ผู้กล้าเหนือกาลเวลา - บทที่ 95 เจ้าหนี้มาหาถึงที่
บทที่ 95 เจ้าหนี้มาหาถึงที่
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงวัน แสงแดดเจิดจ้า ดวงอาทิตย์ลอยสูงอยู่บนฟ้า คนทั่วไปยากจะจ้องมองตรงๆ ได้
กู้มู่ชิงที่ตอนนี้ยืนอยู่ใต้แสงอาทิตย์สว่างไสวเจิดจ้าเสียยิ่งกว่าเซียน
ชุดนักพรตสีส้มอ่อนแม้จะปกปิดเรือนร่างนาง แต่ส่วนโค้งเว้าสมบูรณ์แบบบนเรือนร่างไม่ใช่สิ่งที่เสื้อผ้าอาภรณ์จะปกปิดได้เลย จินตนาการได้ว่าใต้อาภรณ์ซ่อนรูปร่างอรชรอย่างไรเอาไว้
เรียวแขนงามอ่อนนุ่มประดุจรากบัวหิมะที่โผล่ออกมานอกแขนเสื้อ ต้นคอเรียบเนียนงดงาม อีกทั้งเส้นผมทิ้งตัวดุจน้ำตก รวมกับผิวที่เนียนนุ่มละเอียด ช่างงดงามหยาดเยิ้มนัก
ภาพงดงามนี้เมื่ออยู่ในสายตาจางซาน สีหน้าของเขาเหม่อลอยไปเล็กน้อย ใบหน้าแก่ๆ แดงขึ้นมา แต่สวี่ชิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ในที่มืด สีหน้ากลับมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไร สายตาประเมินไปที่คอของหญิงสาวข้างหน้าคนนี้อย่างเย็นชา
ผู้หญิงคนนี้สวยหรือไม่สำหรับสวี่ชิงแล้วไม่สำคัญ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเจออีกฝ่าย ศิษย์หลักที่เขาพบเห็นในเมืองหลักมีไม่มาก ดังนั้นแวบเดียวก็จำได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้หญิงที่เจอที่ร้านขายยาเมื่อหลายเดือนก่อน
วันนั้นแค่เดินผ่านเฉยๆ แต่วันนี้อีกฝ่ายกลับสามารถเรียกชื่อตนได้ นี่ทำให้สวี่ชิงยกระดับความระแวดระวังขึ้นถึงขีดสุด ดังนั้นเขาจะต้องยืนยันว่าอีกฝ่ายมีพลังที่สามารถเป็นภัยคุกคามกับชีวิตของตนหรือไม่
หลังจากกวาดตามอง สวี่ชิงก็ได้ผลวิเคราะห์ในใจ หากลงมือจริงๆ เขามีความมั่นใจสังหารอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว พลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายพอใช้ได้ แต่ไม่ว่าจะเป็นจากท่ายืนหรือความระมัดระวัง ล้วนแต่สู้ผู้บำเพ็ญไร้สังกัดที่เกาะกิ้งก่าทะเลไม่ได้เลย
ส่วนฐานะศิษย์หลักของยอดเขาที่สอง วิเคราะห์ว่ายอดเขาที่สองฝึกฝนวิถีลูกกลอนเป็นหลัก ดังนั้นสวี่ชิงจึงวิเคราะห์รอบๆ สำรวจหาว่ามีร่องรอยของพิษหรือไม่
“ศิษย์น้องสวี่เจ้าอย่าได้แปลกใจไป ชื่อของเจ้าศิษย์พี่จางซานไม่ได้เป็นคนบอก แต่ข้ารู้มาโดยบังเอิญ” กู้มู่ชิงแย้มยิ้มอ่อนหวานงดงาม น้ำเสียงสดใสมีชีวิตชีวา ไพเราะจับใจนัก
