ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 830 เคราะห์หายนะกับจิตลืมเลือน
บทที่ 830 เคราะห์หายนะกับจิตลืมเลือน
ประตูแห่งความเป็นความตาย หนึ่งประโยคสองความหมาย
ผู้ที่ยอมจากประตูบานนี้ไปในสามลมปราณ นั่นคือเลือกมีชีวิตอยู่
ส่วนผู้ฝึกบำเพ็ญที่อยู่ต่อ กลับจะเลือกตาย
นี่คือความหมายชั้นแรก
ทว่าความหมายชั้นที่สอง กลับเป็นพลังพิเศษที่แฝงอยู่ในตัวเขตติงหนึ่งสามสองหลังมีสภาพสมบูรณ์
นั่นคืออำนาจเทพเจ้าเคราะห์หายนะ และเขตแดนจิตลืมเลือน
อำนาจเทพเจ้าอย่างแรกสามารถทำให้คนที่นี่ปิดประตูแล้วจมอยู่ในเคราะห์หายนะไร้สิ้นสุด จุดจบสุดท้ายมีเพียงความตาย
แต่จิตลืมเลือนอย่างหลังจะทำให้พวกเขาลืมว่าตายแล้ว และตายไปอีกครั้ง พวกเขาจึงถูกเคราะห์หายนะเติมเต็มจนกลายเป็นสิ่งมีชีวิตแปลกประหลาด
อย่างพวกศีรษะกับสิงโตหินก็เป็นสิ่งประหลาดประเภทนี้
ในขั้นหนึ่ง นี่คือผลผลิตหลังจากเทพกับเซียนผสานกันโดยเหนือความคาดหมาย
อย่างไรอำนาจเทพเจ้าก็มาจากเทพเจ้า แต่เขตแดนจิตมาจากพลังต่อต้านเทพเจ้าที่ผู้ฝึกบำเพ็ญค้นคว้า
นี่คือเขตติงหนึ่งสามสองหลังมีสภาพสมบูรณ์ การเผยพลังที่แท้จริงของมันยังมีมากกว่านั้น ทางด้านผนึก เขตติงหนึ่งสามสองก็บรรลุขั้นสูงสุดเช่นกัน
ต้องมีพลังต่อต้านเคราะห์หายนะกับจิตลืมเลือนในเวลาเดียวกัน หรือไม่ก็ฝืนระเบิดออกไปด้วยพลังบดขยี้ ไม่อย่างนั้นจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้
นี่ก็เป็นแผนก่อนหน้านี้ของสวี่ชิง เป็นหลักการที่เขาพูดเช่นเดียวกัน เขาจึงเปิดประตูให้เวลาผู้ฝึกบำเพ็ญที่นี่ออกไปก่อน
ฉากนี้ ตกอยู่ในสายตาผู้สูงศักดิ์เผ่านภาคิมหันต์ในตำหนักสีทองกลางอากาศนอกเขตติงหนึ่งสามสอง นัยน์ตาเขาจับมอง สายตาวูบไหวเล็กน้อย
เขาย่อมเห็นความผิดปกติในคุกแห่งนี้ ทั้งยังสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเผ่ามนุษย์ที่มาจากในนั้น
ดังนั้นสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าเขาคือทางเลือก
จะไปหยุดหรือไม่
‘เหตุใดข้าต้องหยุด เป้าหมายของมหกรรมออกล่าคือการคัดเลือกเมล็ดพันธุ์จากกลุ่มเผ่าอยู่แล้ว และโลกนี้ผู้อ่อนแอย่อมเป็นอาหารของผู้แข็งแกร่ง ตกต่ำรุ่งโรจน์ล้วนตามแต่โชคชะตา เผ่ามนุษย์แข็งแกร่งปานนั้น การมาเยือนของข้าจะยิ่งกระตุ้นพวกอ่อนอาวุโสทะนงตนในเผ่าเหล่านั้น’
‘อีกอย่าง เจ้าหนุ่มเผ่ามนุษย์ผู้นี้ก็ไม่รู้มีคนอื่นสอนหรือเปล่า ทำการมีขั้นมีตอนทีเดียว ถึงกับเปิดประตูให้โอกาสคนไปก่อน’
