวานไปทั่ว เหล่าผู้ศึกษาต่างรูสึกยำเกรง ต่างคารวะไปทางรูปปั้นจักรพรรดิอย่างควบคุมไม่ได้
คารวะจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวแห่งแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ หลังจากจักรพรรดิโบราณเสวียนโยวล่วงลับไป
คารวะจักรพรรดิครองกระบี่ผู้ปกป้องมนุษย์มาจวบจนทุกวันนี้ แม้นกายดับสิ้นไปแล้ว ยังคงทิ้งร่างอวตารไว้สู้รบเพื่อเผ่ามนุษย์สืบไป!
ทันใดนั้นเหล่าผู้ศึกษาและกองกำลังต่างๆ ในเมืองหลวงจักรพรรดิ รวมถึงเผ่ามนุษย์นับไม่ถ้วน ต่างก้มศีรษะลงโดยสัญชาตญาณ
แม้แต่จักรพรรดิมนุษย์และเหล่าอ๋องสวรรค์ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของพระองค์ ยังแสดงสีหน้าเคารพนับถือ และก้มลงคำนับพระองค์
สวี่ชิงก็เช่นกัน ในใจยังมีถ้อยคำหนึ่งก้องกังวานอยู่
“สหายน้อย ข้าขอยืมกระบี่สักครั้ง”
ทันที่ถ้อยคำดังกล่าวผุดขึ้นในใจ ร่างกายของเขาพลันเปล่งแสงสีทองออกมา แสงนี้ระเบิดออกและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ในพริบตาเดียวกลับกลายไปเป็นทะเลแสงอีกครา
กระบี่จักรพรรดิมนุษย์ในกายเขา ส่งผ่านเจตจำนงออกมา ราวกับกำลังขออนุญาตจากสวี่ชิง
กระบี่เล่มนี้ เคยเป็นของจักรพรรดิครองกระบี่ และตอนนี้…เป็นของสวี่ชิง
สวี่ชิงคือผู้ครองกระบี่คนปัจจุบัน
และจักรพรรดิครองกระบี่สามารถบังคับเรียกใช้ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าด้วยสติปัญญาของจักรพรรดิแน่นอนว่าจะไม่มีทางทำผิดพลาด และจะไม่ปล่อยให้ผู้สืบทอดตำแหน่งผู้ครองกระบี่คนถัดไปที่พระองค์ทรงเลือกมาเกิดความคับข้องใจต่อกระบี่จักรพรรดิ
ดังนั้นพระองค์จึงตรัสถ้อยคำนี้ออกมา
สวี่ชิงเห็นชอบ ในวินาทีถัดไปกระบี่จักรพรรดิจึงพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา
มันลอยอยู่กลางเวหาตามพระประสงค์ของจักรพรรดิ
กระบี่ชี้ไปทางแผ่นดินเทวะ พลานุภาพกระบี่แผ่ซ่าน ท้องฟ้าปรากฏรอยแยก แผ่ขยายไปทั่วทั้งวังศึกษาและเมืองหลวงจักรพรรดิ
ปราณกระบี่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ทั่วทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิ กระบี่ของเหล่าผู้ครองกระบี่ทุกคนล้วนสั่นไหวอย่างพร้อมเพรียง และลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่อาจควบคุมได้ ชี้ไปทางวังศึกษา