จางซานที่อยู่ข้างๆ ตอนนี้หัวใจเต้นรัวเร็วขึ้น รู้สึกเพียงว่าผู้หญิงที่อยู่ข้างหน้าคนนี้สมแล้วที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดสตรีของยอดเขาที่สอง คำเรียกศิษย์พี่จางซานนี้เรียกได้น่าชื่นใจเหลือเกิน
ดังนั้นแล้วจึงหัวเราะฮ่าๆ กำลังจะพูดอะไร แต่เสียงราบเรียบของสวี่ชิงก็ดังมา
“ข้าไม่ได้แปลกใจ”
“เอ่อ…” จางซานมองสวี่ชิงแวบหนึ่ง ในใจลอบถอนหายใจ แอบพูดในใจว่าสวี่ชิงเอ๋ยสวี่ชิง สาวน้อยเป็นฝ่ายกระตือรือร้นแบบนี้ ไยเจ้าถึงยังไม่มีปฏิกิริยาอะไรอีก นี่หากเปลี่ยนเป็นตนจะต้องเดินไปหาเรื่องพูดคุยสร้างสัมพันธ์ด้วยทันทีแน่นอน จากนั้นก็เชื้อเชิญอีกสักหน่อย บุพเพวาสนานำพาแล้วไม่ใช่หรือ
กู้มู่ชิงได้ยินดังนั้นก็หัวเราะเบาๆ หยิบเอาลูกกลอนเม็ดหนึ่งออกมา วางไว้ที่ฝ่ามือ ยื่นไปข้างหน้าสวี่ชิง
“ศิษย์น้องสวี่ชิง ลูกกลอนขาวของเจ้าทั้งหมดล้วนขายให้กับร้านของข้า ข้าศึกษาลูกกลอนของเจ้ามานานมากแล้ว สงสัยเหลือเกินว่าเหตุใดความบริสุทธิ์ของลูกกลอนนี่ถึงได้สูงถึงเพียงนี้”
สวี่ชิงกวาดตาแวบหนึ่ง จำได้ว่านี่เป็นยาลูกกลอนของตนจริงๆ ดังนั้นเมื่อครุ่นคิดแล้วก็ไม่ได้ตอบคำถามของอีกฝ่าย แต่หยิบเอาคราบกิ้งก่าทะเลออกมาสามสี่ชิ้น
“คราบกิ้งก่าทะเลระดับรวมปราณขั้นแปดห้าร้อยสามสิบก้อนหินวิญญาณ ขั้นเก้าเก้าร้อยหกสิบก้อนหินวิญญาณ ส่วนที่เป็นระดับบริบูรณ์หนึ่งพันสี่ร้อยก้อนหินวิญญาณ เจ้าต้องการกี่ชิ้น”
ราคาที่สวี่ชิงบอกไปเป็นราคาขายของร้านค้า เขาคิดว่าขายให้กับร้านค้าน่ากลัวว่าคงขายไม่ได้ราคานี้ ในเมื่อกู้มู่ชิงที่อยู่ข้างหน้าคนนี้อยากจะซื้อ สำหรับตนแล้วขายให้นางได้กำไรมากกว่า
กู้มู่ชิงมองคราบกิ้งก่าทะเลเหล่านั้นดวงตาก็วาววาบ แค่ไม่ได้ซื้อทันที กลับถามคำถามก่อนหน้านี้ต่อ เหมือนว่าหลังจากที่นางจำสวี่ชิงได้ นางก็เบนความสนใจจากคราบกิ้งก่าทะเลแล้ว
คิ้วของสวี่ชิงขมวดเล็กน้อย แต่คิดถึงว่าร้านของอีกฝ่ายซื้อลูกกลอนขาวของตนไปมากมาย อีกทั้งหลังจากนี้ก็จะซื้อคราบกิ้งก่าทะเลของตน ดังนั้นจึงตอบกลับไปอย่างมีน้ำอดน้ำทน
“ในขั้นตอนการหลอม ใส่ดอกเชียนหนิวราตรีในปริมาณที่เหมาะสมลงไปเล็กน้อยก็จะเพิ่มความบริสุทธิ์ได้นิดหน่อย”
เด็กสาวได้ยินดังนั้นก็เผยท่าทีคล้ายครุ่นคิด หลังจากนั้นก็เอ่ยปากถามอีกครั้ง สีหน้าท่าทางเกรงใจมาก แต่ความไม่สบอารมณ์ในใจสวี่ชิงปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง การได้รับความรู้ในความเข้าใจของเขาจะได้ไปเปล่าๆ ไม่ได้
อีกฝ่ายทำเช่นนี้เกินควรไปหน่อยแล้ว
ศิษย์พี่ติงก่อนหน้าเข้าใจหลักเหตุผลนี้เป็นอย่างดี ทุกครั้งที่ถามล้วนมอบของที่มีราคาในระดับหนึ่ง
