ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 831 ขออภัย รบกวนแล้ว
บทที่ 831 ขออภัย รบกวนแล้ว
ฟ้าดินมืดสลัวทั้งผืน อวลด้วยเคราะห์หายนะและจิตลืมเลือน
ไอพลังประหลาดแผ่ขยาย รอบด้านสลัวราง ยิ่งมีความรู้สึกทับซ้อนนับไม่ถ้วน มากพอให้ทุกคนที่เห็นเกิดความรู้สึกตาลายและกระทบไปถึงจิตใจ
เสียงร้องโหยหวนไร้สิ้นสุด จิตลืมเลือนพัดผ่านตลอดเวลาดุจสายลม นำพาอดีตออกไป แต่ไม่ได้คืนอนาคตกลับมา
ที่นี่เป็นสนามรบของสวี่ชิง
ภายในเขตติงหนึ่งสามสองที่ปกคลุมภูเขาต้องห้ามยี่สิบเจ็ดลูก หลังจากอำนาจเทพเจ้าและเขตแดนจิตของเขาระเบิดออกมา บัดนี้ผู้ฝึกบำเพ็ญหลายร้อยคนในยามแรกลดลงไปหกส่วน
กลุ่มที่ตายไป ศพร่วงลงพื้นและปรากฏตัวในห้องขังคนแล้วคนเล่า ทั้งที่พวกเขาตายแล้ว แต่กลับลืมเรื่องนี้ไป ยามนี้อยู่ในความงุนงง กลายเป็นนักโทษเขตติงหนึ่งสามสองกึ่งเป็นกึ่งตาย
สิ่งที่รอพวกเขาอยู่คือฝันร้ายชั่วนิรันดร์
ส่วนร้อยกว่าคนที่เหลือกลางอากาศ แม้ยังยืนหยัด แต่ต่างคนล้วนถูกจิตลืมเลือนทรมาน ต้องตะโกนใส่กันเพื่ออาศัยเสียงสุดท้ายมาเตือนตนเอง
ขณะเดียวกันเคราะห์หายนะเข้ามาพัวพันระหว่างนั้น ไม่ว่าวิชาเวทหรือของวิเศษเวท ตอนใช้ต้องเผชิญอุบัติเหตุเหนือความคาดหมายนับครั้งไม่ถ้วน
หากทั้งหมดนี้ยังทำให้พวกเขาสำแดงกำลังรบออกมาได้สามสี่ส่วนก็น่าตกใจแล้ว
จากตรงนี้จะเห็นถึงความน่าสะพรึงของเขตติงหนึ่งสามสองหลังมีสภาพสมบูรณ์
และเสียงโห่ร้องที่มาจากสิงโตหินกับพวกศีรษะยิ่งเปี่ยมด้วยความประหลาดและความบ้าคลั่ง สวี่ชิงที่ตามออกมารับการคารวะจากพวกมัน มือถือหอกยาวสีดำ ก้าวขึ้นท้องนภาในฐานะผู้ดูแลเขตติงหนึ่งสามสอง
ระงับความโกลาหล
ชั่วลมปราณ เขาปรากฏอยู่ข้างหน้าผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่าไป๋เจ๋อคนหนึ่ง เข้าปะทะเต็มแรงโดยไม่หยุดพักแต่อย่างใด
ขณะเสียงสนั่นหวั่นไหว ผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่าไป๋เจ๋อที่สีหน้างุนงงด้วยเพิ่งลืมเป้าหมายพลันตื่นตัวตามสัญชาตญาณ ใช้วิชาเวทและของวิเศษเวทหมายจะต่อต้าน แต่เกิดอุบัติเหตุทำให้วิชาเวทเขาปั่นป่วน ของวิเศษเวทระเบิดเอง
จิตลืมเลือนทำให้เขาลืมเคราะห์หายนะ ดังนั้นขณะงงงัน สวี่ชิงปะทะเข้าร่างเขาเต็มๆ
เลือดเนื้อกระจาย ไม่เหลือชิ้นดี
เลือดสดหยดบนเส้นผมพลิ้วไหวของสวี่ชิง ตามด้วยกระดูกตกลงมา เขาเดินไปหาอีกคนด้วยสีหน้าปกติ หมุนควงหอกยาวในมือ พริบตาต่อมามีศีรษะลอยขึ้นกลางอากาศ
