ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง - บทที่ 231-2 ฟื้นคืนชีพ
บทที่ 231-2 ฟื้นคืนชีพ
หนานกงเชี่ยนโหรวผู้ซึ่งรู้จักสรรพคุณของยาคืนชีพเป็นอย่างดี ก็ทำได้เพียง ทอดถอนใจว่าสวี่ชีอันดวงดีมาก
จากที่คนในสกุลสวี่ได้ฟัง การที่ต้าหลางสามารถฟื้นคืนชีพได้ ก็เป็นเพราะยาเทวดาที่มีอิทธิฤทธิ์ช่วยฟื้นคืนชีพที่แม่นางไฉ่เวยแห่งสำนักโหราจารย์มอบให้
“แม่นางไฉ่เวยบุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก” สวี่ผิงจื้อกุมหมัดกล่าว
“ต้าหลางเป็นหนี้ชีวิตของเจ้า ต่อไปภายหน้าหากต้องบุกน้ำลุยไฟเจ้าสั่งการมาได้เลย หากเขาไม่ยินยอม อารองคนนี้จะจับตัวเขาไปให้เจ้าเอง”
ไม่ได้ทำอะไรเลย ก็ได้ชีวิตข้าไป บ้าจริง ฉู่ไฉ่เวยเป็นต้นแบบของตัวเอกสินะ… สวี่ชีอันกุมหมัดให้ความแสดงความซาบซึ้งอย่างยิ่ง
“เอาล่ะ หลิงเยวี่ย รีบประคองพี่ใหญ่ของเจ้าออกมา คนเป็นอย่านอนอยู่ในโลงนาน เดี๋ยวจะโชคร้าย” สวี่ผิงจื้ออารมณ์ดีมาก
“อืม” สวี่หลิงเยวี่ยขานรับ แต่ไม่ได้ช่วยประคองพี่ใหญ่ทันที กลับช่วยเขาแกะชิ้นเนื้อแห้งกรังบนใบหน้าของเขาทีละชิ้น
หลังจากแกะชิ้นเนื้อบนใบหน้าและศีรษะออกแล้ว สวี่ชีอันก็รู้สึกเย็นที่หน้าผาก ใจเต้นโครมครามขึ้นมาทันที แย่แล้ว เส้นผมสลวยที่เลี้ยงมายี่สิบปีถูกทำลายไปภายในวันเดียว
ทันใดนั้น เขาก็พบว่าสวี่หลิงเยวี่ยกำลังมองหน้าเขาอย่างหลงใหล
“เกิดอะไรขึ้นกับหน้าข้า” สวี่ชีอันรู้สึกใจเสีย รีบลูบใบหน้าของเขาตัวเองทันที
ใบหน้างามของสวี่หลิงเยวี่ยแดงก่ำ ก้มหน้าไม่พูดไม่จา
สวี่ชีอันจึงต้องก้าวออกจากโลงศพเอง หันหน้าไปทางฮว๋ายชิ่ง หนานกงเชี่ยนโหรวและคนอื่นๆ จากนั้น ก็เห็นได้อย่างชัดว่าพวกเขาต่างกำลังตกตะลึง
สวี่ชีอันที่อยู่ตรงหน้านี้ โครงหน้าสมบูรณ์แบบ มีความเข้มแข็งสมชายชาตรี คิ้วหนา จมูกโด่ง ดวงตาสดใส ส่วนโค้งและรูปลักษณะของริมฝีปากกำลังพอดี
รูปหน้าไม่เปลี่ยน แต่ดูดีและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
‘นี่ นี่คือเด็กที่ข้าเลี้ยงมาจนโตหรือนี่’ ริมฝีปากแดงฉ่ำของอาสะใภ้เผยอออกเล็กน้อย จ้องมองสวี่ชีอันอย่างไม่อยากจะเชื่อ
หนานกงเชี่ยนโหรวทำเสียง ‘เชอะ’
ฉู่ไฉ่เวยที่ยังไม่รู้จักความรักก็อดมองอยู่หลายครั้งไม่ได้ รู้สึกว่าหลังจากฟื้นคืนชีพ สวี่หนิงเยี่ยนหน้าตาดีขึ้นกว่าเดิม
สายตาขององค์หญิงฮว๋ายชิ่งชะงักอยู่บนใบหน้าของเขาหลายวินาที จากนั้นจึงเบือนพระพักตร์หนีเล็กน้อย หลบสายตาเหมือนหลอกตัวเอง
“พี่ใหญ่หล่อจังเลย” สวี่หลิงอินพูดด้วยความดีใจ แม้ว่าพี่ใหญ่จะไม่อุ้มนาง แต่ความรักของนางที่มีต่อพี่ใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
