ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 805 วิถีพุทธองค์ปีศาจเพลิงโรยรา
บทที่ 805 วิถีพุทธองค์ปีศาจเพลิงโรยรา
ราตรีมืดมิดดุจน้ำหมึก แสงดาวระยับจับตา ดวงจันทร์สว่างลอยอยู่บนท้องฟ้า แสงจันทร์สุกสกาวสาดส่องผืนแผ่นดิน แต่เมื่อส่องถึงถนนยาวสายหนึ่งในเมืองหลวงจักรพรรดิ แสงจันทร์กลายเป็นสีม่วง ประหนึ่งคลุมผ้าสีม่วงโปร่งบางให้ที่นี่ชั้นหนึ่ง
นอกจากผ้าโปร่งสีม่วง ลมหนาวพัดผ่าน กิ่งแห้งใบไม้เหี่ยวเฉาส่งเสียงดังแสกๆ เงาต้นไม้จากที่ไกลดูเป็นระเบียบในความสลัว คล้ายกำลังบอกความลับกับค่ำคืนมืดมิด
และในผ้าโปร่งสีม่วง ลมหนาวหวีดหวิว ไล่จู่โจมเงาร่างที่ถอยหลังเร็วรี่ซึ่งท้าทายราตรีมืดมิด ประดุจได้สัมผัสพลังอำนาจของฝ่ายที่เหนือกว่า
พื้นดินบนถนนสายยาวแตกแยก เงาร่างที่ถอยหลังนั้นตกถึงพื้น วาดร่องรอยยาวๆ สองสายบนพื้นดิน ยันพื้นด้วยมือเดียวในระยะหลายสิบจั้งถึงจะประคองร่างไว้ได้
ภายใต้แสงจันทร์สีม่วง เห็นได้ว่าคนผู้นั้นคือสตรีลึกลับ นางในยามนี้ไม่ได้สุขุมเช่นก่อนหน้านั้น หน้ากากบนหน้าปรากฏรอยแตก นัยน์ตาฉายประกายลึกลับ จับจ้องสวี่ชิงที่เดินมาหานางในแสงจันทร์
“ลือกันว่าเจ้าเคยชิงพลังต้นกำเนิดเทพของชื่อหมู่ ก่อนหน้านี้ในวังศึกษาเจ้าก็ไม่ได้ลงมือมาก ข้ารู้สึกไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร บัดนี้แสงจันทร์เปลี่ยนสีเพราะเจ้า ดูท่าคำเล่าลือจะเป็นจริง”
สวี่ชิงสีหน้าปกติ เขาเดินในแสงจันทร์ดุจเป็นอาณาจักรของตน หลังเดินไปหานาง สีม่วงรอบกายเขาขยายใหญ่ อาบย้อมฟ้าดิน แทรกซึมทั่วทิศ เกิดเป็นเงาเทพเจ้าน่าหวาดกลัว กลืนกินทุกสิ่ง เหลือเพียงแสงจันทร์ดุจสายน้ำสาดทั่วผืนแผ่นดิน
“แต่ว่า ยิ่งเป็นเช่นนี้ ข้ายิ่งสนใจมากกว่าเดิม
“ลงมือคราวก่อน ข้าไม่อยากเผยตนที่สำนักย่อยยอดจักรพรรดิดาราให้ยุ่งยากเกินความจำเป็น จึงไม่ได้ใช้วิชาลับ แต่ครั้งนี้…”
ประกายลึกลับในดวงตานางพลันปรากฏเงาปีศาจ ตาซ้ายเป็นทารกขดตัว ตาขวาเป็นหญิงชราหลังค่อม ต่างแผ่กลิ่นอาย รวมกันเป็นพลังประหลาดแฝงความเป็นความตายปรากฏขึ้นบนกายนาง
ยิ่งเกิดเป็นสีขาวดำด้านหลังนาง ต่างกลายเป็นรูปพัด แบ่งเป็นซ้ายขวา หมุนรอบกันและกัน สะเทือนกฎฟ้าดิน สะท้านระเบียบในโลกหล้า พลังอำนาจน่าตื่นตะลึง