มองจากไกลๆ ท้องฟ้าสะเทือนเลื่อนลั่น นักโทษเหล่านี้บ้างก็ตอบโต้ แต่บ้างก็ตัวสั่นด้วยถูกความหวาดกลัวคืบคลานในใจ ฉวยจังหวะยังไม่ลืม หันกายใช้ทุกวิถีทางเพื่อหนีไปจากที่นี่
บางคนส่งข้ามสำเร็จ
ทว่าตอนปรากฏตัวยังคงอยู่ในเขตติงหนึ่งสามสอง ทั้งยังร่วงลงบนนิ้วมือเทพเจ้า และถูกปากขนาดใหญ่ที่อ้าไว้ก่อนแล้วกลืนลงไป
เขตติงหนึ่งสามสองอนุญาตให้ส่งข้าม เพียงแต่ผลกระทบจากเคราะห์หายนะทำให้หมุดหมายที่ส่งข้ามเต็มไปด้วยเคราะห์หายนะเช่นกัน
ยังมีคนลองใช้ท่าไม้ตายของตัวเองระเบิดประตูคุกรวมถึงกำแพงกั้นเขตติงหนึ่งสามสอง ทว่าด้วยกำลังรบของพวกเขาไม่มีทางทำสำเร็จ
เขตติงหนึ่งสามสองเป็นหนึ่งเดียว อยากทะลวงจุดใดต้องทำลายทุกสิ่งในที่นี้
และบัดนี้พวกเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของเขตติงหนึ่งสามสอง
นี่คือวังวนไร้สิ้นสุด
ดังนั้นสวี่ชิงผ่านไปที่ใดล้วนมีเสียงหวีดแหลมเวียนวน เลือดสดพ่นดุจสายฝน ศพเป็นร่าง ศีรษะเป็นหัวลอยขึ้นเป็นส่วนใหญ่ แต่ชะตากรรมสุดท้ายยังคงร่วงลงมา
ด้านนายกองก็กำลังออกมือ เป้าหมายเขาชัดเจนยิ่ง ไม่ใช่กลุ่มเผ่าในอาณัติเหล่านั้น หากเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญของเผ่านภาคิมหันต์เอง แม้จำนวนไม่มาก มีแค่สิบกว่าคน
แต่ดูความตื่นเต้นในดวงตานายกอง ชัดว่าเขาสนใจผู้ฝึกบำเพ็ญของตัวเผ่านภาคิมหันต์มากกว่า
และการออกมือของเขาเน้นผลไม้เป็นหลัก เหมือนเก็บเสบียงกระนั้น ใช้ต่างวิธีต่างองศา แปลงผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์แต่ละคนให้เป็นผลผิงกั่ว องุ่นและสาลี่เป็ด…
รูปแบบประหลาดยิ่งกว่าผนึกน้ำแข็งแสงครามก่อนหน้านี้
ชัดว่าผนึกคลายออกต่อเนื่อง ฝั่งนายกองก็เอาพลังฝึกบำเพ็ญชาติก่อนคืนมาได้อย่างช้าๆ
ฉากนี้รวมกับความประหลาดในเขตติงหนึ่งสามสอง ยังมีความเฉยชาของสวี่ชิง เหล่านี้กระทบกระเทือนชิวเชวี่ยจื่ออย่างรุนแรง
เดิมเขานึกว่าตนเป็นพวกฆ่าคนได้น่าสะพรึงเช่นกัน แต่มาเห็นพวกสวี่ชิง เขารู้สึกเปรียบเทียบแล้วตนเหมือนเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น
และการตัดสินเผ่ามนุษย์ในความเข้าใจก็เปลี่ยนไปหลังประจักษ์แก่ตาครั้งแล้วครั้งเล่า
“ใครบอกเผ่ามนุษย์อ่อนแอ…ใครบอกสัญชาตญาณเผ่ามนุษย์มิโหดเหี้ยม ไม่เหมาะกับแผ่นดินใหญ่ต้องประสงค์ในปัจจุบัน…ใครบอกเผ่ามนุษย์ถนัดวางแผนลอบกัดมากกว่า…”
“นี่เรียกว่าอ่อนแอ เรียกว่าไม่โหดเหี้ยม?”