จำนวนที่แน่ชัดนั้นยากจะนับได้ เรียกได้ว่านับไม่ถ้วน
จิตสังหารทั้งจากภายในและภายนอกก่อตัวขึ้นอย่างต่อ พุ่งเป้าไปยังวังศึกษา
แม้แต่ดาราจักรพรรดิโบราณมหึมายังส่งเสียงพายุคลั่งออกมา
ร่างนักปราชญ์เผ่ามนุษย์ปรากฏตัวขึ้นทีละคน หมอกบนดาวอากาศธาตุหมุนวนดุจมังกรดวงชะตาเผ่ามนุษย์ในขณะนั้นมารวมกันจากทุกทิศทาง ก่อตัวเป็นใบหน้ามนุษย์ขนาดใหญ่
กร้านโลก สง่างาม นั่นคือใบหน้าของจักรพรรดิครองกระบี่
บนท้องฟ้าเหนือวังศึกษา ร่างกายของไป๋เซียวจัวหยุดชะงัก
เงาแผ่นดินเทวะที่ปกคลุมท้องฟ้าหยุดชะงักตามไปด้วย ไม่แผ่ขยายออกไปอีก
วิกฤตครั้งใหญ่สั่นคลอนทุกสรรพสิ่ง
สิ่งมีชีวิตประหลาดทั้งหมดภายในเงาแผ่นดินเทวะ ต่างแหงนหน้าขึ้น ในขณะที่รับรู้ถึงอันตราย ก็แผ่กลิ่นอายเกรี้ยวกราดออกมา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรงกลมสีดำขนาดใหญ่ แม้ตัวจะหยุดชะงักเช่นกัน ทว่าดวงตาแตั้งตรงกลับเผยความเยือกเย็นออกมา มันมองผ่านความว่างเปล่า ไปยังเมืองหลวงจักรพรรดิ มองตรงไปยังจักรพรรดิครองกระบี่
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นฉับพลันราวกับสงครามกำลังจะปะทุขึ้น
ในขณะที่ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างกลั้นหายใจโดยสัญชาตญาณ เสียงเย็นยะเยือกก็แว่วมาจากจักรพรรดิครองกระบี่อีกครั้ง
“ไปให้พ้น!”
จักรพรรดิครองกระบี่สีหน้าไร้อารมณ์ สุรเสียงดุจฟ้าร้อง ลอยเข้าไปในแผ่นดินเทวะ ก่อให้เกิดพายุด้านใน
ฟ้าถล่มดินทลาย ทรงพลังอย่างยิ่งยวด
ทรงกลมสีดำในแผ่นดินเทวะดีดดิ้นไปมาสองสามครั้ง ดวงตาตั้งตรงเต็มไปด้วยความลุ่มลึก มองจักรพรรดิมนุษย์อย่างพินิจ
ครู่หนึ่งให้หลัง ดวงตานี้จึงค่อยๆ หดตัวลง
การหดตัวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อแผ่นดินเทวะทั้งหมด ทำให้ตัวแผ่นดินเทวะบนท้องฟ้าของวังศึกษาเริ่มหดตัว และกลายเป็นรอยแยกในที่สุด
องค์ท่าน ยังเลือกที่จะถอยหนี
ในขณะเดียวกัน ไป๋เซียวจัวที่อยู่ใต้มองไปทางจักรพรรดิครองกระบี่ ก้มศีรษะลงคารวะ จากนั้นร่างกายก็สั่นไหวกลายเป็นสายรุ้งพุ่งตรงไปยังรอยแยกของเงาบนท้องฟ้า
ที่จะจากไปจากที่นั่น…!