ตอนอยู่นอกสำนักย่อยยอดจักรพรรดิดารา เขาก็สัมผัสได้ว่ากลิ่นอายอีกฝ่ายแปลกประหลาด คล้ายเทพไม่ใช่เทพ คล้ายผู้บำเพ็ญแต่ไม่ใช่ ตอนนั้นเรื่องนี้ก็ดึงดูดความสนใจของเขา บัดนี้ประมืออีกครั้ง ความรู้สึกนี้จึงยิ่งชัดเจน
“พูดมากเสียจริง”
สวี่ชิงกล่าวคำเรียบนิ่ง ขณะยกมือขวาขึ้นโบก แสงจันทร์สีม่วงรอบด้านสุกใสในพริบตา ราวกับกลายเป็นของจับต้องได้ เป็นลำแสงดุจหอกยาวพุ่งไปยังสตรีลึกลับสายแล้วสายเล่า
มองไกลๆ แสงจันทร์หลายหมื่นสายบีบเข้ามาจากรอบทิศ เร็วยิ่งกว่าสายฟ้า ปกคลุมทั่วทุกที่ ทำให้สตรีลึกลับผู้นั้นไม่อาจหลบเลี่ยง
ช่วงวิกฤติสำคัญ สตรีลึกลับม่านตาหดเล็กลง สองมือพลันยกทำมุทราโบกออกไปอย่างรวดเร็ว สีขาวดำรูปพัดข้างหลังนางห่อหุ้มนางไว้ดุจปีกทันใด
เสียงเลื่อนลั่นก้องสะท้อน หอกแสงจันทร์ทั้งหลายพุ่งลงมาทั้งหมดพร้อมพลังสังหารแฝงอานุภาพทำลายล้าง
สองปีกขาวดำสะเทือนไม่หยุด แม้ป้องกันไว้ทั้งหมด แต่การโจมตีจากแสงจันทร์ยังทำให้สตรีข้างในกระอักเลือด ทว่าสุดท้ายนางก็ต้านทานการโจมตีนี้ไว้ได้
นัยน์ตาสวี่ชิงฉายแววเฉียบขาด ร่างกายพุ่งไปข้างหน้า สภาวะเทพเจ้าขั้นที่สามก่อรูปฉับพลันด้านหลัง ร่างดุร้ายตระหง่านเทียมฟ้า เข้าใกล้สตรีลึกลับพร้อมสวี่ชิง
และในยามนี้เอง เสียงนางทอดออกมาจากในสีขาวดำรูปพัด
“หนึ่งชีพจรแปลงสามวิญญาณ สามวิญญาณชุบเก้าเทพ เก้าเทพหลอมพุทธองค์ นี่คือ…วิถีพุทธองค์ปีศาจเพลิงโรยรา!”
พริบตาที่เสียงสตรีดังมา นภาเหนือร่างนางสะท้อนเสียงฟ้าผ่าอึมครึม สามยอดเขามายาผุดขึ้นจากความว่างเปล่า
เขาทั้งสามไม่ธรรมดา ลอยอยู่บนฟ้า ยอดเขาชี้หาพื้น
เขาหนึ่งเป็นน้ำค้างแข็งทั้งหมด สีขาวฟ้า แฝงไอเย็นไร้สิ้นสุด
เขาหนึ่งแดงฉานดุจโลหิต เห็นโครงกระดูกนับไม่ถ้วน ทะเลซากศพสูงเทียมฟ้า
เขาหนึ่งหินร้อนดั่งเพลิง อาบย้อมม่านฟ้า มากด้วยอานุภาพเลิศล้ำ
ขณะปรากฏ เขาทั้งสามพลันพุ่งมาทางสวี่ชิง เสียงหวีดแหลม กลิ่นอายของมันเปี่ยมด้วยความรู้สึกโบราณ
‘นี่มันพลังวิเศษอันใด! เก่าแก่ถึงเพียงนี้…’
สวี่ชิงสีหน้าอึมครึม ขณะเกิดความคิด ไหมวิญญาณพุ่งออกจากกายเขาเยอะกว่าเดิม ถักทอเป็นสภาวะเทพเจ้าขั้นที่หนึ่งกับสภาวะเทพเจ้าขั้นที่สองอยู่ข้างสภาวะเทพเจ้าขั้นที่สามกลางอากาศอย่างรวดเร็ว
มองไปในแสงจันทร์สีม่วง ร่างเทพเจ้าทั้งสามของสวี่ชิงปรากฏพร้อมกันอย่างไม่เคยมีมาก่อน
หากเปลี่ยนเป็นก่อนสังหารไป๋เซียวจัว สวี่ชิงทำไม่ได้ถึงจุดนี้ จำนวนไหมวิญญาณของเขาไม่อาจประคอง มีเพียงไหมวิญญาณสองล้านเส้นในตอนนี้ถึงจะทำให้เขาก่อร่างทั้งสามร่างได้ในคราวเดียว