ผู้สูงศักดิ์เผ่านภาคิมหันต์ครุ่นคิด ยิ้มเล็กน้อย สายตาที่มองไปยังสวี่ชิงมีความชื่นชมเพิ่มมาส่วนหนึ่ง และเห็นล่วงหน้าว่าพื้นที่ต้องห้ามผืนนี้ของตนจะกลายเป็นสีเลือด
“ไม่เลว น่าสนใจ”
ผู้สูงศักดิ์เผ่านภาคิมหันต์นอกเขตติงหนึ่งสามสองเลือกที่จะไม่แทรกแซง ดังนั้นยามนี้สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญนภาคิมหันต์แต่ละเผ่าในเขตติงหนึ่งสามสอง สิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าพวกเขาก็เป็นทางเลือกเช่นกัน
จากไป หรือว่าอยู่ต่อ
หากเปลี่ยนเป็นสวี่ชิงไม่ได้ฆ่าผู้ฝึกบำเพ็ญเขาลูกที่เก้าอย่างทุกข์ทรมาน เช่นนั้นโดยทั่วไปทุกคนล้วนจะเลือกอยู่ต่อและมองข้ามคำพูดของสวี่ชิง
แต่หลังจากเห็นสวี่ชิงสังหารผู้ฝึกบำเพ็ญเขาลูกที่เก้ากับตา ทั้งยังใช้วิชาประหลาดตะเกียงดับคนสิ้นชีพกับเทียนหลิงจื่อ คำพูดของเขาก็มีอำนาจบังคับใช้ทันที
และพฤติกรรมแปลกๆ ที่มาจากพวกศีรษะกับนิ้วมือเทพเจ้า ความประหลาดที่เกิดจากทั้งหมดนี้ก็เป็นต้นตอที่ทำให้คนพรั่นพรึงเช่นกัน
สุดท้าย มีผู้ฝึกบำเพ็ญสามส่วนกัดฟันเร่งความเร็ว ละทิ้งการแย่งชิงในที่นี้และพุ่งไปทางออกของเขตติงหนึ่งสามสอง
อย่างไรเสีย ไม่ใช่ทุกคนจะยินดีเสียสติในเวลานี้
การจากไปของพวกเขาไม่ได้ถูกขัดขวาง พริบตาเดียวก็ลอยออกจากคุกไปทีละคน
แต่ในเจ็ดส่วนที่เหลือ ยังมีส่วนหนึ่งดวงตาเปี่ยมความเยียบเย็น ด้วยความมั่นใจของแต่ละคนรวมถึงความคิดว่าคนมากกำลังมาก พวกเขาเชื่อว่าไปสู้ได้
ในฐานะกลุ่มเผ่านภาคิมหันต์ แนวคิดตั้งแต่เด็กของพวกเขาคือการสังหาร คือการแย่งชิง ขอเพียงผลประโยชน์มากพอ เช่นนั้นก็สามารสู้สุดแรง
ชัดทีเดียว ภูเขาต้องห้ามเหนือศีรษะสวี่ชิงทำให้คุณค่าของเขาเกินตัวพื้นที่ต้องห้าม ด้านผลประโยชน์จึงมากพอ
นอกจากนั้น ยังมีส่วนหนึ่งลังเล เห็นมีคนออกไปสำเร็จ ในใจพวกเขายังคงเลือก แต่เวลาสายไปแล้ว
สามลมปราณไหลผ่านไป
ประตูคุกเขตติงหนึ่งสามสองปิดลงทันใด เสียงสนั่นหวั่นไหวดังกึกก้อง สิงโตหินและพวกศีรษะในคุกส่งเสียงยินดีต้อนรับสหายร่วมคุกคนใหม่อย่างพร้อมเพรียง
กลิ่นอายประหลาดพลันกระจายอยู่ในเขตติงหนึ่งสามสอง
ทางด้านนิ้วมือเทพเจ้า กลิ้งตัวกระแทกคุก ทำให้ทั้งคุกสั่นสะเทือน ในยามนี้บนตัวมันยิ่งมีสีโลหิตแผ่ขยายทั่วทิศ
ผ่านไปที่ใดสภาพของเขตติงหนึ่งสามสองก็เปลี่ยนไปด้วย กลายเป็นยมโลกสีโลหิต