นี่คือจุดประสงค์ที่เขาอัญเชิญแผ่นดินเทวะมา และนี่คือทางหนีที่เขาเตรียมไว้ให้ตัวเองหลังจากการแสดง
จักรพรรดิครองกระบี่ไม่ตรัสอะไรต่อ กระบี่จักรพรรดิมนุษย์ที่ลอยอยู่กลางอากาศก็ไม่ได้ขัดขวาง
เมื่อเห็นว่าไป๋เซียวจัวกำลังจะหนีไป สวี่ชิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และทันใดนั้นเองก็มีผู้ไม่ต้องการให้ไป๋เซียวจัวหนีไปส่งเสียงทุ้มออกมา
“ยังแสดงไม่จบ จะรีบหนีไปไหน”
ผู้พูดคือจักรพรรดิมนุษย์
ทันทีที่ถ้อยคำดังกล่าวดังขึ้น จักรพรรดิมนุษย์ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นคว้าแผ่นฟ้าเหนือวังศึกษา
จักรพรรดิมนุษย์ระเบิดพลังออกมาจากฝ่าพระหัตถ์ คลื่นความผันผวนที่เหนือกว่าการมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ สั่นสะเทือนผืนฟ้า ครอบงำโลกา น่าตกตะลึง
ท้องฟ้าเหนือวังศึกษามืดมิดลงทันใด ฝ่ามือใหญ่ยักษ์ปรากฏขึ้น ลายมือชัดเจน ดุจเมฆดำบดบังทุกสรรพสิ่ง
บดบังกระทั่งรอยแยกแผ่นดินเทวะ ขวางทางไป๋เซียวจัว
ดูเหมือนว่าพระองค์สามารถบดขยี้วังศึกษาเป็นจุณได้ด้วยฝ่าพระหัตถ์เดียว
เหล่าอ๋องสวรรค์ทั้งสิบสาม ต่างลดศีรษะลง สรรพสิ่งต่างอกสั่นขวัญแขวน แม้กลิ่นอายของจักรพรรดิมนุษย์เทียบไม่ได้กับจักรพรรดิครองกระบี่ แต่ก็เหนือกว่าใครๆ นี่คือ…พลังแห่งเจ้าเหนือหัว!
ภายใต้ฝ่าพระหัตถ์ วิถีสวรรค์ของทุกคน คือวิถีสวรรค์ของพระองค์
กฎเกณฑ์ของทุกคน คือกฎเกณฑ์ของพระองค์
การเปลี่ยนแปลงทั้งปวง พลังทั้งหลายล้วนอยู่ในห้วงความคิดของพระองค์
ยิ่งไปกว่านั้น หากจักรพรรดิมนุษย์ต้องการ พระองค์สามารถทำให้ผู้บำเพ็ญทั้งหมดใต้ฝ่าพระหัตถ์ของพระองค์ กลายเป็นปุถุชนได้ในพริบตา
ยิ่งไปกว่านั้นพระองค์ทรงมีดวงชะตาเผ่ามนุษย์เข้มข้นอยู่ในเงื้อมือ ทำให้แสงสว่างแผ่กระจายพลังสะกดแผ่ไพศาลไปทั่วทั้งเมืองหลวงจักรพรรดิ
ร่างกายของไป๋เซียวจัวหยุดชะงักอีกครั้ง ยืนแน่นิ่งบนท้องฟ้าอย่างเงียบงัน
เขามองขึ้นไปยังแผ่นดินเทวะที่ถูกบดบังด้วยฝ่าพระหัตถ์จักรพรรดิมนุษย์ แล้วถอนหายใจเบาๆ
“ช่างเถอะ”
หลังจากพึมพำกับตัวเอง ไป๋เซียวจัวยกมือขวาขึ้น และคว้ากำความว่างเปล่า
ทันใดนั้น แสงสีดำหลายสายก็พลันปรากฏขึ้นจากห้วงอากาศ
รวมตัวกันบนมือขวาที่ยกขึ้น และในที่สุด…ก็ก่อตัวเป็นหัวใจที่เต้นอยู่
การเต้นของหัวใจแต่ละครั้ง ดุจฟ้าร้องคำราม แผ่ซ่านไอพลังประหลาด แผ่ซ่านพลังต้นกำเนิดเทพ เลือดสีดำไหลเวียน กลิ่นอายของมันสอดคล้องกับแผ่นดินเทวะ
เห็นได้ชัดว่า มันมาจากแผ่นดินเทวะ!