ดังนั้นสวี่ชิงจึงไม่ตอบคำถาม กลับย้อนถามเรื่องเกี่ยวกับยา
“เลือดสีฟ้าของแมงดาพรายปรารถนามีวิธีอะไรที่ทำให้ความเป็นพิษของมันสูงขึ้นอีกทั้งรักษาได้นานขึ้นหรือ”
กู้มู่ชิงครุ่นคิดเล็กน้อย เอ่ยตอบมาด้วยสีหน้าจริงจัง
“จุดนี้ข้าไม่เคยคิดมาก่อน สิ่งที่ท่านอาจารย์สอนล้วนเป็นสมุนไพรหยางทั้งสิ้น ข้าว่า…หากเป็นข้า ข้าจะเติมชายอดหิมะลงไป ใช้ความหนาหนักของชายอดหิมะเพิ่มความเป็นพิษของแมงดาพรายปรารถนา”
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นดวงตาก็จ้องเพ่ง หลังจากพึมพำครู่หนึ่งจิตใจก็เกิดระลอกคลื่นเล็กน้อย คำตอบของอีกฝ่ายเปิดแนวความคิดให้เขา ดังนั้นแล้วจึงถามอีกครั้ง
“ชายอดหิมะมีสรรพคุณเป็นกลาง แต่ก็มีความเป็นพิษในระดับหนึ่ง จะทำให้ความเป็นพิษของมันเป็นตัวกระตุ้นยาได้อย่างไร”
“เอ๋ เป็นพิษอีกแล้วหรือ ข้าคิดก่อน…บางทีอาจจะใช้หญ้ากระดุมทองเค้นมันออกมาได้กระมัง” กู้มู่ชิงเอ่ยไปอย่างไม่แน่ใจ แต่คำตอบของนางสำหรับสวี่ชิงแล้วก็ยังคงเปิดโลกทัศน์ให้เขาได้
นี่ทำให้ความสนใจของสวี่ชิงเพิ่มมากขึ้น เริ่มคุยเรื่องยากับกู้มู่ชิง การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของทั้งสองคนฉายความแปลกประหลาดหน่อยๆ คำถามที่สวี่ชิงถามส่วนมากล้วนเป็นสายยาพิษ ส่วนกู้มู่ชิงส่วนมากถามด้านยา
ทว่ากลับไม่ส่งผลกระทบ มีความรู้สึกได้รับการพิสูจน์ซึ่งกันและกันรางๆ กระทั่งว่ายิ่งพูดคุยต่างก็ยิ่งกระจ่างขึ้นในทันที จนสุดท้ายกู้มู่ชิงก็เดินเข้าไปในที่มืดเสียเลย พูดคุยเจ้าคำข้าคำกับสวี่ชิงไม่หยุด
เวลาไหลผ่านไป
คนทั้งสองที่อยู่ในเงามืดท่ามกลางแสงอาทิตย์ ฝ่ายชายหล่อเหลา ฝ่ายหญิงสดใสมีชีวิตชีวา เหมือนเป็นภาพที่งดงามมากภาพหนึ่ง มีเพียงจางซานที่เหมือนชาวนาแก่ๆ ที่อยู่ข้างๆ เท่านั้นที่ไม่ค่อยเข้ากับภาพนี้เลย
ตอนนี้ตาจางซานเบิกโพลงพูดไม่ออก มองคนทั้งสองอย่างเหม่อลอย หลังจากนั้นครู่หนึ่งก็ถอนหายใจยาว แอบพูดในใจว่าหน้าตาดีได้เปรียบอย่างมากจริงๆ
ในใจยิ่งหล่นวูบ พลางขบคิดว่าการว่าจ้างเดินเรือออกทะเลครั้งนี้ของตนคงไม่ใช่ว่าล่มแล้วกระมัง แต่เมื่อคิดว่าสวี่ชิงเพิ่งจะกลับมาจากทะเล มีความเป็นไปได้สูงว่าคงไม่ออกทะเลอีก คราวนี้ถึงได้โล่งใจ แต่ก็ยังเอ่ยปากขึ้นอย่างอดไม่ได้อยู่ดี
“เอ่อ…ศิษย์น้องสวี่ ไม่เช่นนั้นเจ้าเอาเรือเวทมาให้ข้าก่อน ข้าจะไปหลอมให้เจ้า ข้าว่าเจ้าสองคนคงคุยกันไม่จบง่ายๆ”
สวี่ชิงได้ยินดังนั้นก็ประสานหมัดคารวะจางซาน เอาเรือเร็วออกมาส่งไปให้