ขณะปรากฏ ราวกับเทพเจ้าสามองค์ล้อมสวี่ชิงไว้ตรงกลางเป็นรูปสามเหลี่ยม ต่างเคลื่อนไหวมุ่งไปยังเขาทั้งสามที่หล่นจากท้องฟ้าตามปางมือของสวี่ชิง
ชั่วครู่ไอพลังประหลาดแผ่ขยาย รอบด้านเลือนราง พระจันทร์สีม่วงเด่นชัดถึงที่สุด
พริบตาต่อมา ร่างแรกของสวี่ชิงปล่อยหมัดใส่เขาน้ำค้างแข็ง ขณะเขาลูกนี้สะเทือนเลื่อนลั่น สภาวะเทพเจ้าขั้นที่สองมาถึง เข้าใกล้เขาลูกที่สอง หมอกพิษสีดำจู่โจมในทันที กลายเป็นจอมมารร่างมหึมา กลืนกินอย่างโหดเหี้ยม
จากนั้น สภาวะเทพเจ้าขั้นที่สามชูพระจันทร์สีม่วง กลายเป็นดวงดาวตกใส่เขาหินเพลิง
ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมพัดเมฆแผ่คลุม เขาสามลูกกลางอากาศสั่นรุนแรง ฉับพลันเกิดรอยแยกแผ่ลามไปเป็นทางๆ กระทั่งแตกทลายลงพร้อมเสียงดังสนั่น
เดิมพวกมันเป็นภาพมายา ยามนี้หลังจากแตกละเอียดจึงกลับสู่ความว่างเปล่า ไม่เหลือร่องรอย แต่ถ้ามองอย่างถ้วนถี่ จะเห็นได้ว่า…ตอนพวกมันหายไปมีแสงสีรุ้งวาบผ่านเศษชิ้นส่วนทั้งหลาย
แต่พลังวิเศษถูกทำลาย พลังสะท้อนกลับที่ตามมาก็ทำให้สตรีลึกลับผู้นั้นกระอักเลือดอีกครั้ง กลิ่นอายเบาบางลง ร่างกายโซเซถอยหลัง
‘การต่อสู้ของข้ากับนางมีความเคลื่อนไหวปานนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกพบเห็น ไม่ว่าค่ายกลเมืองหลวงจักรพรรดิหรือขั้วอำนาจแต่ละฝ่ายก็ไม่มีทางที่จะไม่รับรู้’
นัยน์ตาสวี่ชิงเปล่งประกายเย็นวาบ
‘แต่จนถึงตอนนี้ ที่นี่ยังคงเงียบสงบ…นอกจากจะเหมือนตอนข้าถูกลอบสังหารกลางดึกตอนนั้น หาไม่แล้วมีเพียงอีกหนึ่งความเป็นไปได้
‘ฐานะของสตรีผู้นี้…ไม่ธรรมดา!’
สวี่ชิงคิดถึงตรงนี้ ร่างกายพลันเคลื่อนไหว สภาวะเทพสามองค์ของเขาแผ่อำนาจเทพฉับพลันกลางอากาศ พุ่งเข้าหาสตรีผู้นั้นพร้อมกับสวี่ชิง
แม้มุมปากสตรีลึกลับมีเลือดซิบ แต่ชัดว่ายังไม่ยอมแพ้ ในประกายตาเลือนรางยังคงความยั่วยุ นางจ้องมองสวี่ชิง ตาขวาพลันปิดลง เหลือเพียงตาซ้ายลืมไว้
ในตาซ้าย ทารกที่ขดตัวขยับเล็กน้อย
ด้วยการขยับนี้ ปีกขาวในสองปีกสีขาวดำข้างหลังนางขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว แผ่ออกบนม่านฟ้า เผยให้เห็นม้วนภาพด้านใน
ม้วนภาพนั้นธรรมดานัก เป็นเพียงผืนดินที่มีหนองน้ำไร้สิ้นสุด
ขณะปรากฏ ปากนางท่องเสียงค่อย
“หนองน้ำ แดนดิน!”