“ตอนหนุ่มๆ ข้าก็หล่อแบบนี้แหละ” อารองสวี่พูดด้วยความดีใจ
พูดจบ ก็เห็นคนทั้งครอบครัวจ้องมองตนเองอย่างเงียบขรึม อารองสวี่รู้สึกเก้อเขินขึ้นมาทันที แล้วกล่าวเสริมว่า“ใกล้เคียงกัน ใกล้เคียงกันไง…”
“ต้าหลางยังไม่ตายหรือ”
ในบรรดาสมาชิกตระกูลสวี่ มีชายชราสูงวัยคนหนึ่ง ตะโกนมาจากระยะไกล
อารองสวี่รีบเดินเข้าไปหา บอกเล่าข่าวดีเรื่องการฟื้นคืนชีพของสวี่ต้าหลาง พร้อมต้นสายปลายเหตุ
จากนั้นคนในตระกูลสวี่จึงรู้ว่าที่แท้ไม่ใช่ศพคืนชีพ สวี่ต้าหลางยังไม่ตายตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะยาวิเศษที่เป็นยาคืนชีพของสำนักโหราจารย์ช่วยชีวิตเขาไว้
คนทั่วไปในเมืองหลวงคุ้นเคยกับสำนักโหราจารย์ดี ร้านขายยาและโรงหมอหลายแห่งในเมืองล้วนเป็นกิจการของสำนักโหราจารย์ เพื่อบำเพ็ญตน โหรระดับเก้ามักจะไปรักษาคนไข้ที่โรงหมอบ่อยๆ ฝีมือในการรักษานั้นยอดเยี่ยมและราคาถูก
หลังจากอธิบายจบ อารองสวี่ก็ดึงตัวสวี่ชีอันมาคารวะผู้อาวุโส คนในตระกูลสวี่ต่างก็ดีใจเช่นกัน ลูกหลานในตระกูลฟื้นคืนชีพนั้นเป็นเรื่องสิริมงคลที่น่ายินดีอยู่แล้ว นอกจากนี้ เมื่อได้รับรู้ถึงศักยภาพและความสัมพันธ์ของสวี่ชีอัน คนในตระกูลย่อมหวังว่าเขาจะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
ทันใดนั้น งานศพก็เต็มไปด้วยบรรยากาศของความสุขขึ้นมาทันที
หลังจากปลอบขวัญคนในตระกูลแล้ว สวี่ชีอันก็ได้ส่งฆ้องทองคำทั้งสองคน ส่งฉู่ไฉ่เวย ส่งองค์หญิงฮว๋ายชิ่งกลับไป จากนั้นก็หันหลังกลับไปที่ห้องอาบน้ำ
คนในตระกูลสวี่อยู่ในจวนสกุลสวี่ต่อ เพื่อช่วยปลดของประดับในงานศพออก
…
เติมน้ำลงถังอาบน้ำจนเต็ม สวี่ชีอันใช้มือทั้งสองข้างยึดเกาะขอบถังอาบน้ำ มองใบหน้าที่สะท้อนอยู่ในน้ำ
หล่อแฮะ แบบนี้ค่อยสมกับเป็นตัวแทนของข้าหน่อย แม้ว่าจะยังต่างกับตัวข้าในชาติก่อนอยู่บ้างก็เถอะ สวี่ชีอันชมเปาะ ตัวเขาเวลานี้ หน้าตายังคงเหมือนเดิม เพียงแต่ดูดีและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น รูปหน้าเฉียบคม
สวี่ชีอันเอนกายอยู่ในน้ำเย็น รู้สึกสบายจนถึงกับร้องครางออกมา หลังจากนั้นก็ลูบหัวล้านของตัวเองด้วยความเสียดาย
เวลานี้ แมวสีส้มตัวหนึ่งเปิดประตูออก เยื้องย่างอย่างสง่างาม กระดกหาง เดินเข้ามาในห้องน้ำ
“จุ๊จุ๊ ได้ยินมาว่า ประสิทธิภาพของยาคืนชีพนั้นไม่ธรรมดา วันนี้ได้เห็นกับตานับว่าสมคำร่ำลือจริงๆ ทำให้คนธรรมดาอย่างเจ้า กลายเป็นคนองอาจผ่าเผยได้”
ที่แท้ในใจของท่านนักบวช ยังเห็นข้าเป็นแค่ฆ้องทองแดงธรรมดาๆ เท่านั้นเอง…สวี่ชีอันรู้สึกเสียใจเล็กน้อย จึงพูดไปว่า