จางซานหลังจากที่ยกมือรับขวดใบเล็กที่บรรจุเรือเวทมาโดยไม่รู้ตัว ดวงตาก็พลันเบิกกว้าง มองเรือเวทที่เสียหายไม่มีชิ้นดีอย่างอึ้งตะลึง
“เรือเวทเล่า นี่คือเรือเร็วที่ข้าใส่ให้เจ้าในเรือเวทไม่ใช่หรือ”
“แตกแล้ว” สวี่ชิงเอ่ยนิ่งสงบ จากนั้นก็หันไปถามกู้มู่ชิงเรื่องวิถียาพิษ
จางซานสูดลมหายใจ มองขวดเล็กในมือ ในใจตระหนักได้ว่า การเดินเรือออกทะเลครั้งนี้ของสวี่ชิงคงจะเจอเรื่องอันตรายจนเกือบเอาชีวิตไม่รอดเป็นแน่
เวลาสองชั่วยามก็ผ่านไปเช่นนี้เอง
จวบจนแสงอาทิตย์อัสดงสาดส่อง ความมืดบนพื้นผสานกับแสงสว่างของโลกภายนอกจนเหมือนว่าหลอมรวมอยู่ด้วยกัน สวี่ชิงจบสิ้นการสนทนาแลกเปลี่ยน และทำการซื้อขายคราบกิ้งก่าเสร็จสมบูรณ์พร้อมกับกู้มู่ชิงที่ยังพูดคุยไม่สาแก่ใจ
“ศิษย์น้องสวี่ชิง ขอบคุณการไขข้อสงสัยของเจ้ามาก วันนี้ค่อนข้างเย็นแล้ว ข้าขอลาไปก่อน วิธีที่เจ้าบอกข้าจะกลับไปลองดู แต่ว่าข้ารู้สึกว่าคงจะยากที่จะสำเร็จ ความจริงก่อนหน้านี้ข้าก็ได้ลองแล้วหลายครั้ง แต่ระดับความบริสุทธิ์ขั้นนั้นก็ทำได้เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น”
กู้มู่ชิงเอ่ยอย่างกลัดกลุ้ม
สวี่ชิงคิดดู เขาคิดว่าส่วนหนึ่งน่าจะเกี่ยวกับวิธีผสมยาที่ปรมาจารย์ไป่ถ่ายทอดให้ อีกส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะในกายตนไม่มีไอพลังประหลาดก็เป็นได้
ยามที่ตนหลอมลูกกลอนไม่เคยแผ่กระจายกลิ่นอายแปดเปื้อนใดๆ ออกมาผสมผสานไปในลูกกลอนเลย
แต่เรื่องนี้เขาย่อมไม่มีทางพูดออกไป
กู้มู่ชิงส่ายหน้า ขบคิดพลางเอ่ยลาจากไป
สวี่ชิงมองจนนางลับสายตาไป สีหน้าก็ฉายแววเลื่อมใสออกมานิดๆ การสนทนาแลกเปลี่ยนครั้งนี้เขาได้รับประโยชน์ไม่น้อยเลย ยิ่งเข้าใจในวิถียาพิษลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ในใจเกิดแนวคิดหลอมลูกกลอนพิษบางอย่างขึ้นมารางๆ
ตอนนี้เห็นกู้มู่ชิงจากไปแล้ว จางซานก็มาข้างกายสวี่ชิง ใบหน้ากลัดกลุ้ม ถอนหายใจ
“สวี่ชิง เรือเวทของเจ้า…ซ่อมยาก หินวิญญาณของข้าไม่ได้เหลือมากถึงเพียงนั้น นี่เท่ากับสร้างใหม่อีกลำเลย แพงมากเกินไป”
สวี่ชิงไม่พูดอะไร มองไปรอบๆ แล้วเอาหนึ่งในคราบกิ้งก่าคุณสมบัติเทพทั้งสามชิ้นออกมา
เสี้ยวพริบตาที่คราบกิ้งก่าปรากฏออกมา สายตาของจางซานเพียงกวาดทั้งร่างก็สั่นสะท้าน ความกลัดกลุ้มทั้งหมดหายไปในทันที ดวงตาเบิกกว้างพลางมองแสงประกายสีทองบนคราบกิ้งก่า เขาสูดลมหายใจเย็น
“นี่มัน…” เขาเพิ่งพูดถึงตรงนี้ ก็ลากสวี่ชิงพุ่งตรงไปที่คลังเก็บของของตัวเอง หลังจากที่เข้าไปเขาถึงรับคราบกิ้งก่าทะเลของสวี่ชิงมาด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