เมื่อกล่าวคำนี้ ฟ้าดินเปลี่ยนพลัน เมืองหลวงจักรพรรดิคล้ายอันตรธาน และถนนสายยาวที่สวี่ชิงกับสตรีผู้นั้นอยู่ก็หายไป กลายเป็นแหล่งน้ำกว้างใหญ่ผืนหนึ่ง
ความรู้สึกอันตรายรุนแรงพลันผุดขึ้นในใจสวี่ชิง พริบตาต่อมา ใต้หนองน้ำมีเสียงอสูรยักษ์ดังสะเทือนฟ้า สะท้านหนองน้ำนี้ทั้งหมด
หลังจากนั้น เขาสัตว์ขนาดยักษ์เขาหนึ่งพุ่งจากใต้หนองน้ำขึ้นฟ้าประหนึ่งยอดเขา ตามด้วยอีกหลายเขาเฉียงเข้ามาหาสวี่ชิง
คลื่นน้ำซัดสาดรุนแรง ละอองน้ำพุ่งขึ้นเป็นพันชั้น ประหนึ่งม้านับหมื่นห้อตะบึง รัศมีอำนาจมหาศาล
เวลาคับขัน สวี่ชิงไม่ลังเลแม้เพียงนิด ร่างกายพุ่งขึ้น ยกสองมือทำปางประนมกลางอากาศ ชั่วพริบตาร่างเทพสามองค์รอบกายพลันเข้ามาหาสวี่ชิง หลอมรวมเป็นหนึ่งกับเขาทีละองค์
พริบตานั้น เงาร่างที่ผสานสภาวะเทพเจ้าสามชั้นองค์หนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางฟ้าดิน
ผลึกวารีเป็นกระดูก ไหมวิญญาณเป็นเนื้อ หมอกพิษกลายเป็นเกราะ วิถีสวรรค์เป็นตราประทับ ยังมีเตาไฟสามเตาเผาไหม้รุนแรงอยู่ในอก เกิดเป็นพลังน่าหวาดกลัว
พระจันทร์สีม่วงด้านหลังลอยขึ้น และข้างหลังพระจันทร์สีม่วง พลันปรากฏเงานาฬิกาแดดขนาดใหญ่ยักษ์ยิ่งกว่า
เงาแผ่ขยายปกคลุมทั่วทิศในยามนี้ เกิดเป็นเค้าลางของพื้นที่ต้องห้าม โลงศพที่ห้อยกับต้นไม้แห้งเหี่ยวในส่วนลึกสั่นไหวรวดเร็ว เสียงจับใจความไม่ได้ดังไปทั่วสารทิศ
นี่ก็คือการสำแดงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของสวี่ชิงในตอนนี้
เขายกมือขวาขึ้น ดันไปทางหนองน้ำ คำศักดิ์สิทธิ์ดังก้องในปาก
“วิถีพุทธองค์ปีศาจเพลิงโรยรา!”
เมื่อสวี่ชิงเอ่ยคำ นอกกายพลันมีแสงสีรุ้งระเบิดออกมา หลังแผ่ขยายทั่วทิศ ท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น ภูเขากลับหัวสามลูกที่ปรากฏก่อนหน้านั้นโผล่มาอีกครั้งทันใด
ฉากนี้ สตรีลึกลับเห็นแล้วสีหน้าพลันเปลี่ยนไป เผยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“เจ้า…”
ไม่รอนางพูดจบ แสงสีรุ้งในดวงตาสวี่ชิงแวววาม ยกมือขวาขึ้นชี้ผืนดิน ฉับพลันเขาน้ำค้างแข็งลูกแรกหล่นลงมาสนั่นหวั่นไหว พุ่งเข้าใส่เขาสัตว์ที่โผล่บนหนองน้ำด้วยพลังหมื่นจวิน
ขณะเสียงดังลั่นจนแทบหูหนวก แผ่นดินหนองน้ำกระเทือนเลื่อนลั่น จากนั้นเป็นเขาลูกที่สอง ตามด้วยเขาลูกที่สาม เขาสามลูกอัดปะทะ หนองน้ำสั่นสะเทือน ไหวคลอนทั่วพื้นที่
และการโจมตีสุดท้าย มาจากตัวสวี่ชิง ร่างกายเขาดุจดาวตก ทิ้งตัวลงกลางอากาศฉับพลัน ดิ่งหมัดลงบนแผ่นดินหนองน้ำ
เสียงคำรามไม่ยินยอมดังมาจากส่วนลึกของหนองน้ำ คล้ายสิ่งที่ซ่อนในนั้นอยากจะพุ่งออกมาเต็มทน แต่ติดด้วยเหตุผลบางอย่าง ไม่อาจทำได้ในเวลาสั้นๆ
ดังนั้นพื้นที่นี้จึงทลายลงก่อน ฟ้าดินกลับสู่สภาพเดิม