“ท่านนักบวชติดนิสัยที่ไม่ดีของแมวมาแล้ว”
“อย่าใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เลย” นักบวชเต๋าจินเหลียนยกกรงเล็บขึ้นมา แล้วตบลงบนพื้น
แมวสีส้มกระโดดขึ้นไปนั่งบนตั่งที่ใช้สำหรับวางเสื้อผ้าสะอาด ซึ่งตั้งอยู่ข้างถังอาบน้ำ แล้วพูดภาษาคนว่า
“ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะพลีชีพเพื่อหน้าที่ตั้งแต่แรกแล้ว วันนี้ได้ข่าวว่าเจ้าตาย จึงได้มาดู เป็นจริงดั่งคาด แม้ว่าร่างกายจะไร้พละกำลัง แต่เห็นได้อย่างชัดเจนว่าจิตเดิมมีความแปรปรวนเล็กน้อย”
ความแปรปรวนเล็กน้อยของจิตเดิมนี้ ทหารรับรู้ไม่ได้ มีเพียงสาวกของผู้ฝึกพลังหยินเท่านั้นจึงจะสามารถสังเกตเห็น
“ข้าจะช่วยเจ้า เพื่อให้จิตเดิมของเจ้ากลับคืนสู่สภาพปกติโดยเร็วที่สุด ”
“ขอบคุณท่านนักบวช”
สวี่ชีอันขอบคุณเขาอย่างจริงใจ ถ้าไม่ใช่เพราะท่านนักบวชเหยียบย่ำอย่างไม่ปรานี และเหาะขึ้นไปร้องเรียกจนสุดเสียง แม้เขาจะฟื้นคืนชีพมาได้ก็ไม่มีความหมายอะไรเลย
แน่นอนว่าสวรรค์ย่อมช่วยคนดี และคนที่เพียบพร้อมย่อมได้รับการคุ้มครองจากสวรรค์
“แต่เมี่ยวเจินบอกว่าจิตเดิมของเจ้าไม่มีความแปรปรวนแม้แต่น้อย และตายอย่างกระจ่างชัดมาก” นักบวชเต๋าจินเหลียนกล่าว
กระจ่างชัด ใช้ในลักษณะนี้หรือ สวี่ชีอันไตร่ตรอง
“ระหว่างทางจากอวิ๋นโจวกลับเมืองหลวง ข้าไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย และเพิ่งจะรู้สึกตัวอย่างมึนงงเมื่อคืนนี้เอง”
ความหมายของเขาก็คือ ความแปรปรวนของจิตเดิมเพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้และเป็นลางของการฟื้นคืนชีพ
นักบวชเต๋าจินเหลียนพยักหน้า ก้มศีรษะ กรงเล็บกดอยู่บนเศษของหนังสือปฐพี แล้วทำเสียง ‘จุ๊จุ๊’ “เว่ยเยวียนไม่ได้นำเศษของหนังสือปฐพีคืนไปจริงๆ ด้วย”
เว่ยเยวียนกำลังล่อเหยื่อหรือ สวี่ชีอันตกตะลึง แล้วฟังนักบวชเต๋าจินเหลียนพูดต่อ
“แต่ว่า การที่ให้เจ้าเข้าร่วมพรรคฟ้าดิน สำหรับเขาแล้วเป็นเพียงการวางหมากตัวหนึ่งเท่านั้น นักวางแผนที่ดี ต้องวางแผนมองการณ์ไกล หลังจากที่เจ้าตายไปแล้ว เขาอาจจะรู้สึกท้อแท้ และไม่อยากจะเข้าไปพัวพันกับเรื่องของพรรคฟ้าดินอีก เศษของหนังสือปฐพีจะถูกฝังไปพร้อมกับเจ้าก็ดี หรือถูกข้าเอาไปก็ดี ล้วนไม่มีความหมาย”
ท่านนักบวชกับเว่ยเยวียนต่างรู้ใจกันจริงๆ ด้วย แต่มาเปิดโปงว่าข้าเป็นคนทรยศสองหน้าต่อหน้าข้าแบบนี้ ข้าก็เขินแย่… สวี่ชีอันยิ้มแหย
“จริงสิ เรื่องที่ข้าฟื้นคืนชีพ อย่าเพิ่งบอกหลี่เมี่ยวเจินได้หรือไม่” สวี่ชีอันดีดน้ำกระเซ็นเป็นฝอย