จิตเคราะห์หายนะกระจายออกมาจากพื้นที่ทุกชุ่นในคุก อาบย้อมผืนดิน แทรกซึมเข้าภูเขาต้องห้ามยี่สิบเจ็ดลูกในนี้ และไอพลังประหลาดที่เคยอยู่ที่นี่ก็ถูกนิ้วมือเทพเจ้ากลืนกินในชั่วลมปราณ กลายเป็นส่วนหนึ่งของเขตติงหนึ่งสามสอง
องค์ท่านอาจมีกำลังรบน้อยกว่าเทพเจ้าองค์อื่นมากนัก ทั้งยังอยู่อย่างอดสูกล้ำกลืน แต่อย่างไรองค์ท่านก็เป็นเทพเจ้า การควบคุมพื้นฐานบางอย่างที่เป็นของเทพเจ้า องค์ท่านชำนาญกว่าสวี่ชิงเยอะ
ดังนั้นในชั่วพริบตา ภายในเขตติงหนึ่งสามสองกลายเป็นสภาพสมบูรณ์
ครู่ต่อมา จิตเคราะห์หายนะพลันระเบิดออก
หลายร้อยคนที่ยังอยู่ในนี้ ประมาณส่วนหนึ่งเกิดพฤติการณ์เหนือความคาดหมาย
อย่างเช่น การบาดเจ็บในอดีตของบางคนถูกดึงขึ้นมาอีกครั้ง เพราะความผิดพลาดอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของพลังฝึกบำเพ็ญ เดิมสถิติของเรื่องนี้ควรจะต่ำมาก แต่ยังคงเกิดขึ้น
ขณะอาการบาดเจ็บปะทุออกมา ผู้ฝึกบำเพ็ญผู้นี้กระอักเลือดสด คาดไม่ถึงพร้อมกับฉงนด้วยตกใจ
ยังมีบางคนเพิ่งเอาอาวุธเวทออกมา แต่อาวุธเวทนี้กลับระเบิดใส่ตัวเขาเองเพราะความไม่เสถียรในนั้นที่จะเกิดขึ้นเพียงหนึ่งในหมื่นส่วน
ยังมีบางคนเอาลูกกลอนเลี่ยงพิษออกมาจำนวนหนึ่ง หมายจะกลืนลงไป แต่ถึงกับหยิบยาลูกกลอนผิดอย่างน่าประหลาด นอกจากไม่มีผลเลี่ยงพิษแล้ว กลับจะทำให้ตนถูกพิษแทรกซึมง่ายกว่าเดิม
ยังมีบางคนโดดขึ้นกลางอากาศ แต่กลับถูกเศษชิ้นส่วนที่ระเบิดจากอาวุธเวทข้างๆ มาถึงตัว แม้เคลื่อนหลบออก แต่เรื่องคล้ายคลึงกันเกิดขึ้นเยอะเกินไป อาวุธเวทหลายสิบหลายร้อยแตกกระจายกลายเป็นพลังน่าหวาดกลัว ทำให้คนมากมายได้รับผลกระทบ
แล้วมีบางคนคำรามใช้พลังวิเศษ ทว่าเกิดความผิดพลาดอย่างประหลาด และความผิดพลาดเล็กน้อยที่ไม่ควรเกิดขึ้นนี้ทำให้วิชาเวทแว้งกัด
แล้วยังมีบางคนฝืนใช้วิชาหรืออาวุธพลังทำลายล้างมหาศาลบางอย่าง เดิมแม้ฝืนใช้ แต่อยู่ข้างนอกยังควบคุมได้ ทว่าบัดนี้สิ่งเหนือความคาดหมายทั้งหลายล้วนบังเกิด แต่ละคนส่งเสียงดังลั่น
เลื่อนตาไปมอง ผู้ฝึกบำเพ็ญกลุ่มเผ่านภาคิมหันต์ทั้งหมดในเขตติงหนึ่งสามสอง แต่ละคนล้วนตกอยู่ในความโกลาหล ทุกอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพวกเขา เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็เป็นเคราะห์หายนะ
แต่พวกเขาก็พบความผิดปกติทันที บางคนมีประสบการณ์มามาก พริบตาเดียวก็ดูออกแล้วร้องเสียงหลง
“เคราะห์หายนะ…นี่คืออำนาจเทพเจ้า!”