ภาพในพัดสีขาวด้านหลังสตรีลึกลับแตกกระจาย สีหน้านางฉายแววเหลือเชื่อ มองสวี่ชิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นดุจเทพมาร หมายจะสำแดงวิชาลับในตาขวา
“สันมือ…”
แต่เกิดพลังสะท้อนกลับต่อเนื่อง ทำให้หญิงชราในตาขวานางเพิ่งขยับ สีดำรูปพัดข้างหลังขยายออกแล้วสลายไปเอง
นางกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง ความเป็นความตายปรากฏ นางกำลังจะเอ่ยปาก
พริบตาเดียว เงาร่างของสวี่ชิงหายไปจากสายตานาง ครู่ต่อมานางรู้สึกว่าถูกพลังอันยิ่งใหญ่จู่โจม แม้นางใช้แรงทั้งหมดฝืนหลบการโจมตีจุดสำคัญถึงชีวิตได้ครั้งหนึ่ง แต่หลบฝ่ามือสวี่ชิงที่เปลี่ยนจากหมัดไม่ได้
หนึ่งฝ่ามือลงบนหน้านาง
หน้ากากแตกกระจาย เผยให้เห็นดวงหน้างดงาม แต่เลือดที่พ่นออกมากับใบหน้าครึ่งซีกที่ดำช้ำทำลายความงาม ร่างกายนางก็กระเด็นไปอย่างไม่อาจควบคุม
ไม่รอร่วงลงกับพื้น เงาร่างสวี่ชิงไล่ตามมาพร้อมเสียงดังสนั่น โผล่อยู่ข้างหลังนาง กริชเล่มหนึ่งปรากฏตอนมือขวายกขึ้น บั่นไปที่คอขาวผ่องของสตรีลึกลับอย่างโหดเหี้ยม
ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร ในเมื่อมาหาและลงมือก่อน สวี่ชิงก็ไม่เคยไว้ชีวิต
เลือดทะลักออกมา ศีรษะหลุดลอย
พร้อมกันนั้นไหมวิญญาณนับไม่ถ้วนกระจายออก พุ่งเข้าหาร่างกับหัวของสตรีผู้นี้ กลืนกินอย่างรวดเร็ว
กายเนื้อของนางกลายเป็นเถ้าธุลี
ทว่าสวี่ชิงขมวดหัวคิ้ว ไหมวิญญาณไม่ได้กลืนวิญญาณลงไปแต่อย่างใด ร่างกายนี้…ไม่มีวิญญาณ
พริบตาต่อมา สวี่ชิงสังเกตเห็นจุดที่นางกลายเป็นเถ้าธุลี ตรงนั้นฝุ่นละอองนับไม่ถ้วนกำลังรวมตัวในยามนี้ กลายเป็นผีเสื้อเปล่งประกายตัวหนึ่ง
ผีเสื้อนี้เป็นร่างมายา แสงแวววามงามตา อวดโฉมถึงที่สุด ขณะกระพือสองปีก แสงดาวนับไม่ถ้วนสาดส่องลงมา ยิ่งมีเสียงเยียบเย็นดังมาจากตัวมัน
“เจ้า…”
พริบตานั้น ไหมวิญญาณพุ่งไป ผีเสื้อแตกสลาย
แต่ไม่นานก็ก่อรูปขึ้นอีกครั้ง
สวี่ชิงสายตาเย็นชา
ทว่าเสียงของนางยังก้องสะท้อนต่อไป
“ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว ก็ควรหายโกรธด้วยกระมัง”
เสียงดังสนั่น ไหมวิญญาณหนึ่งล้านเส้นพุ่งไปอีก ผีเสื้อสลายร่วงหล่น แต่ไม่เหนือความคาดหมาย มันก่อรูปใหม่อีกครั้ง
“พอได้แล้ว!”
ตูม!
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป สวี่ชิงเดินไกลออกไปด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก ผีเสื้อก็ตามเขามาด้วย เสียงยังคงก้องสะท้อน
“เจ้านี่ใจแคบเสียจริง ยังไม่หายโกรธหรือ ก่อนหน้านี้ข้าหยอกเจ้าเล่น ถ้าเจ้ายังอยากสู้ เช่นนั้นเจ้าทำลายข้าอีกสักร้อยครั้งก็ได้
“โธ่ เจ้าเลิกโกรธได้แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าใคร่รู้ในวิชาของข้า และคงอยากรู้ที่มาของข้าด้วยกระมัง
“ข้า มาจากวังเซียนคิมหันต์
“รับคำสั่งของเจ้าวัง เชิญเจ้าไปพบที่วังเซียนคิมหันต์”
ฝีเท้าสวี่ชิงหยุดชะงัก