ไป๋เซียวจัวจ้องมองหัวใจดวงนี้ด้วยแววตาแน่วแน่ และกดมันลงที่ทรวงอก
ตำแหน่งหัวใจบนร่างกายของเขา เดิมทีเป็นร่องยุบลงไป หัวใจของเขาหายไป
ตอนนี้ เมื่อหัวใจดวงนี้ถูกใส่เข้าไป ร่างกายของไป๋เซียวจัวพลันสั่นไหวฉับพลัน เส้นเลือดแผ่ขยายทั่วดวงตากลายสีแดงก่ำ
กลิ่นอายของเขาพุ่งพล่านโดยฉับพลัน
พลังการต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากระดับเทียบเท่ามหาขั้นหวนสู่อนัตตาขั้นบริบูรณ์ พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
พลังต้นกำเนิดเทพไร้สิ้นสุดระเบิดไปทั่วร่างกายตามจังหวะการเต้นของหัวใจดวงนี้
ทุกที่ที่มันไหลผ่าน ร่องรอยปะติดปะต่อกันของร่างกายก็หายวับในพริบตา หลอมรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เปลี่ยนรูปลักษณ์ของเขาไปโดยสิ้นเชิง
ร่างกายใหญ่ยักษ์สีทมิฬ ลักษณะเหมือนทรงกลมรี โดยมีหนวดยุบยับมากมายขยับไปมาเกี่ยวพันกันเป็นแขนขา
ซ้ำยังมีขาลักษณะคล้ายเคียวงอกออกมาจากด้านหลัง ขาแต่ละข้างส่องประกายคมปลาบคล้ายจะฉีกทึ้งห้วงอากาศออกจากกันได้
ศีรษะของเขาไม่ได้ตั้งอยู่บนคอ หากแต่โผล่ออกมาจากทรวงอก
ตำแหน่งศีรษะเดิม บัดนี้ถูกแทนที่ด้วยดวงตาตั้งตรงขนาดยักษ์ ม่ประกายไฟฉายชัดในม่านตา
ดวงไฟนี้ไม่ธรรมดา มันแผ่กระจายกลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ และการมาเยือนอันน่าสะพรึงกลัว
ที่ด้านหลังของเขายังแผ่ขยายออกคล้ายร่างของกิ้งกือ
รูปร่างของเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป
ผู้ที่ไม่เคยเห็นร่างจริงของเสี้ยวหน้า รูปร่างในตอนนี้ของไป๋เซียวจัวนั้นแปลกตาอย่างยิ่ง
แต่สำหรับสวี่ชิง ร่างนี้มีความหมายต่างออกไป มันคล้ายคลึงกับเสี้ยวหน้าที่แท้จริง!
เพียงแต่สภาพดูน่าขยะแขยงเหลือจะเปรียบ แต่ประกายไฟในดวงตากลับทำให้ความรู้สึกกลมกลืนยิ่ง
ราวกับ…ในทัศนคติของแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ รูปลักษณ์นี้คือความงาม คือความจริง คือความสามัญ
สวรรค์เองก็มีความคิดเช่นนี้ ทว่าวิถีสวรรค์กลับเห็นต่าง ดังนั้นทุกคนที่พบเห็นจึงเกิดความรู้สึกขัดแย้งกันอย่างแปลกประหลาด
ด้วยเครื่องสังเวยระดับนี้ จึงได้มาซึ่งพลังต่อสู้ที่เหนือกว่ามหาขั้นหวนสู่อนัตตา น่าสะพรึงกลัวเข้าขั้นมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ
สำหรับผู้บำเพ็ญสายเซียน สัญลักษณ์ของมหาขั้นเตรียมสู่เทวะมคือมหาโลกา
แต่สำหรับผู้บำเพ็ญสายเทพ มาตรฐานของมหาขั้นเตรียมสู่เทวะคือประกายไฟเทวะ
หากสามารถเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์ ย่อมถือเป็นเทพเจ้า