กล่าวคำพูดนี้ออกมา ผู้ฝึกบำเพ็ญทั้งหมดในที่นี้ล้วนสีหน้าเปลี่ยน มีแค่สวี่ชิงนั่งอยู่บนเขาลูกที่เก้า สงบนิ่งไร้ใดเปรียบ นายกองนั่งอยู่ข้างกาย ใบหน้าแย้มยิ้ม
ส่วนชิวเชวี่ยจื่อ ยามนี้เหม่อลอยอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน ผู้ฝึกบำเพ็ญเหล่านี้ก็หาวิธีแก้ได้อย่างรวดเร็ว
“ฆ่าเผ่ามนุษย์ประหลาดนั่น ที่นี่ย่อมแก้ไขได้!”
สายตาแฝงจิตสังหารแต่ละสายรวมกันจากทั่วทิศ จากนั้นเงาร่างทั้งหมดในนี้ก็คำรามพร้อมทะยานเร็วรี่มาทางสวี่ชิง
แม้อยู่ระหว่างทางยังคงเกิดอุบัติเหตุมากมาย ระหว่างพวกเขายังถึงกับสัมผัสวิชาเวทกันเองอย่างน่าประหลาด เกิดการบาดเจ็บล้มตาย
แต่มองภาพรวม จิตสังหารรุนแรงเข้าใกล้สวี่ชิงอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่…พวกเขาไม่รู้ว่าเคราะห์หายนะเป็นแค่หนึ่งในพลังของเขตติงหนึ่งสามสองเท่านั้น เขตแดนจิตลืมเลือน…อาบย้อมที่นี่โดยไม่รู้ตัว
และยิ่งเข้าใกล้สวี่ชิง การอาบย้อมนี้ยิ่งเข้มข้น
ผลของมันจึงปรากฏในชั่วพริบตา กลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญนภาคิมหันต์ที่ใกล้ถึงตัวสวี่ชิงที่สุดอยู่ห่างเขาเพียงสองร้อยกว่าจั้ง พวกเขาแบกรับเคราะห์หายนะหลายครั้ง เห็นว่าใกล้พุ่งเข้ามา
ทว่าครู่ต่อมา สีหน้าพวกเขาเกิดความงุนงง ร่างกายหยุดนิ่งยืนอยู่กลางอากาศตามสัญชาตญาณ
พวกเขาลืมเป้าหมายของตัวเอง
หลังจากนั้น ด้วยผลของเขตแดนจิตลืมเลือน ผู้ฝึกบำเพ็ญมากมายลืมเป้าหมาย ลืมว่าจะไปหาสวี่ชิง ถึงกับมีคนหนักกว่านั้น ลืมว่าตนมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุใด
ทั้งยังลืมมหกรรมออกล่า…
ความงุนงงกลายเป็นกระแสหลักในที่นี้ แม้สบสายตามองกัน บางชั่วขณะนึกอะไรขึ้นมาได้ แต่พลังลืมเลือนหลังจากนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาจึงลืมเยอะกว่าเดิม
เคราะห์หายนะแสยะยิ้มตาม ระเบิดออกบนตัวพวกเขาอีกครั้ง
ความตายเกิดขึ้นต่อเนื่อง ร่างของผู้ฝึกบำเพ็ญที่ตายด้วยอุบัติเหตุนานาชนิดต่างคนร่วงลงจากท้องฟ้าจำนวนมาก
ทว่า สุดท้ายยังคงมีผู้ฝึกบำเพ็ญพึ่งพาพรสวรรค์ของตัวเอง ไม่ก็ของวิเศษหรือสายเลือด ฝืนประคองสติรีบพูดออกมาขณะเคราะห์หายนะและจิตลืมเลือนส่งผลมากขึ้น
“นี่คือเคราะห์หายนะกับจิตลืมเลือน ทุกคนกระจายออก อย่าเข้าใกล้กัน อย่าใช้วิชาไม่จำเป็น ในหัวท่องไว้อย่างเดียวอย่าให้ขาด นั่นคือฆ่าเผ่ามนุษย์ ปากก็ตะโกนคำนี้ออกมาดังๆ อาศัยเสียงที่เหลือไปเตือนจิตสำนึกของคนอื่นที่จะลืมต่อเนื่อง”
“ฆ่าเผ่ามนุษย์!”