หลังจากที่ตรวจสอบอย่างละเอียดราวสำรวจของวิเศษล้ำค่าแล้ว ลมหายใจของเขาก็ยิ่งถี่กระชั้น ครู่หนึ่งก็พลันเงยหน้ามองสวี่ชิง
“คราบกิ้งก่าคุณสมบัติเทพ!
“อีกทั้งยังเป็นคราบกิ้งก่าระดับสร้างฐาน บนนี้ยังมีกลิ่นอายระดับแก่นลมปราณจางๆ ของชิ้นนี้มูลค่าสูงลิบ หากปล่อยไปข้างนอกจะต้องเกิดการฆ่าสังหารแย่งชิงมากมายแน่นอน เจ้าได้มาอย่างไร!
“แย่งมา สร้างเรือเวทใหม่พอหรือไม่” สวี่ชิงเอ่ยอย่างสงบนิ่ง
มองสีหน้าของสวี่ชิง ม่านตาจางซานหดเล็ก เขารับรู้ถึงกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นจากประโยคนี้ได้ และในที่สุดก็รู้แล้วว่าทำไมตอนไปเป็นเรือเวท ตอนกลับมาถึงกลายเป็นเรือเร็วแล้ว
“พอเหลือเฟือเลย เรือเวทที่ใช้เจ้านี่สร้างจะอยู่ในระดับที่น่าตื่นตะลึงสุดขีดแน่นอน ข้าต้องใช้เวลาเตรียมเสียหน่อย พรุ่งนี้เจ้าค่อยมาเอา!”
จางซานหันไปมองคราบกิ้งก่าคุณสมบัติเทพ ในดวงตาฉายประกายที่แรงกล้า เขารู้สึกว่า เรือเวทที่ใช้ของสิ่งนี้สร้าง จะต้องเป็นผลงานชิ้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในหลายปีที่ผ่านมานี้ของตัวเองแน่นอน
สวี่ชิงพยักหน้า แล้วหยิบเอาตั๋ววิญญาณจำนวนหนึ่งออกมา ประมาณห้าพันได้ หลังจากที่วางเขาก็คิดๆ ครู่หนึ่งก็หยิบเอาหินวิญญาณในถุงเก็บของของตัวเองออกมา วางรวมแล้วมีค่าหลายหมื่น
หินวิญญาณพวกนั้นมีจำนวนไม่น้อยที่เปื้อนเลือด
หินวิญญาณพวกนี้ทำให้ม่านตาของจางซานหดเล็กลงอีกครั้ง ใจสั่นสะท้าน สีหน้ายิ่งแปลกประหลาด ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้
“ครั้งนี้เจ้าฆ่าไปกี่คนกัน”
“ไม่เท่าไร” สวี่ชิงส่ายหน้า
“เจ้าใช้หินวิญญาณมาหลอมเรือเวทหมด ฝึกบำเพ็ญจะทำอย่างไร แล้วก็…เจ้าเชื่อใจข้าขนาดนี้เชียวหรือ” จางซานมองมาทางสวี่ชิง
“มีคนติดค้างข้าอยู่หลายพันหินวิญญาณ คืนนี้ข้าจะไปเอา ส่วนเชื่อใจ ข้าคิดว่าของของศิษย์พี่จางที่นี่รวมแล้วมากกว่าผลเก็บเกี่ยวของข้าครั้งนี้มากนัก”
สวี่ชิงเอ่ยอย่างจริงจัง ประสานหมัดโค้งคารวะจางซาน แล้วหมุนตัวจากไปอย่างเด็ดเดี่ยวไม่ลังเล
ตอนนี้ข้างนอกเป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฟ้าดินค่อยๆ มืดอับแสง จางซานมองเงาแผ่นหลังสวี่ชิงที่เดินจากไปไกล ในใจเป็นไปด้วยความสะท้อนใจ
“มีคนกล้าติดหนี้หินวิญญาณคนผู้นี้ด้วยหรือ นอกจากนั้น…ในเมื่อเชื่อใจข้าขนาดนี้ ข้าก็จะแอบยักเอาไว้ไม่ได้ ในเมื่อลงทุนกับเขาแล้ว ก็จะต้องยืนหยัดไปให้ถึงที่สุด!”