ชิวเชวี่ยจื่อนึกถึงความเข้าใจที่ได้เห็นได้ยินมาตั้งแต่เด็ก ยามนี้หายใจเข้า เห็นความตายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในห้องขังบนพื้นปรากฏเงาร่างอย่างต่อเนื่อง
ในหัวเขาผุดคำพูดของเผ่ามนุษย์ที่ถูกเรียกว่านายกองผู้นั้น ในใจจึงเริ่มร้อนรน รีบพุ่งออกไปร่วมสังหาร
แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ การเข่นฆ่าครั้งนี้คงไม่ยืดเยื้อสักเท่าไร
ครู่หนึ่งผ่านไป หลังจากผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์ที่คิดหนีคนสุดท้ายถูกนายกองตบกลายเป็นส้ม เขตติงหนึ่งสามสองพลันเงียบสงัดทั้งผืน
มีเพียงฝนสีเลือดตกลงบนผืนดิน ถูกดูดมาปรากฏกลางอากาศแล้วตกซ้ำต่อไป
และบนพื้น ไม่มีแม้แต่ศพสักร่าง ก้อนเนื้อสักชิ้น
ทั้งหมดล้วนอยู่ในห้องขังของตัวเอง ผู้ฝึกบำเพ็ญหลายร้อยคนงุนงงอยู่ในนั้น
เสียงร้องยินดีจากปากตาเฒ่าจิตรกรรมและพวกศีรษะยังดังกึกก้อง
ท่ามกลางฟ้าดิน สวี่ชิงหายใจเข้าลึก กลิ่นอายที่คุ้นเคยในนี้ทำให้เขานึกถึงประสบการณ์ตอนเด็ก ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลังจากขังผู้ฝึกบำเพ็ญหลายร้อยคนนี้ อานุภาพของเขตติงหนึ่งสามสองเพิ่มขึ้นจำนวนหนึ่ง
สวี่ชิงก้มหน้า สายตาตกอยู่ในห้องขังเบื้องล่าง
จำนวนห้องขังในเขตติงหนึ่งสามสองมีกว่าพันห้องเต็มๆ บัดนี้เต็มแล้วกว่าสามส่วน
“คิดอะไรอยู่” นายกองหยิบผลผิงกั่วมากินคำหนึ่ง มองไปทางสวี่ชิง จากนั้นโยนให้สวี่ชิงกับชิวเชวี่ยจื่อคนละลูก
สวี่ชิงรับมากินคำหนึ่ง
“ข้ากำลังคิดว่า วันหนึ่งคุกนี้จะขัง…เทพเจ้าได้หรือไม่!”