นักบวชเต๋าจินเหลียนจ้องมองเขาด้วยดวงตาแมวสีเหลืองอำพัน “ซื่อสัตย์หน่อยไอ้หนุ่ม”
บ้าเอ๊ย ใครบ้างที่ไม่เคยที่ไม่เคยคุยโวบนอินเทอร์เน็ต… เมื่อก่อนตอนที่ข้ากำลังบ้าเว็บจือฮู ก็มักจะชอบปลอมตัวเป็นคนที่มีการศึกษาสูง คำพูดติดปากก็คือ ขอบคุณที่เชิญ ตอนนี้อยู่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพิ่งลงจากเครื่องบิน
สวี่ชีอันยิ้มแหยๆ อีกครั้ง นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอวิ๋นโจว จึงถามว่า “ท่านนักบวช เบื้องหลังของคดีอวิ๋นโจวมีร่องรอยว่ามีโหรมีส่วนร่วมด้วยและอย่างน้อยก็เป็นโหรระดับสาม ท่านรู้จักสำนักโหราจารย์มากเพียงใด”
เขาเล่าเรื่องโหรลึกลับในคดีอวิ๋นโจวให้นักบวชเต๋าจินเหลียนฟัง
นักบวชเต๋าจินเหลียนเข้าใจความหมายของสวี่ชีอันทันที จึงพึมพำว่า “สำนักโหราจารย์มีโหรระดับสามเพียงคนเดียว ชื่อซุนเสวียนจี”
“แต่ข้าคิดว่าโหรที่ลงมือที่อวิ๋นโจวไม่ใช่เขา แต่เป็นคนอื่น”
“ใครหรือ” สวี่ชีอันรีบซักไซ้ทันที
นักบวชเต๋าจินเหลียนเหลือบมองเขา “เจ้าคิดว่าข้าจะรู้หรือ”
…แล้วจะมีท่านไว้ทำไม สวี่ชีอันยิ้มแล้วพูดว่า “ในใจของข้า ท่านนักบวชเป็นผู้อาวุโสที่ฉลาดเฉียบแหลม มีความรู้ทั้งด้านดาราศาสตร์และภูมิศาสตร์มาโดยตลอด”
นี่เป็นอุบายแบบเก่า
นักบวชเต๋าจินเหลียนส่ายหัว แล้วพูดแก้ว่า “ผู้ที่มีความรู้ด้านดาราศาสตร์คือโหร และผู้ที่มีความรู้ด้านภูมิศาสตร์คือปราชญ์แห่งสำนักขงจื้อ”
“แต่ว่า ท่านโหราจารย์จะต้องรู้ประวัติของโหรผู้นั้นอย่างแน่นอน เพียงแต่ความคิดของตาเฒ่าคนนี้ ไม่มีใครสามารถเดาได้”
หลังจากพูดจบ นักบวชเต๋าจินเหลียนก็มองสำรวจสวี่ชีอัน ทำเสียง ‘จุ๊จุ๊’ แล้วกล่าวว่า “เลือดลม และพลังปราณเพิ่มขึ้นหลายเท่า ดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ตัวเจ้าเวลานี้ เมื่อเทียบกับตอนที่ไปจากเมืองหลวง ก้าวหน้าไปไกลเหลือเกิน ประสิทธิผลของยาคืนชีพไม่ธรรมดาเลย”
‘แต่ว่าราคาแพงไปหน่อย…’ นักบวชเต๋าจินเหลียนคิดอย่างเสียดาย
“โชคดีเท่านั้นๆ เวลาเพียงสามเดือนก็ก้าวสู่ระดับหลอมวิญญาณได้ ข้ายังโง่เขลานัก ยังโง่เขลานัก” สวี่ชีอันกล่าวอย่างถ่อมตัว
…เจ้าแมวสีส้มหันหน้าแล้วเดินจากไป ทิ้งคำพูดไว้ประโยคหนึ่งว่า “ไปพบเว่ยเยวียนเถิด กระดูกเหล็กผิวทองแดง ต่อให้เจ้ายอมสิ้นเนื้อประดาตัวก็ซื้อไม่ได้ แต่เขาให้เจ้าได้”
หลังจากอาบน้ำเสร็จ และเปลี่ยนเสื้อผ้าที่แห้งสบาย แล้วสวี่ชีอันก็ควบม้าออกจากจวน ตรงไปที่ที่ทำการหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล
……………………………………………………