“ฆ่าเผ่ามนุษย์!!”
“ฆ่าเผ่ามนุษย์!!!”
บนท้องฟ้า ผู้ฝึกบำเพ็ญกลุ่มเผ่านภาคิมหันต์ทั้งหมดต่างหายใจถี่เร็ว ในสถานการณ์ล่อแหลม ระหว่างความเป็นความตาย ภายใต้สิ่งประหลาด พวกเขาร้องตะโกนเสียงกึกก้อง สนั่นจนแทบหูหนวก
แม้มีคนลืม แต่ได้ยินเสียงนี้ก็จะเกิดเป็นสัญชาตญาณ
ด้วยสัญชาตญาณนี้ ผู้ฝึกบำเพ็ญนภาคิมหันต์ทั้งหมดบุกสังหารมาทางสวี่ชิง
ขณะเดียวกัน นิ้วมือเทพเจ้ากลิ้งกระแทกเสียงดังลั่นอยู่ที่นี่ดุจฟ้าผ่า
สิงโตหินก็โยกย้ายด้วยตื่นเต้นกว่าเดิม
ศีรษะหัวเราะประหลาด เสียงแสบหูยิ่ง
แท่นโม่เคลื่อนหมุนเป็นเกลียวคลื่น
หุ่นฟางที่มนุษย์หุ่นฟางทำก็ขยับบิดเบี้ยวต่อเนื่อง
และฝั่งตาเฒ่าจิตรกรรม สีหน้าบ้าคลั่ง วาดภาพเหมือนของทุกคนในนี้ออกมาทั้งหมด สุดท้ายหันมาคุกเข่าคำนับสวี่ชิงที่อยู่ไกลออกไป กล่าวเสียงดัง
“ใต้เท้าผู้ดูแลผู้ยิ่งใหญ่ นักโทษก่อความวุ่นวาย โปรดระงับสถานการณ์ด้วย!”
สิงโตหิน ศีรษะ มนุษย์หุ่นฟาง แท่นโม่ล้วนหยุดพฤติกรรมของแต่ละคนในชั่วขณะนี้ พากันคุกเข่าคารวะ ตะโกนคำพูดอย่างเดียวกัน
“ใต้เท้าผู้ดูแลผู้ยิ่งใหญ่ นักโทษก่อความวุ่นวาย โปรดระงับสถานการณ์ด้วย!”
“โปรดระงับสถานการณ์ด้วย!”
พวกเขากล่าวคำออกมา ฟ้าดินเปลี่ยนสี ลมพัดเมฆแผ่คลุม สวี่ชิงเงยหน้า กายยืนขึ้นจากนั่งขัดสมาธิ พลันยกมือขวา
เหนือหอกยาวสีดำตรงหน้าเขา วิหคทองร้องคำราม เปลวเพลิงสีดำกระจายออก หอกยาวม้วนกลับและถูกสวี่ชิงคว้าไว้ในมือ
ความเย็นเยียบผุดขึ้นในดวงตาสวี่ชิง เท้าขวายกขึ้น ก้าวย่าง…ออกไปข้างหน้า!
ทะยานสู่ท้องนภา!
นายกองข้างหลังเขาก็บิดขี้เกียจ แสยะยิ้มให้ชิวเชวี่ยจื่อ
“เชวี่ยจื่อน้อย หากยังไม่ลงมือ ภูเขาต้องห้ามที่เจ้าอยากได้ก็ไม่เหลือแล้ว”
นายกองกล่าวพลางเลียริมฝีปาก พุ่งตัวออกไป
การเข่นฆ่าเปิดฉาก ณ บัดนี้
………………………………