นายกองได้ยินแล้วชะงักงัน ตามด้วยหัวเราะครืนใหญ่
ส่วนชิวเชวี่ยจื่อถือผลผิงกั่วที่นายกองให้ ในใจลังเล แต่มองเผ่ามนุษย์น่าสะพรึงสองคนนี้แล้วมองห้องขังบนพื้น เขาไม่ลังเลอีกต่อไป กัดคำหนึ่งอย่างแรง
หอมหวานเกินคาดเล็กน้อย
สวี่ชิงไม่ได้กิน เก็บผลผิงกั่ว มือขวายกโบก ฉับพลันภูเขาต้องห้ามแต่ละลูกที่มาจากนักโทษในนี้ต่างร้องคำรามเคลื่อนมาทางเขา
ไม่นานก็เข้ามาใกล้ ลอยอยู่เหนือศีรษะของสวี่ชิง
ชิวเชวี่ยจื่ออดมองไม่ได้ ดวงตาพร่าเลือน แม้เตรียมใจไว้แล้ว แต่ยังคงเหม่อลอยเล็กน้อย
เยอะเกินไปแล้ว
ภูเขาต้องห้ามเกือบสามร้อยลูกเชื่อมกันด้วยสายฟ้า เกิดเป็นอานุภาพและพลังกดดันภายใต้การหมุนวนล้อมรอบไม่สิ้นสุด ทำให้คนสั่นสะท้านเทียมฟ้า
ยังไม่จบลง สายตาสวี่ชิงตกอยู่ที่ภูเขาต้องห้ามยี่สิบเจ็ดลูกบนพื้น ยกมือพลันคว้า ขณะผืนดินสะเทือนเลื่อนลั่น ภูเขาต้องห้ามทั้งยี่สิบเจ็ดลูกลอยมาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายมียี่สิบหกลูกรวมเข้าในนั้น ทำให้ภูเขาต้องห้ามของสวี่ชิงทะลุสามร้อยลูก
หนึ่งลูกที่เหลือ สวี่ชิงมองชิวเชวี่ยจื่อผาดหนึ่ง
“ให้เจ้า”
ในใจชิวเชวี่ยจื่อเกิดความซาบซึ้ง หากเปลี่ยนเป็นยามปกติ เขาคงไม่ตื่นเต้นเพราะภูเขาต้องห้ามลูกเดียวแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน…
ทำเหล่านี้เสร็จ สวี่ชิงบังเกิดความคิด เขตติงหนึ่งสามสองพลันสั่นสะเทือน เลือนรางอย่างรวดเร็ว สุดท้ายสลายหายไปในฟ้าดิน ทำให้ทุกสิ่งที่ถูกปกคลุมที่นี่ปรากฏสู่ภายนอก
ขณะเดียวกัน การหายไปของเขตติงหนึ่งสามสองไม่ได้พาคาวเลือดในที่แห่งนี้ไปด้วย ดังนั้นเลือดของหลายร้อยคนยังคงกระจายทั่วทิศ ทำให้กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นแผ่ขยายออกไปด้วย
สวี่ชิงที่ถูกปกคลุมด้วยคาวเลือดยืนอยู่กลางอากาศพื้นที่ต้องห้าม เงยหน้ามองตำหนักสีทองที่อยู่สูงขึ้นไป ประสานมือคารวะ
ในตำหนักสีทอง ผู้สูงศักดิ์เผ่านภาคิมหันต์ผู้นั้นมองสวี่ชิง ความชื่นชมบนสีหน้ายิ่งเด่นชัดกว่าก่อนหน้านี้
“พื้นที่ต้องห้ามของข้ามีดาวหายนะเช่นนี้ คงมีเรื่องให้พูดคุยในงานเลี้ยงฉลองออกล่าที่จะตามมา”
ผู้สูงศักดิ์เผ่านภาคิมหันต์ยิ้มเล็กน้อย กล่าวคำออกไป
“เจ้าหนุ่มเผ่ามนุษย์ ข้าบอกข้อมูลเจ้าได้อย่างหนึ่ง ตอนนี้…คนที่ภูเขาต้องห้ามมากกว่าเจ้ายังมีอีกหลายสิบคน”
“ดูวิธีการของเจ้า เป้าหมายของเจ้าคงเป็นที่หนึ่งในรอบแรก เช่นนั้นเจ้าต้องพยายามต่อไป”
ดวงตาสวี่ชิงจับจ้อง พยักหน้าและคารวะอีกครั้ง
“ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
เสียงหัวเราะทอดมาจากในตำหนักสีทอง ครู่ต่อมา ตำหนักทั้งหลังเลือนรางเล็กน้อย สุดท้ายหายไปในม่านฟ้า ดูเรื่องสนุกจบแล้ว ผู้สูงศักดิ์เผ่านภาคิมหันต์ผู้นี้ก็ตัดสินใจจากไป
สวี่ชิงมองส่งจนตำหนักลับตาเขาถึงได้ถอนสายตา กำลังจะกลับพร้อมนายกอง แต่ในยามนี้เอง เขากับนายกองมองไปยังที่ไกลพร้อมกัน
ตรงนั้นมีรุ้งสายหนึ่งกำลังบุกเข้าพื้นที่ต้องห้ามด้วยความเร็วยิ่ง ห้อตะบึงมาทางพวกเขาด้วยพลังดุดันตลอดทาง
ท่าทางอวดดียิ่งนัก
แต่เขาก็มีคุณสมบัติให้อวดดีจริง มองจากไกลๆ จะเห็นภูเขาต้องห้ามแปดลูกกำลังลดขนาดอย่างรวดเร็วอยู่เหนือศีรษะผู้ฝึกบำเพ็ญผู้นั้น
ผู้มาเยือนคือตัวของผู้ฝึกบำเพ็ญเผ่านภาคิมหันต์คนนั้นที่ปรากฏตัวตอนสวี่ชิงย้ายภูเขาต้องห้ามลูกแรก ร่างแยกของเขาถูกสวี่ชิงสังหารทั้งยังส่งข้ามล้มเหลว ไม่ได้ส่งรายละเอียดการตายกลับไป
แต่ความมั่นใจของผู้ฝึกบำเพ็ญผู้นี้ก็ทำให้เขามุ่งคำรามมาที่นี่หลังจากรู้ทิศทางคร่าวๆ ยังอาศัยจิตใต้สำนึกที่เกิดจากร่างแยกของตนถูกสังหารจนมาเจอที่นี่
ชิวเชวี่ยจื่อเห็นแล้วเช่นกัน หากเป็นเวลาอื่นเขาจะเคร่งขรึมแน่นอน แต่ตอนนี้…ชิวเชวี่ยจื่อส่ายหน้า
แทบจะในชั่วขณะที่เขาส่ายหน้า เงาร่างทรงพลานุภาพอันแฝงด้วยความโอหังอวดดีไร้สิ้นสุดคล้ายสังเกตเห็นบางอย่าง หยุดชะงักกลางอากาศทันที
จากนั้น สายรุ้งสั่นคลอนเล็กน้อย คล้ายผู้ฝึกบำเพ็ญผู้นี้สั่นไหวรุนแรง กระทั่งไอหมอกรอบด้านยังถูกดึงเข้าหา ประหนึ่งเขากำลังออกแรงสูดลมหายใจอย่างควบคุมไม่อยู่
ชัดทีเดียว…หลังจากเข้าพื้นที่ต้องห้ามอย่างอวดดี เมื่อครู่เขาสังเกตเห็นว่าภูเขาต้องห้ามที่นี่หายไปหมดสิ้น ทั้งยังสัมผัสถึงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นในนี้
แล้วมาสังเกตเห็นภูเขาต้องห้ามสามร้อยกว่าลูกเหนือศีรษะสวี่ชิง…
ขอแค่ไม่ใช่คนโง่ เช่นนั้นย่อมรู้ว่าที่นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น
‘ฆ่าหมดเลย?’
‘นี่…นี่…’
หลังความตระหนักนี้ผุดขึ้นในหัวผู้ฝึกบำเพ็ญนภาคิมหันต์ ในใจเขาสั่นสะท้าน หายใจเฮือกอย่างไม่อาจควบคุม
ร่างกายยิ่งสั่นหลายครั้ง ฉับพลันหมุนกายโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย หมายจะหนีด้วยความเร็วที่ไวกว่าตอนมา
เขาเสียใจแล้ว…
นึกถึงตนมุ่งหน้ามาอย่างรีบร้อนดุดันตลอดทาง สุดท้ายพอหัวชนกระดานเหล็กใจเขาก็สั่นสะเทือนรุนแรงอย่างห้ามไม่อยู่ ยามนี้เพียงโกรธที่ตนช้านัก…
สวี่ชิงเฉยชา นายกองตาเป็นประกาย แสยะยิ้ม
“คนคุ้นเคยนี่เอง”