เช่นเดียวกับโอรสลำดับสี่ของเจ้าเหนือหัวองค์ก่อน เขาเองก็เป็นบุตรเทพเจ้าพระจันทร์สีชาด เขาต้องการจะไต่เต้าจากขั้นประกายไฟ พยายามจุดไฟเทวะที่แท้จริงผ่านพิธีกรรมพิเศษ และกลายเป็นเทพเจ้า
บัดนี้เมื่อประกายไฟส่องสว่าง ด้วยพลังการต่อสู้ระดับมหาขั้นเตรียมสู่เทวะ ไป๋เซียวจัวในสภาวะเทพเจ้า ดูพร่าเลือนในสายตาของผู้คนมากมาย ยากจะมองเห็นใบหน้าที่แท้จริง เพราะเขาได้มีคุณสมบัติบางอย่างของเทพเจ้าแล้ว
นั่นคือไม่อาจมองตรงๆ ได้
และในขณะที่ไป๋เซียวจัวแสดงสภาวะเทพเจ้า ท้องฟ้าที่เหลือเพียงรอยแยก ถูกบดบังด้วยฝ่าพระหัตถ์จักรพรรดิมนุษย์ ก็แผ่ขยายออกอย่างกะทันหัน ตามมาด้วยเสียงคำรามกึกก้องไปทั่ววังศึกษา และทั่วเมืองหลวงจักรพรรดิ
เมื่อเสียงคำรามดังขึ้น ฝ่าพระหัตถ์ใหญ่ยักษ์ของจักรพรรดิมนุษย์พลันสั่นสะเทือน ถูกแรงกระแทกผลักกระเด็น เผยให้เห็นรอยแยกแผ่นดินเทวะที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว และ…ทรงกลมสีดำที่กำลังจะพุ่งออกมาจากรอยแยก
ใบหน้าทั้งหมดบนทรงกลมต่างกู่ร้องสรรเสริญ
“พลังหยางสองพิธีกรรมผสานดวงตาแห่งเทพบรรพกาล บังเกิดแสงแห่งนภาสุกสกาวส่องสว่างในดินแดนต้องประสงค์ ทอดเงาแผ่คลุมแผ่นดินแห่งเทวะ”
“พระนามเจ้าแห่งดวงตะวัน เทพเจ้าแห่งจักรวาล เทียนประทีปอันศักดิ์สิทธิ์”
เสียงแปลกประหลาดแผ่ไปทั่ววังศึกษา ผู้ศึกษาหลายคนดวงตาพร่ามัว และต่างสรรเสริญไปพร้อมกัน และหากสังเกตดีๆ จะพบว่าเสียงสรรเสริญทั้งหมดล้วนมาจากสายผสานเทพ
เหตุการณ์นี้ ทำให้ผู้ศึกษาคนอื่นๆ หวาดผวา กระบี่ของจักรพรรดิครองกระบี่พุ่งตรงไปยังทรงกลมสีดำในรอยแยกแผ่นดินเทวะฉับพลัน
ขณะเดียวกัน ไป๋เซียวจัวในสภาวะเทพเจ้าก็เคลื่อนไหว!
เป้าหมายของเขา ไม่ใช่ฝ่าพระหัถต์จักรพรรดิมนุษย์ที่ดึงกลับไป ไม่ใช่การเลือกที่จะกลับไปยังแผ่นดินเทวะ แต่คือ…สวี่ชิงที่อยู่บนแท่นมรรคาสีขาวเบื้องล่าง!
จิตสังหารในแววตาปะทุขึ้น พุ่งเข้าชนเข้ากับแนวป้องกันของวังศึกษาด้วยความเร็วยิ่งยวดเหนือการเคลื่อนย้ายชั่วพริบตา และระยะเวลาแม่นยำ เพียงชั่วประกายไฟวูบไหว
ชนเข้าอย่างจัง ไม่มีการหยุดชะงัก
แนวป้องกันของวังศึกษาส่งเสียงคำราม รอยแตกนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในทันที ซ่อมแซมไม่ทันการ พังทลายลงในทันที กลายเป็นเศษซากชิ้นส่วนกองพะเนิน กระจัดกระจายไปทั่ว บางส่วนถูกพัดไปทางสวี่ชิง
ส่วนร่างของไป๋เซียวจัวเร็วกว่านั้น เร็วกว่าเศษชิ้นส่วนเหล่านั้น ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าสวี่ชิงในชั่วพริบตา
ไม่พูดพร่ำทำเพลง หนวดมากมายบนร่างพุ่งเข้าใส่สวี่ชิง หมายจะสังหารให้สิ้น