ในขณะเดียวกัน ยามพลบค่ำ ในโรงเตี๊ยมบนถนนทองผุด ชายชรากำลังสูบบ้องยาสูบอย่างมีความสุข ใบหน้าได้ใจ
“ครั้งนี้รวยแล้ว คราบกิ้งก่าระดับสร้างฐานขั้นกลาง ได้ราคาเป็นหินวิญญาณตั้งห้าพันก้อน น่าเสียดายที่เอาคราบกิ้งก่าคุณสมบัติเทพมาไม่ได้
“แต่ว่าไอ้เด็กโหดนั่นก็น่าจะลำบากอยู่เหมือนกัน ไม่แน่ว่าอาจจะมือเปล่ากลับมาก็เป็นได้
“คิดถึงว่าเขาไม่ได้อะไรเลยข้าก็มีความสุข ฮ่าๆ ไม่ได้เปิดร้านหลายวัน วันนี้จะต้องมีคนมากมายมาที่ร้านแน่ๆ เรื่องดีสองชั้นเลย”
ชายชรากำลังได้ใจ ข้างกายก็มีแรงมหาศาลกลุ่มหนึ่งพุ่งมา
เป็นงูยักษ์ตัวนั้นนั่นเอง ตอนนี้มันกระแทกใส่ชายชราเต็มเปา ส่งเสียงฟ่อๆ อย่างกรุ่นโกรธ
ชายชราถลึงตาใส่กำลังจะสั่งสอน แต่เห็นท่าทางโศกเศร้าของงูยักษ์ก็ใจอ่อน ถอนหายใจออกมา
“เฮ้อ เจ้าหนูนั่นเจ้าเล่ห์จะตาย เห็นเหตุการณ์ไม่ดีมีหรือจะไม่หนี ไม่ตายหรอกๆ”
งูยักษ์ได้ยิน อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็ยังคงเศร้าซึม ขดตัวอยู่ในหลืบ
ชายชราสงสาร เอ่ยปลอบประโลม จวบจนเมื่อท้องฟ้าข้างนอกมืดสนิทก็มีเงาร่างของแขกกำลังก้าวมาอย่างรวดเร็วจากที่ไกลๆ
“เดี๋ยวข้าจะหาขนมของว่างให้เจ้ากิน เดี๋ยวค่อยคุยกัน ต้องเปิดร้านแล้ว”
ชายชรารีบเดินออกไป มองแขกที่มาจากที่ไกลๆ ใบหน้าก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา แต่เสี้ยวพริบตาต่อมา สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปทันที
กริชที่ส่องประกายวาวแววเล่มหนึ่งพุ่งมาอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าในเสี้ยวพริบตาที่ราตรีมาเยือน พุ่งทะลุคอของคนร้ายประกาศจับที่เข้ามาในโรงเตี๊ยมของเขา แล้วตรึงเอาไว้ที่กำแพงข้างๆ
ความรุนแรงของพลังทำให้กำแพงส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
เสียงร้องน่าสังเวชดังขึ้นอย่างโหยหวนในเวลานี้เอง แล้วก็พลันเงียบลง!
มีเพียงเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นอย่างช้าเนิบจากที่ไกลๆ มาในราตรีมืดมิดนี้